สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - บทที่ 463 : เก๋อหลู่ ผู้แข็งแกร่งที่สุด!
WSSTH บทที่ 463 : เก๋อหลู่ ผู้แข็งแกร่งที่สุด!
ฟุ่บ!
ร่างของนี่เฝินพุ่งวูบมาหยุดยืนประจันหน้ากับฮายีโดยพลัน สีหน้าท่วงท่ายังคงสงบไร้ซึ่งความหวาดกลัวใดๆ ต่ออัจฉริยะของอาณาจักรตะวันรุ่ง
“ข้านี่เฝิน จากจวนเจ้าพระยาเรืองฤทธิ์ แห่งอาราจักรนภาล่อง..”นี่เฝินเหลือบมองฮายีก่อนที่จะกล่าวออกมาช้าๆ
“นี่เฝิน?” ฮายียังไม่ทันได้ตอบสนองอะไร กลับเป็นเอกอัครราชทูตโพลงขึ้นมาก่อน พร้อมจับจ้องมายังนี่เฝิน ด้วยแววตากระจ่าง “ที่แท้เป็นเจ้าพระยาน้อย จากจวนเจ้าพระยาเรืองฤทธิ์นี่เอง…ข้าได้ยินมานานแล้วว่าเจ้าพระยาเรืองฤทธิ์ของอาณาจักรนภาล่องนั้น มีนามกระเดื่องเลื่องลือ ยามอยู่ในสนามรบประดุจดั่งเทพสงครามาจหาญชาญศึก แม้ข้าจะเป็นคนของอาณาจักรตะวันรุ่ง ทว่าชื่อเสียงของเจ้าพระยายังดังสนั่น มิต่างอันใดกับฟ้าร้องในหู ยามนี้ได้พบพานพระยาน้อย… นับว่าบิดาพยัคฆ์มิมีลูกเป็นสุนัขอย่างแท้จริง …ช่างกล้าหาญและสง่างามนัก” คำกล่าวของเอกอัครราชทูตนี้ ยกย่องนี่เฝินอย่างมาก
แต่มันเป็นคำจริงจากใจ หรือคำเท็จหมายลวงหลอกทุกคนล้วนแยกออกได้โดยง่าย
บางครั้งการกล่าววาจายกย่องให้อยู่สูงเช่นนี้ …ก็นับว่าเป็นการบีบคั้นประการหนึ่ง! ที่กดดันเสมือนไม่อนุญาตให้แพ้พ่ายเด็ดขาด!!
หาไม่แล้วยามแพ้พ่าย ร่วงหล่นจากที่สูง ย่อมสาหัสกว่าธรรมดานัก
“ได้พบท่านเจ้าพระยาเรืองฤทธิ์ เป็นเกียรติของป้าเอ๋อยิ่ง”หลังจากนั้นเอกอัครราชทูตก็หันไปมองนี่เหวี่ยก่อนประสานมือคารวะ ยิ้มแย้มพยักหน้าออกมา
“เอกอัครราชทูต เกรงใจไปแล้ว” นี่เหวี่ยเพียงตอบอย่างเฉยเมย เห็นได้ชัดว่าไม่ได้สนใจละครลิงหลอกเจ้าของมันสักเพียงนิด
นี่ทำให้เอกอัครราชทูตแห่งอาณาจักรตะวันรุ่ง ก้มหน้าลงเล็กน้อยเผยใบหน้าน่ากลัวออกมา ทว่าใบหน้าของมันก็กลับมาเริงร่าคลี่ยิ้มอีกครั้งในเสี้ยวพริบตา นับว่าการเสแสร้งเปลี่ยนแปลงใบหน้าของมันรวดเร็วไม่น้อย
‘ไอทูตของตะวันรุ่งอะไรนี่ จิ้งจอกห่มหนังแกะชัดๆ ยังแสร้งหน้าเนื้อใจเสือออกมา ด้วยคำระรื่นได้ถึงขนาดนี้ ’ ต้วนหลิงเทียนเหลือบมอง ป้าเอ๋อ อย่างไม่แยแสอะไร อีกฝ่ายก็เป็นตัวบัดซบอย่างที่คิดเอาไว้แต่แรก
เอกอัครราชทูตตะวันรุ่ง ป้าเอ๋อนี้ แลไปก็คล้ายคนธรรมดา แต่พลังวิญญาณของต้วนหลิงเทียนก็เฉียบคมพอ ที่จะสัมผัสได้ว่า ที่แท้มันเป็น ผู้เชี่ยวชาญครึ่งก้ามธรรมชาติ อันร้ายกาจคนหนึ่ง
“ฮายี ท่านเจ้าพระยาน้อยนี่เฝินแห่งจวนเจ้าพระยาเรืองฤทธิ์ ก็มีระดับบ่มเพาะอยู่ในขีดขั้นเดียวกันกับเจ้า ต่างเป็นกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 9 ทั้งคู่…เท่าที่ข้ารู้ ความแข็งแกร่งของพระยาน้อยนับว่าเหนือล้ำที่สุดในอาณาจักรนภาล่อง วันนี้ไม่ว่าเจ้าจะเอาชนะมันได้หรือไม่ได้ อย่างไรพวกเราก็จักได้รับชัยชนะอย่างแน่นอน” ป้าเอ๋อมองไปยังฮายี พร้อมส่งเสียงกล่าวผ่านพลังงานต้นกำเนิด “อย่างไรก็ตาม…หากเจ้าสามารถเอาชนะอีกฝ่ายได้ เก๋อหลู่ก็มิจำเป็นต้องลงมือ…เช่นนี้อาณาจักรตะวันรุ่งเราจะได้รับชัยชนะขาดลอย! เมื่อกลับไปถึงอาณาจักร ข้าจะตบรางวัลให้เจ้าอย่างงาม!”
“ใต้เท้า! ขอท่านอย่าได้เป็นกังวล ข้าจักเอาชนะนี่เฝินให้ได้!” ฮายีส่งเสียงกล่าวตอบ
“พระยาน้อย ล่วงเกินแล้ว!” แสงเย็นเยือกส่องออกมาจากแววตาของฮายี ขณะที่มันมองมายังนี่เฝิน พลังงานต้นกำเนิดยังปะทุออกมาจากทั่วร่างของมันในทันใด
เหนือฟ้าปรากฏเงาร่างช้างแมมมอธโบราณ 120 ตัวตระหง่านพร้อมสู้ศึก…
ฟู่มมม!
พริบตาต่อมาร่างฮายีก็พุ่งออกไปดั่งดอกศรพ้นเกาทัณฑ์ ความเร็วของมันน่าตกใจไม่น้อย!
เสียงลมหวีดหวิวฉีกกระชากยามมันพุ่งร่างฝ่าอากาศดังขึ้นรุนแรง นอกจากนั้นยังมีเสียงปะทุของพลังงานต้นกำเนิดอันน่าครั่นคร้าม!
ขวับ!
ในขณะที่ฮายีพุ่งร่างมาหานี่เฝินด้วยความเร็วสูง มือขวาของมันนั้นสะบัดออกว่องไวคล้ายอัสนีฟาดพุ่งไปยังเอว หยับจับลงด้ามมนถนัดมือด้ามหนึ่ง ก่อนจะชักดาบวงพระจันทร์ที่นิยมในแถบทะเลทรายออกมา ควงหมุนซ้อมมือรอบหนึ่ง
วู้มมม!!
พลังงานต้นกำเนิดโคจรถ่ายทอดลงสู่ดาบวงพระจันทร์ด้วยความเร็วสูง ทำให้ตัวดาบเริ่มเรืองรองออกมา เผยอานุภาพเพิ่มพูนความแข็งแกร่งของมัน! คลื่นพลังงานต้นกำเนิดอันเกรี้ยวกราด เริ่มปะทุครืนๆรอบตัวดาบ แลคล้ายจะฟาดฟันทำลายได้ทุกสรรพสิ่ง! ทั้งตอนนี้มันยังถูกวาดเป็นวงโค้งฝ่าอากาศ หมายสับไปยังคอหอยของนี่เฝิน!!
เหนือขึ้นไปบนฟ้าปรากฏ 22 เงาร่างช้างแมมมอธโบราณข้างของเดิม!
ระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 9 อาวุธวิญญาณระดับ8!
หนึ่งดาบที่ฟาดออกครานี้ มีความแข็งแกร่งรวมทั้งสิ้น 142 ช้างแมมมอธโบราณ ยามดาบกรีดผ่าอากาศ คล้ายห้วงอากาศถูกแยกสะบั้น ก่อเกิดเป็นคลื่นลมแรงกระหน่ำ แรงกดดันดุร้ายพุ่งทะยานคล้ายสายรุ้งข้ามฟ้า
แต่แต่ฮายีขยับตัวลงมือ มาถึงตอนนี้ ยังกินเวลาเพียงหนึ่งกระพริบตาเท่านั้น
อัจฉริยะทั้งหลายของนภาล่องเมื่อเห็นความเร็วอันน่าพรั่นพรึงของฮายี พวกมันหลั่งเหงื่อเย็นเยียบออกมาชโลมกาย “ฮายี อยู่ในระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 9 จริงๆ!”
“โชคดีที่ข้ายังมิทันได้ลุกออกไปท้าทายมัน หาไม่แล้วคงทำได้เพียงสร้างความอับอายให้ตัวเอง!”
“ข้าเกรงว่าอาณาจักรเราคงมีเพียงต้วนหลิงเทียน และท่านพระยาน้อยเท่านั้นที่สามารถรับมือมันได้”
…
ในขณะที่เหล่าอัจฉริยะของนภาล่องกำลังตื่นตระหนก นี่เฝินเองก็ลงมือเคลื่อนไหวแล้ว
ฟุ่บ!
เท้านี่เฝินกระทืบถีบออกมาด้วยความเร็วสูงล้ำ ร่างคนพุ่งฉีกออกข้างหลบรัศมีดาบโค้งของอีกฝ่ายได้ในทันที
อย่างไรก็ตามดาบวิญญาณระดับ 8 ในมือฮายีคล้ายมีดวงตางอกเงย กลับพลิกสะบัดกลางอากาศเปลี่ยนวิถี! ปราดวูบไปยังร่างของนี่เฝินอีกครั้งประหนึ่งเงาตามตัว! ยากที่นี่เฝินจะใช้ท่าร่างเคลื่อนย้ายหลบเร้นไปได้อีก
“เหอะ!”นี่เฝินสบถออกมาอย่างเย็นชาเมื่อมิอาจหลีกหนีได้พ้น ดวงตาของมันหยีลงโดยพลัน ก่อนที่จะเรียกกระบี่วิญญาณขึ้นมาถือไว้ในมือ พร้อมยกมันขึ้นต้านรับอย่างไม่รอช้า
วู้มมมม!
กระบี่เปล่งแสงเรืองรองขึ้นมาวูบหนึ่ง ก่อนที่เงาร่างช้างแมมมอธโบราณบนฟ้าจะปรากฏออกมา 142 ตัวอย่างเท่าเทียม หนึ่งกระบี่เตรียมปะทะกับดาบวงพระจันทร์ฮายี!
เคร๊ง!!
เสียงดังสนั่นของโลหะกระทบกระแทก พร้อมกันนั้นคลื่นพลังงานต้นกำเนิดก็แผ่ซ่านปะทุออกมา สะท้านไปในบรรยากาศ
พริบตาต่อมา ฮายีและนี่เฝินต่างก็กระเด็นถอยหลังออกไปเพราะแรงระเบิดจากพลังงานต้นกำเนิดที่ปะทะกัน!
ต่างถอยร่นไปคนละ 7 ก้าว
“มาได้ดี!!” จิตต่อสู้ในแววตาของนี่เฝินยิ่งมายิ่งมาก นอกจากนั้นมันยังรู้สึกเลือดเดือดเสมือนอยู่ในสนามรบขึ้นมา นำพาให้กลิ่นอายกระหายเลือดอำมหิตและเจตนาฆ่าฟันอันเกรี้ยวกราด เริ่มแผ่ซ่านออกมากดดันในบรรยากาศ สภาวะเข่นฆ่าพวยพุ่งสูงล้ำปานจะทะลุชั้นฟ้า
ฆ่า!
ฆ่า!
ฆ่า!
…
ตอนนี้ในโลกของนี่เฝินคล้ายมีฮายีหลงเหลืออยู่เพียงคนเดียว และเป็นศัตรูที่มันต้องเข่นฆ่าให้พินาศ!
"ฆ่า!" ทันใดนั้นแววตาของนี่เฝินพลันเหี้ยมเกรียมถึงขีดสุด เสียงกล่าวออกมา ปานวิญญาณวีรบุรุษผู้กล้าสิงสู่ สภาวะเกรี้ยวกราดดุร้ายนัก!
พริบตาต่อมา ประหนึ่งนี่เฝินถือครองพลังเทพสงคราม กลิ่นอายสังหารที่น่าพรั่นพรึงพุ่งถึงจุดสูงสุด คลื่นพลังไร้สภาพมากมายพวยพุ่งออกจากทั่วร่าง แลคล้ายจะกวาดทำลายได้ทุกสมรภูมิ
‘ฮายี แพ้แล้ว’ ต้วนหลิงเทียนที่มองอยู่พลันคิดออกมา
ตอนนี้การต่อสู้ที่อยู่ในระยะไกล ฮายีเริ่มหายใจติดขัดเมื่อถูกกลิ่นอายฆ่าฟันของนี่เฝินสะกด และทันใดนั้นเองนี่เฝินพลันลงมือเคลื่อนไหว ในขณะที่จิตใจมันยังไม่พร้อม!
พริบตาที่นี่เฝินพุ่งร่างออกมา ฮายีรู้สึกเหมือนทั่วร่างนี่เฝินเต็มไปด้วยพลังฆ่าฟันอันไร้จำกัด ทำให้มันหวาดกลัวไปถึงก้นบึ้งของจิตใจ
“ไม่! มันข้าล้วนกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 9! ใยข้าต้องกลัวมัน!!” ฮายีกัดฟันดังกรอด พยายามต้านทานแรงกดดันไร้สภาพที่นี่เฝินแผ่ซ่านออก ทั้งมันเองก็เร่งเร้าพลังงานต้นกำเนิดชั่วชีวิตออกมาเต็มพลัง ดาบวงพระจันทร์ในมือ เรืองรองส่องแสงเจิดจ้า คล้ายตั้งใจต้านทานกระบี่ที่ฟันฟาดของนี่เฝินตรงๆ
"ฆ่า!" นี่เฝินที่พุ่งมาถึงแผดเสียงน่ากลัวออกมาอีกครั้งดังสนั่น ปาน ฝนคะนองฟ้าลั่น กลิ่นอายสังหารกระหายเลือดที่เกิดจากการฆ่าฟันนับไม่ถ้วนในสนามรบ กดทับไปที่ฮายีอีกครั้ง
นำพาให้พลังงานต้นกำเนิดบนดาบของฮายีลดลงไปเล็กน้อย
ฟั่บบบ!
วู้มมมมมมมมมม!!
ดาบกระบี่เตรียมปะทะกันอีกครั้งอย่างรุนแรง พลังงานต้นกำเนิดส่งเสียงคำรามออกมาสนั่น พลังทั้งคู่แลคล้ายจะเท่าเทียม หาได้ยิ่งหย่อนไปกว่ากันเหมือนคราแรก เพราะจำนวนช้างแมมมอธโบราณยังเด่นหราเท่าเทียม…แต่ทว่ามันกลับไม่ได้เป็นเช่นนั้น!
เพราะเรื่องราวครานี้กลับต่างออกไปจากก่อนหน้าหลายขุม! นี่เฝินที่ลงมือเต็มพลังเปี่ยมล้นไปด้วยเจตจำนงอันแน่วแน่หมายพิชิตสังหารศัตรู ทั้งกลิ่นอายและจิตสังหารล้วนถูกเร่งเร้าถึงขีดสุด! สภาวะทั่วร่างเต็มเปี่ยมไปด้วยความดุดันอันทรงพลัง!!
ทำให้กระบี่ที่ฟันออกครานี้หนุนเสริมไปด้วยพลังมากมาย…!
ส่วนด้านฮายีนั้นมันว้าวุ่นในใจ และบังเกิดความกริ่งเกรงแต่แรก! ถูกลดทอนสภาวะอันเข้มแข็งไปหลายส่วน นี่ทำให้พลังงานต้นกำเนิดที่ถ่ายเทควบแน่น ลงสู่ดาบหาได้หนักแน่นมั่นคงไม่
เคร๊งงง!
ไม่ทันได้คิดอะไร ดาบกระบี่ปะทะกันอีกครั้ง
แต่ทว่าครานี้ดาบวงพระจันทร์ในมือของฮายีกลับเป็นฝ่ายพ่าย ด้วยถูกกระบี่ในมือนี่เฝินฟาดฟันจนง่ามมือฉีกชาด ตัวดาบยังกระเด็นหลุดลอยออกจากมือปลิวละลิ่วไปไกล ซ้ำร้ายคลื่นพลังที่ปะทุออกครานี้ ยังรุนแรงถึงขั้นทำให้ร่างฮายี กระเด็นถอยหลังไปหลายก้าวเพียงฝ่ายเดียว คนคล้ายหมดใจต่อสู้ คิดกล่าวคำยอมแพ้!
ฟุ่บ!
อย่างไรก็ตาม แม้คนคิดกล่าวคำยอมแพ้ แต่หมัดนี่เฝินกลับไม่อนุญาต พลังงานต้นกำเนิดถูกอัดแน่นควบรวมไปที่หนึ่งกำปั้น ซัดเข้ากลางอกตำแหน่งดวงใจอีกฝ่ายอย่างรุนแรง
ปงงงง!! แคร่กก!
เสียงกระดุกแตกหักดังขึ้นสนั่นชัดเจน ทำให้ทุกคนที่ได้ฟังล้วนยะเยือกไปถึงไขสันหลัง
“อ๊าคค!”ฮายีคล้ายรับรู้ว่าตัวเองกระดูกแหลกเป็นคนสุดท้าย เพราะทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วเกินไป มันร่ำร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ในขณะที่ร่างก็ลอยละลิ่วปลิวไปคล้ายว่าวสายป่านขาด ใบหน้าเต็มไปด้วยความเสียใจอย่างสุดแสน สุดท้ายร่างมันก็ร่วงหล่นกระแทกพื้น หัวใจยังหยุดเต้นไปพักหนึ่ง คนหมดสติไปในทันใด
นี่เฝินได้ชัย!
"ฮ่า ๆ … ดี!" คนของอาณาจักรนภาล่องล้วนกล่าวคำออกมาอย่างยินดี
“เป็นการต่อสู้ที่ดี!” นี่เฝินหันไปมองเอกอัครราชทูตป้าเอ๋อ ที่กำลังพุ่งไปตรวจดูอาการฮายีด้วยท่าทางไม่แยแส ไม่สนว่าอีกฝ่ายจะตกตายหรือมีลมหายใจ
เรื่องนี้ทำให้ป้าเอ๋อเกือบจะกระอักโลหิตออกมาด้วยโทสะ
‘ตัวบัดซบนี่เฝิน จัดการฮายีจนจบหัวใจหยุดเต้นไปครู่หนึ่งเกือบตกตาย แต่มันยังกระทำเหมือนไม่มีใดเกิดขึ้น บัดซบ!’
“พระยาน้อย ช่างสมแล้วที่มันเป็นลูกของเจ้าพระยาเรืองฤทธิ์ ไม่ทันไรก็มีกลิ่นอายสังหารกระหายเลือดจากสมรภูมิเช่นนี้แล้ว…เกรงว่าคงไร้ผู้ฝึกยุทธ์ใต้วิญญาณแรกก่อตั้งคนได้เอาชัยท่านได้อีกแล้ว …ท่านพระยาน้อย!” หลังจากที่ป้าเอ่อป้อนโอสถรักษาให้ฮายี มันก็หันมามองนี่เฝินด้วยสายตาลึกซึ้ง พร้อมกล่าวออก “แต่จะอย่างไรก็ตาม หากท่านพระยาน้อยพบพานคู่ต่อสู้วิญญาณแรกก่อตั้ง เกรงว่ากลิ่นอายสังหารกระหายเลือดที่ได้มาจากสนามรบอย่างยากลำบากนี้ …คงเป็นเพียงของประดับประดาเท่านั้น หาได้มีประโยชน์อันใดไม่”
นี่เฝินเพียงยิ้มรับอย่างไม่ได้แยแสหรือสนใจอะไร มีลมใดอยากผายเชิญมันผายไปเถิด!
เรื่องนี้ยิ่งทำให้ป้าเอ๋อยิ่งมายิ่งมีโทสะ มันตะโกนออกมาด้วยเสียงแข็ง “เก๋อหลู่!”
ด้วยเสียงเรียกของป้าเอ๋อ ชายหนุ่มท่าทางแข็งแกร่งที่โต๊ะตะวันรุ่ง พลันรู้สึกตัวขึ้นมาอีกครั้ง ค่อยถอนสายตาที่ตั้งแต่ต้นจนจบยังไม่ได้ละออกจากเรือนร่างองค์หญิงปี้เหยาสักเพียงนิดออกมา …
ชายหนุ่มท่าทางแข็งแกร่งคนนี้ เป็นมือดีอันแข็งแกร่งที่สุดของอาณาจักรตะวันรุ่ง
เก๋อหลู่!
ระดับบ่มเพาะของมันอยู่ในระดับวิญญาณแรกก่อตั้งขั้นที่ 1
หากเป็นในอาณาจักรพนาครามแล้ว การที่มีระดับบ่มเพาะวิญญาณแรกก่อตั้งขั้นที่ 1 ด้วยวัย 35 ปีนั้น นับเป็นค่าเฉลี่ยของชาวบ้านร้านถิ่น เดินไปซอกไหนตรอกใดก็พบเจอได้ทุกที่เท่านั้น
แต่ในอาณาจักรเล็กๆ เช่นนี้ มันคือดาวจรัสแสงสุดยอดอัจฉริยะแล้ว…
"กร๊อบ แกร๊บ … " ร่างของเก๋อหลู่พุ่งออกไปคล้ายสายลมแรงหอบหนึ่ง พัดกระพือไปยังบริเวณที่ว่าง เผชิญหน้ากับนี่เฝินในทันใด หลังจากนั้นมันก็บิดคอส่งเสียงกระดูกลั่นออกมา
“เจ้ามิใช่คู่มือของข้า”เก็อหลู่เหลือบมองไปยังนี่เฝินอย่างเฉื่อยชา กล่าวออกมาด้วยท่าท่างไม่แยแส
พร้อมกันนั้นเก๋อหลู่ก็ยกหมัดขึ้นมาบิดหัก ทั้งเร่งเร้าพลังงานต้นกำเนิด จนเผยเงาร่างช้างแมมมอธโบราณ 200 ตัวบนฟ้า เปิดเผยความแข็งแกร่งของมันออกมา พวกมันคล้ายกำลังสั่งสมพลังรอคอยการปะทุออก
“วิญญาณแรกก่อตั้งขั้นแรก”
ถึงแม้ว่าคนของอาณาจักรนภาล่อง จะได้ยินมาก่อนแล้ว ว่าฝั่งตะวันรุ่งมีอัจฉริยะ วิญญาณแรกก่อตั้งขั้นที่ 1 อยู่คนหนึ่งในบรรดาอัจฉริยะทั้ง 3 แต่เมื่อพวกมันได้มาเห็นกับตาตัวเองก็อดไม่ได้ที่จะบังเกิดความตกตะลึงเล็กน้อย
ในขณะเดียวกันนั้นทุกสายตาของผู้คนอาณาจักรนภาล่องก็ตกไปยังร่างนี่เฝิน
ต่างอยากรู้ว่านี่เฝินจะสู้หรือเลือกถอย ด้วยการกล่าวคำยอมแพ้ …
หากเลือกที่จะสู้กับเก๋อหลู่นั้น …เรียกได้ว่าไร้ซึ่งหนทางชนะ!
ช่องว่างความต่างระหว่างกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 9 กับวิญญาณแรกก่อตั้งขั้นที่ 1 นั่นมากมายเกินไป!
แต่หากกล่าวยอมแพ้ ก็นับว่าทำให้อาณาจักรตะวันรุ่งยิ่งได้ใจ วางท่าเขื่องโขคุยโวได้อีกครั้ง นั่นทำให้คนของตะวันรุ่งยิ่งหยิ่งยโสโอหังมากขึ้นไปอีก….
“ข้าขอยอมรับความพ่ายแพ้”ครู่ต่อมานี่เฝินเพียงกล่าวคำยอมแพ้ออกมาด้วยท่าทางสบายๆ เพียงยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ ก่อนจะเดินกลับมายังโต๊ะจวนเจ้าพระยาโดยไม่ทุกข์ร้อนใดๆ
คนของอาณาจักรนภาล่องก็ไม่ได้แปลกใจอะไรนัก
โชคดีที่พวกมันยังมีไพ่ตายอันร้ายกาจใบสุดท้ายอยู่ พวกมันจึงไร้ซึ่งความหวั่นวิตกว่าจะแพ้พ่ายหรือต้องสูญเสียเงินภาษีเดิมพันเลยสักนิด
“ฮ่าๆๆๆๆ…!!”เอกอัครราชทูตของตะวันรุ่ง ป้าเอ๋อ หัวเราะออกมาอย่างสะใจ เผยความหยิ่งยโสวางท่าโอหังออกมาไม่น้อย “พระยาน้อยนับว่าฉลาดเฉลียว และรู้จักประมาณตัวดียิ่ง…ฝ่าบาทเช่นนี้การประลองกระชับมิตรของอัจฉริยะระหว่าง 2 อาณาจักรเรา ก็ควรยุติลงแต่เพียงเท่านี้ และเป็นอาณาจักรตะวันรุ่งของกระหม่อม มีชัยใช่หรือไม่?” ในขณะที่กล่าวจบใบหน้าของป้าเอ๋อก็แสยะยิ้มออกมาอย่างยินดี ราวกับมันกำลังเห็นภูเขาทองคำ อันเป็นภาษี 3 ปี ของอาณาจักรนภาล่อง หลั่งไหลลงสู่กระเป๋ามัน!
“ช่างน่าเบื่อหน่ายยิ่งนัก หรืออาณาจักรนภาล่อง จักสิ้นไร้อัจฉริยะมีฝีมือใดๆแล้วจริงๆ?” เก๋อหลู่กล่าวออกมาด้วยท่าทางเฉื่อยชา ก่อนที่จะหันหลังเตรียมเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะของมัน
"ช้าก่อน!" ตอนนี้เองเสียงหนึ่งพลันดังขึ้นจากโต๊ะของจวนเจ้าพระยา และเป็นนี่เหวี่ยที่กล่าววาจาออกมา ระงับเก๋อหลู่เอาไว้