หน้าแรก Amnovel
  • หน้าแรก
  • นิยายทั้งหมด
  • เติมเงิน
  • ติดต่อเรา
ค้นหา
ค้นหาขั้นสูง
เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก
  • หน้าแรก
  • นิยายทั้งหมด
  • เติมเงิน
  • ติดต่อเรา
  • เข้าสู่ระบบ
เข้าสู่ระบบ
Prev
Next

Epoch of Twilight จบแล้วอ่านฟรี - ตอนที่ 565: เผชิญหน้ากับสิ่งมีชีวิตสี่มิติ

  1. หน้าแรก
  2. Epoch of Twilight จบแล้วอ่านฟรี
  3. ตอนที่ 565: เผชิญหน้ากับสิ่งมีชีวิตสี่มิติ
Prev
Next

ตอนที่ 565: เผชิญหน้ากับสิ่งมีชีวิตสี่มิติ

ลู่หยวนยังคงอยู่ที่ระบบดาว Glassian อีกครึ่งวันก่อนที่จะตัดสินใจกลับ

เนื่องจากได้เห็นการขาดการรับรู้ต่อภาวะวิกฤตของ Glassian ลู่หยวนจึงหยุดฆ่า Glassian ที่รอดชีวิต ท้ายที่สุด Glassians บางคนที่มีความเกลียดชังมนุษย์อย่างมากก็สามารถหลบหนีจากการโจมตีของมนุษย์ได้ในที่สุด เพื่อการพัฒนาในระยะยาวของมนุษย์มันจะเป็นแรงกระตุ้นสัญชาตญาณการอยู่รอดของพวกเขาในแง่ที่ว่าจะยังมีศัตรูอยู่เสมอ

ไม่ว่าการกระทำนี้จะกลับมาหลอกหลอนมนุษย์ในภายหลังหรือไม่ ลู่หยวนคิดว่าโอกาสที่จะเกิดขึ้นนั้นคงเป็นไปไม่ได้ ไม่ใช่ว่าทุกเผ่าพันธุ์จะเป็นเหมือนมนุษย์และสามารถผลิตบุคลากรที่ชาญฉลาดได้อย่างรวดเร็ว อีกปัจจัยหนึ่งที่ต้องคำนึงถึงคือประชากรที่ลดลงของ Glassian สิ่งเดียวที่รอผู้รอดชีวิตอยู่คือการพัฒนาทางเทคโนโลยีที่ลดลงและการถดถอยของอารยธรรมก่อนหน้านี้ของพวกเขา

ต่อจากนั้นร่างกายของลู่หยวนก็มองไม่เห็นเพื่อหลีกเลี่ยงระยะตรวจจับของเครื่องบินไอพ่นประจัญบานอวกาศของมนุษย์ที่กระจายไปทั่วทุกมุมของระบบดาว ด้วยรูปร่างเล็ก ๆ ของเขาเมื่อเทียบกับระบบดาวนี้ มันก็เสมือนหนึ่งว่าเขาเป็นหยดน้ำในทะเล จากนั้นเขาก็ออกจากระบบดาวอย่างเงียบ ๆ ตอนที่เขาเข้ามาตั้งแต่ต้นจนจบไม่มีเครื่องบินไอพ่นประจัญบานอวกาศของมนุษย์ที่สังเกตเห็นอะไรผิดปกติ

ลู่หยวนรอหลังจากออกจากระบบดาวเป็นเวลา 6 วัน หลังจากนั้นเขาเปิดใช้งานฟองสเปซไทม์ (Space–Time Bubble) และมุ่งหน้าไปในทิศทางของระบบดาวบาร์นาร์ด

อย่างไรก็ตามหลังจากสองสามวันของการเดินทาง จู่ ๆ ลู่หยวนก็รู้สึกเหมือนเขากำลังถูกจับตาดู

ในตอนแรกเขาคิดว่ามันเป็นเพียงสัญชาตญาณของเขาและยังคงบินต่อไปอีกชั่วโมง จนกระทั่งเขาสังเกตว่าแรงดึงดูดในพื้นที่ใกล้เคียงมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย ตอนนั้นเองที่เขารู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ

สีหน้าของลู่หยวนเริ่มเคร่งขรึมและค่อย ๆ ออกจากฟองสเปซไทม์ (Space–Time Bubble) อย่างช้า ๆ หลังจากหยุดแล้วเขาก็เริ่มสังเกตการณ์รอบ ๆ ตัวเขาอย่างระมัดระวัง

ปัจจุบันนี้เขาสามารถไปถึงความเร็วที่น่าตกใจที่ 1,200 วันแสงต่อวัน แต่ทว่าด้วยความเร็วที่น่าสะพรึงกลัวนี้ กลับมีผู้ที่ไม่รู้จักเฝ้าจับตาดูเขาในความมืดอย่างคาดไม่ถึง มันน่ากลัวสำหรับเขา

สัญชาตญาณของเขาดึงเขาให้ไปดูที่มุมหนึ่ง แต่พื้นที่ใกล้เคียงก็ยังคงเงียบ จากภาพรวมของบริเวณนั้นมันไม่มีอะไรเลย แม้กับประสาทสัมผัสที่เพิ่มขึ้นของลู่หยวน เขาก็ไม่สามารถค้นหาร่องรอยของสิ่งมีชีวิตใด ๆ ในสถานที่นั้นได้

พลังจิตที่แข็งแกร่งของลู่หยวนทำการสแกนสภาพแวดล้อมอย่างละเอียด ไม่ว่าจะเป็นรังสีคอสมิกเฉพาะที่, นิวทริโน, โฟตอน, หรือแม้แต่อิเล็กตรอน ไม่มีสิ่งใดสามารถหนีประสาทสัมผัสของเขาได้ สำหรับอนุภาคฝุ่นขนาดเล็กที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงและกลุ่มก๊าซบาง ๆ เขาได้จดจำตำแหน่งที่แน่นอนของมันอย่างละเอียด

แต่ก็ไม่มีอะไรเลย

ปกติ ! ทุกอย่างเป็นปกติ แต่แน่นอนว่านี่เป็นความผิดปกติที่มากที่สุด

แรงดึงดูดที่นี่เพิ่มขึ้นอย่างมาก ในตอนแรกการเพิ่มขึ้นของมันมีน้อยมากจนถึงจุดที่แทบจะไม่สามารถตรวจจับได้ ซึ่งแทบจะไม่เท่ากับแรงดึงดูดที่ออกมาจากวัตถุหนึ่งพันล้านตัน อย่างไรก็ตามตอนนี้แรงดึงดูดนั้นเทียบได้กับแรงดึงดูดของดวงจันทร์และแรงของมันก็ยังคงเพิ่มขึ้น

ลู่หยวนจำได้อย่างแม่นยำว่าบริเวณนี้ไม่มีประวัติของหลุมดำใด ๆ ยิ่งไปกว่านั้นแม้ว่าจะมีหลุมดำแรงดึงดูดก็จะไม่เพิ่มในลักษณะที่รุนแรงเช่นนี้

ไม่กี่วินาทีต่อมาแรงดึงดูดก็กำลังเข้าใกล้ 10G และภายในไม่กี่นาทีมันก็ถึง 1,000G สเปซไทม์ (Space–time) เริ่มแปรปรวนอย่างชัดเจนราวกับว่ามีหลุมดำกำลังพุ่งมาหาเขาด้วยความเร็วแสง

อันที่จริงผลกระทบของสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นแทบจะเหมือนกัน

แม้แต่ในจักรวาลอันกว้างใหญ่นี้ นี่เป็นสถานการณ์ที่หาได้ยากอย่างไม่น่าเชื่อ และถึงแม้ว่าลู่หยวนจะตกใจ แต่เขาก็ไม่กลัว พลังจิตของเขากำจัดการบิดเบือนของพื้นที่อย่างเงียบ ๆ และเมื่อแรงดึงดูดอันรุนแรงในอวกาศส่งผลต่อมวลของเขาในที่สุด มันก็เริ่มแสดงสัญญาณของการอ่อนตัวลง

ในทฤษฎีฟิสิกส์ แรงดึงดูดจะเกิดขึ้นเสมอเมื่อมีมวลเกิดขึ้น ส่งผลทำให้เกิดแรงดึงดูดขึ้นในจักรวาล ยิ่งมวลมากเท่าไหร่ก็จะยิ่งมีแรงดึงดูดที่รุนแรงมากขึ้นเท่านั้น ถ้าใครค้นคว้าเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องนี้เป็นไปได้ที่จะค้นพบว่ามวลสามารถปล่อยกราวิตอน (Graviton) หรือสนามแรงดึงดูดได้เท่า ๆ กันโดยการเพิ่มพลังงานของกราวิตอน การใช้ทฤษฎีนี้มันเป็นไปได้ที่จะสร้างแรงดึงดูดเทียม ส่งผลให้เกิดความเป็นไปได้ของเครื่องยนต์ขับเคลื่อนแบบไร้ปฏิกิริยาสะท้อนที่แข็งแกร่งและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

อย่างไรก็ตามนี่เป็นเพียงพฤติการณ์ของแรงดึงดูดภายใต้กล้องจุลทรรศน์ เมื่อพิจารณาจากมุมมองมาโครของมิติที่สี่ แรงดึงดูดของวัตถุที่เปลี่ยนเป็นพลังของคุณสมบัติมิติที่สี่ ยิ่งมวลของวัตถุใหญ่ขึ้นเท่าไหร่คุณสมบัติมิติที่สี่ของวัตถุก็จะยิ่งใหญ่ขึ้นเท่านั้น ซึ่งเป็นสัดส่วนโดยตรงกับผลกระทบที่มีต่อพื้นที่ สิ่งนี้นำไปสู่รูปแบบของการบิดเบือนเชิงพื้นที่และจากนั้นก็ก่อให้เกิดแรงดึงดูดเทียม

เนื่องจากแนวคิดนี้ ลู่หยวนจะไม่ได้รับผลกระทบจากวัตถุใด ๆ ที่มีแรงดึงดูดที่รุนแรง เว้นแต่เขาจะพบกับวัตถุท้องฟ้าที่มีแรงดึงดูดสูงอย่างเช่นหลุมดำ

เขาจ้องมองไปในทิศทางของแหล่งที่มาของแรงดึงดูด ลู่หยวนไม่จำเป็นต้องรอนาน ประมาณหนึ่งชั่วโมงต่อมา ในที่สุด 'สายตา' ของเขาก็เห็นจุดดำ ๆ

ทันทีที่เขาเห็นต้นตอนั้น ร่างกายของลู่หยวนก็เริ่มสั่นเทา อารมณ์ของเขากระวนกระวายเล็กน้อย และด้วยความตกใจเขาพบว่าจุดดำนี้ไม่ได้อยู่ในมิติที่สาม แต่มันอยู่ในมิติที่สี่ เขาอ้าปากค้างราวกับว่าเขากำลังเผชิญหน้ากับบอสตัวสุดท้าย

ภายใต้การสังเกตของเขามิติที่สี่เป็นเพียงความว่างเปล่าและเป็นพื้นที่ปิดโดยไม่รวมถึงกระแสพลังงานลึกลับจำนวนมหาศาล มันยากที่จะเห็นสิ่งอื่น ๆ ในมิตินั้น ในบริบทนั้นร่างกายของเขาอาจถือว่าเป็นมิติที่สี่ จากนั้นเขาก็สามารถสร้างทฤษฎีการดำรงอยู่ของสิ่งมีชีวิตสี่มิติ

อย่างไรก็ตามสิ่งมีชีวิตประเภทนี้มีประชากรอยู่ในระดับต่ำ มันเป็นไปไม่ได้ที่จะมองเห็นแม้เพียงหนึ่งเดียวของสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ภายในระยะ 100 ปีแสง ด้วยเหตุนี้ผู้คนจึงสงสัยว่าสิ่งมีชีวิตเช่นนี้มีอยู่จริงหรือไม่

ขอบเขตการมองเห็นมิติที่สี่ของลู่หยวนต่อสิ่งมีชีวิตธรรมดานั้นเป็นไปไม่ได้อย่างสิ้นเชิง โดยปกติแล้วเขาสามารถมองเห็นได้อย่างยอดเยี่ยมภายในรัศมี 100 ปีแสงจนถึงจุดที่เขาจะสังเกตเห็นดาวเคราะห์ขนาดเล็กที่มีรัศมี 100 กิโลเมตรที่ลอยอยู่ในความมืดได้ หากระยะทางประมาณ 50 ปีแสงเขาสามารถมองเห็นได้ชัดเจนว่าพื้นผิวดาวเคราะห์นั้นมีภูมิประเทศลุ่ม ๆ ดอน ๆ หรือไม่

แม้ว่าจุดดำนี้จะมีขนาดเล็กเท่าอุกกาบาต แต่ระยะทางห่างออกไปอย่างน้อยสองสามปีแสงหรือแม้กระทั่งไม่กี่สิบปีแสง และความเร็วของมันก็เกินจินตนาการของลู่หยวนอย่างสิ้นเชิง เงานี้ขยายตัวอย่างต่อเนื่องหลังจากผ่านไปทุกวินาที

ตอนแรกมันมีขนาดเล็กเท่าฝุ่น อย่างไรก็ตามไม่กี่นาทีต่อมามันก็ใหญ่เท่าเมล็ดงา

ในขณะเดียวกันแรงดึงดูดก็เริ่มรุนแรงขึ้นถึง 10,000G ในบริเวณใกล้เคียงเศษซากอวกาศจำนวนมากถูกดูดเข้ามาโดยแรงดึงดูดคล้ายกับกระแสน้ำที่ไหลไปตามทิศทางของเงานั้น นี่ไม่ใช่แค่อาฟเตอร์ช็อกที่ห่างออกไปสองสามปีแสง แม้แต่วัตถุท้องฟ้าใกล้ ๆ ก็ดูเหมือนจะเบนนิดหน่อยเคลื่อนที่ไปในทิศทางของมัน

นี่เป็นครั้งแรกของลู่หยวนที่ได้เห็นเหตุการณ์ลึกลับและน่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ภายในมิติที่สี่ เงานั้นน่าจะเป็นข้อพิสูจน์ที่แน่ชัดถึงการมีอยู่ของสิ่งมีชีวิตสี่มิติ

สัญชาตญาณของเขาบอกเขาว่าเขาต้องหนีไปทันที แต่ความอยากรู้อยากเห็นของเขาก็เข้ามาและเขาก็ยังคงอยู่ในตำแหน่งเดิมอย่างดื้อรั้น

แม้ว่าเขาจะหนี เขารู้อย่างชัดเจนว่าด้วยความเร็วที่น่ากลัวนี้ไม่มีทางที่เขาจะหนีมันได้ เขาถูกหมายหัวแล้ว นอกจากอยู่ในที่เดิมแล้วไม่มีอะไรที่เขาทำได้อีก

เพื่อความรอบคอบ ตัวของลู่หยวนทรุดลงทันที ทุกอะตอมถูกบีบอัดโดยเขา แกนของอะตอมถูกจับไว้แน่นและบีบอัดเข้าด้วยกันโดยพลังจิตของเขา ร่างกายของเขาที่แต่เดิมสูง 2 เมตรก็หดลงประมาณ 20 เซนติเมตร

ในสภาวะนี้ทุกโมเลกุลในร่างกายของเขาได้หายไปหลังจากแยกการเชื่อมติดของโมเลกุล มวลทั้งหมดของเขาได้จับกันเป็นกลุ่มก้อนโดยไม่มีระยะห่างระหว่างโมเลกุล

อย่างไรก็ตามการรับรู้ของเขายังคงไม่ได้รับผลกระทบ เนื่องจากสมองควอนตัมของเขาลอกเลียนการคำนวณที่เกินข้อจำกัดของร่างกายมนุษย์อยู่แล้ว เช่นเดียวกับอุปกรณ์คำนวณควอนตัมการคำนวณพลังงานทั้งหมดมาจาก cubits ของอะตอมที่ลดขนาดลง ไม่ใช่เยื่อหุ้มสมอง สำหรับสิ่งมีชีวิตเช่นเดียวกับเขา สมองเป็นเพียงสิ่งประดับที่ไม่จำเป็นสำหรับชีวิต แม้ว่าสมองของเขาจะหายไปมันก็จะไม่ส่งผลกระทบต่อความสามารถในการคิดของเขา

ภายใต้สภาวะเหนือธรรมชาติ พลังงานจะมาจากมิติที่สี่ เพื่อที่เขาจะได้ไม่ต้องกังวลกับความต้องการพลังงานของร่างกาย

ณ ตอนนี้ร่างกายของเขามีการแผ่รังสีสูง ในสภาพนี้ร่างกายของเขาดูจะไม่แตกหัก ซึ่งเปรียบได้กับดาวแคระขาว แม้ว่าเขาจะถูกระดมยิงด้วยปืนใหญ่ที่ทรงพลังที่สุดของมนุษย์ มันก็เหมือนกับลมที่พัดมาโดนใบหน้าของเขา

แน่นอนว่ามันมีข้อเสียเมื่ออยู่ในรูปแบบนี้ เนื่องจากร่างกายของเขาแข็งไปหมด เขาก็เป็นเหมือนหุ่นที่อยู่กับที่ แม้จะมีพลังเหมือนเทพก็ไม่มีอะไรที่เขาสามารถทำได้ในสภาวะนั้น

โชคดีที่มันไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับความแข็งแกร่งของเขาที่ถึงระดับของสิ่งมีชีวิตสี่มิติ ข้อกังวลหลักก็คือการพยายามดิ้นรนของพลังจิต เมื่อเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้เช่นนี้ ต่อให้พลังของเขาเพิ่มขึ้นเป็นร้อยเท่า ก็ไม่มีอะไรที่เขาสามารถทำได้

อย่างไรก็ตามอย่างที่พวกเขาพูดกัน – ความอยากรู้อยากเห็นอาจนำภัยมาสู่ตนเองได้

ในท้ายที่สุดลู่หยวนก็มีเพียงการเหลือบมองของมิติที่สี่ เมื่อเผชิญหน้ากับพลังที่แท้จริงของมิติที่สี่เขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว

เวลาค่อย ๆ ผ่านไปและเงานี้ก็ใหญ่ขึ้น ประมาณ 3 ชั่วโมงต่อมารัศมีของเงานี้ก็สูงถึง 1,000 เมตร ในที่สุดลู่หยวนก็เห็นรูปแบบที่แท้จริงของมัน

นี่เป็นสิ่งมีชีวิตชนิดที่ไม่สามารถอธิบายได้ในมิติที่สาม แม้แต่ลู่หยวนก็ไม่สามารถอธิบายได้เมื่อเขาเห็นมัน มันไม่มีตาไม่มีแขนขา และภายในหรือภายนอกของมันไม่มีความแตกต่างที่ชัดเจน มันเป็นการล้มล้างแนวคิดของชีววิทยา ถ้าคุณไม่ได้เห็นมันคุณจะไม่เชื่อเลยว่ามันเป็นสิ่งมีชีวิต

ร่างของมันเกาะติดกับพื้นผิวของจักรวาลสี่มิติ (โลกมิติที่สาม) ด้วยความเร็วที่น่าตกใจนับหมื่นปีแสงต่อวินาที แม้ว่าร่างของมันจะไม่ได้บีบอัดอย่างเฉียบพลันในมิติที่สาม แต่มันก็ทำให้สเปซไทม์ (space–time) ในบริเวณใกล้เคียงของโลกสามมิติเกิดการบิดเบือน ทำให้เกิดระลอกคลื่นขนาดใหญ่

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป และเช่นเดียวกับลู่หยวนที่เริ่มตื่นตระหนก สิ่งมีชีวิตสี่มิติที่ไม่รู้ที่มานี้จู่ ๆ ก็หยุดห่างออกไป 0.1 ปีแสง

เส้นผ่านศูนย์กลางเฉลี่ยของระบบดาวเดี่ยวนั้นแค่ไม่กี่วันแสง สิบวันแสงนั้นไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรือลู่หยวนก็ยังห่างไกล อย่างไรก็ตามสำหรับสัตว์สี่มิติตัวนี้นั้นมันอยู่ตรงหน้าลู่หยวนแล้ว

วินาทีต่อมาลู่หยวนรู้สึกได้ถึงการเคลื่อนไหวที่รุนแรงของความยาวคลื่นควอนตัม จากนั้นเขาก็ทำการสแกนร่างกายของเขาอย่างละเอียดและพบว่าพลังงานของความยาวคลื่นและร่างกายของเขาปะทะกันทำให้เกิดประกายไฟขึ้น

ทั้งสองยังคงนิ่งเงียบ สัตว์สี่มิตินั้นหยุดอย่างจงใจ แต่ลู่หยวนก็ไม่กล้าที่จะขยับเมื่อต้องเผชิญกับพลังที่ไร้ขีดจำกัดนี้ ลู่หยวนตั้งใจที่จะปกปิดพลังของเขา แม้แต่พลังที่เขาใช้ในการรักษาสมดุลของสเปซไทม์ (space–time) ก็ถูกเอาออกแล้วปล่อยให้แรงดึงดูดที่น่าสะพรึงกลัวฉีกร่างของเขาเพื่อหลีกเลี่ยงการเป็นศัตรูกับฝ่ายตรงข้าม และเพื่อเพิ่มความปลอดภัยขึ้นอีกเล็กน้อย

ในใจของเขาเขารู้สึกราวกับว่าเขากำลังถูกเปิดเผยโดยสปอตไลท์ที่มีประสิทธิภาพสูง และผู้คนจำนวนมากกำลังจ้องมอง ทำให้เขารู้สึกอึดอัดมาก

โดยสามัญสำนึก สิ่งมีชีวิตในมิติที่สี่ประเภทนี้ได้ละทิ้งความต้องการในการดำรงชีวิตตามมาตรฐานมานานแล้ว มันไม่จำเป็นต้องกินอาหารอีกต่อไป แต่อาศัยรูปแบบการได้รับพลังงานแบบดั้งเดิม อย่างไรก็ตามไม่มีใครสามารถยืนยันได้ว่ามันไม่สนใจสิ่งมีชีวิตกึ่งสี่มิติเช่นเขา

มันไม่เคยพยายามจะเข้าสู่มิติที่สามอย่างจริงจัง หรือบางทีมันอาจรู้ว่ามันไม่สามารถเข้าได้ แม้ว่ามันจะไม่ได้เข้าสู่มิติที่สาม แต่คาดว่าร่างกายสามมิติของมันที่เผยออกมานั้นคือต้นตอของแรงดึงดูดที่เป็นลักษณะของหลุมดำ สเปซไทม์ (space–time) รอบ ๆ มันก่อตัวเป็นวงโคจรกึ่งสี่มิติขึ้น แสงที่ผ่านบริเวณนั้นไม่เคยกลับมาราวกับว่ามันถูกกลืนลงไปและก่อตัวเป็นฉากที่ดำสนิท แม้แต่ดวงดาวที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียง ภายใต้อิทธิพลของแรงดึงดูดอันน่าสะพรึงกลัวนั้นมันก็เปลี่ยนเส้นทางของพวกมันและค่อย ๆ เริ่มโคจรรอบตัวมัน

โชคดีที่ทั้งระบบ Glassian และระบบบาร์นาร์ดอยู่ห่างออกไปอย่างน้อย 7-8 ปีแสง ใครจะรู้ว่าภัยพิบัติอื่น ๆ อีกมากมายแค่ไหนที่จะนำมาสู่มนุษย์อีก

ลู่หยวนสามารถสัมผัสได้นิดหน่อยถึงการหยุดชะงักของความยาวคลื่นควอนตัม ราวกับว่ามันมีความอยากรู้อยากเห็นและต้องการสำรวจ อย่างไรก็ตามนี่ไม่เพียงพอสำหรับเขาที่จะผ่อนคลาย มันทำให้เขาระมัดระวังมากกว่า

เขาอดคิดไม่ได้ว่านี่เป็นเหมือนภาพที่เด็กกำลังเล่นกับมด

ช่วงเวลาต่อจากนั้นอาจนำไปถึงช่วงเวลาที่เด็กจะ "เทน้ำร้อนลงบนมัน", "เผามันด้วยไฟ" หรือแม้แต่ "แค่เหยียบมันแล้วฆ่ามัน!"

เมื่อเผชิญหน้ากับสิ่งมีชีวิตสี่มิติที่แท้จริง เขาก็อยู่ในสถานะเดียวกันกับมด

โชคดีที่สิ่งมีชีวิตสี่มิตินี้อ่อนโยนกว่ามาก ทั้งสองฝ่ายยังคงหยุดนิ่งอยู่นานกว่าสองสามนาที อีกทางหนึ่งสัตว์สี่มิตินี้เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น ในขณะที่ลู่หยวนมีความระมัดระวังเป็นพิเศษ มันขยับตัวเล็กน้อยทำให้ส่วนหนึ่งของพลังงานลึกลับล่องลอยออกจากพื้นผิวมิติที่สี่และขึ้นไปสู่มิติที่สูงขึ้น

หลุมดำที่เพิ่งก่อตัวขึ้นนั้นยังคงอยู่ต่อไปอีกสองสามนาทีก่อนที่มันจะระเบิดในทันที และปล่อยแสงที่สว่างออกมาเพราะมันสูญเสียการสนับสนุนของแรงดึงดูด บางทีในอีกไม่กี่ร้อยปีตรงตำแหน่งนี้จะให้กำเนิดแถบดาวเคราะห์น้อยขึ้น

ลู่หยวนรู้สึกโล่งใจแต่ก็ยังมีความหวาดกลัวอยู่บ้าง เมื่อเผชิญกับสิ่งมีชีวิตที่เป็นเหมือนพระเจ้าเช่นนี้ ความกดดันแบบนั้นก็เหมือนภูเขาที่จะบดขยี้คุณ มันทำให้เขานึกถึงครั้งแรกที่เขาเผชิญหน้ากับงูกลายพันธุ์

โชคดีที่มันไม่ได้อยู่ใกล้เกินไป และไม่ได้ซ่อนเร้นเจตนาร้ายใด ๆ ไม่อย่างนั้นสิ่งที่จะเกิดขึ้นคือร่างมิติที่สี่ที่เผยออกมานั้นซึ่งทำให้เกิดหลุมดำขึ้นก็คงบดขยี้เขาได้อย่างง่ายดาย

ไม่ว่าพลังจิตของลู่หยวนจะแข็งแกร่งแค่ไหน เขาก็ไม่มั่นใจในความปลอดภัยของเขาเมื่ออยู่ในหลุมดำ

เขายังคงอยู่ในที่เดิมมองดูสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวนี้บินไกลออกไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งผ่านไปสองสามชั่วโมง เมื่อเขาไม่สามารถมองเห็นมันได้อีก ในที่สุดเขาก็สามารถผ่อนคลายได้ จากนั้นเขาก็กลับสู่สภาพร่างกายเดิมจากสภาวะดาวแคระขาวของเขา

ครู่ต่อมาเขาก็เปิดใช้ฟองสเปซไทม์ (Space–Time Bubble) อีกครั้งและบินกลับไปยังทิศทางของระบบดาวบาร์นาร์ดอย่างรวดเร็ว

ทิวทัศน์ที่เขาเห็นในวันนี้ทำให้เขาประทับใจอย่างสุดซึ้ง จนมาถึงจุดที่เขารู้สึกช็อกอย่างแท้จริง เดิมทีเขามีแผนการจะขยับขยายบางอย่างอยู่ในใจ แต่หลังจากที่ได้เห็นภาพนี้ ความคิดของเขาจึงกลับมาเป็นปกติอย่างรวดเร็ว การเผชิญกับสิ่งมีชีวิตสี่มิติที่แท้จริงนั้น เขายังคงอ่อนแอเหมือนกับมด

Prev
Next

ความคิดเห็นสำหรับ "ตอนที่ 565: เผชิญหน้ากับสิ่งมีชีวิตสี่มิติ"

4 4 โหวต
คุณชอบเรื่องนี้ไหม?
ติดตาม
เข้าสู่ระบบ
แจ้งเตือนของ
กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่คุณอาจชอบ

Thron of immortality ปกนิยาย
Marvel: Throne of Immortality
สิงหาคม 11, 2023
Seized by the System
Seized by the System
มีนาคม 12, 2022
Black Tech Internet Cafe System
Black Tech Internet Cafe System
มีนาคม 12, 2022
Super System Modifier
Super System Modifier
มีนาคม 12, 2022
หลังบ้านผมเป็นที่ทิ้งขยะ (Galactic Garbage Station)
หลังบ้านผมเป็นที่ทิ้งขยะ (Galactic Garbage Station)
พฤษภาคม 17, 2022
ปล้นสวรรค์
ปล้นสวรรค์
มีนาคม 12, 2022
Tags:
sci-fi
ประวัติการเข้าชม
You don't have anything in histories
หมวดหมู่นิยาย
  • sci-fi (24)
  • Video Games (11)
  • กำลังภายใน (36)
  • จีนกำลังภายใน (1)
  • ดราม่า (3)
  • ตลก (3)
  • นิยายลิขสิทธิ์ (18)
  • นิยายแต่ง (3)
  • ย้อนยุค อนาคต (7)
  • สยองขวัญ (2)
  • เกมส์ออนไลน์ (5)
  • แฟนตาซี (161)

© 2025 Madara Inc. All rights reserved

Premium Chapter

คุณจำเป็นต้องเข้าสู่ระบบก่อน

wpDiscuz