Epoch of Twilight จบแล้วอ่านฟรี - ตอนที่ 573: เผชิญหน้ากับมนุษย์ต่างดาว
ตอนที่ 573: เผชิญหน้ากับมนุษย์ต่างดาว
หมู่เกาะเล็ก ๆ ตั้งอยู่ใกล้เส้นศูนย์สูตรของมหาสมุทรแปซิฟิกตอนใต้ มันดูเหมือนเครื่องประดับมุกที่ตั้งอยู่กลางมหาสมุทร
เกาะทั้งหมดนี้มีขนาดไม่เกิน 1,000 ตารางกิโลเมตร และที่เล็กที่สุดในบรรดาทั้งหมดนั้นใหญ่ไม่เกิน 1 ตารางกิโลเมตร
อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะใหญ่หรือเล็กทุกเกาะก็เขียวขจีด้วยสิ่งมีชีวิต ได้ยินเสียงคำรามของสัตว์ร้ายทยอยดังมา ขณะที่นกโผบินขึ้นไปในอากาศราวกับว่าพวกมันกำลังเต้นรำ แม้ว่าฝนจะเทลงมาอย่างหนัก แต่ก็ไม่ได้หยุดความมีชีวิตชีวาและพลังงานของสัตว์เหล่านี้
บนหนึ่งในเกาะขนาดกลาง กลุ่มของมนุษย์วิวัฒนาการพักอยู่ในถ้ำซึ่งตั้งอยู่ที่ไหล่เขา พวกเขาส่วนใหญ่นอนอยู่บนพื้น ในขณะที่คนที่กำลังเบื่อก็เริ่มคุยกันสั้น ๆ
มันผ่านมากว่าหนึ่งสัปดาห์แล้วนับตั้งแต่พวกเขามาถึงเกาะนี้ และกลุ่มของมนุษย์วิวัฒนาการซึ่งแต่เดิมผอมมากตอนนี้ก็อ้วนขึ้น
แหล่งอาหารที่นี่อุดมสมบูรณ์ เพราะจำนวนสัตว์กลายพันธุ์ที่มนุษย์ต่างดาวนำมาในอดีตนั้นสามารถบอกได้แค่ว่ามันมีอยู่มากมายก่ายกอง ยิ่งกว่านั้นพวกมันส่วนใหญ่ค่อนข้างอ่อนแอ ทุกครั้งที่มนุษย์วิวัฒนาการเริ่มออกล่าก็จะประสบความสำเร็จ พวกเขายังกินมากเกินไปด้วยจากการอดอยากเกือบจะตลอดเวลาในอดีตที่ผ่านมา ไม่ว่าน้ำหนักหรือผิวของพวกเขาก็มีการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา สิ่งเดียวที่แก้ไม่ตกก็คือปัญหาที่รบกวนจิตใจของพวกเขา ดูเหมือนจะมีหมอกอยู่ในใจของพวกเขาอยู่ตลอดเวลาจึงทำให้พวกเขาเกียจคร้านมาก
มนุษย์วิวัฒนาการคนหนึ่งที่กำลังนอนอยู่ในถ้ำเริ่มเกาที่หลังของเขา เซลล์ผิวที่ตายแล้วก็ลอกออกมาเป็นชั้น ๆ ก่อนที่เขาจะถามอย่างเกียจคร้านว่า "พี่หูอยู่ที่ไหน ? "
“เขายังอยู่ข้างนอก กำลังดูสถานีอวกาศที่ 'มนุษย์’ สร้างขึ้นมา” มนุษย์วิวัฒนาการอีกคนตอบด้วยน้ำเสียงประชดประชัน
คนกลุ่มนั้นเริ่มหัวเราะ นี่เป็นเพราะวันที่น่าเบื่อและนี่เป็นความสุขเพียงอย่างเดียวของพวกเขานับตั้งแต่วันนั้น พี่หูแปลกไปนิดหน่อย เขาอาจจะพูดพึมพำกับตัวเองทุกวัน หรือไม่เขาก็จะวิ่งไปบนยอดเขาภายใต้สายฝนที่ตกลงมาอย่างหนักในขณะที่เขาจ้องมองไปบนฟ้าเป็นเวลานาน ๆ เท่าที่ทำได้ แทบทุกวันเขาจะหายไปเกือบครึ่งวัน
“เขาคงจะไม่บ้าไปจริง ๆ ใช่ไหม ? ”
"คุณสิบ้า ทั้งครอบครัวของคุณนั่นแหละเป็นบ้า ! " ภรรยาของเสี่ยวหูตอบอย่างปกป้อง เธอจะไม่มีวันเชื่อว่าผู้ชายของเธอเป็นบ้าไปแล้ว อย่างไรก็ตามเธอก็ไม่เชื่อในคำพูดพึมพำของเสี่ยวหูเช่นกัน
"ฉันก็แค่พูดความจริง ! คุณอย่ามาด่าคนอื่นสิ ! " มนุษย์วิวัฒนาการคนนั้นไม่สนใจการระเบิดอารมณ์ของเธอและโบกมือของเขาโดยไม่มีความโกรธแฝงอยู่แม้แต่น้อย
การอยู่ด้วยกันนานกว่า 40-50 ปี บวกกับพลังการอดกลั้นที่แข็งแกร่งของหลิงฉงอัน เหลี่ยมมุมของพวกเขาจึงถูกทำให้ทื่อตลอดเวลาที่ผ่านมาอย่างยาวนาน แม้ว่าทุกคนจะไม่ได้สนิทกันพอที่จะเรียกว่าพี่น้อง แต่โอกาสที่พวกเขาจะโต้เถียงและต่อสู้กันเองก็หาได้ยาก
เมื่อเห็นว่าภรรยาของเสี่ยวหูเริ่มโกรธ ประเด็นนั้นก็ย่อมหยุดลงตรงจุดนั้น
"เอ๊ะ ! ดูเหมือนว่าฝนจะหยุดตกแล้ว" ถึงตอนนี้มนุษย์วิวัฒนาการคนหนึ่งจู่ ๆ ก็ร้องอุทานขึ้น
"ในที่สุดมันก็หยุดซะที ! "
สภาพอากาศที่นี่ค่อนข้างร้อนและชื้น ทุกวันจะเปียกชุ่มไปด้วยน้ำ และหลังจากทำที่พักในถ้ำได้สักสองสามวัน ขนก็เริ่มงอกขึ้นในทุกส่วนของร่างกายพวกเขา ในทันทีที่พวกเขาเห็นฝนหยุดตก คนกลุ่มนั้นก็ไม่อาจรอได้ต่อไปแล้วก็เดินออกจากถ้ำ
ท้องฟ้ายังคงมืดเหมือนน้ำหมึก ฝนที่หยุดอาจจะเป็นแค่ชั่วคราว และเป็นไปได้ว่าพายุฝนจะทำให้ฝนเริ่มเทลงมาอีกครั้งในวินาทีต่อไป
หลิงฉงอันมองไปรอบ ๆ ด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม หลังจากผ่านไปแค่วันเดียว ต้นไม้ที่นี่แทบจะโตขึ้นแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง ใบและกิ่งก้านของพวกมันเริ่มเขียวชอุ่มขึ้น หากไม่มีมนุษย์ต่างดาว การใช้เวลาที่เหลืออยู่ในชีวิตของพวกเขาที่นี่จะเป็นชีวิตที่สงบสุขที่ค่อนข้างจะวางใจได้
ในท้ายที่สุดแล้วการมีอยู่ของมนุษย์ต่างดาวเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย เหมือนมีดาบแห่งความตายห้อยอยู่เหนือศีรษะของพวกเขา ไม่สำคัญว่าพวกเขาจะรู้สึกหวาดหวั่นกับการที่ต้องเผชิญหน้ากับความจริงนี้อย่างไร ในท้ายที่สุดแล้วพวกเขาก็ต้องยอมรับกับความจริงนี้
โดยไม่มีเหตุผล คำพูดพึมพำของเสี่ยวหูก็แวบเข้ามาในใจของหลิงฉงอัน เขาขยับแล้วพูดว่า "ไปที่ยอดเขาแล้วดูซิ"
ภูเขาของเกาะนั้นไม่สูงมากนัก เนื่องจากความสูงในแนวดิ่งของมันแค่ราว ๆ 60-70 เมตรเท่านั้น ถ้ำที่พวกเขาอาศัยอยู่นั้นตั้งอยู่ที่กึ่งกลางของเชิงเขา ดังนั้นการปีนขึ้นไปบนยอดเขาจึงใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที
คนกลุ่มนั้นมองเห็นรูปร่างของเสี่ยวหูอย่างรวดเร็ว
"เขากำลังทำอะไรอยู่น่ะ ? " มนุษย์วิวัฒนาการคนหนึ่งถามขึ้นด้วยความสงสัย
พวกเขาสังเกตว่าเสี่ยวหูเคลื่อนย้ายก้อนหินอย่างเอาเป็นเอาตายราวกับเป็นคนบ้า พวกเขาคิดว่าเขาดูราวกับไปเกลือกกลิ้งในบ่อโคลนมาเนื่องจากเขาเต็มไปด้วยสิ่งสกปรก จนเมื่อคนกลุ่มนั้นสังเกตใกล้ๆ พวกเขาก็เห็นว่าเขากำลังจัดเรียงก้อนหินเป็นสัญญาณขอความช่วยเหลือฉุกเฉิน SOS และเขาก็ใกล้จะเสร็จสมบูรณ์แล้ว
หลิงฉงอันหดหู่ใจมากขึ้นหลังจากที่ได้เห็นภาพนี้และเตะก้อนหินออกไปทันทีก่อนที่เขาจะเริ่มตะโกน
"คุณกำลังทำอะไรอยู่ห๊า ? คุณเบื่อเพราะมนุษย์ต่างดาวลืมพวกแล้วหรือไง ? หรือคุณอยากจะตาย ! ? "
มีความเจ็บปวดบางอย่างในใจของเขา เขาเป็นเหมือนเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ที่กำลังถูกข่มเหง แม้เขารู้ว่าไม่มีที่ไหนที่จะวิ่งหนีไป เขารู้สึกว่าอาจมีปาฏิหาริย์เกิดขึ้นได้ถ้าหากว่าลากเวลาออกไปอีกนิดหน่อย บางทีมนุษย์ต่างดาวลืมมนุษย์เหล่านี้แล้วจริง ๆ ?
"หัวหน้า ทำไมพวกคุณถึงมาอยู่ที่นี่" เสี่ยวหูเห็นการมาถึงของคนกลุ่มนั้นและอดยิ้มไม่ได้
เมื่อเห็นว่าเสี่ยวหูยังคงมีท่าทีไม่สนใจ หลิงฉงอันก็เตะเขาด้วยความโกรธ เขาโกรธมากและสิ่งนี้ทำให้ร่างกายของเขาขยายขึ้นด้วยท่าทางที่น่าเกรงขาม
"คนอื่น ๆ พูดว่าคุณเป็นบ้า ฉันยังไม่อยากจะเชื่อ ! ในที่สุดตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าคุณบ้าไปแล้วจริง ๆ ! หากคุณยังทำตามที่คุณพอใจ ก็อย่ามาบังอาจหาว่าฉันเลือดเย็นนะ ฉันทำสิ่งนี้เพื่อประโยชน์ของผู้คนของเราทุกคน"
คนกลุ่มนั้นตัวสั่น ถึงตอนนี้แม้แต่ภรรยาของเสี่ยวหูก็ยังไม่กล้าร้องขอความเมตตาจากหลิงฉงอันที่กำลังโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ
เสี่ยวหูถูกเตะล้มลง เขากลิ้งไปชั่วขณะ เขาลุกขึ้นยืนในลักษณะที่กระเซอะกระเซิงและยังคงนิ่งเงียบ เขารู้อย่างชัดเจนว่าไม่ว่าเขาจะพูดอะไรก็ไม่มีใครเชื่อเขา เห็นได้ชัดว่ามันดูไม่สมจริงเหมือนกัน บางทีเขาเป็นบ้าไปแล้วจริง ๆ บางทีมันเป็นภาพลวงตาที่ปรากฏในสมองของเขา เขาจะเห็นยานเหล่านี้และสถานีอวกาศที่สร้างขึ้นครึ่งหนึ่งที่ติดป้ายด้วยคำว่า "มนุษย์" ได้อย่างไร ?
"หัวหน้า ฉันเข้าใจแล้ว ฉันจะไม่ทำผิดอีก" เสี่ยวหูก้มหัวลงแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่หดหู่
ในที่สุดเมื่อเห็นเสี่ยวหูยอมรับความผิดของเขา หลิงฉงอันก็ใจเย็นลงเล็กน้อย เสี่ยวหูมีความสามารถพิเศษ สำหรับเขาแล้วความสามารถของเสี่ยวหูนั้นดีกว่าแม้จะเทียบกับผู้เชี่ยวชาญการต่อสู้ 10 คน ต่อจากนั้นเขาแนะนำอย่างจริงใจว่า "ไม่ใช่ทุกสิ่งที่สายตามองเห็นคือความจริง บางทีในช่วงเวลานี้ความเครียดมีเพิ่มขึ้นภายในตัวคุณ เมื่อเรากลับที่พักคุณจะต้องพักผ่อนบ้าง ! "
"โอเค หัวหน้า" เสี่ยวหูตอบด้วยน้ำเสียงเศร้า ๆ
คนกลุ่มนั้นกำลังเตรียมตัวจะกลับ แต่ในขณะนั้นเองก็ได้ยินเสียงดังหึ่ง ๆ มาจากท้องฟ้า การปรากฏตัวของสถานการณ์แปลก ๆ อย่างฉับพลันทำให้ทุกคนตื่นตระหนก ในขณะที่ทุกคนมองขึ้นไปทันที สิ่งเดียวที่พวกเขาเห็นคือเมฆที่ดำมืดราวกับน้ำหมึกและร่วงลงมาอย่างฮวบฮาบจากบนท้องฟ้า มันกินเวลาเพียงไม่กี่วินาทีก่อนที่ดูเหมือนว่าเมฆจะถูกเจาะด้วยพลังที่ไร้รูปแบบ
ผ่านรอยโหว่นั้นสายตาของพวกเขาก็มองทะลุไปยังท้องฟ้าสีฟ้า
ในขณะนี้ไม่มีใครที่อยู่ในอารมณ์ที่จะชื่นชมท้องฟ้าสีฟ้าที่พวกเขาไม่ได้เห็นมานานหลายทศวรรษ
วินาทีต่อมาวัตถุที่เต็มไปด้วยเปลวไฟก็พุ่งทะลุเมฆมาอย่างรวดเร็วและบินมาในทิศทางของพวกเขา
"แย่แล้ว ! รีบซ่อนตัวเร็วเข้า ! " หลิงฉงอันที่กำลังตื่นตระหนกรีบพูดขึ้นมาทันที
การมองเห็นของเขาไม่สามารถเทียบได้กับของเสี่ยวหู แต่เมื่อเทียบกับมนุษย์ธรรมดาอย่างน้อยก็มีอานุภาพมากกว่า 10 เท่า เขาเห็นได้อย่างชัดเจนว่าวัตถุที่ปกคลุมด้วยเปลวไฟนั้นไม่ใช่สัตว์กลายพันธุ์ที่ทรงพลัง แต่เป็นอุปกรณ์สีเงินที่เคลื่อนที่อย่างรวดเร็วของมนุษย์ต่างดาว
เขาจ้องมองเสี่ยวหูด้วยความเกลียดชัง อย่างไรก็ตามนี่ไม่ใช่เวลาที่จะลงโทษและดุด่า เขารีบซ่อนตัวใต้พุ่มไม้ที่เขียวชอุ่ม มีต้นไม้หลากหลายชนิดให้เลือกที่นี่พร้อมกับพุ่มไม้สูงสีเขียวที่กำลังเติบโตทุกที่ แม้แต่ลมก็ไม่สามารถผ่านเข้าไปในสถานที่นี้ได้และเขาก็ไม่มีแผนที่จะเผชิญหน้ากับมนุษย์ต่างดาว
เสี่ยวหูลังเลอยู่ครู่หนึ่งในขณะที่เขายืนนิ่ง ท้ายที่สุดเขาไม่กล้าจะทำให้หัวหน้าของเขาโกรธอีกครั้ง ดังนั้นเขาจึงติดตามกลุ่มคนไปและรีบซ่อนตัวในป่าอย่างรวดเร็ว
เสียงหึ่ง ๆ ค่อย ๆ ดังมากขึ้น ทำให้อากาศสั่นสะเทือนช่วงสั้น ๆ มีความตึงเครียดที่น่ากลัวในอากาศซึ่งทำให้ทุกคนกลั้นหายใจอย่างไม่รู้ตัว ราวกับว่าหัวใจกระโจนออกมาจากอกของพวกเขา
“มันกำลังมาทางนี้” เสี่ยวหูกระซิบ
การเต้นของหัวใจของทุกคนแรงขึ้นอย่างฉับพลันในขณะที่สีหน้าของพวกเขาดูเต็มไปด้วยความกลัว
"ดูสิ่งที่คุณทำสิ ! " หลิงฉงอันพูดด้วยน้ำเสียงต่ำ ๆ ซึ่งทำให้เขาดูประหนึ่งว่าทั้งหวาดกลัวและโกรธในเวลาเดียวกัน
เสี่ยวหูยังคงนิ่งเงียบและกำมือของเขาไว้แน่น ในเวลานี้เขารู้สึกถึงความตึงเครียดภายในใจของเขาเช่นกัน สิ่งที่เขาเห็นด้วยตาของเขาเป็นสิ่งหนึ่งและสิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้เป็นสิ่งที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิง
ยานนั้นค่อย ๆ ลดความเร็วลง ในขณะที่ประกายไฟรอบตัวมันก็หายไป เผยให้เห็นรูปทรงที่เพรียวลมสีเงินของมัน มันวนรอบเกาะก่อนที่จะร่อนลงบนภูเขาอย่างช้า ๆ
พลังที่ไร้รูปแบบได้พัดและเขย่าป่ารอบตัวมันทำให้ฝุ่นและทรายปลิวไปทุกหนทุกแห่ง
คนกลุ่มนั้นถอยห่างออกไปอีกครั้งในขณะที่ขาทั้งสองของพวกเขาเริ่มอ่อนแรงจนไม่สามารถควบคุมได้ ถ้าไม่ใช่เพราะทุกคนไม่ได้เตรียมพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับมนุษย์ต่างดาว ตอนนี้พวกเขาคงจะหนีไปแล้ว
ยานนั้นก็ไม่ได้ใหญ่นัก เมื่อเทียบกับเครื่องบินพาณิชย์ขนาดใหญ่ก่อนเกิดวันสิ้นโลกของมนุษย์มันดูเล็กกว่ามาก อย่างมากมันก็ใกล้เคียงกับขนาดของเครื่องบินขับไล่ไอพ่นขนาดเล็ก อย่างไรก็ตามเทคโนโลยีที่ยานนั้นมีอยู่และอารยธรรมอันทรงพลังที่อยู่เบื้องหลังเทคโนโลยีนั้นก็ได้ลดความแข็งแกร่งของพวกเขาลงไป ดังนั้นพวกเขาจึงไม่สามารถใช้ความแข็งแกร่งใด ๆ เพื่อขัดขวางได้
ยานนั้นลงจอดบนภูเขาและลมที่กระโชกแรงก็พัดฝุ่นปลิวไป หลังจากผ่านไปครู่หนึ่งประตูยานก็เปิดออกอย่างเงียบ ๆ เช่นเดียวกับที่ทุกคนสงสัยด้วยความไม่สบายใจกับสิ่งมีชีวิตที่จะออกมาจากยานนั้น รูปร่างที่เหมือนมนุษย์ซึ่งใส่เครื่องแบบก็ปรากฏขึ้น
ทันทีที่พวกเขาเห็นมัน พวกเขาก็ตกใจ ในขณะที่ตอนนี้สายตาของพวกเขาถูกล็อคไว้บนสิ่งที่เรียกว่า "สิ่งมีชีวิตนอกโลก"
เธอมีสองมือ มีขาสองข้าง และมีใบหน้าที่คล้ายกับมนุษย์ด้วย อาจกล่าวได้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับร่างกายของเธอทำให้เธอดูเหมือน…มนุษย์
"คุณเป็นผู้รอดชีวิตของโลกหรือ?? ฉันเป็นเจ้าหน้าที่สำนักงานข่าวกรองนอกโลก ฉันชื่อเฉินหงเซี่ย (Chen Hongxia) เราพบสัญญาณฉุกเฉิน SOS ที่คุณทิ้งไว้ ไม่มีใครคิดว่าจะยังมีคนอยู่บนโลกนี้จริง ๆ ! " เธอพูดหลังจากมองดูกลุ่มคนที่ซ่อนตัวอยู่หลังต้นไม้ น้ำเสียงของเธอมีความประหลาดใจในขณะที่เธอไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เธอกำลังเห็น
รอยยิ้มที่สดใสและสะอาดสะอ้านของเธอทำให้ทุกคนต้องตะลึง เมื่อเผชิญหน้ากับผู้หญิงมนุษย์ที่สวยงามและไม่ชอบมาพากลนี้ คนกลุ่มนั้นก็มองหน้ากันและกัน หลิงฉงอันเห็นว่าไม่มีใครกล้าตอบอย่างมั่นใจและอดไม่ได้ที่จะสาปส่งไอ้พวกไร้ประโยชน์นี้ เขาพยายามฝืนยืนขึ้นก่อนที่จะฝืนยิ้มอย่างแข็งทื่อ ด้วยเสียงที่สั่นเทา เขาตอบว่า "ร…เราเป็นมนุษย์ผู้รอดชีวิต ค…คุณเป็นมนุษย์ต่างดาว…ที่กำลังจะมารับเราหรือ ? ”