Castle of Black Iron - Chapter 1956: เมฆดำคืบคลานเข้าเมือง
Chapter 1956: เมฆดำคืบคลานเข้าเมือง
หลังจากที่มาถึงปลายอุโมงค์ จางเทีย ก็ได้เข้าไปในม่านแสง หลังจากนั้นเขาก็โผล่ไปในใจกลางห้องโถงกลม
ที่นี่ล้อมรอบไปด้วยคริสตัล ตอนที่ จางเทีย เข้าไป รูนในคริสตัลก็เริ่มไหลด้วยความเร็วที่สูงกว่าเดิม สุดท้ายรูนนั้นก็กลายเป็นลำแสงและหุ้มพื้นที่นั้นราวกับดักแด้ หลังจากนั้นก็มีเส้นทางแสงปรากฏขึ้นบนหัวของ จางเทีย
ในขณะเดียวกันก็มีคำพูดหลายอันโผล่มาในหัว จางเทีย
—— หอคอยเวลาเริ่มต้น แรงมิติเวลาเท่ากับความต่างระหว่างการหมุนของเวลาและการผกผันทางเวลาซึ่งคือ 1 ปี ในมิตินี้เท่ากับ 1 วันด้านนอก
—— หลังจาก ⅓ ของช่วงการเปลี่ยนซึ่งคือ 5 วันด้านนอกรึ 5 ปีในมิตินี้ แรงผันผวนมิติเวลาจะกลับเป็น 0 จากนั้นหอคอยเวลาก็จะเข้าสู่ช่วงเก็บพลังงานอีกครั้ง
—— ระหว่างช่วงนี้พลังงานในมิตินี้จะจำเป็นหยุดการเติบโตของเซลล์
—— ถ้าต้องการออกจากที่นี่ก่อน เจ้าต้องหมุนบอลเวลาบนพื้นทวนเข็มนาฬิกา
—— ผ่านไป 20 ปีด้านนอก หอคอยเวลานี้จะเริ่มทำงานใหม่
เมื่ออ่านข้อความนี้ จางเทีย ก็นึกถึงฉากตอนที่เขาเข้าไปในหอคอยเวลาครั้งแรก
หลังจากที่เดินมาตรงหน้าบอลเวลาของหอคอยเวลาแห่งนี้ จางเทีย ก็โคจรพลังวิญญาณเข้าไป จากนั้นเขาก็เห็นข้อความเดิม
—— มดได้รวมตัวกันเพื่อเอาตัวรอด พวกแข็งแกร่งจะอยู่กับความโดดเดี่ยวและหมู่ดาว
" ฮาฮา.." – หลังจากที่เงียบมาสักพัก จางเทีย ก็หัวเราะออกมา
ถ้าหอคอยเวลาถูกสร้างขึ้นโดยช่าง หอคอยเวลาแห่งนี้และอันที่เขาเข้าไปครั้งแรกต้องสร้างจากคนเดียวกันเพราะบอลเวลาของทั้งสองนั้นได้ฉายคำพูดแบบเดียวกันมา
จางเทีย รู้สึกได้ว่ามีแรงลึกลับช่วยเขาในการเข้าไปในหอคอยเวลาแบบเดียวกันในตอนวิกฤต
ตอนที่เขาหยุดหัวเราะ จางเทีย ก็นั่งลงตรงหน้าบอลเวลาและเริ่มพัฒนาพลังวิญญาณ
สำหรับคนแข็งแกร่งอย่าง จางเทีย แล้ว 5 ปีในหอคอยเวลานี้เป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆซึ่งไม่นานก็ผ่านพ้นไปจากการบ่มเพาะ
เขาสามารถใช้ 3 ปีแรกในการฟื้นฟูช่วงเปราะบางของเขา สำหรับ 2 ปีที่เหลือนั้นเขาจะเริ่มสร้างจักระอมตะของเขา..
…
ในเย็นวันเดียวกันนั้นมีเรือบินลำหนึ่งได้ไปที่เมืองเสือกอด, เขตย่อยยังฮี, เขตยูซูตอนอาทิตย์ตกดิน มันค่อยๆลงจอดที่เมืองเสือกอด
หลานหยุนซี หัวหน้าของวังไฮหยวน, จางมูเร และ จางมูยู ต่างก็ไปต้อนรับแขกพิเศษ
เวลานั้นปราณีต่ออัศวินโดยเฉพาะผู้หญิง กว่า 20 ปีนี้ไม่ได้มีร่องรอยบนใบหน้าของ หลานหยุนซี เลย มันเหมือนแค่ 3 ปีสำหรับเธอ เธอยังคงเหมือนเดิมแต่บุคลิกของเธอนั้นดูมั่นคงและเหินห่างกว่าเดิม พวกผู้ดูแลและศิษย์ของวังไฮหยวนในเมืองเสือกอดไม่ได้เห็นสีหน้าใดๆที่แสดงจิตใจของเธอออกมาหลายปีแล้ว แม้แต่จะมองตากันก็ยังทำให้พวกเขาต้องกดดันอย่างมาก ดังนั้นทุกคนจึงพากันระวังเมื่ออยู่ต่อหน้าเธอ
ในวังไฮหยวน หลานหยุนซี นั้นเริ่มสูงส่งกว่าเดิม แม้แต่พวกผู้อาวุโสก็ไม่กล้าคุกคามเธอ
วันนี้ หลานหยุนซี นั้นดูเหินห่าง, หยิ่งและสูงส่งกว่าเดิมในกระโปรงดำที่ทำขึ้นจากไหมอสรพิษทองคำ ความสูงส่งในฐานะหัวหน้าตระกูลนั้นแทบจะไม่มีใครเทียบได้
เมื่อเห็นเรือบินที่ค่อยๆลงจอด ตาของเธอก็ยังสงบอยู่ราวกับว่ามองเมฆลอยผ่านไป
ในทางกลับกันแล้ว มูเร และ มูยู ที่อยู่ข้างๆมองเรือลำนั้นด้วยสีหน้าซับซ้อน
คนอื่นอาจจะไม่รู้จักเรือบินนี้ ในฐานะผู้อาวุโสของวังไฮหยวนแล้ว พวกเขารู้จักมัน จริงๆแล้วพวกเขาจำมันขึ้นใจ
เพราะเรือบินนี้เคยเป็นของวังไฮหยวน เอาให้แม่นยำคือมันเป็นของ ผู้อาวุโสมูเฉิน มูเฉิน ได้มันจากนิกายไทยิผ่านการพนันในดินแดนธาตุดิน หลังจากนั้นเขาก็คืนมันกลับให้นิกายไทยิ แม้ว่ามันจะเกิดขึ้นเมื่อหลายสิบปีก่อนแต่เมื่อเห็นเรือบินนี้ มูเร และ มูยู ก็ยังนึกถึงการที่ จางเทีย เอามันมาที่เขตยูซูในครั้งแรก…
แต่เมื่อเห็นเรือบินลำเดิมมายังเมืองเสือกอด มันก็ไม่มี ผู้อาวุโสมูเฉิน อยู่ที่นี่อีกต่อไปแล้ว เวลาได้ผ่านพ้นไป ทุกอย่างก็เปลี่ยนไปด้วย
ไม่ไกลจาก หลานหยุนซี, มูเร และ มูยู, ผู้ดูแลและศิษย์ของวังไฮหยวนต่างก็รอคอยแขกด้วยความเคารพ ในทางกลับกันแล้วผู้ดูแลและศิษย์นั้นมองดูเรือบินด้วยความเกลียดชัง
เครื่องหมายของนิกายไทยิบนเรือบินนั้นง่ายที่จะเห็นได้ ทุกคนในภูเขาเห็นมันได้อย่างชัดเจนแต่ใจของผู้ดูแลและศิษย์หลายคนแล้วนิกายไทยินี้เป็นศัตรูอันดับ 2 รองจากปิศาจรึอาจจะอยู่อันดับเดียวกันด้วยซ้ำ
มันคือบัตรเชิญสีดำของนิกายไทยิและอีกสองนิกายที่ทำให้เกิดการตายของ ผู้อาวุโสมูเฉิน
แม้ว่าวังไฮหยวนและวังจินวูจะฟังดูเหมือนตระกูลเดียวกันแต่การผูกมัดทางสายเลือดนั้นแยกจากกันเพราะชื่อ กว่าหลายสิบปีที่ผ่านมาภายใต้การดูแลของหัวหน้าตระกูลคนใหม่ แม้ว่าวังไฮหยวนและวังจินวูจะไม่ได้ติดต่อกันแต่มันก็ต้องมีการแลกเปลี่ยนกันบ้างโดยเฉพาะสำหรับพวกตำแหน่งต่ำๆ
กว่าหลายสิบปีที่ผ่านมา วังจินวูก้าวหน้าขึ้นอย่างมากและกลายเป็นตระกูลใหญ่ในไทเซีย ในขณะเดียวกันวังจินวูก็ได้ดูแลวังไฮหยวนอย่างมากในหลายด้านรวมไปถึงการให้น้ำมันไฟและยารักษารอบด้าน ธุรกิจและผลประโยชน์เหล่านี้ที่ตระกูลอื่นได้จากวังจินวูเอง วังไฮหยวนก็ได้มัน ฝ่ายหลังอาจจะได้มากกว่าด้วยซ้ำ หากไม่มีความเป็นห่วงจากวังจินวู ทั้งหมดคงเป็นเรื่องเป็นไปไม่ได้
เมื่อศิษย์ของวังไฮหยวนได้ออกจากเขตยูซูเพื่อจัดการธุระ พวกเขามักจะได้รับการดูแลในนามวังจินวู แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้พูดถึงวังจินวูแต่พวกที่รู้จักวันไฮหยวนจะถือว่าให้ความเคารพในนามของ ผู้อาวุโสมูเฉิน ในเขตยูซู แม้แต่เขตกองทัพตะวันออกเฉียงเหนือ ไม่มีใครกล้าหาเรื่องคนของวังไฮหยวน แม้ว่าหัวหน้าตระกูลและขุมกำลังในวังไฮหยวนอาจจะไม่รู้สึกถึงเรื่องนี้ดีนักแต่พวกผู้ดูแลและศิษย์นั้นรับรู้เรื่องเหล่านี้ดี
แม้ว่า ผู้อาวุโสมูเฉิน จะตายไปแล้วที่ทะเลทรายหยินไห่มากกว่า 20 ปีแต่พวกคนแก่ในวังไฮหยวนก็ยังคงบอกลูกหลานในตระกูลถึงผลงานของ ผู้อาวุโสมูเฉิน และมักจะนึกถึงความรุ่งโรจน์ของวังไฮหยวนตอนที่ ผู้อาวุโสมูเฉิน ยังมีชีวิตอยู่ หลังจากที่ได้ยินเรื่องราวมากมายเกี่ยวกับ จางเทีย ศิษย์หลายคนก็เกลียดชังนิกายไทยิ, ศาลาสวรรค์และศาลาเฉียงลู่อย่างมาก
เมื่อเห็นเรือบินของนิกายไทยิค่อยๆลงจอด ศิษย์และผู้ดูแลหลายคนก็มีคำถามในหัว
พวกเขาไม่เห็นเรือบินของนิกายไทยิ, ศาลาสวรรค์และศาลาเฉียงลู่เข้ามาในเขตยูซูกว่า 20 ปีหลังจากการต่อสู้ที่ทะเลทรายหยินไห่ในปี 907 ทั้งเขตยูซูเกือบจะเป็นเขตหวงห้ามของสามนิกาย ไม่ใช่แค่เรือบิน แม้แต่ศิษย์ของสามนิกายใหญ่นี้ก็ไม่กล้าเข้ามาที่นี่ ไม่รู้ว่าทำไมเรือบินของนิกายไทยิถึงได้โผล่มาที่นี่ได้ในวันนี้ ยิ่งกว่านั้นเรือบินนี้ยังเคยถูกใช้โดย ผู้อาวุโสมูเฉิน ด้วย มันคือเรื่องวิเศษอย่างหนึ่งในยุครุ่งเรือง คนไหนในนิกายไทยิถึงได้กล้าทำแบบนี้ในเขตยูซู..
เมื่อเรือบินลงจอดและประตูได้เปิดออก หลานหยุนซี ก็มองไปยังผู้ดูแลและศิษย์จนทำให้พวกนั้นต้องลดสายตาลง
ตอนนั้นประตูได้เปิดออกมาพร้อมกับบันไดที่ทอดยาวจนถึงพื้น เฟิงยี่เสี่ยว ผู้อาวุโสสูงของนิกายไทยิได้เดินออกมาจากเรือบิน
กว่า 20 ปีมานี้ เฟิงยี่เสี่ยว ดูผอมลงกว่าเดิม ผมของเขากลายเป็นสีเงิน มีรอยย่นที่หน้าเขาเพิ่มขึ้น เขาดูเฉียบคมกว่าแต่ก่อน
" ด้วยความเคารพ ผู้อาวุโสเฟิง " – หลานหยุนซี โค้งให้กับ เฟิงยี่เสี่ยว ในฐานะศิษย์ของนิกายไทยิ !
" ยินดีที่ได้พบ ผู้อาวุโสเฟิง ! " – มูเร และ มูยู ทักอย่างใจเย็น แม้ว่าจะเป็นอัศวินเงาแต่ เฟิงยี่เสี่ยว ก็ไม่อาจจะทำให้ผู้อาวุโสของวังไฮหยวนอ่อนน้อมต่อตนได้
" ฮาฮา ข้าไม่ได้มายังที่ห่างไกลอย่างเขตยูซูมากว่า 20 ปี เมืองเสือกอดดูรุ่งเรืองกว่าเดิม " – เฟิงยี่เสี่ยว เปิดปากพูดด้วยรอยยิ้มปลอมๆ หลังจากที่ได้ยินแบบนั้น หน้าของ มูเร และ มูยู ก็แข็งทื่อไปชั่วครู่
แน่นอนว่าสองคนนี้รู้ว่า เฟิงยี่เสี่ยว มาที่นี่เพื่อส่งบัตรเชิญสีดำให้กับวังจินวูเมื่อ 20 ปีก่อน ผู้อาวุโสมูเฉินตายไปเพราะมัน
" ข้าได้เตรียมเครื่องดื่มให้ท่านแล้ว ผู้อาวุโสเฟิง เชิญ.." – หลานหยุนซี เชิญ เฟิงยี่เสี่ยว ด้วยใบหน้านิ่งเช่นเดิมราวกับว่าเธอไม่ได้ยินคำพูดตะกี้
" ไม่จำเป็น ข้าไม่ได้มาเพื่อดื่ม ข้ามีเรื่องจะเจรจากับเจ้า ! " – เฟิงยี่เสี่ยว พูดขึ้นพร้อมใบหน้าที่จริงจังขึ้นมา ในขณะเดียวกันเขาก็โบกมือและคุยกับ หลานหยุนซี ด้วยท่าทีสูงส่ง – " ไปคุยกันในที่ส่วนตัว ! "
" เมื่อ ผู้อาวุโสเฟิง มีเรื่องจะเจรจากับข้า งั้นก็ไปคุยกันที่วังแสงของวังไฮหยวน ! " – หลานหยุนซี หันกลับและเดินไปที่วังแสงพร้อมกับ เฟิงยี่เสี่ยว
ตอนที่มาถึงทางเข้าวังแสง เฟิงยี่เสี่ยว ก็ได้มองไปที่ มูเร และ มูยู ก่อนจะบอกกับ หลานหยุนซี – " เรื่องนี้เกี่ยวกับเจ้าเท่านั้น ข้าไม่คิดว่าคนอื่นจะตามเราไปด้านในได้.."
หลังจากที่ได้ยินแบบนั้นหน้าของ มูเร ก็แดงกล่ำเพราะความโกรธ เขามองไปที่ เฟิงยี่เสี่ยว ราวกับต้องการระบายอารมณ์ออกมาแต่เขาก็ถูก มูยู ห้ามเอาไว้
" ข้าเป็นศิษย์ของนิกายไทยิ ในฐานะหัวหน้าตระกูลแล้ว สิ่งที่ข้าสามารถรู้เกี่ยวกับนิกายไทยิและวังไฮหยวนนั้น ผู้อาวุโสทั้งสองก็ควรรับรู้ด้วย.." – หลานหยุนซี พูดอย่างใจเย็น
" ตามสบาย " – เฟิงยี่เสี่ยว ตอบกลับด้วยการฮึดฮัดแล้วสะบัดแขนเสื้อก่อนจะเดินเข้าไปในวังแสงนำหน้า หลานหยุนซี ด้วยท่าทีหยาบคาย
หลังจากที่เข้าไปนั่งในวังแสง หลานหยุนซี ก็บอกให้ผู้ดูแลเอาชามาเสิร์ฟ หลังจากที่เทชาใส่แก้วแล้ว เฟิงยี่เสี่ยว ไม่ได้ดื่มมัน เขากลับปิดมันแทนราวกับว่าเขาไม่ชอบรสชาติของมัน เขาถึงกับส่ายหน้าและพูดขึ้น – " ดูเหมือนว่าวังไฮหยวนจะตกต่ำลงจริงๆ ทุกคนรู้จักชาวิญญาณเลือดคุณภาพสูงในเขตยูซูว่าเป็นชาที่ดีที่สุดในไทเซีย ไม่ใช่ว่าวังไฮหยวนควรเอามารับแขกรึไง ? "
"ชาวิญญาณเลือดคุณภาพสูงนั้นเป็นของในนิกายมังกรเหล็ก มันปลูกได้น้อยในแต่ละปี อีกอย่างแล้วก็แจกจ่ายมาด้านนอกไม่มาก ที่นี่ไม่ได้เก็บมันไว้ ! " – หลานหยุนซี หยิบแก้วชาขึ้นมาและจิบก่อนจะพูดอย่างใจเย็น
" จริงรึ ? แต่วังไฮหยวนเองก็มียารักษารอบด้านและน้ำมันไฟมากมายที่เป็นของวังจินวู.." – เฟิงยี่เสี่ยวพูดต่อและมองไปที่ หลานหยุนซี ด้วยรอยยิ้มเยาะ
" น้ำมันไฟและยารักษารอบด้านนั้นมีทั่วโลก ไม่ใช่แค่ในไทเซีย แม้แต่ทวีปอื่นๆก็ยังมี นิกายไทยิเองก็ด้วย มันเป็นการค้าระหว่างวังไฮหยวนและวังจินวู คนของข้ารับหน้าที่เรื่องนี้ ข้ายากจะสนใจมัน ถ้า ผู้อาวุโสเฟิง สนใจ ข้าเรียกคนของข้ามาได้ ผู้อาวุโสถามเขาเรื่องนี้ได้ .."
แน่นอนว่าผู้อาวุโสสูงของนิกายไทยิที่เป็นอัศวินเงาขั้น 6 นั้นไม่ชอบที่จะคุยกับพวกลูกน้อง แม้ว่าคำพูดของ หลานหยุนซี จะฟังดูเคารพแต่มันก็ทำให้ เฟิงยี่เสี่ยว เงียบไปทันที เขาได้แต่ตอบกลับด้วยการฮึดฮัด – " จริงๆแล้วข้ามาที่นี่เพื่อเจรจากับเจ้า จริงๆแล้วข้ามาเพื่อบอกเจ้า ! "
" ว่ามาได้เลย "
" เพราะเจ้าชายสามโดนฆ่า เจ้าก็ยังไม่แต่งงาน หัวหน้านิกายจึงหาสามีที่ดีให้เจ้า ! "
" ข้าสงสัยว่าใครกันที่นิกายไทยิหาให้หัวหน้าตระกูลของเรา ! " – มูยู ถาม เฟิงยี่เสี่ยว ด้วยใบหน้านิ่ง
" ซวนหยวนลี่ เจ้าชายเก้า ! "
" ไม่ใช่ว่า ซวนหยวนลี่ มีภรรยาแล้วรึ ? หัวหน้าของเราจะแต่งงานกับเขาได้ยังไง ? " – มูยู ถามต่อ
" แน่นอนว่าเธอไม่ได้จะเป็นภรรยาเขาแต่เป็นสนมของเขา.." – เฟิงยี่เสี่ยว ยิ้มเยาะแล้วมองอย่างไม่พอใจไปที่ มูยู
มูยู และ มูเร เปลี่ยนสีหน้าไปทันทีแล้วดีดตัวขึ้นปล่อยพลังฉีออกมา…