หน้าแรก Amnovel
  • หน้าแรก
  • นิยายทั้งหมด
  • เติมเงิน
  • ติดต่อเรา
ค้นหา
ค้นหาขั้นสูง
เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก
  • หน้าแรก
  • นิยายทั้งหมด
  • เติมเงิน
  • ติดต่อเรา
  • เข้าสู่ระบบ
เข้าสู่ระบบ
Prev
Next

สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - บทที่ 460 : เข้าวังหลวง

  1. หน้าแรก
  2. สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์
  3. บทที่ 460 : เข้าวังหลวง
Prev
Next

WSSTH บทที่ 460 : เข้าวังหลวง

 

 

แล้วช่วงเช้าก็ค่อยๆผ่านเลยไปอย่างเงียบงัน…

ตอนนี้ตะวันลอยเด่นเกือบกลางฟ้า บ่งบอกเวลาว่าใกล้เที่ยงเต็มทีแล้ว  บทสนทนาของคนทั้งสองยังคงเป็นเซี่ยวหลันถามคำ ต้วนหลิงเทียนกล่าวตอบคำอยู่เช่นเดิม…

"เซี่ยวหลัน" ในที่สุดต้วนหลิงเทียนก็กัดฟันกล่าวออกมา เขาไม่คิดอ้อมค้อมอะไรอีกต่อไป จะอย่างไรวันนี้ต้องชัดเจน

"หืม?" รอยยิ้มของเซี่ยวหลันคลี่ออกกลางใบหน้างดงาม ขับเน้นให้ที่งามอยู่แล้วก็ยิ่งงามมากขึ้น ดวงตาใสกระจ่างดั่งหยาดหยดวารีสั่นไหว จับจ้องไปยังต้วนหลิงเทียนด้วยความสงสัย

"คงไม่อาจปฏิเสธได้ว่าเจ้านั้นก็งดงามดูดีนัก แต่ข้า … " ต้วนหลิงเทียนมองไปยังเซี่ยวหลันก่อนที่จะกล่าววาจาออกมาอย่างลังเล

ร่างบอกบางของเซี่ยวหลันสั่นสะท้านในทันใด กล่าวถามเสียงค่อย “เป็นเพราะเค่อเอ๋อกับลี่เฟย?”

ต้วนหลิงเทียนเพียงพยักหน้ารับเบาๆ

“แล้ว…หากท่านไม่มีพวกนาง … " ในขณะที่กล่าวถามออกมานี้ ใจของเซี่ยวหลันพลันสั่นไหวเต้นไม่เป็นจังหวะ

"ข้าจะไขว่คว้าเจ้า" ต้วนหลิงเทียนไม่ปิดบังอะไร กล่าวออกไปตรงๆ

"เพียงพอแล้ว…." ยิ้มอ่อนหวานค่อยๆคลี่ออกมาบนใบหน้า "เพียงเท่านี้ก็พิสูจน์ทราบแล้ว ว่าผู้อื่นยังมีค่าในสายตาท่าน …เพียงพบกันเมื่อสายไป…"

เซี่ยวหลันกล่าวถึงตรงนี้ นางก็ลุกขึ้นยืน แววตาที่มองมายังต้วนหลิงเทียนคล้ายพร่ามัว  "เป็นน้าหลัวให้ท่าน ทำเรื่องราวให้กระจ่างใช่หรือไม่?…ข้ารู้ดีว่าน้าหลัวหวังดีและกระทำเพื่อข้า… แต่บางครั้ง ยามสตรีมอบใจให้บุรุษไปแล้ว มันยากนักที่จักแปรเปลี่ยน…ต่อให้ผ่านไปเนิ่นนานเพียงใดก็ตาม”

“มิว่าจักเกิดอันใดขึ้น …ข้าเซี่ยวหลัน ชั่วชีวิตนี้มีเพียงท่าน  มิคิดเปลี่ยนผันใจ…และถึงแม้น…ว่าชีวิตนี้ข้าจะมิมีหวังใดต่อท่าน   ข้ายังคงยินดีที่จักอยู่ข้างน้าหลัว  หวังเพียงมีโอกาสเฝ้ามองท่าน   ยังขอบอกต่อท่าน…สิ่งที่ข้ากระทำเพื่อท่านได้ มิได้ด้อยกว่าเค่อเอ๋อหรือลี่เฟย” เมื่อกล่าวจบคำ เซี่ยวหลันก็หันหลังและเดินจากไป แผ่นหลังของร่างบางแลดูเดียวดายอ้างว้างนัก

ต้วนหลิงเทียนค่อยได้ฟื้นสติอีกครั้ง หลังจากที่ร่างบางของเซี่ยวหลันลับตาไป  มุมปากของเขาเผยยิ้มขื่นขมออกมา

เขาไม่คิดเลยว่าเซี่ยวหลันจะมีความคิดแน่วแน่เช่นนี้ และไม่คิดจะแต่งงานไปชั่วชีวิตของนาง…

ยิ่งไปกว่านั้น นางยังตัดสินใจกระทำเช่นนี้โดยไม่หวั่นไหวสักเพียงนิด…

นี่ทำให้ต้วนหลิงเทียนรู้สึกผิดและไร้หนทางนัก “ข้าต้วนหลิงเทียนมีอะไร…ทำไมข้าถึงสมควรได้รับสิ่งนี้”

"ฮี่ฮี่…พี่ใหญ่หลิงเทียน พี่สาวสหายเก่าของท่านผู้นั้น ช่างดีต่อท่านยิ่งนัก" ทันใดนั้นเองเสียงเล็กๆเจื้อยแจ้วของเจ้าหนูตัวน้อยพลันดังขึ้นในหูของต้วนหลิงเทียน ทั้งน้ำเสียงยังแฝงการล้อเลียนมาเล็กน้อย

“เด็กน้อยเช่นเจ้ายังจะรู้อะไร …ไปเล่นของเจ้า!” ต้วนหลิงเทียนคว้าเจ้าหนูตัวน้อย ก่อนที่จะจับโยนออกไปอย่างไม่แยแส แล้วลุกขึ้นจากศาลาชมบุปผา หมายเดินกลับห้องไปบ่มเพาะ

ส่วนเจ้าหนูน้อยที่ถูกจับโยนออกมา ก็หยุดร่างค้างกลางอากาศ มันหรี่ตาจับจ้องมองไปยังร่างต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาซุกซนยังเผยท่าทางล้อเลียนไม่น้อย …

หลังจากกลับมาแล้วต้วนหลิงเทียนก็นังลงบนเตียงก่อนที่จะหลับตาบ่มเพาะพลัง…

อย่างไรก็ตาม เขาไม่อาจเข้าฌานสั่งสมพลังได้ หลังจากผ่านไปครู่ใหญ่

นั่นเพราะน้ำหนักในวาจาของเซี่ยวหลันมันหนักนัก นับว่าส่งผลกระทบต่อเขาไม่น้อย ทำให้เขาไม่อาจสงบสติอารมณ์ กำหนดใจได้ แม้จะผ่านไปพักใหญ่

สุดท้ายต้วนหลิงเทียนก็ไม่ได้บ่มเพาะพลัง เพียงหลับไปทั้งอย่างนั้น

กินหลังจากตื่นนอน เมื่อกินเสร็จแล้วก็นอนต่อ…

อรุณรุ่งของวันต่อมา ต้วนหลิงเทียนก็ตื่นแต่เช้า นำพาเสี่ยวจินกับโม่อี้ออกเดินทางจากบ้าน มุ่งหน้าไปยังจวนเจ้าพระยา

ไม่นานกลุ่มของต้วนหลิงเทียนก็ไปสมทบกับนี่เหวี่ยและนี่เฝิน ก่อนที่จะไปยังวังหลวงพร้อมๆกัน

“เทียนน้อย ตกลงเจ้าวางแผนกระทำเช่นไร?” นี่เฝินมองไปยังต้วนหลิงเทียนก่อนที่จะกล่าวถามออกมาด้วยท่าทางเป็นกังวลเล็กน้อย “หากเจ้ามิเข้าร่วมแล้วพวกเราจักชนะได้อย่างไรเล่า?”

ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวออกมาพร้อมยิ้มแย้ม เขาไม่คิดให้ทั้ง 2 คาดเดาอะไรอีกต่อไป เขาหันไปมองโม่อี้ก่อนที่จะกล่าวคำออกมา “พี่ใหญ่นี่ ถึงแม้ข้าจะไม่ลงประลองวันนี้ แต่ไม่ได้หมายความว่าโม่อี้จะไม่ลงประลองด้วย…ท่านไม่ต้องกังวลอะไร เพียงปล่อยให้โม่อี้รับมือ อัจฉริยะระดับวิญญาณแรกก่อตั้งขั้นที่ 1 ของอาณาจักรตะวันรุ่งนั่นก็พอ”

เมื่อได้ยินคำกล่าวของต้วนหลิงเทียน ต่างก็หันไปมองโม่อี้อย่างพร้อมเพียง ไม่ใช่แค่เพียงนี่เฝินแต่นี่เหวี่ยยังจับจ้องมองมาด้วย

ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะแนะนำโม่อี้ให้พวกเขารู้จักก่อนหน้านี้แล้ว และท่าทางของโม่อี้เองก็เคารพต้วนหลิงเทียนนัก…แต่พวกเขาก็คิดว่าโม่อี้คงเป็นศิษย์น้องที่ต้วนหลิงเทียนพามาเที่ยวชมอาณาจักรนภาล่องเฉยๆ และไม่ได้มีความแข็งแกร่งอะไรมากมาย

เพราะจากที่ดูแล้ว อายุของโม่อี้ก็อยู่ในรุ่นราวคราวเดียวกับต้วนหลิงเทียน

ถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นศิษย์ของนิกายในอาณาจักรพนาคราม แต่วัยเพียงเท่านี้ก็คงยังไม่แข็งแกร่งอะไรมากนัก

เพราะไม่ใช่ว่าทุกคนจะเหมือนต้วนหลิงเทียน

อย่างไรก็ตามสุดท้ายนี่เฝินและนี่เหวี่ยก็เลือกที่จะเชื่อต้วนหลิงเทียน

นี่เพราะต้วนหลิงเทียไม่เคยทำอะไรให้พวกมันผิดหวังสักเพียงครั้ง

เมื่อเดินทางมาถึงวังหลวง ต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะหวนรำลึกถึงความหลังในวันวานขึ้นมา…

วันนี้การประลองกระชับมิตรระหว่างอัจฉริยะของอาณาจักรนภาล่องและอาณาจักรตะวันรุ่งจะจัดขึ้นที่สวนหลวงที่อยู่ทางด้านหลังวังหลวง

ต้วนหลิงเทียนก็พาโม่อี้ไปหาราชาที่ท้องพระโรงพร้อมกันกับนี่เหวี่ยและนี่เฝินก่อน

หลังจากที่ไม่ได้เจอราชานานอีกฝ่ายก็ไม่ได้มีริ้วรอยอะไรมากขึ้น ทั้งยังแลดูมีชีวิตชีวามากกว่าเดิมเสียอีก…

“ผู้บัญชาการต้วน!” ราชาที่มองมาเห็นต้วนหลิงเทียน ดวงตาก็เบิกโพลงขึ้นด้วยความประหลาดใจ “เมื่อคืนข้ายังกล่าวกับปี้เหยาอยู่ว่า หากเจ้าสามารถกลับมาได้ในยามนี้ เอกอัครราชทูตของอาณาจักรตะวันรุ่งคงทำได้เพียงพบพานชะตากรรมแพ้พ่าย…แต่ข้ามิคิดเลยว่า เจ้าจักกลับมาเช่นนี้จริงๆ!!”

“ฝ่าบาท ข้าต้องขอแสดงความยินดีกับท่านด้วย  เรื่องที่ท่านตัดผ่านไปยังระดับแรกสัมผัสธรรมชาติได้สำเร็จ!” ต้วนหลิงเทียนกล่าวคำแสดงความยินดีออกมาต่อราชา

ก่อนหน้านี้เมื่อเขาเห็นราชา พลังวิญญาณของเอาก็แผ่ซ่านออกไปหยั่งตื้นลึกหนาบางอีกฝ่าย และพบระดับบ่มเพาะในปัจจุบันของราชา

เห็นได้ชัดว่าราชา ได้ตัดผ่านไปยังระดับแรกสัมผัสธรรมชาติเรียบร้อยแล้ว

“ระดับแรกสัมผัสธรรมชาติ?” นี่เหวี่ยและนี่เฝินต่างตกตะลึงขึ้นมาในทันใด เมื่อได้ยินวาจานี้ของต้วนหลิงเทียน  เห็นได้ชัด ว่ากระทั่งพวกมันก็ไม่ล่วงรู้เรื่องนี้มาก่อน

เพราะจะอย่างไรพวกมันก็ไม่มีพลังวิญญาณอันน่ากลัวและความรู้มากมายเหมือนที่ต้วนหลิงเทียนมี

“กระหม่อมขอแสดงความยินดีด้วย ฝ่าบาท!”ทันใดนั้นนี่เหวี่ยกับนี่เฝินก็กล่าวแสดงความยินดีทันที

ราชากระพริบตาปริบๆ ก่อนที่จะจับจ้องไปยังต้วนหลิงเทียน ด้วยสายตาประหลาดใจ “ผู้บัญชาการต้วน …เจ้านับว่าทำให้ข้าประหลาดใจได้เสมอจริงๆ…เพราะสุดท้ายแล้ว นอกเหนือจากข้า ก็ไม่มีผู้ใดล่วงรู้เรื่องการทะลวงระดับของข้าอีกเป็นคนที่สอง…แต่เจ้ากลับมาได้ไม่ทันไร เพียงมองปราดเดียวกลับระบุออกมาได้ ดูท่าแล้วผู้บัญชาการต้วนคงได้รับผลประโยชน์มากมายจากการไปอาณาจักรพนาครามในช่วง 2-3 ปีที่ผ่าน..”

“ฝ่าบาท ท่านกล่าวยกยอข้าจนแทบลอยแล้ว…”ต้วนหลิงเทียนยิ้มบาง ๆ"นอกจากนั้นตอนนี้ข้าเองก็ไม่ได้เป็นผู้บัญชาการองครักษ์เสื้อแพรอีกต่อไปแล้ว…ต่อไปท่านเพียงเรียกชื่อข้าตรงๆก็พอ"

“ในสายตาของข้า เจ้าคือผู้บัญชาการต้วนผู้ที่สามารถถอนรากถอนโคนพวกทรยศและเป็นผู้สนับสนุนอันประเสริฐของข้าเสมอ!”

ต้วนหลิงเทียนเพียงยิ้มบางๆรับคำและกล่าวชักชวนออกมา “ฝ่าบาทนี่ก็สมควรใกล้ถึงเวลาแล้ว…พวกเราไปกันก่อนเถอะ”

“เอาล่ะ!” ราชาพยักหน้า และภายใต้การคุ้มกันของกองทหารรักษาพระองค์ คณะของราชาก็เดินทางไปยังสวนหลวงพร้อมกันกับกลุ่มของต้วนหลิงเทียน

นอกเหนือจากพื้นที่โล่งว่างเปล่าแล้ว บริเวณสวนยังจัดแบ่งออกเป็น 6 โต๊ะใหญ่ และที่นั่งก็มีการปูพรมอย่างดี ตัวโต๊ะเก้าอี้ก็นับว่าเป็นงานฝีมืออันประณีต อาหารเลิศรสมากมายจัดวางไว้บนโต๊ะ

บริเวณโต๊ะที่หรูหราที่สุดที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเป็นโต๊ะที่หรูหราและใหญ่ที่สุด เห็นได้ชัดว่าเป็นของราชา

เมื่อกลุ่มของต้วนหลิงเทียนเดินทางมาถึง 4 โต๊ะ ก็มีผู้คนนั่งกันอยู่เต็มไปหมดแล้ว

“ถวายบังคมฝ่าบาท”ด้วยเสียงกล่าวคำของคนผู้หนึ่ง นำพาให้ทั้งหมดต่างลุกขึ้นมาทำความเคารพอย่างพร้อมเพรียง “ถวายบังคมฝ่าบาท”

“ทั้งหมดนั่งลงเถอะ ไม่ต้องลุกขึ้น เอาล่ะท่านเจ้าพระยาท่านไปนั่งกับพระยาน้อยเถิด…ส่วนวันนี้ให้ผู้บัญชาการต้วน มานั่งข้างข้า” หลังจากที่ราชานั่งลงบนโต๊ะใหญ่สุดก็กล่าวคำออกมา

"ได้" ต้วนหลิงเทียนพยักหน้ารับ ก่อนที่จะไปนั่งลงด้านขวาของราชา

“โม่อี้ เจ้าไปนั่งกับพี่ใหญ่นี่และลุงนี่” ต่อมาต้วนหลิงเทียนก็กล่าวบอกโม่อี้ให้ไปนั่งโต๊ะเดียวกับลุงนี่

มันเป็นโต๊ะที่จัดเตรียมให้คนของจวนเจ้าพระยาโดยเฉพาะ

“ต้วนหลิงเทียน!”ทันใดนั้นเองเสียงประหลาดใจ พลันดังมาจาก 3 โต๊ะจัดเลี้ยง

แน่นอนโต๊ะเหล่านี้นั่งไว้ด้วยคนของ 3 ตระกูลใหญ่แห่งเมืองหลวง ประมุขของทั้ง 3 ตระกูล และอัจฉริยะที่ต่างนำพากันมา

อัจฉริยะของตระกูลเซี่ยวทั้ง 2 ต่างมองมายังต้วนหลิงเทียนจากระยะไกลด้วยความตื่นเต้น

“เซี่ยวหยู เซี่ยวฉิน ไม่เจอกันนานแล้ว…พวกเจ้าสบายดีหรือไม่ …หืม? เซี่ยวหยูข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าจะตัดผ่านไปยังระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 7 แล้ว” ต้วนหลิงเทียนสื่อสารกับทั้งคู่ ด้วยเสียงผ่านพลังงานต้นกำเนิด

“ต้วนหลิงเทียน เจ้ากลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”เซี่ยวหยูส่งเสียงกล่าวถาม

ส่วนเซี่ยวฉินนั้นระดับบ่มเพาะของอีกฝ่ายยังไม่ตัดผ่านไปยังระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 7 จึงไม่อาจส่งเสียงผ่านพลังงานต้นกำเนิดได้ ทำได้เพียงนั่งคันปากอยากจะกล่าวอยู่ข้างๆเซี่ยวหยู

“ข้าพึ่งกลับมาเมื่อวานซืน” ต้วนหลิงเทียนส่งเสียงตอบกลับไป เขาเองก็รู้สึกมีความสุขในใจไม่น้อย เมื่อได้พบพานสหายเก่าทั้งสองอีกครั้ง

ต้วนหลิงเทียนมองไปยังเซี่ยวฉิน ที่นั่งคันปากข้างๆเซี่ยวหยู ก่อนที่จะส่งเสียงผ่านไป “เซี่ยวฉิน เดี๋ยวพวกเราไปหาอะไรดื่มกันหน่อย หลังจบการประลองกระชับมิตรนี่แล้ว”

เซี่ยวฉินพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้มทันทีเมื่อได้ยินเรื่องนี้

‘บ้าเอ๊ย! ดูเหมือนข้าต้องรีบตัดผ่านไปยังระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 7 บ้างแล้ว…ไม่อาจส่งเสียงผ่านพลังงานต้นกำเนิดนี่ได้ นับว่าทำให้คันปากแทบตายแล้ว’ เซี่ยวฉินลอบบ่นพึมพำในใจ

“ต้วนหลิงเทียน!” ในขณะเดียวกันประมุขของตระกูลต้วน,ตระกูลซู และตระกูลเซี่ยว ก็ส่งเสียงพร้อมมองมายังต้วนหลิงเทียน

พวกมันต่างรู้สึกประหลาดใจและยินดีกับการปรากฏตัวของต้วนหลิงเทียน

“องค์หญิงปี้เหยาเสด็จแล้ว…”เสียงหนึ่งพลันกล่าวดังออกมาทำลายความเงียบ

ตอนนี้ปรากฏร่างงดงามก้าวอาดๆเข้ามา เครื่องแต่งกายของนางหรูหราและมีเอกลักษณ์พิเศษยากจะหาใดเทียบ  ท่วงท่าการเดินของนางยังแลดูสงบนิ่งเป็นธรรมชาติ ราวกับความงามที่เดินออกมาจากภาพวาด ทำให้ผู้คนรู้สึกไม่อาจไม่เคารพนาง…

“องค์หญิงปี้เหยา” ตอนนี้เองนอกเหนือจากโต๊ะราชาแล้ว โต๊ะอื่นๆต่างลุกขึ้นยืนทำความเคารพหญิงสาวทันที

แต่เหล่าคนที่ยืนกลับไม่ได้รับการตอบรับอะไรจากองค์หญิงแม้จะผ่านไปเนิ่นนาน

เพราะในยามนี้สายตาขององค์หญิงกำลังเหม่อมองค้างไปยังร่างคนๆหนึ่ง…

ต้วนหลิงเทียน!

“องค์หญิงท่านสบาย…นานแล้วไม่ได้พบกัน” ต้วนหลิงเทียนลุกขึ้นยืนในทันใด ใบหน้ายังคลี่ยิ้มบางๆออกมาขณะจับจ้องไปยังปี้เหยา

ดวงตาคู่งามขององค์หญิงปี้เหยาที่อ่อนโยนราวกับสายธารเริ่มพร่ามัวในทันใด ร่างบางของนางเองก็สั่นไหวขึ้นมา

ในตอนนี้ราวกับทั้งโลกของนางเหลือเพียงต้วนหลิงเทียน…

นางฝันไปเช่นนั้นหรือ?

ชายที่นางเฝ้าใฝ่ฝันถึงทุกคืนวัน กลับมาแล้วหรือ?

“ทุกคนนั่งลงเถอะ” ราชาไม่คิดจะตำหนิปี้เหยาที่เสียมารยาทปล่อยให้ผู้อื่นยืนรอ เพราะตัวเองยืนมองชายหนุ่มตาค้าง “บุตรสาวของข้าเสียมารยาทแล้ว หวังว่าทุกคนจะไม่ตำหนินางในเรื่องนี้”

“ฝ่าบาท…ดูเหมือนองค์หญิงปี้เหยาแห่งอาณาจักรนภาล่อง จะงดงามสยบผู้คนสมคำร่ำลือยิ่งนัก…คู่ควรแล้วกับนามโฉมงามอันดับหนึ่งแห่งเมืองหลวงของอาณาจักรนภาล่อง!”ที่โต๊ะด้านล่างถัดจากต้วนหลิงเทียนและราชา ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งกล่าวขึ้นมาพร้อมระบายลมหายใจ

“เอกอัครราชทูต ท่านเกรงใจไปแล้ว” ราชายิ้มรับคำอย่างสุภาพ

 

Prev
Next

ความคิดเห็นสำหรับ "บทที่ 460 : เข้าวังหลวง"

3.7 233 โหวต
คุณชอบเรื่องนี้ไหม?
ติดตาม
เข้าสู่ระบบ
แจ้งเตือนของ
กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่คุณอาจชอบ

ปกข้ามีดาวเทียมในยุคสามก๊ก
ข้ามีดาวเที่ยมในยุคสามก๊ก
กรกฎาคม 9, 2023
ฮูหยินข้าดีเลิศประเสริฐสุด
ฮูหยินข้าดีเลิศประเสริฐสุด
มีนาคม 12, 2022
ราชันสามภพ (นิยายแปล)
ราชันสามภพ
กรกฎาคม 6, 2023
Eternal martial sorvereign
Eternal martial sorvereign
มีนาคม 12, 2022
หมื่นกระบี่ทะลวงสวรรค์ I Have Countless Legendary Swords !
หมื่นกระบี่ทะลวงสวรรค์ I Have Countless Legendary Swords !
มีนาคม 12, 2022
เกิดใหม่กับระบบไร้พ่าย
เกิดใหม่กับระบบไร้พ่าย
มิถุนายน 26, 2022
Tags:
#ผจญภัย, กำลังภายใน, ต่อสู่, สงคราม
ประวัติการเข้าชม
You don't have anything in histories
หมวดหมู่นิยาย
  • sci-fi (24)
  • Video Games (11)
  • กำลังภายใน (36)
  • จีนกำลังภายใน (1)
  • ดราม่า (3)
  • ตลก (3)
  • นิยายลิขสิทธิ์ (18)
  • นิยายแต่ง (3)
  • ย้อนยุค อนาคต (7)
  • สยองขวัญ (2)
  • เกมส์ออนไลน์ (5)
  • แฟนตาซี (161)

© 2025 Madara Inc. All rights reserved

Premium Chapter

คุณจำเป็นต้องเข้าสู่ระบบก่อน

wpDiscuz