Epoch of Twilight จบแล้วอ่านฟรี - ตอนที่ 593: ตอนจบ
ตอนที่ 593: ตอนจบ
โลก, ระบบสุริยะ
ที่ไหนสักแห่งภายในป่าอุทยานใจกลางเมืองแห่งความหวัง ต้นไม้เก่าแก่ยืนสูงตระหง่านอยู่, มืด, และเงียบสงบ มีนักท่องเที่ยวเยอะพอสมควรที่เดินช้า ๆ ไปตามเส้นทางของป่าเพื่อค้นหาความลับที่ซ่อนอยู่ และบางครั้งก็เริ่มพูดคุยกันเล็กน้อย
ในขณะเดียวกันในสถานที่ห่างไกลของป่า วัตถุลึกลับบินร่อนลงสู่พื้น รูปร่างเหมือนมนุษย์ปรากฏขึ้นทันทีจากอากาศที่เบาบาง และตามด้วยฝุ่นจำนวนมากที่กลายเป็นไอซึ่งเป็นที่ที่ร่างนั้นยืนอยู่
หลังจากขยับร่างกายของเขานิด ๆ หน่อย ๆ แล้วมองไปรอบๆ ด้วยสายตาที่เย็นชา เขาก็รีบเดินไปตามเส้นทางของป่า
คู่รักคู่หนึ่งกำลังจีบกันด้วยน้ำเสียงกระซิบกระซาบ แต่เมื่อพวกเขาเงยหน้าขึ้นทันทีนั้นพวกเขาก็เจอกับบุคคลอื่น พวกเขายิ้มทันทีและขออภัยในความเลินเล่อ แต่บุคคลนั้นไม่แม้แต่จะมองพวกเขาทั้งคู่ในขณะที่เขาเดินจากไป
สาวสวยพูดขึ้นทันทีว่า "คนนั้นหยาบคายมาก ! "
หลังจากไม่ได้รับการตอบสนองใด ๆ จากคู่ของเธอ เธอก็ถามขึ้นในขณะที่เขาทำหน้านิ่วขมวดคิ้ว "มีอะไรผิดปกติรึ ? อย่าบอกนะว่าคุณกำลังคิดเรื่องงานอยู่ตอนนี้ ? คุณไม่เคยมีวันหยุดพักผ่อนเลยนะ คุณก็แค่นั่งและผ่อนคลายไม่ได้รึไง ? "
"ไม่ ! นี่ไม่ได้เกี่ยวกับงานของฉัน คุณไม่รู้สึกเหรอว่าคนเมื่อกี้ดูคุ้น ๆ ชะมัด ? " ชายหนุ่มได้สติและตอบกลับ
"เอ๊ะ เดี๋ยวนะคุณเอ่ยถึงมัน เขาดูค่อนข้างคุ้น ๆ .." สาวสวยคนนั้นตอบด้วยความตกใจ "ฉันเคยเห็นใบหน้านั้นที่ไหนมาก่อน ! "
ในขณะนี้ทั้งคู่มองสบตากันอย่างแปลกใจแล้วแหกปากขึ้นว่า
"ประธานาธิบดีลู่ ! "
"เร็ว ค้นหาในเน็ต ! "
ด้วยความสงสัยในใจ พวกเขาทั้งสองเข้าสู่อินเทอร์เน็ตและในทันทีก็พบภาพของประธานาธิบดีลู่ แต่น่าเสียดายสิ่งที่พวกเขาพบไม่ใช่ภาพของประธานาธิบดีลู่ แต่เป็นภาพวาดและรูปปั้นของเขา
“เขาดูคล้ายกันแค่ 60 – 70 เปอร์เซ็นต์ หน้าผากของประธานาธิบดีลู่กว้างกว่ามาก เขามีคุณสมบัติของผู้นำ ดูที่งานศิลปะนี้สิที่ประธานาธิบดีลู่นำมนุษย์ที่สิ้นหวังเพื่อสร้างอารยธรรมของพวกเขาขึ้นใหม่ แค่คุณสมบัติของบุคคลทั้งสองนั้นก็มากพอที่จะเห็นความแตกต่าง เมื่อมองเช่นนี้เขาจะทำให้ชื่อของประธานาธิบดีลู่มัวหมองแน่นอน" หญิงสาวคนนั้นพูดด้วยความรังเกียจ
…
คนลึกลับนั้นเดินผ่านประตูพับอวกาศแล้วเดินเข้าไปในอุทยาน จากนั้นเขาก็มองไปในเขตเมืองหลวงและในที่สุดเขาก็มองเห็นเงาที่แตกต่างออกไปในสายตาของเขา
ขนาดของเขตเมืองหลวงทั้งหมดได้ถูกขยายและขยายออกไปเรื่อย ๆ แค่บริเวณด้านหน้าของเขตเมืองหลวงอย่างเดียวก็เกินพื้นที่ผิวโลกแล้ว ด้วยการนำเทคนิคการพับอวกาศมาใช้อย่างกว้างขวาง วิธีการเดินทางมาตรฐานจึงล้าสมัยอย่างสิ้นเชิง
ในเวลาเดียวกันเทคนิคการเก็บเกี่ยวพลังงานมืดก็ได้เข้ามาแทนที่นิวเคลียร์ฟิวชั่นที่มีประสิทธิภาพต่ำ
เขาสามารถรู้สึกได้ถึงการใช้พลังงานของทั้งเมืองในปริมาณที่สูงมากในแต่ละครั้งและทุกช่วงเวลาที่ผ่านไป ทำให้เขารู้สึกว่าเขาไม่ได้ยืนอยู่บนพื้นผิวของดาวเคราะห์ที่เขาเคยรู้จัก แต่อยู่บนแกนกลางของดวงอาทิตย์
อย่างไรก็ตามในฐานะคนที่สามารถโจมตีฐานที่เป็นบ้านของ Pangurians ได้ ทั้งหมดเหล่านี้จึงจุดประกายความสนใจของเขาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
เมื่อเทียบกับชาว Pangurians ที่ต้องย้ายอารยธรรมทั้งหมดของพวกเขาไปสู่มิติที่สี่ และสามารถจัดการกองยานรบสี่มิติได้สิ้นซากด้วยแล้ว โลกก็ไม่ได้อยู่ห่างไกล นับตั้งแต่มนุษย์เข้ายึดครองเทคโนโลยีของ Pangurian ช่องว่างขนาดใหญ่ระหว่างความแตกต่างทางเทคโนโลยีของอารยธรรมทั้งสองก็พัฒนาขึ้นภายในเวลาเพียง 2,000 ปีเท่านั้น แต่กระนั้นมันก็ยังไม่ใช่สิ่งที่จะขยับเข้าใกล้มากขึ้นในกรอบเวลาเล็กน้อยเช่นนี้
ถึงกระนั้นมันก็มากเกินพอที่จะดูถูกดูแคลนทั่วทั้งกาแล็กซีได้
ในขณะที่บุคคลลึกลับนี้กำลังสอดแนมเมืองหลวงของมนุษย์อยู่ ใครจะคาดเดาได้ว่าในขณะนั้นหุ่นยนต์ตำรวจหุ้มเกราะสูง 3 เมตรจำนวนหนึ่งพร้อมกับดวงตาสีแดงที่เปล่งประกายจู่ ๆ จะลงมาจากอากาศและรายล้อมบุคคลลึกลับนี้ไว้
"คำเตือน ! คำเตือน ! ผู้บุกรุก ยกมือขึ้น ! คุณกำลังถูกจับกุม ! "
คนที่กำลังเดินอยู่ในบริเวณใกล้เคียงรีบถอยออกไปอย่างรวดเร็วในทุกทิศทางหลังจากเห็นสถานการณ์
พวกมันเป็นหุ่นยนต์สีขาวเงินที่ไม่มีช่องว่างหรือจุดตำหนิ แม้แต่ข้อต่อของหุ่นยนต์นั้นก็ไร้รอยต่อ อย่างไรก็ตามพวกมันไม่ได้ทำมาจากโลหะเหลว แต่เป็นรูปแบบของโลหะวิกฤติที่มีความยืดหยุ่นสูงพร้อมกับที่บรรจุพลังงานมืดซึ่งให้พลังงานอันมหาศาล โลหะนี้มีความแข็งกว่าเพชรนับพันเท่า แต่มันยังสามารถขยับข้อต่อได้เป็นธรรมชาติ
โดยไม่ต้องสงสัย บุคคลลึกลับนั้นคือลู่หยวน พูดให้ชัดก็คือ เขาเป็นโคลนนิ่งที่ไม่ได้มีความโดดเด่นอะไรของลู่หยวน เมื่อเทียบกับตัวตนที่แท้จริงของเขาที่เข้าสู่มิติที่สี่อย่างสมบูรณ์แล้ว ร่างกายของโคลนนิ่งนี้เป็นเพียงมนุษย์ธรรมดา กับสมองของมนุษย์ทั่ว ๆ ไป ความแตกต่างเพียงอย่างเดียวคือพลังจิตของโคลนนิ่งนั้นมีอานุภาพมากกว่ามนุษย์ทั่ว ๆ ไปเล็กน้อย
แม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่ได้คาดคิดว่าเขาจะถูกพบเกือบจะในทันทีหลังจากมาถึง
อย่างไรก็ตามหลังจากที่เขาคิดเล็กน้อย มันก็แจ่มแจ้ง
ในฐานะที่เป็นฐานบ้านของมนุษย์ มันเป็นธรรมดาที่จะมีการเฝ้าระวังอย่างเต็มที่พร้อมกับอุปกรณ์ตรวจจับสำหรับการเปลี่ยนแปลงในมิติและพลังงานทุกประเภท
เมื่อเขามาถึงดูเหมือนว่าจะไม่มีการตื่นตัวมากนัก เนื่องจากเขาส่งผลกระทบในขอบเขตที่จำกัดเมื่อเขามาถึง อย่างไรก็ตามเช่นเดียวกับแมลงที่ถูกจับโดยใยแมงมุมหรือหยดน้ำที่ตกลงไปในทะเลสาบอันเงียบสงบ สิ่งเหล่านี้จะทำให้เกิดปฏิกิริยาลูกโซ่ได้อย่างง่ายดาย ปฏิกิริยาเหล่านั้นมีมากเกินพอที่จะทำให้ระบบตรวจจับที่มีความละเอียดอ่อนตรวจพบพวกมันถ้าหากมีสิ่งผิดปกติ
นอกจากนี้กับการมีอยู่ทั่วไปทุกหนทุกแห่งของระบบเฝ้าระวังของปัญญาประดิษฐ์ ผู้บุกรุกที่ลึกลับอย่างเขาก็ย่อมไม่มีที่ไหนเลยให้ซ่อนตัวเมื่อเขาถูกคัดกรองจากระบบนั้น
"คำเตือน ! คำเตือน ! ผู้บุกรุก ยกมือขึ้น ! คุณถูกจับกุม ! " จำนวนของหุ่นยนต์ตำรวจที่ลงมาก็เพิ่มมากขึ้นเมื่อเวลาผ่านไปและค่อย ๆ ล้อมกรอบเขาไว้
หลังจากที่เห็นว่าการเคลื่อนไหวในบริเวณนั้นเริ่มเหนือกว่า ลู่หยวนก็อดถอนหายใจไม่ได้ก่อนที่เขาจะยกมือขึ้นอย่างรวดเร็ว
ด้วยพลังของเขาเขาสามารถแก้ไขปัญหาที่เขากำลังเผชิญอยู่นี้ได้อย่างง่ายดาย ไม่ต้องพูดถึงตัวตนที่แท้จริงของเขาในมิติที่สี่… ต่อให้เขาถูกควบคุมตัวไว้และใช้พลังของเขาเพียงหนึ่งในล้านล้านเท่านั้น แต่มันก็ยังมากเกินพอที่จะจัดการปรับประวัติของระบบเฝ้าระวังของปัญญาประดิษฐ์ทั่วทั้งเมืองเสียใหม่พร้อมกับความทรงจำของทุกคน
อย่างไรก็ตามการแผ่รังสีที่เกิดจากการลงมาจากมิติจะทำให้ผู้ที่ยืนดูเหตุการณ์เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก
…
"คุณมาจากอารยธรรมใด ? "
นอกห้องกักกันที่สามารถทนต่อการระเบิดของระเบิดนิวเคลียร์ได้ เจ้าหน้าที่ระดับสูงสองสามคนจากกรมตำรวจมองผู้บุกรุก พวกเขาทุกคนมีสีหน้าที่เคร่งขรึม เหตุการณ์นี้ได้เขย่าเบื้องบน ในฐานะที่เป็นเจ้าเหนือหัวของกาแล็กซี โลกได้ถูกบุกรุกโดยบุคคลลึกลับ ! ข่าวนี้เป็นเรื่องน่าขันและมันร้ายแรงสำหรับพวกเขาในการค้นหาความจริง
"มนุษย์…" ลู่หยวนที่นั่งอยู่ในห้องกักกันตอบอย่างใจเย็น
"พูดความจริงมา อย่าได้ขัดขืนพวกเรา แม้การปลอมตัวของคุณจะดีมาก เราได้พบเบาะแสแล้ว ไม่มีอะไรที่เราไม่สามารถทำได้ในกาแล็กซีนี้ต่อให้คุณจะมีร่างกายของมนุษย์ก็ตาม"
ลู่หยวนยังคงมีสีหน้าที่ไร้ความรู้สึก
ตำรวจคนนั้นยังคงข่มขู่เขาและถามว่า "ชื่ออะไร ?"
"ลู่หยวน ! "
"หุบปาก ! "
"ระยำเอ้ย ! "
"นี่คุณกล้าล้อเลียนประธานาธิบดีลู่หรือไง ? ฉันจะพูดให้ชัดเจนสำหรับคุณนะ นั่นจะเป็นการทำสงครามกับมนุษย์ ! "
…
สองสามคนนั้นที่เป็นเบื้องบนในกรมตำรวจโกรธทันที แม้ว่าจะมีความโกรธในใจของพวกเขาไม่มากก็ตาม นี่คือความถูกต้องทางการเมืองเป็นหลัก เนื่องจากพวกเขาจะต้องพร้อมใจกันต่อต้านศัตรู
ปัจจุบันภาพของลู่หยวนได้ถูกจารึกไว้ในใจของมนุษย์จนเป็นตำนานมานานแล้ว ตั้งแต่ระดับก่อนวัยเรียนจนถึงระดับประถม ตั้งแต่ระดับประถมจนถึงระดับมัธยมตอนต้น และจากระดับมัธยมตอนต้นไปจนถึงระดับมัธยมตอนปลาย ทุกคนเติบโตขึ้นมาพร้อมกับมรดกและเรื่องราวของลู่หยวน
มันเห็นได้ชัดจากสถิติบางอย่างตลอด 2,000 ปีที่อาณาจักรมนุษย์ได้สร้างภาพยนตร์ประมาณ 5,000 เรื่องที่ลู่หยวนเป็นตัวเอกหลัก ซึ่งได้แปลภาพยนตร์ประมาณ 2 เรื่องเป็นประจำทุกปี
สำหรับภาพวาดของลู่หยวนนั้น มีอยู่ในหน่วยงานกว่า 100 ล้านหน่วยที่กระจายอยู่ทั่วทุกฝ่ายบริหารงานของรัฐ สถาบันการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ สถาบันการศึกษา และพิพิธภัณฑ์ต่าง ๆ
รูปปั้นของเขามีจำนวนมากกว่าหนึ่งล้านชิ้น โดยทั่วไปจะมีรูปปั้นลู่หยวนมากกว่า 1 แห่งในทุกเมือง
ด้วยอิทธิพลที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ การล้อเลียนลู่หยวนก็เหมือนกับว่าคุณกำลังสบประมาทอาณาจักรมนุษย์ทั้งหมด
…
ในตอนเช้าของวันที่สอง ภายในสำนักงานของประธานาธิบดีลู่เย่าซู (Luo Yaozu) ของอาณาจักรมนุษย์ ทันใดนั้นโทรศัพท์ที่มาจากกรมตำรวจก็ดังขึ้น
"อะไรนะ หายตัวไป ? ! ”
"หายไปได้ยังไง ? "
"ค้นหาบริเวณนั้นอีกครั้ง ! ค้นหาให้เต็มที่อีกครั้ง ! "
…
ลู่เย่าซูกระแทกโทรศัพท์ด้วยความโกรธและจากนั้นก็โทรศัพท์ไปหาทหารทันที มนุษย์ได้เริ่มควบคุมกาแล็กซีทั้งหมดแล้ว ไม่ต้องพูดถึงฐานบ้านของพวกเขา – ระบบสุริยะ เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่ามีสิ่งมีชีวิตที่สามารถทำอะไรก็ได้ที่เขาพอใจ
'เขาคิดว่านี่เป็นห้องน้ำสาธารณะหรือไง ? '
ลู่เย่าซูนั่งอยู่ครู่หนึ่งและสงบสติอารมณ์ลงก่อนที่เขาจะเปิดวิดีโอของชายลึกลับนั้น ในขณะที่เขาเฝ้าดู สีหน้าของเขาก็ค่อย ๆ เริ่มเคร่งขรึม เพราะผู้บุกรุกรายนี้สามารถเอาชนะการเฝ้าระวังในระดับสูงสุดของมนุษย์ได้และหายตัวไป สิ่งเดียวที่เหลืออยู่ในห้องกักกันนั้นคือมวลที่ยุ่งเหยิงของสภาวะควอนตัม
ลู่เย่าซูไม่ได้ใส่ใจกับชีวิตหรือความตายของผู้บุกรุกนั้น ท้ายที่สุดแล้วเขามีความกังวลเกี่ยวกับอารยธรรมที่อยู่เบื้องหลังเขามากกว่า ถ้าทุกคนเป็นเหมือนผู้บุกรุกรายนั้น เขากลัวว่าในที่สุดมนุษย์จะได้พบกับคู่แข่งของพวกเขา ต่อให้เทคโนโลยีของพวกมันจะอ่อนแอกว่าของมนุษย์ แต่ก็ยากที่พวกเขาจะจัดการกับความสามารถนั้นเพียงอย่างเดียว
เขาดูวิดีโอซ้ำ ๆ หลายครั้งและพบว่าผู้บุกรุกรายนี้ยังคงสงบในขณะที่มีสีหน้านิ่งเฉยตลอดกระบวนการ ไม่เห็นแม้อารมณ์เดียวบนสีหน้าของเขา สิ่งนี้ทำให้ลู่เย่าซูรู้สึกราวกับว่าคนนั้นไม่ได้ถูกกักขัง แต่กลับเป็นเหมือนวัตถุเหนือธรรมชาติบางอย่างที่มองเห็นสิ่งมีชีวิตทุกอย่างราวกับพระเจ้า – อยู่ทั่วไปทุกหนทุกแห่ง และเป็นอิสระ!
การแสดงออกนั้น…
ลักษณะเหล่านั้น…
ทันใดนั้นลู่เย่าซูก็สังเกตเห็นบางอย่าง สายตาของเขาจับจ้องอยู่ที่ผู้บุกรุกเพื่อมองอย่างละเอียดถี่ถ้วน และในทันทีทันใดนั้นเขาก็สั่นสะท้านลงไปถึงกระดูกสันหลังของเขา สะเทือนไปทั่วร่างกายของเขา
สมองของเขาภายใต้จิตสำนึกได้นำวิดีโอในส่วนของการซักถามเมื่อคืนที่ผ่านมาออกมา
"คุณมาจากอารยธรรมใด ? "
"มนุษย์ ! "
"ชื่ออะไร ? "
"ลู่หยวน ! "
ครั้งแรกที่เขาได้ยินคำตอบนั้น มีความโกรธอยู่ทั่วใบหน้าของเขา
อย่างไรก็ตามในตอนนี้อาการสั่นสะท้านเล็กน้อยได้ปกคลุมไปทั่วร่างกายของเขา แม้กระทั่งหนังศีรษะของเขาก็ค่อนข้างชาจากความเย็นเยือกนั้น
"นี่…"
"นี่…นี่มันเป็นไปไม่ได้ ! "
เขายืนขึ้นทันทีและรีบค้นหาชุดคลิปวิดีโอเก่า ๆ ของครอบครัวเขาทันที มันเป็นวิดีโอของครอบครัวสามคนที่กำลังออกไปในโลกเสมือนจริงสมัยก่อน
รูปร่างของผู้ชายดูเหมือนกับคนในวิดีโอที่ถูกซักถามนั้นเป๊ะ ที่สามารถจำแนกความแตกต่างได้ เขายิ้มอย่างอ่อนแรงในขณะที่มองเด็กชายตัวเล็ก ๆ ที่สุภาพและส่งอาหารให้เขาอย่างเคารพยำเกรง
เด็กชายตัวเล็กนั้นไม่ใช่คนอื่นนอกจากบรรพบุรุษรุ่นที่สองของลู่เย่าซู !
ในขณะที่ผู้ชายคนนี้…คือต้นกำเนิดของแซ่ของเขา…
"สุดยอด… บรรพบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ ! " เขาอดตะโกนออกมาไม่ได้ จากนั้นเขาก็ตบแก้มด้วยแรงทั้งหมดของเขาในขณะที่สีหน้าของเขาดูเหมือนกับความตาย
แม้แต่ในความฝันที่บ้าบอที่สุดของเขา เขาก็ไม่เคยคิดเลยว่าจะมีวันหนึ่งที่เขาจะกักขังบรรพบุรุษของเขา !