หน้าแรก Amnovel
  • หน้าแรก
  • นิยายทั้งหมด
  • เติมเงิน
  • ติดต่อเรา
ค้นหา
ค้นหาขั้นสูง
เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก
  • หน้าแรก
  • นิยายทั้งหมด
  • เติมเงิน
  • ติดต่อเรา
  • เข้าสู่ระบบ
เข้าสู่ระบบ
Prev
Next

สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - บทที่ 459 : ข้าจะไม่เข้าร่วม

  1. หน้าแรก
  2. สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์
  3. บทที่ 459 : ข้าจะไม่เข้าร่วม
Prev
Next

WSSTH บทที่ 459 : ข้าจะไม่เข้าร่วม

 

 

ในช่วงปีนั้นชื่อเสียงของต้วนหลิงเทียนในอาณาจักรนภาล่อง เรียกได้ว่าไม่ต่างอะไรกับ ดวงตะวันเจิดจ้าที่ลอยค้างกลางหาว

หาได้มีแค่ผู้คนในเมืองหลวงไม่ …ที่รับรู้ถึงคงความสามารถของต้วนหลิงเทียน  กระทั่งอาณาจักรข้างเคียงอีก 2-3 อาณาจักร ล้วนได้รับรู้ตำนานอันน่าตื่นตะลึงของต้วนหลิงเทียนทั้งสิ้น!

เรียกได้ว่ายามนี้ต้วนหลิงเทียนได้กลายเป็นตำนานของอาณาจักรนภาล่องไปแล้วอย่างไม่ต้องสงสัย…!

สำหรับนี่เฝินแล้ว เมื่อได้รับรู้ถึงระดับบ่มเพาะของต้วนหลิงเทียน …อัจฉริยะของอาณาจักรตะวันรุ่งที่มีระดับบ่มเพาะเพียงวิญญาณแรกก่อตั้งขั้นที่ 1 นั้น…ก็ไม่นับเป็นอะไรทั้งสิ้น ไร้ซึ่งภัยคุกคามใดๆอย่างสิ้นเชิง…!

กระทั่งบางทีต้วนหลิงเทียนคงใช้แค่เพียงนิ้วเดียวก็เอาชนะอีกฝ่ายได้

"ไม่… พี่ใหญ่นี่…ข้าคงไม่อาจเข้าร่วมการประลองกระชับมิตรระหว่างอาณาจักรครั้งนี้ได้" ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวออกมา  เขาไม่สนใจการประลองกระชับมิตรของอัจฉริยะอะไรนี่อย่างสิ้นเชิง

เพราะสำหรับเขาแล้ว…หากเขาเข้าร่วมประลองกระชับมิตรนี่ด้วยระดับบ่มเพาะของเขา …มันก็ไม่ต่างอะไรกับการไปรังแกอีกฝ่ายอย่างไร้ทางสู้

"ไม่เข้าร่วม?" นี่เฝินหัวเราะออกมาอย่างขมขื่น "หากเจ้าไม่เข้าร่วมเห็นทีอาณาจักรนภาล่องเราคงต้องแพ้พ่าย…เมื่อเราแพ้พ่ายแล้ว…เช่นนี้ ภาษี 3 ปีของอาณาจักรเราก็ต้องส่งมอบให้ผู้อื่น! "

ภาษี 3 ปีของอาณาจักร! ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ามันคงเป็นตัวเลขมหาศาลชวนให้คนหัวลุก..!

ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม การสูญเสียเช่นนี้คงปวดใจแทบตายแล้ว!

"เทียนน้อย… ข้ารู้ว่าตัวเจ้าได้เข้าร่วมนิกายในอาณาจักรพนาคราม …และเจ้าก็ยืนอยู่ในจุดที่สูง มุมมองของเจ้ายามนี้คงต่างออกไปจากกาลก่อนอย่างสิ้นเชิง เจ้าจึงมิคิดแยแสหรือสนใจอัจฉริยะที่เอกอัครราชทูตตะวันรุ่งพามาสักเพียงนิด…แต่จะอย่างไรการประลองกระชับมิตรครานี้ หาใช่เป็นเรื่องของเกียรติยศศักดิ์ศรีของอาณาจักรเพียงอย่างเดียวไม่…มันยังเกี่ยวพันกับภาษีของอาณาจักรถึง 3 ปี… " นี่เหวี่ยมองไปยังต้วนหลิงเทียนก่อนที่จะทอดถอนใจออกมา "ถือว่าคราวนี้ลุงนี่ของเจ้าผู้นี้…ขอเจ้าสักครั้งเถิด หวังว่าเจ้าจะยื่นมือช่วยอาณาจักรนภาล่องให้พ้นจากสถานการณ์เลวร้ายครั้งนี้ด้วย …หากเราแพ้พ่าย…แล้วต้องจ่ายภาษีอาณาจักรของเราให้อาณาจักรตะวันรุ่งถึง 3 ปี เกรงว่าอาณาจักรตะวันรุ่งคงนำทุนรอนส่วนนี้ไปเสริมกำลังทหาร เพิ่มพูนศักยภาพกองทัพ  แล้วใช้ในเคลื่อนทัพมาโจมตีอาณาจักรเรา…ถึงยามนั้นแล้วผู้ที่ได้รับเคราะห์มากที่สุด คงไม่พ้นปวงประชา  ผู้คนคงตกอยู่ในความทุกข์ยากมากมาย"

“ข้าคิดว่าเจ้าเองก็ไม่ได้ยินดีที่จะเห็น ประชาชนผู้บริสุทธิ์ของอาณาจักรนภาล่อง…ต้องจมจ่อมในไฟสงคราม บ้านแตกสาแหรกขาด ใช่หรือไม่?” ในขณะที่กล่าววาจาท่าทางของนี่เหวี่ยจริงจังอย่างมาก

"ลุงนี่…." ต้วนหลิงเทียนไม่อาจทนต่อวาจาที่เฉ่งมาเป็นชุดของนี่เหวี่ยได้ รีบกล่าวบอกออกไปทันที "ข้าคิดว่าท่านคงเข้าใจอะไรผิดแล้ว …ข้าเพียงบอกว่าข้าจะไม่เข้าร่วมการประลองกระชับมิตรครั้งนี้เฉยๆ แต่ข้ายังไม่ได้กล่าวว่าข้าจะไม่ช่วยให้อาณาจักรนภาล่องเราได้รับชัยชนะ" ในขณะที่กล่าวจบต้วนหลิงเทียนก็ส่ายหัวออกมาอย่างช่วยไม่ได้

“เทียนน้อยแล้วเรื่องนี้หมายความว่าอย่างไรเล่า?  ในเมื่อเจ้าไม่เข้าร่วมการประลองครานี้…แล้วอาณาจักรของเราจะเอาชนะเดิมพันครั้งนี้ได้อย่างไร?” นี่เหวี่ย และนี่เฝินต่างประหลาดใจไม่น้อย

“เรื่องนั้น…ถึงเวลาท่านทั้ง 2 จะได้รู้เอง …จริงสิลุงนี่ พี่ใหญ่เฝิน แล้วการประลองกระชับมิตรอะไรนี่จะเริ่มวันไหนเล่า?” ต้วนหลิงเทียนยิ้มอย่างมีเลศนัยก่อนจะกล่าวถามออกมา

“บังเอิญอย่างน่าเหลือเชื่อ เป็นพรุ่งนี้พอดี..” นี่เหวี่ยกล่าวออกมา “การประลองกระชับมิตรครานี้จะจัดขึ้นที่วังหลวง…องค์ราชากับเอกอัครราชทูตของอาณาจักรตะวันรุ่งจะเดินทางมาเข้าพบ พร้อมนำพาอัจฉริยะของมันมา  ทางเราเองก็จะมี 3 ตระกุลใหญ่ไปเข้าร่วมด้วยเช่นกัน”

“พรุ่งนี้งั้นรึ? นับว่าช่างบังเอิญยิ่ง…อืม  พรุ่งนี้ข้าจะมาที่นี่อีกครั้งตอนเช้า แล้วพวกเราจะไปวังหลวงด้วยกัน” ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า

“จริงสิลุงนี่ แล้วท่านปู่นี่ ไม่อยู่หรือ?”ต้วนหลิงเทียนมองไปยังนี่เหวี่ยก่อนที่จะกล่าวถาม นี่เพราะไหนๆเขาก็มาถึงจวนเจ้าพระยาแล้ว จะไม่ไปทำความเคารพท่านปู่นี่ได้อย่างไร

“ท่านพ่อได้ออกเดินทางท่องเที่ยวไปตั้งนานแล้ว”นี่เหวี่ยส่ายหัวไปมา  จะอย่างไรในใจมันก็มีความสุขไม่น้อย ที่ต้วนหลิงเทียนยังคงจดจำบิดามันได้

“เทียนน้อย…เจ้าบอกข้าสักหน่อยมิได้หรือ ว่าเจ้าจะทำให้อาณาจักรเราเอาชนะอาณาจักรตะวันรุ่งนั่นได้อย่างไร?”สายตากระหายใคร่รู้ของนี่เฝินจับจ้องมาที่ต้วนหลิงเทียน

"พี่ใหญ่นี่ เดี๋ยวพรุ่งนี้ท่านก็ได้รู้แล้ว… " ต้วนหลิงเทียนยักไหล่เบาๆ ท่าทางจะปล่อยให้อีกฝ่ายคาดเดาอย่างสนุกสนาน

นี่เฝินบังเกิดความรู้สึกคันหัวใจยากจะเกานัก แต่มันก็รู้ดีว่าต้วนหลิงเทียนย่อมไม่ปริปากบอกกล่าวแน่ มันก็ไร้หนทางอื่นใด ทำได้เพียงเฝ้ารอให้ถึงพรุ่งนี้เท่านั้น

“จริงสิเทียนน้อย ข้าได้ยินมาว่าสภาพแวดล้อมของนิกายใหญ่ๆของอาณาจักรพนาครามนั้น เอื้อประโยชน์ต่อการบ่มเพาะมากเลยหรือ…มันเป็นเรื่องจริงหรือไม่?”

“เทียนน้อยๆ แล้วเจ้าเคยเห็นผู้เชี่ยวชาญหยั่งรู้ธรรมชาติหรือไม่ ตอนที่เจ้าอยู่ในอาณาจักรพนาครามช่วงหลายปีที่ผ่าน?”

"เทียนน้อย แล้วเจ้า… "

หลังจากนั้นนี่เฝินก็ระดมยิง 108 คำถามออกมาระรัว ทั้งหมดล้วนเป็นเรื่องราวในอาณาจักรพนาคราม …ราวกับมันไม่เหน็ดเหนื่อยอ่อนล้าอะไร

สุดท้ายต้วนหลิงเทียนก็ไม่ไหวจะตอบ เหนื่อยล้าแทบตกตาย ลำคอยังแห้งคล้ายอัดแน่นไปด้วยฝุ่นทราย  ทำได้เพียงรีบขอตัวลา กลับบ้านไป…

ถึงกับต้องหนีกลับบ้านแล้ว!

นี่เหวี่ยและนี่เฝินก็ได้เดินไปส่งต้วนหลิงเทียนที่หน้าจวนด้วยตัวเอง เมื่อแผ่นหลังต้วนหลิงเทียนหายลับไปแล้ว นี่เฝินก็บ่นออกมาอย่างไม่ค่อยพอใจ “ข้ายังไม่ได้ถามเทียนน้อยเรื่อง…”

“พอได้แล้ว! นี่เจ้าจะถามอันใดนักหนา… เห็นหรือไม่เทียนน้อยหวาดกลัวเจ้าจนหนีกลับไปแล้ว!”นี่เหวี่ยมองไปยังนี่เฝินอย่างเคืองๆ

นี่เฝินยิ้มออกมาด้วยความละอายเล็กน้อย ก่อนที่จะกลอกตาแล้วบ่นออกมา “ก่อนหน้ายามข้ากล่าวถามเทียนน้อย…มิใช่บิดาก็หูผึ่ง ตั้งใจรับฟังด้วยหรือไร ใยตอนนี้มาตำหนิข้าผู้เดียวเล่า?”

แน่นอนว่าด้วยความแข็งแกร่งของนี่เหวี่ย ประสาทสัมผัสต่างๆรวมถึงการได้ยินย่อมมิใช่ชั่ว ยังจะไม่ได้ยินเสียงพึมพำใกล้ๆนี้อีกหรือ? มันถลึงตามองนี่เฝินพร้อมกล่าวถามออกมาอย่างดุร้าย “เจ้าบ่นอันใด?”

"ไม่ … ไม่ … ไม่มีอันใด! ไม่ได้บ่นอันใด!" นี่เฝินตกใจเล็กน้อยเมื่อเจอข่มขู่

นอกจวนแล้วพระยาเรืองฤทธิ์อาจจะเป็นนายพลอาจหาญชาญศึก น่าเกรงขาม ไร้ซึ่งทหารใดไม่เคารพ

แต่ที่จวนแล้ว มันก็เป็นบิดาเอาแต่ใจ คล้ายเด็กน้อยคนหนึ่ง

หลังจากเดินทางออกจกจวนเจ้าพระยาต้วนหลิงเทียนก็ไม่ได้ไปไหน มุ่งตรงกลับมาบ้านทันที

ต้วนหลิงเทียนพึ่งเดินกลับมาถึงหน้าทางเข้าลานหลังบ้าน เขาก็ได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักดังขึ้น

"เซี่ยวหลัน?" เมื่อต้วนหลิงเทียนเห็นเจ้าของเสียงหัวเราะ คิ้วของเขาก็ขมวดขึ้นโดยพลัน

สตรีที่นั่งตรงข้ามลี่หลัวนั้น เรือนผมของนางยาวสลวย มีน้ำหนัก ทั้งยังเงางามคล้ายน้ำตกสายหนึ่งทอดยาวลงมา  ปลิวไหวๆหยอกเย้าสายลมเล็กน้อยอย่างอ่อนโยน

ใบหน้างดงามปานจะสูบวิญญาณผู้คน คล้ายประติมากรมือเอกเสกสรรปั้นแต่งขึ้นสุดใจ ไร้ตำหนิใดๆ

เพียงเซี่ยวหลันนั่งอยู่ตรงนั้นเฉยๆ ทว่าท่วงท่ากิริยาของนางแลดูหลุดพ้นราวนางเซียนลงมาเยือนโลกมนุษย์

ต้วนหลิงเทียนเพียงเดินเข้ามาได้ไม่ทันไร เซี่ยวหลันที่นั่งสนทนากับลี่หลัวในศาลาชมบุปผา ก็สัมผัสได้ถึงการเคลื่อนไหว นางหันมาดูผู้มาทันที และเมื่อเห็นว่าเป็นเขา ใบหน้างามของนางเริ่มเผยคลื่นแห่งความสุขออกมา นางยังผุดลุกขึ้นยืนในทันทีทันใด ท่าทางตื่นเต้นไม่น้อย "ท่าน …ท่านกลับมาแล้ว!?"

เซี่ยวหลันมองไปยังต้วนหลิงเทียนครู่หนึ่ง หลังจากนั้นก็ก้มหน้าลงงุดๆ ท่าทางแลดูขัดเขิน ราวกับเด็กน้อยถูกจับได้ว่าลอบกินขนม

"ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ เซี่ยวหลัน" ต้วนหลิงเทียนโปรยยิ้มอ่อนๆให้เซี่ยวหลัน เขารู้ดีว่ามารดาของเขาคงไม่ได้บอกเรื่องการกลับมาของเขาแก่นาง

"อื้อ นานมากแล้ว…ท่านกลับมาเช่นนี้ดียิ่ง…น้าหลัวคิดถึงท่านยิ่งนัก ช่วงที่ท่านมิอยู่… " เซี่ยวหลันพยักหน้าเบาๆ ก่อนที่นางจะนั่งลงอีกครั้งเมื่อต้วนหลิงเทียนเดินมานั่งใกล้ๆ

ดวงตาคู่งามใสกระจ่างดั่งวารีของนางลอบบุรุษเบื้องหน้าเป็นระยะๆ…

นางไม่ได้พบกับเขานานแล้ว บุรุษผู้นี้นับว่าเติบโตหล่อเหลาขึ้นไม่น้อย

พวงแก้มที่แดงระเรื่อขึ้นมาของเซี่ยวหลัน ทำให้นางแลน่าเอ็นดูและน่ารักไม่น้อย

"ลูกเทียน เจ้าไปหาลุงนี่มาแล้วหรือ?" ลี่หลัวย่อมสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงของเซี่ยวหลันได้ในทันใด เมื่อต้วนหลิงเทียนกลับมา ยางจึงรีบกล่าวถามเพื่อเปลี่ยนเรื่องไม่ให้บรรยากาศอึดอัด

"ใช่แล้วท่านแม่" ต้วนหลิงเทียนยิ้มบางๆกล่าวตอบ หน้า "หลายปีไม่ได้พบเจอ วันนี้ลุงนี่ก็ยังแข็งแรงดีอยู่"

“แล้วเจ้าคิดจะไปยังวังหลวงกับตระกูลต้วนเมื่อไหร่เล่า?” ลี่หลัวกล่าวถามออกมา

"ตระกูลต้วนนั้นข้าค่อยไปหลังจากนี้สักสองวัน … วันนี้ข้าคงพักไม่ไปไหนแล้ว  ส่วนพรุ่งนี้ข้าจะไปจวนเจ้าพระยาแต่เช้า  เพื่อเข้าวังหลวงไปหาฝ่าบาทพร้อมกันกับลุงนี่และพี่ใหญ่นี่ "ต้วนหลิงเทียนค่อยๆกล่าวออกมา

"เรื่องนี้…ใช่เพราะการประลองกระชับมิตรกับอัจฉริยะของอาณาจักตะวันรุ่งอะไรนั่นหรือไม่?" เห็นได้ชัดว่ากระทั่งลี่หลัวก็รู้เรื่องราวครั้งนี้

"ถูกแล้วท่านแม่" ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า

หลังจากนั้นครู่หนึ่งลี่หลัวก็หันไปมองเซี่ยวหลันสลับกับต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาซับซ้อน ก่อนที่จะลุกขึ้นยืน "พวกเจ้าสองคนไม่ได้เจอกันนาน นั่งคุยกันไปเถอะ…ข้าจะกลับไปบ่มเพาะพลังที่ห้องแล้ว" กล่าวจบลี่หลัวก็ระบายลมหายใจออกมาเฮือกหนึ่งก่อนที่จะเดินกลับเข้าห้องไป

เนิ่นนานผ่านไป …ต้วนหลิงเทียนกับเซี่ยวหลันยังคงนั่งตรงข้ามกันในศาลาของลานด้านหลังเงียบๆ

ต้วนหลิงเทียนเองก็รู้สึกลำบากใจเล็กน้อยไม่รู้จะกล่าวอะไรดี

สุดท้ายก็เป็นเซี่ยวหลันที่กล่าวออกมาก่อน “เค่อเอ๋อ และลี่เฟย มิได้กลับมาพร้อมท่านหรือ?”

ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวออกมา “ไม่ได้กลับมาพร้อมกัน พวกนางเดินทางไปกับอาวุโส  คงอีกสักพักกว่าที่พวกนางจะกลับมา..”

"อื้ม" เซี่ยวหลันพยักหน้าเบาๆ

“ช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ ท่านอยู่ดีหรือไม่”หลังจากเซี่ยวหลันเห็นต้วนหลิงเทียน นั่งนิ่งไม่กล่าวคำหรือตอบสนองอะไรอยู่นาน นางก็ลอบก่นด่าในใจ ‘ท่านเป็นท่อนไม้หรือไรกัน’ ก่อนที่จะเป็นฝ่ายเริ่มกล่าวถามออกมาอีกครั้ง

"ก็ไม่เลว" ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า

เขาไม่เคยรู้สึกเลยว่าตัวเองเป็นคนงุ่มง่ามอะไรแบบนี้  แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าเซี่ยวหลันแล้ว ..ความรู้สึกของเขามันกลับซับซ้อนไม่น้อย…

หากจะกล่าวว่าเขาไม่ประทับในตัวเซี่ยวหลัน นั่นมันก็เป็นไปไม่ได้

มีคำโบราณกล่าวไว้ว่าวีรบุรุษยากฝ่าด่านหญิงงาม  …ถึงแม้ว่าเขาจะไม่คิดว่าตัวเองเป็นวีรบุรุษอะไร  แต่เขาก็ยังไร้ซึ่งความต้านทานใดๆต่อสตรีที่งดงามระดับเซี่ยวหลัน…

แม้จะย้อนกลับไปวันนั้นตอนที่ยังอยู่เมืองออโรร่า ในยามที่เขาเห็นเซี่ยวหลันครั้งแรกระหว่างงานชุมนุมมังกรซ่อนที่ตระกูลเซี่ยวเป็นผู้จัด เขาก็อดไม่ที่จะคิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาไม่ได้…ว่าเซี่ยวหลันนี้งดงามราวกับนางเซียนสวรรค์มาเยือนโลกมนุษย์โดยแท้  ตัวเขาเองก็ค่อนข้างรู้สึกประทับใจต่อนางไม่น้อย

จะอย่างไรคนทุกผู้ย่อมชมชอบความงดงาม

หากเขาไม่มีเค่อเอ๋อและลี่เฟยข้างกายล่ะก็ บางทีเขาคงคิดเรื่องการไขว่คว้าเซี่ยวหลันมาครอบครอง  ส่วนในเรื่องความรู้สึกนั้น…ยังค่อยๆพัฒนาทีหลังก็ได้

เช่นเดียวกันกับลี่เฟยเมื่อหลายปีก่อน

อย่างไรก็ตามเนื่องจากตอนนี้เขามีเค่อเอ๋อกับลี่เฟยอยู่แล้ว ทำให้ต้วนหลิงเทียนต้องรับผิดชอบและซื่อสัตย์ต่อพวกนาง

เขาต้องคิดถึงใจของสาวน้อยทั้งสองคนของเขาด้วย

ถึงแม้ว่าจะเป็นแบบนี้ ก็ไม่ได้หมายความว่าต้วนหลิงเทียนจะไม่มีวันแต่งงานกับสตรีใดเป็นคนที่ 3 อีกตลอดชีวิตของเขา  …ถึงเขาจะไม่ใช่คนมักมากอะไร…

แต่ถ้าหากเขามีบุพเพได้พบพานกับคนที่ถูกชะตาและมีวาสนาร่วมกันแล้วจริงๆ  เขาย่อมไขว่คว้าเอาไว้ไม่ปล่อยให้มันพลาดไปเด็ดขาด…

แต่จนถึงตอนนี้ดูเหมือนชะตากรรมและวาสนาของเขากับเซี่ยวหลัน จะไม่ได้มากมายอะไรถึงขั้นนั้น

ต่อมาเซี่ยวหลันก็กล่าวถามต้วนหลิงเทียนเรื่องอาณาจักรพนาคราม และในเวลาเดียวกันตัวนางเองก็เต็มไปด้วยความปรารถนาที่จะไปยังอาณาจักรพนาครามไม่น้อย

“ข้าอิจฉาเค่อเอ๋อและลี่เฟยยิ่งนัก  …ที่พวกนางสามารถติดตามอยู่ข้างกายท่าน ไปเที่ยวข้างนอกได้ทุกเวลา…”เซี่ยวหลันบังเกิดความอิจฉาไม่น้อย

เคียงข้างข้าทุกเวลา?

คำพูดของเซี่ยวหลันทำให้ต้วนหลิงเทียนละอายในใจนัก

ในช่วงตลอดระยะเวลา 2-3 ปีที่ผ่านมานั้น หากจะนับเวลาที่เขาได้อยู่ด้วยกันกับเค่อเอ่อและลี่เฟย ดูเหมือนมันจะน้อยกว่า 1 เดือนเสียอีก…

ส่วนเวลาอื่นนั้น เป็นเขาที่มักจะอยู่ลำพังคนเดียว

 

Prev
Next

ความคิดเห็นสำหรับ "บทที่ 459 : ข้าจะไม่เข้าร่วม"

3.7 233 โหวต
คุณชอบเรื่องนี้ไหม?
ติดตาม
เข้าสู่ระบบ
แจ้งเตือนของ
กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่คุณอาจชอบ

Crazy  Leveling  System
Crazy Leveling System
พฤษภาคม 17, 2022
Divine Beast Adventures
Divine Beast Adventures
มีนาคม 12, 2022
พ่อบ้านจักรพรรดิปีศาจ
พ่อบ้านจักรพรรดิปีศาจ
มีนาคม 12, 2022
The Divine Nine-Dragon Cauldron
The Divine Nine-Dragon Cauldron
พฤษภาคม 17, 2022
ฮูหยินข้าดีเลิศประเสริฐสุด
ฮูหยินข้าดีเลิศประเสริฐสุด
มีนาคม 12, 2022
davisam
จักรพรรดิเทพมรณะ
มกราคม 14, 2023
Tags:
#ผจญภัย, กำลังภายใน, ต่อสู่, สงคราม
ประวัติการเข้าชม
You don't have anything in histories
หมวดหมู่นิยาย
  • sci-fi (24)
  • Video Games (11)
  • กำลังภายใน (36)
  • จีนกำลังภายใน (1)
  • ดราม่า (3)
  • ตลก (3)
  • นิยายลิขสิทธิ์ (18)
  • นิยายแต่ง (3)
  • ย้อนยุค อนาคต (7)
  • สยองขวัญ (2)
  • เกมส์ออนไลน์ (5)
  • แฟนตาซี (161)

© 2025 Madara Inc. All rights reserved

Premium Chapter

คุณจำเป็นต้องเข้าสู่ระบบก่อน

wpDiscuz