Epoch of Twilight จบแล้วอ่านฟรี - ตอนที่ 575: แกนผลึกพลังงานอันที่สาม
ตอนที่ 575: แกนผลึกพลังงานอันที่สาม
ก่อนที่ฝนจะค่อย ๆ หยุดลง พายุฝนได้ตกลงมาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลากว่าสองเดือน หลังจากที่มันผ่านไปพื้นที่สำคัญทางตอนเหนือของโลกก็เริ่มมีสภาพอากาศที่แจ่มใส
น้ำแข็งละลาย, น้ำท่วมลดลง, และพืชก็เริ่มงอกงาม
พลังชีวิตที่ไม่ย่อท้อของพืชแน่นอนว่าเป็นสิ่งที่ต้องคำนึงถึง
แม้หลังจากอยู่ในสภาพเป็นน้ำแข็งมานานกว่าสองสามทศวรรษ น้ำแข็งก็ไม่ได้ทำลายพลังของพวกมัน แม้ว่ากิ่งก้านจะถูกกัดกร่อนไปนานแล้ว แต่รากที่อยู่ลึก ๆ ของพืชก็ยังคงเต็มไปด้วยชีวิต เมื่อน้ำแข็งละลาย พืชชนิดต่าง ๆ ก็เริ่มเติบโตจากซากในขณะที่พวกมันเปียกชุ่มอยู่ภายใต้แสงตะวันที่สว่างจ้าและแข่งขันกันเพื่อการเจริญเติบโต พลังชีวิตของพืชสามารถมองเห็นได้ทุกซอกทุกมุม
ไม่นานผืนดินก็ถูกย้อมด้วยสีเขียวอย่างรวดเร็ว เมื่อมองดูมันก็ยากที่จะเชื่อว่าเมื่อสองเดือนก่อนสถานที่นั้นยังคงเป็นดินแดนที่รกร้างว่างเปล่าซึ่งเต็มไปด้วยน้ำแข็ง
หลังจากกระแสน้ำลดลงเมืองอันงดงามบางส่วนที่ได้วางแผนไว้ก็ถูกสร้างขึ้นอย่างเป็นทางการบนซากปรักหักพังของเมืองแห่งความหวังและมันจะใหญ่กว่าเมืองดั้งเดิมหลายร้อยเท่า มันจะโอ้อวดรัศมีถึงหลายหมื่นตารางกิโลเมตร ไม่นานสถานที่แห่งนี้ก็ได้กลายเป็นพื้นที่ก่อสร้างขนาดใหญ่
เครื่องบินบรรทุกสินค้าขนาดมหึมานับไม่ถ้วนที่แต่ละลำมีความกว้างเท่ากับภูเขาก็ได้เชื่อมต่อช่องทางขนส่งของเมืองแห่งความหวังใหม่กับจักรวาลขนาดเล็กที่ปัจจุบันตั้งอยู่ในอวกาศ วัสดุและทรัพยากรทั้งหมดที่ได้มาจากระบบดาวบาร์นาร์ดก็ถูกส่งไปยังเมืองแห่งความหวังใหม่ ในขณะที่มนุษย์สร้างอาคารและโรงงานหลังแล้วหลังเล่า
ก่อนที่จะทำสงครามกับพวก Glassians มนุษย์มองโลกในแง่ร้ายต่อสงคราม บางทีการมองโลกในแง่ร้ายไม่ใช่คำที่เหมาะสมที่จะใช้ อย่างไรก็ตามคนส่วนใหญ่ไม่แน่ใจกับผลลัพธ์ของสงครามในเวลานั้น
มีคำกล่าวว่า – ผู้คนมักจะคิดถึงการสูญเสียก่อนที่พวกเขาจะคิดถึงการชนะ ยิ่งไปกว่านั้นนี่เป็นสงครามที่ผลลัพธ์จะเป็นตัวกำหนดความอยู่รอดของเผ่าพันธุ์ทั้งมวล
แน่นอนว่าถ้ามนุษย์ชนะมันก็จะจบลงด้วยดี อย่างไรก็ตามหากพวกเขาพ่ายแพ้ก็ต้องมีแผนสำรอง การถอนตัวไปสู่จักรวาลขนาดเล็กถือว่าเป็นกรณีสุดท้าย ต่อให้ท้ายที่สุดแล้ว Glassians จะสามารถยึดระบบดาวบาร์นาร์ดกลับคืนไปได้ แต่มนุษย์ก็ยังมีทรัพยากรเพียงพอที่จะขยายพื้นที่ได้อีกหลังจากที่พวกเขาประสบความสำเร็จในการเข้าไปในจักรวาลขนาดเล็ก
ตามมาตรฐานการดำเนินการเหล่านี้ มนุษย์ได้ขุดอย่างทำลายล้างดาวเคราะห์หมายเลข 4 ของพวกเขาไปแล้ว โดยทรัพยากรส่วนหนึ่งของมันได้ถูกจัดสรรไว้เพื่อผลิตและขยายคลังอุปกรณ์ทางทหารของพวกเขา สิ่งที่เหลือจากนั้นจะถูกเก็บไว้และส่งไปยังจักรวาลขนาดเล็ก
ก่อนการเดินทางของพวกเขาจะเริ่มขึ้น มนุษย์มีคลังทรัพยากรที่สามารถรองรับกำลังการผลิตได้มากกว่าหนึ่งร้อยปีแล้ว จนกระทั่งถึงจุดที่พวกเขาอพยพกลับสู่โลก มนุษย์ก็ได้สะสมทรัพยากรไว้อย่างเพียงพอเพื่อให้พวกเขาอยู่ได้นานนับพันปี
แน่นอนว่าการประมาณการนี้ทำขึ้นโดยมีข้อสมมติฐานว่าการผลิตของพวกเขาจะไม่ขยายตัวอย่างกับระเบิด แต่ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง ๆ คลังทรัพยากรของพวกเขาอาจจะแห้งเหือดภายใน 50-60 ปีโดยประมาณ
แต่ถึงกระนั้นนี่เป็นความมั่งคั่งที่มากมายมหาศาล และมวลรวมของคลังทรัพยากรของพวกเขาก็มากกว่ามวลของดวงจันทร์แล้ว แต่ละองค์ประกอบที่พวกเขามีอยู่ในคลังถูกคำนวณเป็นน้ำหนักนับล้านล้านตัน อย่างไรก็ตามโลหะมีค่าอย่างเช่นทองคำมีจำนวนมากกว่าสิบล้านล้านตัน แค่เพียงอย่างเดียวนั้นก็มากกว่าทองคำทั้งหมดที่ขุดได้ตลอดประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติหลายพันล้านเท่า
มวลรวมของระบบสุริยะนั้นประกอบด้วยดาวเคราะห์ก๊าซเป็นส่วนใหญ่ และทรัพยากรแร่ธาตุที่สามารถขุดได้นั้นก็หาได้ยาก ดาวเคราะห์ที่เหมาะกับพวกนี้ว่ากันตามขนาดของมันก็คือ โลก, ดาวอังคาร, ดาวศุกร์ และดาวพุธ
ดาวเคราะห์ที่ใหญ่ที่สุดของดาวเหล่านี้คือโลก อย่างไรก็ตามมวลรวมของมันมีเพียงหนึ่งในสามของดาวเคราะห์หมายเลข 4 ที่พวกเขาขุดในระบบดาวบาร์นาร์ด แม้เมื่อรวมดาวเคราะห์ทั้งหมดตามที่ว่ามาในระบบสุริยะของพวกเขามันก็ยังเทียบไม่ได้กับดาวเคราะห์ในระบบดาวบาร์นาร์ดเพียงดวงเดียว
ในฐานะที่เป็นดาวเคราะห์ซึ่งเป็นบ้านของมนุษย์ มนุษย์ไม่สามารถสกัดวัสดุจากพื้นดินได้โดยตรงเหมือนที่พวกเขาทำบนดาวเคราะห์หมายเลข 4 ในระบบดาวบาร์นาร์ด ในทำนองเดียวกันดาวอังคารก็เหมือนน้องชายฝาแฝดของโลกและเป็นที่ยอมรับกันมานานแล้วในฐานะดาวเคราะห์สำรองที่สามารถอยู่อาศัยได้ แม้แต่ดาวศุกร์และดาวพุธก็ถือว่าเป็นดาวเคราะห์สำรองที่สามารถปรับสภาพให้เป็นดาวเคราะห์ที่สามารถอยู่อาศัยได้
ในเร็ว ๆ นี้ประชากรมนุษย์ก็จะเพิ่มขึ้นอย่างมาก ไม่เพียงแต่การเกิดของมนุษย์โคลนนิ่งที่เติบโตในห้องทดลองสองถึงสามล้านคนต่อปีเท่านั้น แต่ยังมีการกำเนิดของมนุษย์รุ่นต่อไปด้วย ท้ายที่สุดแล้วการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของทารกก็จะตามมา
จนถึงขณะนี้มนุษย์มีประชากรแค่เกือบ 30 ล้านคนเท่านั้น ประชากรจะมีแค่ 500 ล้านคนในหนึ่งหรือสองร้อยปีข้างหน้า อย่างไรก็ตามความกลัวที่ว่าในไม่ช้าโลกจะแออัดเกินไปก็ไม่มีมูลความจริง สองร้อยปีนั้นไม่นานนักสำหรับอารยธรรม แม้แต่มนุษย์รุ่นใหม่นั่นก็แค่สองในสามของอายุขัยของพวกเขา
อาจกล่าวได้ว่าดาวเคราะห์หินทุกดวงในระบบสุริยะมีค่าอย่างยิ่ง เนื่องจากเป็นทรัพยากรที่สามารถนำมาใช้เพื่อขยายและพัฒนาอารยธรรมของมนุษย์ได้
โชคดีที่มนุษย์ได้กลายเป็นอารยธรรมระหว่างดวงดาวที่สามารถออกจากระบบดาวซึ่งเป็นบ้านของพวกเขาได้นานแล้ว ความสามารถในการบินผ่านอวกาศทำให้มนุษย์มีความสามารถในการสำรวจระบบดาวรอบๆ ได้ และถือโอกาสเข้าควบคุมทรัพยากรที่มีเพื่อชดเชยปริมาณที่ขาดอยู่ในระบบดาวซึ่งเป็นบ้านของพวกเขา
…
ปัจจุบันนี้การต่อสู้ยังมีอย่างต่อเนื่องในดาวพฤหัส
ลู่หยวนยืนอยู่ในอวกาศและจ้องมองเหนือดาวพฤหัสจากระยะไกล มันเป็นดาวเคราะห์ขนาดยักษ์ที่ประสบกับพายุอันไม่มีที่สิ้นสุดตลอดทั้งปี มวลของมันอยู่ใกล้จุดวิกฤติของดวงดาวทำให้เกิดกระแสลมวนขนาดใหญ่สองสามแห่งที่ปะทะกันทั่วดาวนั้น และเสียดสีกันและกันในขณะที่พวกมันปล่อยพลังงานปฏิกิริยาสะท้อนที่รุนแรงออกมา
การแผ่รังสีเป็นระยะ ๆ, ฟ้าผ่า, สนามแม่เหล็กไฟฟ้าที่รุนแรงและพายุที่มีความร้อนสูงมากจนอาจทำลายวัตถุให้เป็นฝุ่นได้ มันทำให้สถานที่แห่งนี้ดูคล้ายกับนรก ไม่มีชีวิตใดที่จะสามารถอยู่รอดได้ภายใต้สภาวะดังกล่าว
แน่นอนว่านี่ต้องแยกสิ่งมีชีวิตที่ไม่ธรรมดาบางอย่างออกไป
หนึ่งในนั้นก็อย่างเช่นลู่หยวน หรือแม้กระทั่งสิ่งมีชีวิตระหว่างดวงดาว
ในขณะนี้ร่างกายของลู่หยวนเรืองแสงที่สว่างไสว ในขณะที่คลื่นของความสามารถในการรับรู้อันทรงพลังของเขาได้ซัดไปเหนือดาวพฤหัสขนาดมหึมานั้น
ในส่วนลึกของดาวพฤหัสหลายหมื่นกิโลเมตรภายในชั้นไฮโดรเจน สัตว์ร้ายขนาดมหึมากำลังดำดิ่งลงสู่ความลึกของมัน ในขณะที่รู้สึกกังวลอย่างมาก
มันเป็นสัตว์กลายพันธุ์ขนาดมหึมาและลำตัวของมันคล้ายกับปลาโลชขนาดยักษ์ที่มีความยาวประมาณ 3 กิโลเมตร ลำตัวของมันลื่นและเปล่งเรืองแสงสีฟ้า ภายในสภาพแวดล้อมที่มืดของชั้นไฮโดรเจน มันจึงดูสะดุดตาเป็นพิเศษ
บางทีตาของมันแย่ลงหลังจากมีชีวิตอยู่ในความมืดเป็นเวลานาน หัวของมันก็เรียวลงด้วย และปากก็ไม่มีฟันอีกต่อไป
แรงดันที่น่ากลัวซึ่งพบในความลึกของไฮโดรเจนเหลวนั้นอาจสามารถทำลายเหล็กได้ แต่ทว่ามันแทบจะไม่มีอยู่จริงสำหรับสิ่งมีชีวิตนั้น มันรู้สึกเหมือนมันอยู่ในน้ำในขณะที่มันแหวกว่ายผ่านของเหลวด้วยความเร็วสองสามร้อยเมตรต่อวินาที มันเร็วอย่างน่าทึ่งในขณะที่ดิ่งลงไปในส่วนลึกของดาวพฤหัสเพื่อค้นหาการอยู่รอดของมัน
อย่างไรก็ตามความพยายามของมันจะพิสูจน์ได้ว่าไร้ประโยชน์
วินาทีต่อมาจิตสำนึกที่น่าสะพรึงกลัวก็ครอบงำสัตว์ร้ายนั้น ทำให้ตัวของมันแข็งเล็กน้อย ก่อนที่มันจะเริ่มเรืองแสงที่เรืองรองของดวงดาว สัตว์ร้ายนั้นพยายามอย่างหนักเมื่อลำตัวของมันที่มีความยาวสองสามกิโลเมตรได้กระตุ้นไฮโดรเจนเหลว ด้วยแรงดันสูงนั้นจึงดูเหมือนว่ามันกำลังเดือด
การกระเสือกกระสนของมันดูเหมือนจะได้ผล ในฐานะสิ่งมีชีวิตที่สามารถมีชีวิตอยู่ในความลึกของดาวพฤหัสได้ มันอาจมีพลังที่เหลือเชื่อ เมื่อสัตว์ร้ายนั้นรู้สึกถึงการรับรู้ที่มัดมันจนมันเริ่มอ่อนตัวลง มันเริ่มดิ้นรนอย่างสิ้นหวัง ในขณะที่มันคำรามอย่างไม่รู้จบ ตัวของมันขยายใหญ่ขึ้นอย่างน่าหวาดหวั่น ในขณะที่ร่างเดิมของมันเปลี่ยนไปสู่ความดุร้าย
อย่างไรก็ตามมันล้มเหลวในการสังเกตสภาพแวดล้อมของมัน รัศมีหลายร้อยกิโลเมตรถูกวาร์ปอย่างเงียบกริบ และภายในไม่กี่วินาทีมิติที่แยกออกและปิดสนิทก็ถูกสร้างขึ้น และมันก็ออกจากจักรวาลนี้ไป ไฮโดรเจนเหลวที่อยู่รอบๆ ก็ได้รวมตัวกันเพื่อเติมช่องว่างนั้นให้เต็ม
จากนั้นจักรวาลขนาดเล็กที่บรรจุสิ่งมีชีวิตในอวกาศก็บินออกไปทันที และออกจากไฮโดรเจนเหลวนั้นไปอย่างรวดเร็ว มันเร่งผ่านชั้นบรรยากาศของดาวพฤหัสและเริ่มหดตัวลงในขณะที่มันบินต่อไป เมื่อมันมาถึงลู่หยวนมันก็หดตัวลงเหลือเท่าฝ่ามือของเขาแล้ว
ในจักรวาลขนาดเล็กเต็มไปด้วยไฮโดรเจนเหลวสีฟ้าอ่อน สิ่งมีชีวิตที่มีช่วงความกว้างแค่ปลายเข็มก็สามารถเคลื่อนที่อยู่ข้างในได้อย่างสะดวกสบาย
ลู่หยวนเหลือบมองไปที่มัน จากนั้นนิ้วของเขาเลือนรางอยู่ครู่หนึ่ง และเห็นนิ้วแทงทะลุจักรวาลนั้นและเข้าสู่ลำตัวของสิ่งมีชีวิตนั้น เมื่อสิ่งมีชีวิตนั้นตาย แกนผลึกพลังงานที่เปล่งประกายก็ปรากฏอยู่ในฝ่ามือของเขา
ในเวลาเดียวกันสัตว์ร้ายนั้นก็หดตัวเป็นก้อนอย่างรวดเร็ว ในขณะที่ตัวของมันสั่นแล้วก็เริ่มตายไป ความแข็งแกร่งและพลังแต่เดิมของมันตอนนี้ก็ได้หายไปแล้ว
ลู่หยวนตรวจสอบมันอย่างละเอียดและตระหนักว่าสิ่งมีชีวิตนั้นไม่แสดงอาการใด ๆ ของการตาย พลันรอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา ในขณะที่เขาใช้สสารรอบ ๆ เพื่อย่อมิติทรงกลมอีกครั้ง มันย่อสภาพแวดล้อมของเขาเป็นมิติทรงกลมก่อนที่เขาจะบินไปยังโลกอย่างรวดเร็ว