Castle of Black Iron - Chapter 1949: แผนของโอ๊กแฮม
Chapter 1949: แผนของโอ๊กแฮม
หลังจากที่ผ่านป้อมมา จางเทีย ก็พบว่าภูมิประเทศทด้านหน้าเปิดโล่งออก มันมีถนนที่ปูอย่างดีหลายเส้นที่นำไปสู่ทิศทางต่างๆแต่ถนนพวกนี้เต็มไปด้วยพาหนะกองทัพและทหาร
น้ำมันไฟนั้นคือของสำคัญซึ่งสามารถใช้ได้แต่ในตอนวิกฤต เพื่อที่จะลดความกดดันเรื่องน้ำมันไฟ มีพาหนะหลายส่วนที่รับหน้าที่ในการสื่อสารและเคลื่อนพลที่ใช้ระบบไอน้ำแบบเดิม เครื่องยนต์ไอน้ำไม่ได้เลือกมากอะไร พวกมันวิ่งได้ด้วยการเผาถ่าน, ฟืนและน้ำ พวกมันสะดวกในการดูแล พวกมันยังมีประโยชน์ในสนามรบ
แน่นอนว่าพาหนะน้ำมันไฟก็ยังมีอยู่ในถนนแห่งนี้แต่พวกพาหนะน้ำมันไฟนั้นถือว่ามีไว้สำหรับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกองทัพ จางเทีย ได้เจอกับรถแบบนั้นสองคัน เจ้าหน้าที่ทั้งหมดในรถนั้นล้วนแต่เป็นผู้การ
ข้างถนนซึ่งเคยเป็นพื้นที่เพาะปลูกนั้นรกร้าง ถ้าไม่ใช่เพราะสงคราม พื้นที่เหล่านี้คงให้ข้าวมาในเดือนมิถุนา ตอนนั้น จางเทีย ที่เดินอยู่บนถนนพบว่าพื้นที่เพาะปลูกทั้งหมดเต็มไปด้วยต้นหญ้า มีหลายที่ถูกเอาไปใช้สร้างสนามฝึกรวมถึงลานจอดเครื่องบิน มันดูยุ่งวุ่นวาย ทหารอากาศทั้งหมดจะบินออกจากที่นั่นไปยังเมืองน้ำเย็นอยู่ตลอด ส่วนลานจอดเครื่องบินคือส่วนที่ยุ่งที่สุด
ตอนที่ จางเทีย เดินอยู่บนถนนเพียงลำพัง มีรถหลายคันและทหารหลายคนที่ผ่านไปมามองมาที่เขา หลังจากนั้นพวกนั้นก็แค่ผ่านไป ผ่านไปไม่กี่นาทีก็มีรถบรรทุกที่เต็มไปด้วยผักคันหนึ่งมาจอดข้าง จางเทีย
มีลุงคนหนึ่งในชุดกองทัพมีกลิ่นตัวคล้ายกับถ่านโผล่หัวออกมาจากหน้าต่างแล้วตะโกนออกมาหา จางเทีย – " เอ้ย ให้ไปส่งมั้ย ? ข้าจะไปเมืองเฟยหนาน.."
จางเทีย หันไปมองชายวัยกลางคน จากนั้นเขาก็พยักหน้าแล้วไปเดินไปอีกฝั่งแล้วเปิดประตูเข้าไปนั่ง
ชายวัยกลางคนนี้อ้วน เขากินพื้นที่สองคนด้วยซ้ำจนเหลือแต่ที่ติดกับประตูให้ จางเทีย แต่ที่ตรงนั้นมีกรงห่านตั้งไว้อยู่แล้ว
" เอาห่านไปไว้เบาะหลัง พวกคนรวยน่ะชอบกินตับห่านไม่ว่าจะไปไหนก็ตามแม้แต่ในสนามรบ ! " – ชายวัยกลางคนพึมพำ จากนั้น จางเทีย ก็ได้เอากรงห่านไปไว้ที่เบาะหลังแล้วปิดประตู คนขับมองมาที่ จางเทีย อีกรอบก่อนจะสตาร์ทรถ
" เจ้ามาจากอาณาจักรแสงงั้นเหรอ ? "
" ใช่ ! "
" ทำไมเจ้าถึงอยู่คนเดียว.."
" คนอื่นตายแล้ว ! "
" เอิ่ม…"
หลังจากที่สำลักเพราะคำตอบนี้ คนขับก็มองที่ จางเทีย อีกรอบ จากนั้นเขาก็พึมพำบางอย่างและขับรถออกไป
บุคลิกของ เฟรด นั้นดูเคร่งขรึมและเหินห่าง จริงๆแล้วนักสู้ทุกคนในดาบแสงก็เป็นแบบนี้ ดังนั้นมันจึงไม่แปลกอะไรที่ จางเทีย ทำตัวแบบนี้
…
10 นาทีต่อมารถก็ได้มาถึงทางแยกด้านนอกเมืองเฟยหนาน ทางแยกนั้นนำไปสู่เมืองใกล้ๆ ตอนนั้น จางเทีย ก็พูดขึ้นมา -" จอดที " – คนขับไปจอดรถ จากนั้น จางเทีย ก็ลงจากรถแล้วปิดประตู เขาไม่ขอบคุณด้วยซ้ำ เขาแค่พยักหน้าให้ชายวัยกลางคนเล็กน้อยแล้วเดินเข้าไปในเมือง
เมืองนี้คือแคมป์สามของดาบแสง ชาวบ้านในเมืองย้ายออกไปหมดแล้วเหลือทิ้งไว้แต่บ้านที่ว่างเปล่า แม้ว่าจะมีนักสู้กว่า 2,000 คนของดาบแสงอยู่ด้านในแต่มันก็ยังดูว่างเปล่าอยู่ดีแต่มันก็เพื่อการป้องกันทางอากาศ ถ้าพวกเขากระจายตัวกันอยู่รอบเมือง แม้ว่าเมืองนี้จะได้รับการโจมตีทางอากาศโดยทหารอากาศของอาณาจักรพันธมิตรศักดิ์สิทธิ์แต่ก็ไม่เสียคนมากมายอะไร
หลังจากที่โชว์สร้อยให้กับยาม จางเทีย ก็ได้เข้ามาในเมือง
เทียบกับแคมป์อื่นๆแล้ว เมืองนี้ดูสงบกว่า มันถึงกับอึมครึมนิดๆด้วย นอกจากเสียงจากสนามฝึกแล้ว เมืองนี้เงียบราวกับบ้านนอก นักสู้ทุกคนที่เดินอยู่ในเมืองนี้ต่างก็พากันเงียบและไม่ค่อยพูดคุยกัน พวกที่มารวมตัวกันรอบเมืองเฟยหนานต่างก็พากันกลัวเมืองเล็กๆนี้
จางเทีย ไม่รู้ว่าเมืองนี้มีโบสถ์แบบไหน หลังจากที่หน่วยสามมาถึงที่นี่ เครื่องหมายเดิมบนโบสถ์ก็ถูกเปลี่ยนเป็นเครื่องหมายของโบสถ์แสง หลังจากนั้นมันก็ถูกเปลี่ยนเป็นสำนักงานชั่วคราวของหน่วย 3 จากดาบแสง
หลังจากที่มาถึงที่นี่ จางเทีย ก็แนะนำตัวกับพวกยามด้านนอกสำนักงาน ยามคนหนี่งเดินเข้าไปรายงาน ไม่ถึงครึ่งนาทียามก็กลับออกมา หลังจากที่มองไปที่ จางเทีย ด้วยความชื่นชม เขาก็พา จางเทีย เข้าไป
…
ผู้อาวุโสผมเทาในชุดแดงที่มีพระอาทิตย์ปักไว้ที่เสื้อและมงกุฎพรีสคล้ายกับหัวปลาได้มองมาที่ จางเทีย ด้วยสายตาเชิงสำรวจ
" ด้วยความเคารพ ท่านซากูลิ ข้า เฟรด กัปตันทีม 76 แสงจะคงอยู่ไปตลอดกาล.."
จางเทีย โค้งให้อีกฝ่ายแล้วพูดขึ้นมา
ผู้อาวุโสคนนี้รับหน้าที่ดูแลหน่วย 3 ของดาบแสง นี่คือหัวหน้าของ เฟรด และพรีสของอาณาจักรแสงที่ซึ่งอยู่ระดับ 15 ถ้าชายคนนี้ขึ้นเป็นอัศวินได้ เขาก็จะกลายเป็นหัวหน้าพรีสซึ่งหมายความเป็นหนึ่งในขุมกำลังของอาณาจักรแสง
" เจ้าบอกว่าเจ้ารู้สึกได้ถึงการช่วยเหลือของพระเจ้างั้นรึ ? " – ซากูลิ ถาม จางเทีย อย่างใจเย็น
" ใช่ ดังนั้นข้าจึงกลับมาที่แคมป์ก่อนล่วงหน้า ! "
" พิสูจน์มา ! " – ซากูลิ ไม่ได้ทดสอบ จางเทีย ด้วยคำพูด เขาแค่บอกให้คนดูแลส่งคริสตัลสีแดงตรงหน้าไปให้ จางเทีย
หลังจากที่รับคริสตัลนั้นมา จางเทีย ก็ส่งพลังฉีเข้าไป หลังจากนั้นคริสตัลก็ส่องแสงสีแดงหม่นๆออกมา
หลังจากที่คนดูแลรับคริสตัลกลับไป ซากูลิ ก็พยักหน้าแต่เขายังไม่ได้เผยรอยยิ้มออกมาบนใบหน้าที่แข็งทื่อ เขาพูดขึ้นมา – " ไม่เลว ดูเหมือนว่าเจ้าจะได้รับความช่วยเหลือจากพระเจ้าจริงๆ จากนี้เจ้าไม่ต้องออกไปทำภารกิจแล้ว พักในแคมป์สัก 2-3 วันแล้วจะมีคนมารับเจ้า ! "
" ขอบคุณ หัวหน้า ! "
พรีสแสงโบกมือให้คนพา จางเทีย ออกไปจากห้อง…
ซากูลิ ไม่ได้ถาม จางเทีย เรื่องคนในทีมเขาราวกับว่าไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเขาด้วย..
..
หลังจากที่ออกจากโบสถ์มาไม่กี่นาที จางเทีย ก็มาถึงที่พักของตัวเอง มันเป็นบ้านสองชั้นกับลานเล็กๆมีพื้นที่ประมาณ 30 ตร.ม. มันมีฟืนเหลืออยู่ในลานที่เจ้าของเดิมทิ้งเอาไว้ มันมีห้องในบ้านนี้ซึ่งแต่ก่อนเคยเป็นห้องของ เฟรด กับลูกน้องแต่ตอนนี้มีแค่ จางเทีย ที่อยู่ในบ้านหลังนี้ ดังนั้นมันจึงดูร้างไปหน่อย
หลังจากที่ปิดประตูบ้าน จางเทีย ก็ไปที่ห้องชั้นสองใกล้กับบันได จากนั้นเขาก็เอากุญแจจากขอบหน้าต่างออกมาเปิดประตูห้องเข้าไป หลังจากที่ปิดประตู จางเทีย ก็ส่ายหน้าด้วยรอยยิ้มขมขื่น
มันไม่มีม่านในห้อง หน้าต่างถูกแผ่นไม้ปิดเอาไว้ มีแสงลอดผ่านช่องว่างของไม้มา มันมีถุงนอนวางไว้ที่พื้นทางซ้ายของประตู นอกจากนี้แล้วไม่มีอะไรอื่นอีก
หลังจากที่ถอดผ้าคลุม, เข็มขัด, กระเป่าและดาบไปห้อยแล้ว เขาก็ได้เอาคริสตัลสื่อสารออกมาจากแหวนมิติ หลังจากนั้นเขาก็ส่งข้อความหา โอ๊กแฮม — เฟรด
ไม่นานหลังจากที่ได้รับข้อความจาก จางเทีย โอ๊กแฮม ก็ตอบกลับ —- เจ้านาย รอสัก 2-3 วัน ข้าได้จัดเตรียมไว้แล้ว ทุกอย่างเป็นไปด้วยดี
หลังจากที่เก็บแหวนมิติ จางเทีย ก็นั่งลงที่พื้นและเริ่มฟื้นฟูตัวเอง
ในสายตาของคนนอก กลุ่มดาบแสงเป็นกองกำลังที่น่ากลัวเพราะทุกคนในกลุ่มนี้อยู่เหนือระดับ 6 ส่วนมากอยู่ระดับ 7-9 แม้ว่ากลุ่มนี้จะเทียบกับกลุ่มปิศาจที่มีพวกระดับ 9 ไม่ได้แต่มันก็ถือว่าแข็งแกร่งในหมู่มนุษย์
เหตุผลพื้นฐานว่าทำไมอาณาจักรแสงถึงได้มีกลุ่มแบบนี้เพราะพวกเขาเร่งการเติบโตด้วยยาแปลกๆของอาณาจักรแสง
ก่อนหน้านี้ เฟรด อยู่แค่ระดับ 5 แต่หลังจากที่ได้อาบความช่วยเหลือจากเทพแสงแล้ว เขาก็ขึ้นเป็นระดับ 9 ในเวลาแค่ครึ่งปี
ตอนนั้นมีทหาร 50 คนที่ได้อาบแสงนี้กับ เฟรด แต่มีแค่ 6 คนที่รอดมาได้ คนอื่นอีก 44 คนถูกเรียกกลับไปยังสวรรค์โดยพระเจ้าหลังจากที่ได้อาบแสงนั้น
แม้ว่าบางคนจะรอดมาได้แต่ส่วนมากนั้นไม่อาจจะปลุกจุดชีพจรได้อีกไปตลอดชีวิต อย่างมากก็ขึ้นเป็นนักสู้ระดับ 9 อีกอย่างแล้วชีวิตของพวกเขาก็จะสั้นลง พวกเขายากที่จะมีชีวิตได้นานกว่า 70 ปี..
แต่มันก็มีข้อยกเว้นอยู่บ้างไม่กี่คน ประมาณ 1 ใน 700-800 คนที่สามารถปลุกจุดชีพจรต่อได้อีก อีกอย่างแล้วพวกเขาสามารถก้าวหน้าในการบ่มเพาะ พวกนี้จะได้รับการดูแลเป็นพิเศษและถูกส่งไปยังเขตดาบแสง ในฐานะคนที่โชคดี พวกเขาก็จะเปลี่ยนชะตาของตัวเอง
น้อยคนนักที่จะรู้ว่าหนึ่งในเป้าหมายสำคัญของอาณาจกรแสงที่ส่งกลุ่มดาบแสงมาแนวหน้าคือเลือกคนอย่าง จางเทีย นอกจากนี้ยังเพื่อทำการป้องกันปิศาจไปด้วยในตัว
ตราบใดที่แนวป้องกันนั้นไม่พังลง นักสู้อย่าง เฟรด ก็จะเข้ามายังแคมป์แห่งนี้และกลายเป็นทหารตัวตายตัวแทนในสนามรบ…
ตามแผนของ โอ๊กแฮม แล้ว จางเทีย จะปลอมตัวเป็นคนพิเศษที่ได้รับความชื่นชอบจากเทพแสง จากนั้นเขาก็จะถูกส่งออกจากกลุ่มดาบแสงและได้ตัวตนใหม่ที่มีโอกาสจะได้สัมผัสกับหอคอยเวลา หลังจากนั้นเรื่องอื่นๆก็จะจัดการได้อย่างง่ายดาย…
แผนนี้เรียบง่ายและมีประสิทธิภาพ มันปิดบังตัวตนที่แท้จริงของ จางเทีย ได้อย่างดี ดังนั้น จางเทีย จึงตกลง