Epoch of Twilight จบแล้วอ่านฟรี - ตอนที่ 544: ความขัดแย้ง
ตอนที่ 544: ความขัดแย้ง
ลู่หยวนกำลังจะแก้ไขดาบฟันขาม้าของเขา
ตอนแรกเขาใช้พลังจิตของเขาเพื่อตรวจสอบดาบฟันขาม้า มันเป็นสิ่งที่ซับซ้อนของอะตอมโลหะและชีวโมเลกุล พวกมันไม่ได้ยุ่งเหยิง แต่มีลักษณะที่เป็นระเบียบ
ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันเป็นวัสดุที่ดีเยี่ยม แม้ว่าจะไม่สามารถเทียบได้กับวัสดุขั้นสูง ไม่ว่าจะเป็นคุณสมบัติทางกายภาพหรือทางเคมีของมัน แต่พวกมันยอดเยี่ยมเมื่อเทียบกับวัสดุทั่วไป เทคโนโลยีของมนุษย์ยังไม่สามารถผลิตวัสดุที่มีความแข็งแรงเช่นนี้ได้ ยังใช้แค่วัสดุธรรมดา
อย่างไรก็ตามวัสดุเหล่านี้ลู่หยวนสามารถทำให้เหมือนกันได้อย่างง่ายดาย
ในไม่ช้าดาบฟันขาม้าเล่มใหม่ก็ปรากฏขึ้นในมือของเขา
ทั้งสองเล่มดูเหมือนกันเพราะว่าพวกมันถูกสร้างขึ้นโดยแม่พิมพ์เดียวกัน แม้แต่โครงสร้างอะตอมก็เหมือนกัน อย่างไรก็ตามลู่หยวนรู้สึกได้ว่าดาบฟันขาม้าทั้งสองเล่มต่างกันโดยสิ้นเชิงและเขาสามารถแยกแยะความแตกต่างระหว่างพวกมันได้
หนึ่งในดาบฟันขาม้านั้นมีลักษณะคล้ายกับส่วนขยายของเนื้อและเลือด เนื่องจากมันมีการเชื่อมโยงกับร่างกายของเขาอย่างแนบแน่น ดูเหมือนมันจะหายใจราวกับเป็นสิ่งมีชีวิต เมื่อคนทั่วไปเข้าใกล้มัน คน ๆ นั้นจะรู้สึกได้ถึงความเยือกเย็นของดาบฟันขาม้า แต่ทว่าดาบฟันขาม้าอีกเล่มไม่ได้ปล่อยออร่าออกมา นอกจากที่พวกมันทั้งสองมีความคมเหมือนกันแล้วก็ไม่มีอะไรพิเศษเกี่ยวกับเรื่องนี้
ยิ่งไปกว่านั้นดาบฟันขาม้าที่ทำให้เหมือนกันก็ไม่ได้มีพลังของเล่มเดิมที่เป็นต้นแบบ
อันที่จริงลู่หยวนไม่ได้รู้สึกแปลกใจเพราะเขาไม่ได้ทำให้เหมือนเล่มเดิมได้อย่างสมบูรณ์แบบ ด้วยการมองเห็นสิ่งที่เล็กมากโดยการใช้พลังจิตของเขา เขาสามารถมองผ่านชั้นนิวตรอนเท่านั้น เขาไม่สามารถมองผ่านอนุภาคที่มีขนาดเล็กลงเช่นควาร์ก (Quark) หรือเลปตอน (Lepton) ได้
รอยประทับพลังจิตของตัวมันเองจะเป็นสสารในชั้นที่ลึกซึ่งเป็นปฏิกิริยาที่เกิดจากการพัวพันเชิงควอนตัม ด้วยความสามารถในปัจจุบันของเขา เขายังไม่สามารถมองผ่านมันได้ นอกจากนี้ดาบฟันขาม้าของเขายังมีความสามารถในการตัดผ่านช่องว่าง เห็นได้ชัดว่าสสารนั้นทำจากสิ่งที่มีคลื่นพลังงานในระดับที่สูงกว่า
ตอนนั้นเขาก็นึกขึ้นได้ถึงความสามารถในการผสานของระบบก่อนหน้านี้ แม้เขาจะมีเหตุผล แต่มันก็ยังหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่เขาจะถูกกระตุ้นโดยมัน
เมื่อเขาเริ่มใช้มันครั้งแรกเขารู้สึกว่ามันน่าทึ่งมากและก็ไม่ได้คิดอะไรอีก อย่างไรก็ตามเขารู้สึกกลัวเมื่อนึกถึงมันในตอนนี้ จะต้องมีความสามารถทางเทคโนโลยีอันมหาศาลที่อยู่เบื้องหลังพลังนั้น
ในขณะที่เขารู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับระบบของอารยธรรมที่ยิ่งใหญ่ที่ไม่รู้จักนี้ ลู่หยวนรู้สึกได้ถึงความแข็งแกร่งของมันว่ามันเป็นยังไง
คำจำกัดความของความแข็งแกร่งนี้ไม่ได้เกี่ยวกับปริมาณพลังงานอีกต่อไป แต่มันเป็นเรื่องของความสามารถในการควบคุมอนุภาคขนาดเล็ก ใครก็ตามที่สามารถควบคุมอนุภาคขนาดเล็กได้ คนๆ นั้นจะมีความเข้าใจที่ดีขึ้นเกี่ยวกับธรรมชาติของจักรวาล และด้วยเหตุนี้จึงเป็นผู้ที่แข็งแกร่งขึ้น
เทคโนโลยีของมนุษย์สามารถมองผ่านชั้นขององค์ประกอบเท่านั้น เมื่อเทียบกับอารยธรรมที่ไม่รู้จักนั้นมันเหมือนมดที่เผชิญหน้ากับช้าง เมื่อช้างยกขาของมัน มันสามารถฆ่ามดได้อย่างสบาย ๆ และทำให้มันกลายเป็นเนื้อสับละเอียด
แม้กระทั่งลู่หยวนก็แข็งแกร่งกว่ามดเหล่านั้นเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น
เขาขมวดคิ้วและตื่นจากความคิดของเขา เพราะมันไร้ประโยชน์ที่จะคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้
ต่อจากนั้นดาบฟันขาม้าทั้งสองก็สลายตัวทันที และในเวลาเดียวกันสสารจำนวนมากก็เริ่มรวมตัวกัน วินาทีต่อมาดาบฟันขาม้าเล่มใหม่ก็ปรากฏขึ้นในมือของเขาอีกครั้ง
ดาบฟันขาม้าเล่มใหม่ถูกบีบอัดในอัตรา 60,000 และหนักถึง 1,000 ตัน
อย่างไรก็ตามมันเบามากสำหรับเขา และเขาสามารถยกมันได้อย่างสบายๆ
ลู่หยวนเหลือบมองดูมัน และในไม่ช้าเขาก็วางมันไว้บนชั้นวางอาวุธใกล้ ๆ
จริงอยู่ที่อาวุธไม่ได้มีความหมายอะไรกับเขา ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของสิ่งมีชีวิตสี่มิติพลังจิตของเขาคือสิ่งที่แข็งแกร่งที่สุดและยังเป็นแหล่งพลังงานของเขาด้วย เขาสร้างดาบฟันขาม้าเล่มใหม่ขึ้นเพียงเพราะว่าเขาได้รับการเร่งเร้าจากแรงกระตุ้นอย่างฉับพลัน
ลู่หยวนไม่ได้สงบอย่างที่เขาคาดหวังไว้ นับตั้งแต่เมื่อเขารู้ว่า Glassian กำลังจะมาถึง มันก็ส่งผลกระทบต่อเขา
มันเป็นแรงกระตุ้นอย่างฉับพลันที่เกิดจากสงคราม มันเป็นความปรารถนาของสิ่งมีชีวิตที่จะตอบโต้เมื่อเผชิญกับอันตราย ลู่หยวนได้เตรียมพร้อมตัวเองในการทำสงครามโดยไม่รู้ตัว ไม่ว่ามันจะมีประโยชน์หรือไร้ประโยชน์ ไม่ว่าศัตรูจะแข็งแกร่งหรืออ่อนแอก็ตาม
…
ในตอนบ่ายเฉินซินเจี๋ยและลู่จุนเชาได้มาเยี่ยมลู่หยวน
"จุนเชา เรียกพ่อสิ ! " เฉินซินเจี๋ยเร่งเร้าเมื่อเห็นว่าลูกชายของเธอนิ่งเงียบ
"พ่อ ! " ลู่จุนเชาร้องเรียกด้วยความกลัว ในขณะที่เขากลั้นหายใจ
เขาได้พบกับพ่อของเขาอีกครั้งหลังจากผ่านไปหลายปี อย่างไรก็ตามพ่อของเขาเป็นคนแปลกหน้าสำหรับเขา พ่อของเขามีสีผิวที่ไม่เหมือนมนุษย์ซึ่งเป็นสีขาวเหมือนเซรามิกและมีออร่าที่กดดัน พ่อของเขาใช้ชีวิตอยู่อย่างโดดเดี่ยวมาหลายปี ทั้งหมดนี้ทำให้เขากลัวพ่อของเขาอย่างมาก
ลู่หยวนพยักหน้าเมื่อเห็นพวกเขาทั้งสอง "อะไรทำให้คุณมาที่นี่"
เขาถามอย่างเย็นชาราวกับว่าพวกเขาทั้งสองที่กำลังยืนอยู่ตรงหน้าเขานั้นเป็นคนแปลกหน้าแทนที่จะเป็นผู้หญิงและลูกชายบุญธรรมของเขา ลู่จุนเชารู้สึกแปลก ๆ เมื่อเจอสถานการณ์เช่นนี้เป็นครั้งแรก อย่างไรก็ตามเฉินซินเจี๋ยคุ้นเคยกับมันและปลงตกกับเขาแล้ว
เธอตอบอย่างไร้ความรู้สึกว่า “ลูกชายของคุณต้องการเข้าร่วมกองทัพและแสวงหาความตาย ฉันไม่สามารถโน้มน้าวเขาได้ คุณจะเป็นทุกข์เป็นร้อนกับเรื่องนี้บ้างไหม ? ”
ลู่หยวนไม่ตอบและเบนสายตาของเขาไปที่ลู่จุนเชา "ทำไมเจ้าถึงอยากเข้าร่วมกองทัพ ! ? "
ลู่จุนเชากลัวและไม่กล้าเงยหน้าขึ้น เขาตอบอย่างขลาดกลัวว่า "Glassians โหดเหี้ยม พวกมันต้องการกำจัดเผ่าพันธุ์มนุษย์ ฉันอยาก … ฉันอยากเป็นฮีโร่เหมือนพ่อ ฉันอยากจะช่วยชีวิตมนุษย์ ! "
โฆษณารับสมัครทหารสามารถพบเห็นได้ทุกที่และมันได้เติมเต็มบรรยากาศนั้นด้วยความโกรธ ลู่จุนเชาได้รับอิทธิพลจากสิ่งนั้น เขาอายุ 14 ปีแล้ว ตามบทบัญญัติกฎหมายสงคราม เขามีคุณสมบัติในการเข้าร่วมกองทัพ
“แต่เจ้าไม่มีความแข็งแกร่งของฉัน เจ้าเป็นแค่คนธรรมดาและเจ้าไม่สามารถเป็นฮีโร่ได้ เจ้าจะกลายเป็นทหารที่ไร้ค่าหากเจ้าเข้าร่วมสงคราม เจ้าอาจจะตายได้ทุกเมื่อ” ลู่หยวนรักษาระดับเสียงให้เป็นกลาง ๆ
ลู่จุนเชากำลังอยู่ในช่วงดื้อรั้น เขาถูกกระตุ้นโดยลู่หยวนที่วิจารณ์เขา ถึงกระนั้นเขาก็ไม่กล้าเงยหน้าขึ้น แต่พูดขึ้นด้วยความกล้าว่า "ฉันไม่กลัวความตาย มนุษย์ได้มาถึงจุดที่การอยู่รอดของพวกเขาเป็นเดิมพัน ไม่มีใครสามารถหนีสิ่งนี้ได้ ในฐานะลูกชายของพ่อ ฉันควรเป็นตัวอย่างให้กับคนอื่น ๆ ต่อให้ต้องตายมันก็มีความหมาย"
"เจ้าต้องการเข้าร่วมกองทัพจริง ๆ รึ ? " ลู่หยวนถาม
"ครับ ! " ลู่จุนเชาตอบโดยไม่ลังเล
"ลู่หยวน ! " เฉินซินเจี๋ยไม่สนว่าลู่หยวนจะแข็งแกร่งแค่ไหน ในฐานะแม่ นับตั้งแต่ลูกชายของเธอเกิดมา เขาเป็นคนที่เธอรัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อลู่หยวนเย็นชากับเธอ ลูกชายคือทุกอย่างของเธอ ถึงตอนนี้เธอตะโกนใส่ลู่หยวนเพราะดูเหมือนว่าลู่หยวนจะเห็นด้วยกับเขา
เมื่อมองดูเฉินซินเจี๋ยที่กำลังโกรธ ลู่หยวนพูดขึ้นโดยไม่แสดงสีหน้าใด ๆ ว่า "ฉันไม่สามารถโน้มน้าวเขาได้ เพราะมันเป็นการตัดสินใจด้วยความสมัครใจ ฉันเคารพการตัดสินใจของเขา บางทีฉันอาจแก้ไขความทรงจำของเขาและเปลี่ยนวิธีคิดของเขาได้ แต่ฉันเดาว่าคุณจะไม่เห็นด้วยที่จะทำเช่นนั้น และเขาก็ไม่ยอมรับมันเช่นกัน " ลู่หยวนพูดอย่างใจเย็น อย่างไรก็ตามสิ่งที่เขาพูดนั้นน่ากลัวมาก
อันที่จริงถ้าลู่หยวนไม่ได้มีความรู้สึกต่อพวกเขา ลู่หยวนก็คงจะไม่คำนึงถึงสิ่งใดมากมายและถามเขาอย่างใจเย็น เขาจะปรับเปลี่ยนความทรงจำของลู่จุนเชาโดยตรง ซึ่งเขาสามารถประหยัดเวลาได้และผลลัพธ์ก็จะดีกว่าด้วย เหมือนที่เขาทำกับเมิ่งจุนหัว
เฉินซินเจี๋ยโกรธและจากไปพร้อมกับลู่จุนเชา เมื่อเห็นทั้งคู่ออกไปลู่หยวนก็ยังคงยืนนิ่ง