Castle of Black Iron - Chapter 1903: กวาดล้างปิศาจ (V)
Chapter 1903: กวาดล้างปิศาจ (V)
แม้แต่ราชาอินทรีย์รุ่นสุดท้ายก็ไม่คิดว่า จางเทีย จะใช้คุกอมตะโจมตีคน
เพราะ จางเทีย ยังไม่ได้ก่อตั้งจักระอมตะขึ้นมา เขาก็ไม่อาจจะใช้พลังของคุกอมตะได้เต็มที่แต่ จางเทีย สามารถเปลี่ยนขนาดของคุกอมตะได้รวมถึงน้ำหนักของมันได้ตามใจ ดังนั้นคุกอมตะจึงได้กลายเป็นอาวุธที่เหมาะมือสำหรับเขาได้
ยิ่งกว่านั้นมันหอคอยนี้สร้างขึ้นจากหัวใจของราชาอินทรีย์
กระบองใหญ่สีดำนี้ยาวกว่า 37 ม.และหนักกว่า 3,690 ตัน นอกจาก จางเทีย ที่ซึ่งได้ใช้สายเลือดเทพต่อสู้และมีแรงมากกว่าเดิม 10 เท่าแล้วก็ไม่มีใครในดินแดนโม่เทียนที่ใช้มันได้
ถ้าอาวุธแบบนี้ตกลงมาที่พื้น มันก็สามารถทำให้แผ่นดินไหวและถึงกับฆ่าคนได้ด้วยน้ำหนักของมัน นี่ไม่ต้องพูดถึงพลังงานของการโจมตีพลังงานที่ จางเทีย ได้ปล่อยออกมาเพราะการระเบิดพลังซึ่งมากกว่าแต่ก่อนกว่าร้อยเท่า
จากการโจมตีนี้ จางเทีย ได้ปล่อยพลังงานที่ไม่คาดคิดออกมา
มันคือการโจมตีพลังงานซึ่งได้เข้าสู่ระดับที่ไร้เทียมทาน
ถ้า จางเทีย ใช้การสาธิตพลังของตัวเองกับการฆ่าเจ้าชายปิศาจ ตอนนี้เขาคงแสดงพลังที่แท้จริงออกมาซึ่งทั้งคมกริบและร้ายแรง แรงของกฎจักรวาลนั้นอยู่ในมือเขา กระบองเขาตอนนี้ขึ้นไปถึงสวรรค์ได้ !
จักรพรรดิปิศาจเทียมซ่อนตัวอยู่ที่ไหนสักแห่งและมอง จางเทีย แบบลับๆอยู่นาน มันคิดว่ามันเข้าใจ จางเทีย ดีและรู้ไพ่ตายของเขาแต่ตอนนั้นเมื่อเห็นกระบองที่กำลังฟาดเข้ามา จักรพรรดิปิศาจเทียมก็พบว่ามันคิดน้อยเกินไป
ตอนที่ จางเทีย ได้เหวี่ยงกระบองนั้น ทั้งมิติฉีกขาดราวกับเต้าหู้ ตอนที่กระบองนั้นขยับไปตามอากาศ อากาศและพลังฉีรอบๆได้มารวมตัวกันและอันแน่นที่สองข้างของกระบองราวกับน้ำที่ไหลลงไปในหม้อ หลังจากนั้นพวกมันก็ติดไฟขึ้นมาเพราะการเสียดสีกับกระบองก่อนจะเปลี่ยนเป็นเปลวไฟสีขาว ด้วยอุณหภูมิที่สูงซึ่งละลายได้ทุกอย่างนี้ มันได้ฟาดเข้าหาจักรพรรดิปิศาจเทียมพร้อมกับมิติที่บิดเบี้ยวไปด้วย
ใบหน้าของจักรพรรดิปิศาจเทียมบิดเบี้ยวไป มันเผยให้เห็นความกลัวออกมาในสายตาเป็นครั้งแรก ตอนนั้นหลังจากที่ถูกล็อคเอาไว้โดยจักระเลือด จักรพรรดิปิศาจเทียมก็ไม่อาจจะหลบการโจมตีนี้ได้เลยแม้แต่น้อย มันได้แต่รับการโจมตีนี้ไว้ จักรพรรดิปิศาจเทียมคำรามออกมาพร้อมกับเกล็ดและหนามสีดำปรากฏขึ้นตามใบหน้าและร่างกาย ในเวลาเดียวกันนั้นมันก็ใส่ชุดเกราะสีดำแปลกๆ หลังจากนั้นมันก็ปลดปล่อยดินแดนของจักรพรรดิออกมาและหายไปในอากาศทันที มันได้เข้าสู่ดินแดนของตนซึ่งกันกระบองนั้นไว้ราวกับโล่ที่มองไม่เห็น
กระบองนี้ได้ฟาดเข้าใส่ดินแดนของจักรพรรดิปิศาจเทียม..
ในเสี้ยววินาทีเปลวไฟสีขาวนั้นก็ได้ทำให้ปิศาจในชั้นม่านต้องสับสน
ทั้งมิติในชั้นม่านเริ่มสั่นไหว ทันใดนั้นมิติก็แตกเป็นชิ้นๆ หลังจากนั้นผลเสียหายของมิติก็แสดงออกมาราวกับพื้นที่ที่มีเส้นพลังฉีสีดำในภูเขาซาก ผลก็คือพื้นที่รอบๆจักรพรรดิปิศาจเทียมได้แตกเป็นพันๆชิ้น ดินแดนนั้นพึ่งมิติ แม้แต่มิติก็ยังแตกเป็นเสี่ยงๆ นี่ไม่ต้องพูดถึงดินแดนเลย
โล่สีเทาของจักรพรรดิปิศาจเทียมได้ถูกบดขยี้ไปในทันที มันได้กระอักเลือดออกมาก่อนจะพุ่งลงไปที่พื้นราวกับอุกกาบาต
ตอนนั้นคลื่นไฟสีขาวได้กวาดไปทั่วเขตอากาศราวกับคลื่นที่รุนแรงแยกและหยุดจักรพรรดิปิศาจภูเขาดำและปิศาจนายพลสูงสุดที่กำลังพุงเข้าหา จางเทีย เอาไว้ได้ทันที
จักรพรรดปิศาจเทียมยังถูกฟาดลงไปที่พื้นจนทำให้เกิดหลุมใหญ่ลึกกว่า 2,000 ม.
จางเทีย ไม่ได้ไล่ตามไปเพราะอีกฝ่ายโดนจักระเลือดของเขาล็อคเอาไว้อยู่แล้วและไม่อาจจะหนีได้
" นานมาแล้ว มันมีวีรบุรุษที่ยังคงเชื่อในมนุษย์และรักษาคำพูดเสมอ เขาได้ฆ่าปิศาจทุกครั้งที่ลืมตา.." – จางเทีย ฮัมเพลงแล้วพุ่งไปยังพื้นที่ที่มีเส้นพลังฉีสีดำและมาตรงหน้าปิศาจเงาอัศวินปราชญ์ที่อยู่ใกล้เขาที่สุดแล้วเหวี่ยงกระบองอีกครั้ง
ปิศาจเงาอาจจะเป็นลูกน้องของจักรพรรดิปิศาจเทียม ตอนที่มันพบว่าจักรพรรดปิศาจเทียมตกอยู่ในอันตราย มันก็รีบพุ่งเข้ามานำหน้าตัวอื่นๆแต่เมื่อมันพบว่ากระบองของ จางเทีย กำลังฟาดมาที่มัน ปิศาจเงานั้นก็ได้แต่ยกโล่กับดาบของมันขึ้นซึ่งต่างก็เป็นเงินลับเพื่อป้องกันการโจมตีของ จางเทีย
ปัง***
เปลวไฟสีขาวลุกลามออกไปพร้อมกับมิติรอบๆปิศาจเงาได้แตกเป็นชิ้นๆอีกครั้งเมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีของ จางเทีย
โล่,ดาบ, เกราะพลังฉีและตัวของมันแตกเป็นชิ้นๆในเสี้ยววินาที ในเปลวไฟสีขาวนั้นทุกอย่างสลายไปราวกับหิมะภายใต้แสงแดดร้อนแรง…
เมื่อเผชิญหน้ากับแรงที่น่ากลัวแบบนี้ ทักษะต่อสู้, การเคลื่อนที่ที่รวดเร็ว, ลูกไม้และความทะเยอทะยานใดๆล้วนแต่ไร้ค่า เมื่อเจอกับกระบองแบบนี้ ทุกอย่างกลายเป็นตัวเลือกง่ายๆ —– ถ้าทนได้ เจ้าก็จะรอด ! ถ้าไม่ เจ้าก็จะตาย ! ผลลัพธ์มันชัดเจนอยู่แล้ว มันไม่มีตัวเลือกที่สาม ไม่มีการเปลี่ยนแปลงรึโชค
" วีรบุรุษได้ฆ่าปิศาจไปนับไม่ถ้วนในตอนที่เดินทางท่องโลกกับดาบและโล่ของเขา…"
บทเพลงของ จางเทีย ดังก้องไปในหมู่กองทัพปิศาจ ภายใต้บทเพลงนี้ จางเทีย ได้พุ่งไปมาและหลบการโจมตีจากจักรพรรดิปิศาจภูเขาดำได้อย่างง่ายดายแล้วอยู่ห่างไป 10,000 ม.เพียงแค่การเดินทางก้าวเดียว หลังจากนั้นเขาก็ไปอยู่ตรงหน้าปิศาจเกราะเหล็กอัศวินปราชญ์ตัวที่สองและฟาดกระบองของเขาเข้าใส่
บนอากาศนั้นเต็มไปด้วยภาพลวงตา มันเหมือนกับการที่พระอาทิตย์และดวงจันทร์ขยับ เพราะขนาดของมัน การเคลื่อนที่นี้จึงไม่อาจจะเห็นได้ ตอนที่สวรรค์และโลกพังทลาย ผู้คนจะเห็นภาพแบบนี้ ร่างของ จางเทีย และกระบองได้ทำลายคลื่นดำของขบวนรบด้วยลมได้ง่ายดายราวกับขนนกที่ปลิวไปกับสายลม เมื่อเผชิญหน้ากับลมนั้นกองทัพปิศาจจึงดูงุ่มง่ามขึ้นมา
ปิศาจตัวที่สองนั้นควรจะเห็นผลลัพธ์ของปิศาจเงาตัวตะกี้และสภาพของจักรพรรดิปิศาจเทียม เมื่อเผชิญหน้ากับกระบองนี้แล้ว มันไม่ได้เลือกที่จะป้องกันตัว มันกลับเขาสู่ดินแดนของตนและเลือกจะป้องกันตัวเองด้วยดินแดน
น่าเสียดายที่มันไม่ใช่จักรพรรดิปิศาจเทียม
ตอนที่ดินแดนของมันแตกออก มันก็กลายเป็นหมอกเลือดพร้อมกับเศษเนื้อที่กระจายออกมา…
ตอนนั้นการโจมตีรอบที่สองของขบวนรบได้เข้ามาถึง พวกปิศาจอาจจะมีประสบการณ์จากการโจมตีรอบแรก พลังฉีของมันได้ก่อตัวเป็นลำแสงแทนที่จะเป็นคลื่นดังเดิม ลำแสงได้ยิงเข้าใส่ จางเทีย ซึ่งลำแสงนี้สามารถระเหยทุกอย่างระหว่างทางได้
เมื่อเจอกับการโจมตีนี้ จางเทีย ไม่ได้ใช้กระบองในการป้องกัน เขากลับก้าวออกไปข้างๆแค่เพียงก้าวเดียวและหลบมันได้อย่างง่ายดายปล่อยให้ลำแสงพุ่งผ่านเขาไป ผลก็คือผมของเขาสะบัดไปตามแรงลมซึ่งทำให้เขาดูเหมือนกับผู้อมตะ…
การต่อสู้ต้องใช้ทั้งแรงและทักษะ
" ข้าอยากจะหาวีรบุรุษแบบนั้นในวันนี้ เจ้าไม่รู้เลยว่ายิ่งพร่ำเพ้อเท่าไหร่ก็ยิ่งไร้ค่าแต่ทหารยอมสู้กับศัตรูจนตัวตาย จากนั้นมาประเทศก็รักษาความถูกต้องเอาไว้ได้ ตอนที่ปิศาจบุกมายังไทเซีย พวกเจ้าหน้าที่ต่างก็พากันหนีและทิ้งประชากรเอาไว้ ข้าอยากจะเรียนรู้จากคนโบราณและจิตวิญญาณของวีรบุรุษ ข้าไม่สนใจชื่อเสียง ข้าไม่สนใจความเมตตา ด้วยดาบที่คมกริบนี้ข้าจะฆ่าปิศาจตอนที่ข้าโกรธ ข้าจะตัดเนื้อตัวเองและกินมันกับเหล้าแต่ข้าก็ยังพอใจและสนุกกับมัน แม้แต่เทพกับผีก็ต้องช็อกกับการกระทำของข้า.."
หลังจากที่หลบการโจมตีรอบที่สองได้ จางเทีย ก็ทำการหลบการโจมตีจากจักรพรรดิปิศาจภูเขาดำอีกครั้ง ตอนที่เขาร้องเพลงนั้นเขาได้พุ่งไปยังจุดสูงสุดของโดมของบอลสวรรค์แล้วใช้มือทั้งสองข้างจับกระบองเอาไว้พร้อมกับมองลงไปและมีสายฟ้าแล่นผ่านสายตาของเขา
ปะทะกันเพียงไม่กี่วินาทีจักรพรรดิปิศาจทั้งสองก็กลัวและนายพลปิศาจนับไม่ถ้วนก็หมดความกล้า ดังนั้นขบวนรบของปิศาจกว่าแสนตัวจึงเริ่มก่อตัวเป็นแหที่แน่นหนาเคลื่อนที่เข้ามาหา จางเทีย
ตอนนั้น จางเทีย เหมือนว่าจะไม่อาจจะหลบมันได้อีกต่อไป
" ใครก็ตามที่ฆ่า จางเทีย ได้จะได้เมือง 1,000 เมืองเป็นรางวัล.."
จักรพรรดิปิศาจเทียมตะโกนออกมา หลังจากที่ได้ยินแบบนั้นปิศาจทุกตัวก็ตาแดงก่ำขึ้นมาทันที มีการโจมตีจากพลังฉีด้วยอาวุธต่างๆแห่กันเข้าใส่ จางเทีย
เมื่อเห็นแบบนั้นนายพลมนุษย์กว่าแสนคนด้านนอกก็โกรธจนตาแทบถลนออกมา ในเวลาเดียกันวพวกเขาก็พยายามสุดตัวเพื่อโจมตีม่านแสงที่คั่นพวกเขาเอาไว้แต่ม่านแสงสั่นไหวเพียงเล็กน้อยแทนที่จะแตกออกจากกัน…
" ข้าจะไล่ตามปิศาจไปกว่าพันไมล์เพื่อฆ่าพวกมัน ข้าจะผูกมิตรกับวีรบุรุษที่จากไปอย่างซวนซูและเทียนกวง ออกจากประตูตะวันตกในตอนเช้าและกลับมาพร้อมกับหัวศัตรูในตอนเย็น ตอนที่ข้าเหนื่อยล้า ข้าต้องการที่จะหลับนอนแต่ข้าได้ยินเสียงร้องดังขึ้น…"
ในสายตาของ จางเทีย แล้ว กองทัพปิศาจหมื่นตัวนั้นไม่ได้มีค่า การโจมตีของพวกมันเหมือนกับการโจมตีธรรมดา จางเทีย ได้ร้องเพลงดังขึ้นมา หลังจากนั้นภาพจำลองของราชาอินทรีย์หกปีกก็ปรากฏขึ้นมาด้านหลังเขา หลังจากที่กางปีกออกมาแล้วราชาอินทรีย์ก็ได้เข้าปกคลุมกองทัพปิศาจซึ่งดันมันให้เข้าหาตัว จางเทีย
ตอนนั้นขบวนรบปิศาจที่ใกล้ที่สุดอยู่ห่างจาก จางเทีย ไป 30,000 ม.
ราชาอินทรีย์ได้กระพือปีกพร้อมกับแรงที่ครอบคลุมพื้นทีในอากาศไปในทันที
กองทัพปิศาจแสนตัวได้ตกลงไปที่พื้นราวกับฝนที่ตกลงไป
ตอนนั้นปิศาจระดับต่ำที่บินด้วยชุดปีก, ปิศาจนายพลลมที่สร้างจักระลมขึ้นมา, แม้แต่ปิศาจนายพลสูงสุดก็ไม่อาจจะบินได้อีกต่อไป พวกมันได้ตกลงไปที่พื้นทันที ผลก็คือพื้นที่บนอากาศกลายเป็นที่ไกลเกินเอื้อมสำหรับพวกมัน …
ขบวนรบของปิศาจแสนตัวได้พังทลายไปในทันที…