หน้าแรก Amnovel
  • หน้าแรก
  • นิยายทั้งหมด
  • เติมเงิน
  • ติดต่อเรา
ค้นหา
ค้นหาขั้นสูง
เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก
  • หน้าแรก
  • นิยายทั้งหมด
  • เติมเงิน
  • ติดต่อเรา
  • เข้าสู่ระบบ
เข้าสู่ระบบ
Prev
Next

สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - บทที่ 462 : ความไม่เป็นธรรมของฮายี

  1. หน้าแรก
  2. สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์
  3. บทที่ 462 : ความไม่เป็นธรรมของฮายี
Prev
Next

WSSTH บทที่ 462 : ความไม่เป็นธรรมของฮายี

 

ใบหน้าของจามู่ลดต่ำลงโดยพลัน ทั้งยังเผยความจริงจังขึ้นไม่น้อยเมื่อได้ยินเสียงผ่านพลังงานต้นกำเนิดของเอกอัครราชทูต  มือมันพลันขยับวูบไปคล้ายสายฟ้า หมายคว้าชักดาบวงโค้งที่ห้อยอยู่ข้างเอวออกจากฝัก มารับมือคู่ต่อสู้

แต่มันจะยังมีเวลากระทำเช่นนั้นหรือ?

"เหอะ!" ในพริบตาที่จามู่เอื้อมมือลงไปหมายชักดาบที่เอว เซี่ยวหยูก็ลงมือต่อเนื่อง แขนเสื้อที่ห้อยตกลงถูกสะบัดออกมาอีกครั้ง ฟาดไปยังมือที่จับด้ามดาบทำให้มันไม่อาจชักดาบออกได้  ก่อนที่มันจะตวัดขึ้นมาตบฟาดพลังฝ่ามือ ซัดไปยังหัวไหล่ ทั้ง 2 และกลางอกจามู่ด้วยความเร็วสูง ราวกับจะรู้ว่าจามู่ต้องการทำอะไร…เซี่ยวหยูก็ปิดผนึกกระบวนท่าของมันหมดทั้งสิ้น

“อ๊าคคค!!” จามู่ร้องดังลั่น เสียงกระดูกแตกดังขึ้นอย่างสยดสยอง ร่างของมันถูกซัดปลิวไปกระแทกพื้นอย่างน่าเวทนา

หลังจากที่ถูกซัดปลิวกลิ้งไปกับพื้น ร่างจามู่ก็นอนดิ้นโอดโอยเพราะความเจ็บปวด ไม่อาจลุกขึ้นมาได้ด้วยลำพัง ทั้งร่างชโลมไปด้วยเหงื่อกาฬ ปากยังกระอักโลหิตไม่หยุด

เซี่ยวหยูได้ชัย!

“ดี!” ตอนนี้เหล่าคนของนภาล่องก็ร้องออกมาคำหนึ่งอย่างสะใจ

โดยเฉพาะประมุขตระกูลเซี่ยวนั้นฉีกยิ้มจนแก้มแทบปริ!

นี่เพราะก่อนหน้านี้ ไม่ว่าจะตระกูลซูหรือตระกูลต้วน ก็ล้วนแพ้พ่ายจามู่ไม่เป็นท่าทั้งสิ้น  ทว่าทางด้านเซี่ยวอยู่กลับเอาชนะจามู่ได้ขาดลอย ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเกียรติยศที่ตระกูลเซี่ยวได้รับครานี้คงไม่ใช่น้อยๆ

“ฮ่าๆๆๆ…ดี!”ราชาเองยังสรวลออกมาอย่างยินดี

ถึงแม้มันจะทำราวกับไม่ได้แยแสแพ้ชนะอะไรมากมาย แต่ทุกครั้งที่อัจฉริยะของอาณาจักรนภาล่องแพ้พ่าย ในใจของมันก็อดที่จะบังเกิดความผิดหวังขึ้นมาเสียไม่ได้

ทว่าตอนนี้เซี่ยวหยูกลับทุบตีอัจฉริยะของอาณาจักรตะวันรุ่งจนนำพาชัยชนะกลับมาได้  ตัวมันก็รู้สึกพลอยมีหน้ามีตาไปด้วย

“เจ้าเรียกว่าอะไรหรือ?”ราชามองไปยังเซี่ยวหยูก่อนที่จะกล่าวถาม

“ฝ่าบาท ข้าเรียกว่าเซี่ยวหยูพะย่ะค่ะ”ใบหน้าของเซี่ยวหยูหาได้มีความเย็นชาดั่งก่อนหน้าไม่ เมื่อเผชิญหน้ากับราชา ใบหน้ามันมีเพียงความเคารพนับถือ

“ฝ่าบาท เซี่ยวหยูเป็นสหายที่ดีของข้า”ต้วนหลิงเทียนมองไปยังราชาก่อนที่จะส่งเสียงผ่านพลังงานต้นกำเนิด

เขาทำเช่นนี้เพราะหวังว่าต่อไปราชาจะให้ความสำคัญกับเซี่ยวหยูมากขึ้น

นี่นับเป็นเรื่องที่สำคัญต่ออนาคตเซี่ยวหยูอย่างมาก…

เซี่ยวหยูเป็นสหายของเขา และเขาหวังว่าเซี่ยวหยูจะประสบความสำเร็จในอาณาจักรนภาล่อง

ตาของราชาหรี่ลงในทันใดเมื่อได้ยินเสียงต้วนหลิงเทียน หลังจากนั้นมันก็มองไปยังเซี่ยวหยูอีกครั้งอย่างลึกซึ้ง “เซี่ยวหยู ข้าจักจดจำเจ้าไว้…และข้าจะมอบรางวัลให้เจ้าอย่างเหมาะสม เมื่อการประลองกระชับมิตรระหว่างอัจฉริยะของสองอาณาจักรจบสิ้นลง”

“ขอบพระทัยฝ่าบาท”เซี่ยวหยูรีบกล่าวตอบออกมาอย่างตื้นตัน ท่าทางยินดีและปลื้มปิติอย่างถึงที่สุด

เรื่องนี้นับว่าต่างจากต้วนหลิงเทียนนัก ถึงแม้ว่าพรสวรรค์ของเซี่ยวหยูจะนับว่าไม่ใช่ชั่ว  แต่จะอย่างไรมันก็จำกัดอยู่แค่อาณาจักรนภาล่องแห่งนี้เท่านั้น

ทว่าอนาคตของต้วนหลิงเทียนนั้น ไม่ใช่อะไรที่จะหยุดอยู่ที่อาณาจักรนภาล่อง

ส่วนด้านเซี่ยวหยูนั้น หากไม่มีอะไรเหนือความคาดฝันบังเกิดขึ้น มันคงต้องใช้ทั้งชีวิตในอาณาจักรนภาล่อง

และในสายตาของเซี่ยวหยู ราชา ก็คือตัวตนที่สูงส่งที่สุดในแดนดิน..

เมื่อตอนนี้ตัวตนสูงส่งเช่นนั้นคิดมอบรางวัลให้ แม้มันจะประหลาดใจและดีใจไม่น้อย  แต่ก็ยังแฝงความกริ่งเกรงเช่นกัน

“เหล่าสาวกของตระกูลเซี่ยวนับว่า หาได้ธรรมดาไม่…ที่สำคัญยังเยาว์นัก ยังคงมีเวลาให้เติบโตแข็งแกร่งขึ้นได้อีกมากมาย ความสามารถยังนับว่าเหนือกว่าอัจฉริยะของตระกูลต้วนและตระกูลซูเสียอีก”เอกอัครราชทูตมองไปยังเซี่ยวหยูพร้อมประกายตาเย็นเยือก รอยยิ้มเสแสร้งของมันฉายชัดบนใบหน้ากล่าวออกมาช้าๆ

เห็นได้ชัดว่าวาจาของมันหมายสร้างความร้าวฉานแตกแยก

“เอกอัครราชทูต คำนี้ท่านผิดแล้ว” เมื่อใบหน้าของคนตระกูลซูและตระกูลต้วนเริ่มมืดลง เซี่ยวหยูเพียงแค่นเสียงออกมาอย่างเย็นชาขณะมองไปยังเอกอัครราชทูตของตะวันรุ่ง “ตระกูลซูและตระกูลต้วน ก็ไม่ต่างจากตระกูลเซี่ยว ต่างเป็นตระกูลใหญ่แห่งเมืองหลวง ผู้เชี่ยวชาญเองก็มีมากมายดั่งเมฆ”

“ไม่ว่าจะเป็นตระกูลซู หรือตระกูลต้วน ทั้งสองตระกูลมีอัจฉริยะรุ่นเยาว์ ที่กระทั่งทำให้ข้ารู้สึกต่ำต้อยด้อยสามารถ! นอกจากนี้อายุของอัจฉริยะที่ว่า ยังไม่แก่กว่าข้า!”

“พี่น้องเซี่ยวหยู วาจาเจ้าใช่เกินเลยไปหรือไม่?…อายุเจ้าตอนนี้ข้าดูแล้วมากสุดคงมีเพียง 25 ปี  แต่ตระกูลต้วนกับตระกูลซูยังจะมีอัจฉริยะเหนือกว่าเจ้า? กระทั่งอายุน้อยกว่าด้วย?” เอกอัครราชทูตตะวันรุ่งย่อมไม่เชื่อคำกล่าวเซี่ยวหยู

“เชื่อไม่เชื่อสุดแล้วแต่ท่าน…คนของตระกูลซูนั้น เดินทางออกจากเมืองหลวงไปไม่นานมานี้ และก่อนที่เขาจะจากไป ก็มีพลังบ่มเพาะและฝีไม้ลายมือเหนือกว่าข้า  ส่วนคนของตระกูลต้วน…ข้าคิดว่าอีกไม่นานเอกอัครราชทูตคงได้เห็นเขาเร็วๆนี้” เซี่ยวหยูกล่าวจบก็หยุดไปครู่หนึ่งก่อนที่จะชำเลืองมาทางต้วนหลิงเทียนพร้อมยิ้ม

ต้วนหลิงเทียนก็ส่ายหน้าไปมาพร้อมยิ้มบางๆ

เขาย่อมเดาได้ว่าคนที่เซี่ยวหยูกล่าวหมายถึงใคร

ซูหลี่

มือกระบี่หนุ่ม ผู้แสนทระนงที่เขาและเซี่ยวหยูได้พบเจอที่ ค่ายบ่มเพาะอัจฉริยะของกองกำลังโลหิตเหล็กสมัยยังเยาว์ หลังจากนั้นต่างก็เข้าร่วมสถาบันบ่มเพาะขุนพล และกลายเป็นสหายที่ดีต่อกัน

แต่ตระกูลซูโชคร้ายนัก… ด้วยตัวโง่งมบางกลุ่มในตระกูลไม่กี่คน กลับบีบบังคับให้ซูหลี่ต้องจากไป กระทั่งบัดนี้ยังไร้ซึ่งข่าวคราวใดๆ

ทว่าสิ่งหนึ่งที่สามารถยืนยันได้กระจ่างก็คือ ก่อนที่ซูหลี่จะจากไป ไม่ว่าจะพรสวรรค์ตามธรรมชาติในเชิงยุทธ์หรือระดับบ่มเพาะ ล้วนเหนือกว่าเซี่ยวหยู

ส่วนตระกูลต้วนนั้น ต้วนหลิงเทียนก็เดาได้ว่าเซี่ยวหยูหมายถึงเขา

ท่าทางปั้นยากขุ่นขึ้งของต้วนหรูหั่วประมุขตระกูลต้วน คลายลง ก่อนที่จะเหลือบมองไปยังต้วนหลิงเทียน ค่อยเผยรอยยิ้มยินดีออกมา

‘ถูกแล้ว…อัจฉริยะวัยเยาว์ของตระกูลต้วน หาได้เป็นสองรองใครไม่!’

มันยังเชื่อมั่นอย่างยิ่งว่า กระทั่งเหล่าตระกูลใหญ่แห่งอาณาจักรพนาคราม ยังไม่มีอัจฉริยะที่มีพรสวรรค์ในเชิงยุทธ์เทียบเทียมกับต้วนหลิงเทียนได้ด้วยซ้ำ

ส่วนทางด้านตระกูลซู ซูผอหยา กลับเม้มปากก่อนที่จะยิ้มออกมาอย่างขื่นขม

มันย่อมคาดเดาได้ ว่าอัจฉริยะในวาจาของเซี่ยวหยูนั้น คือซูหลี่  แต่ทว่า… ‘ซูหลี่ยังนับเป็นคนของตระกูลซูอยู่หรือ’

มันอดไม่ได้ที่จะระบายลมหายใจออกมาด้วยอารมณ์สะทกสะท้อน

"แล้วข้าจักรอดูชม!" เอกอัครราชทูตเหลือบมองไปที่เซี่ยวหยูด้วยสายตาไม่แยแส ก่อนที่จะหันกลับมามองอัจฉริยะคนอื่นของตัว “ฮายี เจ้าลองไปรับรู้ความสามารถของ พี่น้องเซี่ยวหยู สักครา…อืม จดจำไว้ด้วย อย่าได้บังเอิญลงไม้ลงมือหนักจนผู้อื่นพิการเสียล่ะ”

ต้วนหลิงเทียนขมวดคิ้วขึ้นมาโดยพลัน

เอกอัครราชทูตของอาณาจักรตะวันฉายกลับกล่าวคำ พิการ ออกมาเห็นได้ชัดว่าที่มันกล่าวออก เหตุเพราะมีแรงจูงใจซ่อนเร้นบางประการ

“ขอรับ ท่านเอกอัครราชทูต” ฮายีที่ถูกเอกอัครราชทูตเรียกนี้ คือชายหนุ่มที่กล่าววาจาหยอกล้อกับจามู่ก่อนหน้านี้ ร่างของมันเองก็กำยำไม่น้อย ก้าวอาดๆออกมาเบื้องหน้ามีสภาวะขู่ขวัญไม่น้อย ร่างยังแผ่แรงกดดันไร้สภาพออกมาสะกดข่มผู้คน

ต้วนหลิงเทียนหรี่ตาลงเล็กน้อย เมื่อเห็นเซี่ยวหยูถูกกระตุ้นจนคนคล้ายจะพุ่งไปทุบตีกับอีกฝ่าย เขารีบใช้พลังวิญญาณแผ่ซ่านหยั่งตื้นลึกหนาบางฮายีโดยพลัน

กำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 9

ต้วนหลิงเทียนรับรู้ระดับบ่มเพาะของมันได้ในทันที!

"พี่น้องเซี่ยวหยู ข้าเองก็สุขใจไม่น้อย ที่เจ้ากรุณาทุบตีสั่งสอนจามู่แทนข้า …หากเป็นช่วงเวลาปกติ ข้าคงเชิญเจ้ามาจิบสุราสักจอก แต่ยามนี้ใต้เท้าของข้า…ทำให้ข้าสิ้นไร้ทางเลือก จำต้องต่อยตีกับเจ้าแล้ว " ฮายีก้าวเดินออกมาเผชิญหน้ากับเซี่ยวหยู ก่อนจะแย้มยิ้มเผยฟันขาวราวหิมะ ช่างตัดกับสีผิวดำทมิฬของมันนัก

เซี่ยวหยูมองลึกไปยังฮายี “ในเมื่อเจ้าเองก็ตรงไปตรงมา ข้าเองก็ไม่ใช่คนอ้อมค้อม…ข้ายอมรับความพ่ายแพ้”

ยอมรับความพ่ายแพ้!

นอกจากต้วนหลิงเทียนแล้ว ทุกคนอดที่จะบังเกิดความสับสนงุนงงออกมาไม่ได้ เมื่อได้ยินคำเซี่ยวหยู

เห็นได้ชัดว่าพวกมันไม่คิดคาดว่าเซี่ยวหยูจะตัดสินใจกระทำเช่นนี้

ต่างสับสนงงงวยนัก

เมื่อครู่เซี่ยวหยูยังเผยทีท่าราวกับจะทุบตีอีกฝ่ายเสียให้ได้

แต่ตอนนี้ใยเปลี่ยนใจไวนักเล่า?

ในขณะที่คนส่วนมากยังไม่ทันฟื้นสติรู้สึกตัว เซี่ยวหยูก็เดินไปนั่งข้างประมุขตระกูลเซี่ยวเรียบรอยแล้ว

เมื่อเผชิญหน้ากับสายตาและวาจากล่าวถามด้วยความสงสัยของประมุขตระกูลเซี่ยว เซี่ยวหยูก็ตอบกลับโดยการส่งเสียงผ่านพลังงานต้นกำเนิด “ท่านประมุข ฮายีผู้นี้ อยู่ในระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 9 แล้ว”

ใบหน้าของประมุขตระกูลเซี่ยวมืดลงโดยพลัน ท่าทางยังไม่น่าดูอย่างยิ่ง

“ฮ่าๆ…ข้าคิดว่าอัจฉริยะหนุ่มของอาณาจักรนภาล่อง หาได้ธรรมดาไม่  แต่มิคิดเลยว่าจักเป็นเพียงผู้ที่ขลาดเขลายอมแพ้ เลือกหลบหนีตั้งแต่มิทันได้สู้รบ!” ใบหน้าของเอกอัครราชทูตเองก็มืดลงไม่แพ้กัน เมื่อเห็นเซี่ยวหยูยอมรับความพ่ายแพ้ ทั้งยังแสดงความเสียดายออกมา

“ข้ารู้ขีดจำกัดของตัวเองดี  ตอนนี้ข้ายังมิใช่คู่ต่อสู้ของผู้ฝึกยุทธ์ระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 9” เซี่ยวหยูเหลือบไปมองฮายี ก่อนที่จะกล่าวออกมาช้าๆ

"เจ้า… เจ้ารู้ได้อย่างไร?" หน้าของฮายีแปรเปลี่ยนเป็นน่ากลัว มันบังเกิดปฏิกิริยาตอบสนองไม่น้อย

มันมั่นใจว่าตั้งแต่มาถึงอาณาจักรนภาล่อง มันยังไม่ได้สู้รบตบมือกับใคร  กล่าวกันตามหลักเหตุผลแล้วไม่สมควรมีใครล่วงรู้ระดับบ่มเพาะที่แท้จริงของมัน

แต่ตอนนี้กลับถูกเปิดโปงโดยเซี่ยวหยู!  มันขบคิดจนหัวแทบแตกก็ไม่อาจรู้ได้ว่าอีกฝ่ายล่วงรู้เรื่องนี้ได้อย่างไร!!

หน้าของเอกอัครราชทูตตะวันรุ่งเริ่มดำคล้ำ ก่อนที่จะลดต่ำลงเล็กน้อย เหลือบตามองไปยังฮายีอย่างดุร้าย “ฮายี ก่อนหน้านี้เจ้าก็อยู่ด้วยมิใช่หรือไรยามข้าให้บทเรียนแก่ เก๋อหลู่ เรื่องที่มันเปิดเผยระดับบ่มเพาะวิญญาณแรกก่อตั้งขั้นแรกออกไป…ข้ากล่าวเตือนเจ้าซ้ำๆ ว่าอย่าได้เปิดเผยระดับบ่มเพาะออกไปจนกว่าจักถึงวันนี้!  แล้วนี่คือสิ่งที่เจ้ารับปากข้าหรือ!?”

เห็นได้ชัดว่าเอกอัครราชทูตของตะวันรุ่ง คิดว่าฮายีเผยระดับบ่มเพาะออกไปเพราะความเลินเล่อ หาไม่แล้วผู้คนของอาณาจักรนภาล่อง จะล่วงรู้ระดับบ่มเพาะของฮายีได้อย่างไร…?

"ใต้เท้า ข้า … ข้ายังมิได้สู้กับผู้ใด…และยังมิได้เผยความแข็งแกร่งของระดับบ่มเพาะเลยสักครั้ง! ตั้งแต่มาถึงอาณาจักรนภาล่อง … " ฮายีส่งเสียงตอบกลับด้วยน้ำเสียงไม่ยินยอมพร้อมใจรับข้อกล่าวหานี้

ระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 9 !

คำกล่าวที่ออกมาจากปากของเซี่ยวหยู ทำให้คนของนภาล่องตกใจไม่น้อย และเมื่อพวกมันเห็นสีหน้าบิดเบี้ยวของเอกอัครราชทูตของตะวันรุ่ง พวกมันก็ยืนยันได้ ว่าคำกล่าวของเซี่ยวหยูเป็นจริง!

ดูเหมือนผู้ฝึกยุทธ์คนที่สองของอาณาจักรตะวันรุ่ง จะมีระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 9!

ตอนนี้เหล่าอัจฉริยะของ 3 ตระกูลใหญ่ ที่คันไม้คันมืออยากออกไปฟัดกับอีกฝ่ายสักตั้ง พลันหน้าซีดลงไปโดยพลัน ก้นพวกมันที่เผยอคิดจะลุกออกไป รีบทิ้งตัวลงบนเก้าอี้อีกครั้ง ไม่กล้าผลีผลามลุกขึ้นไปอีก

เรื่องตลกอะไร!

ระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 9 ไม่ใช่อะไรที่พวกมันจะรับมือได้สักนิด!

ตอนนี้พวกมันรู้ว่าตัวเองก็มีโชคไม่น้อย!

โชคดีที่เซี่ยวหยูหยั่งรู้ระดับบ่มเพาะของฮายี  หาไม่แล้วพวกมันต้องพบพานหายนะเป็นแน่!

ต้วนหลิงเทียนมองเรื่องราวตรงหน้าด้วยความสงบ

เหตุผลที่เซี่ยวหยูยอมรับความพ่ายแพ้ในทันที เป็นเพราะเขาส่งเสียงผ่านพลังงานต้นกำเนิดไปกล่าวเตือนอีกฝ่าย

เซี่ยวหยูให้น้ำหนักคำพูดและการกระทำของต้วนหลิงเทียนอย่างมาก และไม่ได้แคลงใจสงสัยอะไรในคำกล่าวของต้วนหลิงเทียนสักเพียงนิด ยอมรับความพ่ายแพ้ออกมาตรงๆทันที

ด้วยเหตุนี้แผนของเอกอัครราชทูต ที่คิดให้ฮายีสั่งสอนเซี่ยวฉินจึงล้มเหลวไม่เป็นท่า

"ระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 9 … " ในตอนนี้ ทุกสายตาของทั้ง 3 ตระกูลใหญ่แห่งเมืองหลวง ต่างจับจ้องมองไปยัง นี่เฝิน ที่นั่งอยู่ที่โต๊ะของจวนเจ้าพระยาอย่างพร้อมเพรียง

นี่เฝิน พระยาน้อย ของจวนเจ้าพระยาเรืองฤทธิ์ มีระดับบ่มเพาะอยู่ที่ กำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 9

ในบรรดาอัจฉริยะของอาณาจักรนภาล่อง ที่มีอยู่ในตอนนี้ คงมีเพียงต้วนหลิงเทียน และนี่เฝินที่มีความสามารถในการรับมือ ฮายี

ทั้งหมดมองว่า…ต้วนหลิงเทียนคือไพ่ตายใบสุดท้าย!

เพราะจะอย่างไรทางอาณาจักรตะวันรุ่งก็ยังหลงเหลือมือดี อันมีระดับวิญญาณแรกก่อตั้งขั้นที่ 1 อยู่ทั้งคน

อันที่จริงก่อนหน้านี้…ทั้งหมดก็คิดว่าครานี้อาณาจักรนภาล่องต้องแพ้พ่ายแล้วอย่างแน่นอน…

แต่เมื่อพวกมันได้เห็นต้วนหลิงเทียนเดินเข้ามา พวกมันก็เสมือนได้เห็นแสงแห่งความหวัง อันสว่างสดใสอยู่ที่ปลายอุโมงค์…

เท่าที่พวกมันรู้ ต้วนหลิงเทียนเดินทางออกจากอาณาจักรนภาล่องไปยังอาณาจักรพนาครามหลายปี และคงได้เข้าร่วมกับนิกายอันน่าเกรงขามเหล่านั้นไปแล้วแน่แท้….เช่นนั้นความแข็งแกร่งในปัจจุบันสมควรเพิ่มพูนขึ้นไปอีกหลายขุม!

 

Prev
Next

ความคิดเห็นสำหรับ "บทที่ 462 : ความไม่เป็นธรรมของฮายี "

3.7 233 โหวต
คุณชอบเรื่องนี้ไหม?
ติดตาม
เข้าสู่ระบบ
แจ้งเตือนของ
กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่คุณอาจชอบ

รุ่งอรุณแห่งยุคใหม่ ( 末世虐杀游戏最新章节 )
รุ่งอรุณแห่งยุคใหม่ ( 末世虐杀游戏最新章节 )
มีนาคม 12, 2022
หมื่นกระบี่ทะลวงสวรรค์ I Have Countless Legendary Swords !
หมื่นกระบี่ทะลวงสวรรค์ I Have Countless Legendary Swords !
มีนาคม 12, 2022
Naruto-Time-Control
ผู้ควบคุมเวลา (นิยายแปล)
ตุลาคม 23, 2024
Godly Empress Doctor
Godly Empress Doctor
มีนาคม 12, 2022
The Inverted dragons scale
The Inverted dragons scale
มีนาคม 12, 2022
ปกข้ามีดาวเทียมในยุคสามก๊ก
ข้ามีดาวเที่ยมในยุคสามก๊ก
กรกฎาคม 9, 2023
Tags:
#ผจญภัย, กำลังภายใน, ต่อสู่, สงคราม
ประวัติการเข้าชม
You don't have anything in histories
หมวดหมู่นิยาย
  • sci-fi (24)
  • Video Games (11)
  • กำลังภายใน (36)
  • จีนกำลังภายใน (1)
  • ดราม่า (3)
  • ตลก (3)
  • นิยายลิขสิทธิ์ (18)
  • นิยายแต่ง (3)
  • ย้อนยุค อนาคต (7)
  • สยองขวัญ (2)
  • เกมส์ออนไลน์ (5)
  • แฟนตาซี (161)

© 2025 Madara Inc. All rights reserved

Premium Chapter

คุณจำเป็นต้องเข้าสู่ระบบก่อน

wpDiscuz