ข้าคือราชาแห่งเทคโนโลยี (am the King Of Technology) - Chapter 1: เกิดอะไรขึ้น?
“แลนดอน, แลนดอน, ไหวไหม”
น้ำเสียงตื่นตระหนกดังเข้ามาในหูของเขา ชู อี้ ฟังเสียงที่ดังเข้ามานี้แล้วคิดกับตัวเอง
นี่มันเสียงใครกัน? เราตายแล้วไม่ใช่หรอ?
ในตอนนั้นเองความเจ็บปวดก็แล่นตรงมาที่ศรีษะของเขา
“โอ้ยย”
ชู อี้ ส่งเสียงร้องออกมาในขณะที่เอามือกุมศรีษะเอาไว้ เขาพยามลืมตาขึ้นมาแล้วเห็นผู้หญิงที่กำลังตกใจอยู่คนนึงและเด็กสาวหน้าตาน่ารักอีกคนนึง ถ้าให้นิยามลักษณะของผู้หญิงคนแรกก็คงจะเหมือนนางฟ้า แม้ว่าเธอจะดูมีอายุแล้ว, แต่ด้วยผมสีน้ำตาลและท่าทีอันสง่างามของเธอก็ทำให้ใครก็ตามที่เห็นคงถึงกับลืมหายใจไปตามๆกัน และถ้าสังเกตุหญิงวัยกลางคนคนนี้ให้ชัดเจนยิ่งขึ้นจะเห็นว่าเธอคงผ่านชีวิตที่ยากลำบากมาเยอะ
ทางด้านของเด็กสาว, เธอน่ารักมาก, ถ้าเธอเกิดในโลกปัจจุบันเธอคงถูกจัดอยู่ในระดับสาวงามที่สามารถทำลายประเทศได้เลย ตั้งแต่ผมสีดำไปจนถึงดวงตาสีเขียวของเธอ, ทุกสิ่งที่เกี่ยวกับเธอนั้นมันระดับนางงามชัดๆ และพอดูดีๆแล้วเธอน่าจะยังมีอายุไม่ถึง 15 ปีเลย
ผู้หญิงกับเด็กสาวกำลังร้องไห้ในขณะที่เขย่าตัวเขาอย่างเต็มที่ ชู อี้ คิด,
ดูจากสถานการณ์แล้วเราน่าจะเป็นคนป่วยสินะ? ว่าแต่ทำไมผู้หญิงพวกนี้ถึงเขย่าตัวเราแรงขนาดนี้? ขืนเป็นแบบนี้ต่อไปเราได้ตายจากโลกนี้จริงๆแน่
ชู อี้ คงจะไม่คิดมากถ้ามันเป็นวันอื่น, แต่สำหรับตอนนี้ร่างกายของเขาอ่อนแอมาก เขาไม่สามารถทนรับการสั่นสะเทือนที่รุนแรงได้
“ท่านแม่, ข้าไม่เป็นไรแล้ว, ส่วนลูซี่, เจ้าหยุดร้องได้แล้วข้าดีขึ้นแล้ว”
“แลนดอนลูกแม่เจ้าคือทั้งหมดที่ข้ามีนะ, ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับเจ้า, ข้าคงไม่รู้แล้วว่าจะใช้ชีวิตต่อไปยังไง”
“พี่แลนดอนอย่าทำให้ข้ากลัวแบบนี้สิ, ข้าก็หลงนึกว่าพี่ตายไปแล้วซะอีก…พี่หลับมาสองวันเต็มๆเลยนะ”
ในตอนนนั้นเองท้องของเขาก็ส่งเสียงร้องขึ้นมา
โครกกกก…
พอได้ยินเสียงนี้หญิงวัยกลางคนก็โผล่ศรีษะออกไปนอกหน้าต่างรถม้าแล้วพูดออกมา
“ช่วยหยุดรถม้าให้หน่อยได้ไหม”
“แลนดอน, เดี๋ยวแม่ทำอะไรให้ทานนะ”
“พี่แลนดอนข้าเองก็จะไปช่วยคุณป้าด้วยอาหารจะได้เสร็จไวขึ้น…พี่นั่งพักอยู่ที่นี่ไปก่อนนะ”
“โอเค”
เขาตอบกลับ
พอลูซี่กับแม่ของเขาลงไปจากรถม้าแล้ว, เขาก็หลับตาพยายามทำความเข้าใจสถานการณ์ทั้งหมด
ตอนอยู่ที่โลกเขาเคยเป็นวิศกรเครื่องกลอายุ 26 ปีที่มีชีวิตประสบความสำเร็จดี, นอกจากนี้เขายังพอมีความรู้ในสาขาวิศวกรรมไฟฟ้าอยู่บ้าง เขาเพิ่งจะได้รับเลื่อนขั้นในสายงานของเขา, และในระหว่างที่เดินทางกลับบ้านนั้นเองเขาก็เจอกับอุบัติเหตุรถชน
โถ่…เราเกือบจะได้เลื่อนขั้นไปตำแหน่งใหญ่โตอยู่แล้วนะ…
ตอนนี้เขาอยู่ในร่างของแลนดอน บาร์น เจ้าชายนอกสมรสของอาคาดิน่า และแม่ของเขาคิม ออบลีย์, ก็เป็นสาวใช้ในวังหลวง ในตอนที่พี่ชายของเขา, เจ้าชายลำดับสามเจม บาร์นเกิด, พระราชาได้ดื่มดำกับงานเลี้ยงเฉลิมฉลองมากจนเกินไป และในระหว่างที่เดินทางกลับห้องนอนนั้นเองเขาก็บังเอิญเจอกับแม่ของเขาคิมและบังคับขืนใจเธอ หลังจากนั้นพระราชาก็มารู้ในภายหลังว่าเธอตั้งครรภ์ เขาบอกให้เธอเลิกทำงานในปราสาทและส่งเธอไปอยู่ในห้องเล็กๆข้างหลังปราสาทเพราะเขาไม่อยากให้เธอสร้างความอับอายให้กับเขา ซึ่งตัวพระราชานั้นมีภรรยาอยู่แล้วสามคน, พวกเธอมักจะคอยรังแกแม่ของเขาในทุกๆครั้งที่เจอเธอ เมื่อไหร่ก็ตามที่พระราชาเห็นเขาหรือแม่ของเขา, เขาก็จะมองด้วยสายตารังเกียจ, และในส่วนของแม่นั้นหนักยิ่งกว่าเพราะเขาจะมองเหมือนกับว่าเธอเป็นผู้หญิงที่ชอบเกาะผู้ชายรวยๆกิน, ราวกับลืมไปแล้วว่าเขาต่างหากหล่ะที่เป็นคนขืนใจเธอ
ในส่วนของลูซี่, เธอเองก็เป็นลูกสาวนอกสมรสของบารอนคนนึงที่มีชื่อว่ากุสทัฟ สี่เดือนหลังจากที่แม่ของเธอตาย, บารอนก็ได้ตัดขาดกับเธอในฐานะลูกสาว ซึ่งมันก็เป็นตอนนั้นเองที่แม่ของแลนดอนรับเธอมาเป็นคนรับใช้ส่วนตัวของเขา โดยสาเหตุก็เป็นเพราะว่าคิมมักจะได้ยินข่าวคราวของลูซี่เรื่องที่ไปขออาหารตามข้างถนนเป็นชั่วโมงอยู่บ่อยๆ เธอสงสารลูซี่และอยากให้เธอมาอยู่ใกล้ๆเพื่อที่จะได้ไม่มีใครมาล่วงเกินหรือทำร้ายเธอ เธอรักลูซี่เหมือนกับลูกสาวแท้ๆ ลูซี่ได้ย้ายมาอยู่บ้านของแลนดอนตั้งแต่ 10 ขวบและอยู่เคียงข้างเขามาโดยตลอดตั้งแต่ตอนนั้น
ส่วนพ่อของเขานั้นมีลูกอยู่ทั้งหมด 6 คนรวมตัวเขาเองด้วย, โดยมีลูกชาย 4 คนและลูกสาวอีก 2 คน, เจ้าชายองค์แรกมีชื่อว่า เอลิ บาร์น เขามีอายุ 19 ปีเกิดจากภรรยาคนแรก, ส่วนเจ้าหญิงคนแรกมีชื่อว่า เจเน็ต บาร์น เธอมีอายุ 18 ปีเกิดจากภรรยาคนที่สาม ต่อไปก็คอนเนอร์ บาร์น ที่เด็กกว่าเจเน็ตเล็กน้อย, แต่มีอายุ 18 เท่ากัน เขาเป็นเจ้าชายลำดับสองและเกิดจากภรรยาคนที่สอง ถัดลงมาก็เป็นแครี่ บาร์น, เธอเป็นเจ้าหญิงอายุ 17 ปีเกิดจากภรรยาคนแรก แล้วก็เจมส์ บาร์นเจ้าชายลำดับสามอายุ 16 ปีเกิดจากภรรยาคนที่สาม และสุดท้ายก็คือ, เจ้าชายนอกสมรสแลนดอน บาร์น พวกเขาทุกคนชอบรังแกแลนดอนอยู่บ่อยๆ, และปฏิบัติกับเขาเหมือนกับทาส และด้วยความที่ทุกคนเกลียดเขา, แลนดอนจึงกลายเป็นคนที่มีความเป็นผู้ใหญ่, สงบนิ่งและไม่ชอบเข้าสังคม
เมื่อหนึ่งเดือนก่อนในตอนที่แลนดอนอายุครบ 15 ปี, พ่อของเขาก็ประกาศอย่างเป็นทางการว่าเขาคือเจ้าของดินแดน ‘เบย์มาร์ด’ แล้วยังประกาศด้วยว่าเบย์มาร์ดจะไม่ใช่ส่วนหนึ่งของอาณาจักรอีกต่อไป ซึ่งมันเป็นเรื่องที่รู้โดยทั่วกันว่าเบย์มาร์ดนั้นเป็นที่ดินรกร้าง, ที่ผู้คนตายจากความหิวโหยและความหนาวจัด แม้ว่าเบย์มาร์ดจะเป็นอาณาจักรที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสามของอาณาจักร, แต่ผู้คนก็พากันอพยพออกมาจากเมืองนี้เนื่องจากความหิวโหย
เบย์มาร์ดตั้งอยู่ที่ชายแดนของอาณาจักร ด้านหน้าของเบย์มาร์ดเป็นอาณาจักรส่วนด้านหลังก็คือทะเลที่ทอดยาวออกไปไร้สิ้นสุด พระราชาได้เนรเทศเขากับแม่ให้ไปไกลหูไกลตาอย่างง่ายดาย แล้วความจริงที่ว่าเบย์มาร์ดไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรแล้วก็หมายความว่า…ต่อให้มีสงครามเกิดขึ้น, อาณาจักรก็จะไม่ส่งคนมาช่วยประชาชนที่นั่น
เป็นไอ้แก่ที่เจ้าเล่ห์ชะมัด, ตอนนี้เราคือแลนดอน บาร์น, ไม่ใช่ชู อี้ อีกต่อไปแล้วสินะ ถ้างั้นสิ่งที่เราจำเป็นต้องทำก็คือการพัฒนาดินแดนแห่งนั้น
พอชู อี้คิดได้ เขาก็เตรียมที่จะลุกขึ้นและในตอนนั้นเองก็มีเสียงดังขึ้นมาในหัวของเขา
“ทำการเลือกโฮสท์เสร็จสิ้น…”
“ทำการวิเคราะห์ระบบ…”
“สำเร็จแล้ว 20 เปอร์เซนต์”
“สำเร็จแล้ว 35 เปอร์เซนต์”
“สำเร็จแล้ว 71 เปอร์เซนต์”
“ทำการวิเคราะห์สมบูรณ์ 100 เปอร์เซนต์
แลนดอนตกใจ
“ไม่เคยคิดเลยนะเนี่ยว่าจะมีของจำพวกระบบช่วยเหลืออยู่จริงๆ…”