หน้าแรก Amnovel
  • หน้าแรก
  • นิยายทั้งหมด
  • เติมเงิน
  • ติดต่อเรา
ค้นหา
ค้นหาขั้นสูง
เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก
  • หน้าแรก
  • นิยายทั้งหมด
  • เติมเงิน
  • ติดต่อเรา
  • เข้าสู่ระบบ
เข้าสู่ระบบ
Prev
Next

สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - บทที่ 458 : ตกตะลึงกันทั้งจวนเจ้าพระยา

  1. หน้าแรก
  2. สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์
  3. บทที่ 458 : ตกตะลึงกันทั้งจวนเจ้าพระยา
Prev
Next

WSSTH บทที่ 458 : ตกตะลึงกันทั้งจวนเจ้าพระยา

 

 

"ย่อมได้ขอรับท่านแม่  พรุ่งนี้ข้าจะไปหาลุงนี่" ต้วนหลิงเทียนพยักหน้ารับคำกล่าวของมารดา

อันที่จริงถึงแม้ลี่หลัวจะไม่กล่าวบอกเขาถึงเรื่องนี้  ตัวเขาก็คิดที่จะไปเยือนจวนเจ้าพระยาเพื่อเยี่ยมเยียนเจ้าพระยาเรืองฤทธิ์นี่เหวี่ยอยู่แล้ว

เพราะจะอย่างไร นี่เหวี่ยก็เคยช่วยเหลือเขาเอาไว้มากมายนัก ในขณะที่ความแข็งแกร่งของเขายังอ่อนด้อย ทั้งยังคอยดูแลเขาระหว่างที่เขากำลังเติบโตอย่างดี

เขาย่อมจดจำความช่วยเหลืออันดีนี้ไว้อยู่เสมอ

แล้ววันนั้นทั้งวันต้วนหลิงเทียนก็นั่งสนทนาเล่าเรื่องราวกับมารดาทั้งวัน…  รุ่งเช้าวันนี้ เมื่อเขาตื่นขึ้นมา เขาก็นำพาเสี่ยวจินออกมาพร้อมกันกับเขา มุ่งหน้ายังจวนเจ้าพระยา

ในช่วงหลายปีที่ผ่านไป ทหารเฝ้าหน้าประตูจวนได้เปลี่ยนไปหมดสิ้น จนไม่เหลือคนเก่าๆหน้าเดิมๆที่เขารู้จักอีกแล้ว ทำให้ทหารที่เฝ้ายามหน้าประตูไม่มีผู้ใดรู้จักอัตลักษณ์ที่แท้จริงของต้วนหลิงเทียนสักคน

จะอย่างไรก็ตามทหารยามชุดนี้นับว่ายังมีไหวพริบดีไม่น้อย เมื่อเห็นสภาวะและท่วงท่าของต้วนหลิงเทียนโดดเด่นและให้ความรู้สึกสุขุมคล้ายชนชั้นอันสูงส่ง พวกมันจึงไม่กล้าปฏิบัติต่อต้วนหลิงเทียนอย่างไร้มารยาท  กระทั่งยังกล่าวถามออกมาด้วยน้ำเสียงเต็มไปด้วยความเคารพ “คุณชายท่านนี้…ข้าน้อยขอเรียนถามท่านได้หรือไม่ ว่าท่านมีธุระอันใดกับจวนเจ้าพระยาของเราหรือขอรับ?”

“อืม…เจ้าเข้าไปรายงานด้านในว่า ต้วนหลิงเทียน มาเยี่ยมเยียนท่านเจ้าพระยาแล้วกัน” ต้วนหลิงเทียนยิ้มบางๆ ค่อยๆกล่าวคำบอกต่อทหารยาม

ต้วนหลิงเทียน?!

ไม่ทันที่ต้วนหลิงเทียนจะทันได้กล่าววาจาจนจบคำ สีหน้าของทหารเฝ้าประตูก็ตกตะลึงพรึงเพริดตั้งแต่ได้ยินคำ ต้วนหลิงเทียนแล้ว “ท่าน…ท่านคือต้วนหลิงเทียหรือขอรับ!”

"อะไรกัน?  หรือเคยมีคนอื่นแอบอ้างนามข้ามาหลอกพวกเจ้างั้นหรือ?" ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวออกมาพร้อมยิ้มแย้ม

"มะ … มิมีขอรับ…นายน้อยต้วนหลิงเทียน โปรดตามข้าเข้ามาเลยขอรับ” ทหารเฝ้าประตูคนหนึ่งรีบส่ายหัวกล่าวคำและไม่กล้าให้ต้วนหลิงเทียนยืนรอข้างนอกอีกต่อไป รีบเดินนำทางต้วนหลิงเทียนเข้าไปด้านในจวนเจ้าพระยาทันที

ส่วนทหารเฝ้าประตูคนอื่นๆ ที่อยู่ด้านหลัง ยามนี้ใบหน้าของพวกมันเริ่มแดงขึ้นเล็กน้อย ราวกับตื่นเต้นหนักหนา  สองตาพวกมันจับจ้องจนแผ่นหลังต้วนหลิงเทียนอย่างไม่วางตา

พวกมันได้สติกลับคืนอีกครั้งหลังจากที่แผ่นหลังต้วนหลิงเทียนหายลับไปแล้ว  ต่างหันมองหน้าสบตากันและกัน “ข้าเคยได้ยินเรื่องราวมาเนิ่นนานแล้วว่านายน้อยต้วนหลิงเทียนยอดเยี่ยมเช่นไร แต่วันนี้…เมื่อข้าได้พบนายน้อย นับว่าข่าวลือยังด้อยกว่าตัวจริงอยู่บ้าง…แค่คิดว่าเขาเป็นถึงผู้บัญชาการองครักษ์เสื้อแพร..”

“ในช่วงนั้นก่อนที่ข้าจะเข้าร่วมกับจวนเจ้าพระยา ชื่อเสียงของนายน้อยต้วนหลิงเทียนก็ดังกึกก้องปานฟ้าร้องแล้ว …อัจฉริยะของดาวกุนซือของสถาบันบ่มเพาะขุนพล  สามารถนำทัพตีฝ่าเมืองชัยชนะที่ชายแดนทางใต้ของอีกฝ่ายได้ โดยไม่เสียแม้แต่ทหารสักคนเดียว! มิใช่เพียงเท่านั้น เสียงยังกล่าวว่าพรสวรรค์ในเชิงยุทธ์ของนายน้อยต้วนหลิงเทียนเลิศภพจบแดนนัก อาณาจักรนภาล่องเรา ยังมิเคยปรากฏอัจฉริยะเช่นนี้มาก่อนด้วยซ้ำ!”

“ข้ายังได้ยินข่าวเรื่องที่นายน้อยต้วนหลิงเทียน เป็นผู้หลอมโอสถอัจฉริยะอีกด้วย”

“อีกเรื่องที่รู้กันดีก็คือ นายน้อยต้วนหลิงเทียนเป็นผู้หลอมศาสตราระดับเหนือชั้นอีกคนเช่นกัน…เขาเคยเดิมพันหลอมศาสตราด้วยชีวิต ที่เมืองผานางแอ่นเหิน และยังกวาดล้างตระกูลของศัตรูนั่นจนราบพนาสูรอีกด้วย”

"ทุกวันนี้ตำนานของนายน้อยต้วนหลิงเทียนนั้นกระจายไปทั่วอาณาจักรนภาล่องแล้ว …ข้ามิคิดเลยว่า ชีวิตนี้ของข้าจักมีบุญวาสนาได้พบพานนายน้อยต้วนหลิงเทียน นับว่าชีวิตข้ามิเกิดมาเสียเปล่าแล้วจริงๆ ต่อให้ตายก็มิเสียดายแล้ว! "

“ข้าได้ยินมาว่าหลังจากนั้นนายน้อยต้วนหลิงเทียน ก็เดินทางไปยังอาณาจักรพนาคราม กกระทั่งได้เข้าร่วมกับนิกายอันน่าเกรงขาม  ครั้งนี้ข้าว่านายน้อยคงกลับมาเยี่ยมเยียนครอบครัวเป็นแน่ ”

“ข้าเองก็ได้ยินมานานแล้วว่าจวนเจ้าพระยาของเรามีสัมพันธ์อันดีกับนายน้อยต้วนหลิงเทียน…และตอนนี้ข่าวการกลับมาของนายน้อยต้วนหลิงเทียนยังมิได้แพร่กระจายไปไหนแต่อย่างใด เขากลับมาที่จวนเจ้าพระยาเสียแล้ว  นี่แสดงให้เห็นกันชัดเจนว่าจวนเจ้าพระยาเรา มีพื้นที่ในใจนายน้อยต้วนหลิงเทียนมิใช่น้อย!”

…

เหล่าทหารเฝ้าประตูสนทนากันอย่างคึกคักเต็มไปด้วยชีวิตชีวา ตื่นเต้นยินดีนัก

ส่วนทางด้านต้วนหลิงเทียนก็เดินตามทหารเฝ้าประตูที่นำทางเข้ามาจนถึง ห้องโถงจวนเจ้าพระยา

ต้วนหลิงเทียนนั้นเห็นแต่ไกลๆ ว่าในห้องโถงหลัก ปรากฏร่างชายคนหนึ่งกำลังเดินวนไปวนมา ราวกับมีเรื่องหนักใจบางประการและยังคิดไม่ตกอย่างไรอย่างนั้น

ต้วนหลิงเทียนยกมือระงับทหารยามคนนั้นเอาไว้ ไม่ให้มันกล่าวแจ้งการมาถึงของตัวเอง ก่อนที่จะกล่าวกับอีกฝ่ายพร้อมยิ้มบาง “เอาล่ะ เดี๋ยวข้าเข้าไปเอง รบกวนเจ้าลำบากเดินมาส่งแล้ว”

“นายน้อยอย่าได้เกรงใจไปเลยขอรับ นี่นับเป็นเกียรติของข้านัก ”เมื่อเห็นสีหน้าท่าทางยิ้มแย้มกล่าววาจาอย่างสุภาพของต้วนหลิงเทียน ทหารเฝ้าประตูรู้สึกตื้นตัน และบังเกิดความรู้สึกปิติยินดีเอ่อล้นขึ้นมา

ต้วนหลิงเทียนก็ก้าวอาดๆเดินเข้าห้องโถงไป

เมื่อเข้ามาเขาก็เห็นร่างคนสองคน …

ชายวัยกลางคนท่าทางแลดูแข็งแกร่งคนหนึ่งยืนอยู่ในห้องโถง และท่วงท่าแลดูสงบไม่ได้เผยท่าทีอะไรมากนัก

ส่วนอีกคนที่ยังเป็นชายหนุ่มกลับเดินไปเดินมา ราวกับมันกำลังพบพานเรื่องราวหนักใจ และสถานการณ์ยากลำบากบางประการ

“พี่ใหญ่นี่ ท่านมีปัญหาอะไรที่แก้ไม่ตกเช่นนั้นหรือ?” ในขณะที่ก้าวอาดๆเข้ามา ต้วนหลิงเทียนที่ไม่ได้ถูกประกาศการมาถึง พลันกล่าวถามออกมาด้วยน้ำเสียงสนุกสนานนัก

"ผู้ใด?!" ต้วนหลิงเทียนปรากฏตัวโดยไม่มีผู้ใดให้สุ้มให้เสียงแจ้งเตือน  นับว่านำพาความตื่นตระหนกมาสู่ร่างทั้งสองในห้องโถงหลักไม่น้อย สีหน้าของทั้งสองมืดลงอย่างน่ากลัว

ดวงตาที่แฝงความไม่พอใจและเกรี้ยวกราด หันไปมองทางต้นเสียงอย่างพร้อมเพรียง

ทว่าครู่ต่อมาเมื่อสองตาทั้งคู่ของพวกมัน ตกลงบนร่างต้วนหลิงเทียน แววตาดุร้ายเกรี้ยวกราดพลันมลายหายไปในทันใด …

"เทียนน้อย!?" พระยาเรืองฤทธิ์นี่เหวี่ย ที่ยืนสงบนิ่งอยู่ในห้องโถงตอนแรก ตอบสนองได้ก่อน และกล่าวออกมาด้วยความประหลาดใจ

ถึงแม้เวลาจะล่วงเลยพ้นผ่านนานหลายปี แต่หน้าตาต้วนหลิงเทียนก็ยังไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมากนัก

“เทียนน้อย! เป็นเจ้าจริงๆด้วย!” เนื่องจากต้วนหลิงเทียนปรากฏตัวขึ้นมาเช่นนี้ นี่เฝินที่กำลังเดินวนไปวนมาพลันหยุดลงในทันใด และมันก็เผยความประหลาดใจออกมาไม่แพ้บิดาของมัน

"ลุงนี่ พี่ใหญ่นี่ พวกท่านสบายดีนะ"ต้วนหลิงเทียนพยักหน้าพร้อมยิ้มแย้มให้กับคนทั้งสอง "นานแล้ว ที่ไม่ได้พบเจอ"

"ไฮยา! … เทียนน้อย นี่เจ้ากลับมาตั้งแต่เมื่อใดกัน?" นี่เหวี่ยกล่าวถามออกมาด้วยความประหลาดใจ ก่อนที่จะเดินเข้ามาใกล้ๆ

"ข้าพึ่งจะกลับมาถึงเมื่อวานนี้เอง" ต้วนหลิงเทียนยิ้มกล่าว

"เทียนน้อย เจ้านับว่ากลับมาได้พอเหมาะพอเจาะยิ่งนัก … คราวนี้ให้ข้าดู! ว่าพวกคณะทูตของอาณาจักรตะวันรุ่ง*นั่น! มันยังจะวางท่าเขื่องโขโอหังอันใดอยู่หรือไม่! อัจฉริยะของมันอยู่ในระดับวิญญาณแรกก่อตั้งขั้นที่ 1 แล้วอย่างไร! …เทียบกับเทียนน้อยแล้วมันมิได้เป็นอันใดมากไปกว่าขยะ!" นี่เฝินกล่าววาจาออกมาอย่างตื่นเต้น ร่องรอยความดูแคลนยังเผยออกมาที่มุมปาก เมื่อกล่าวถึงประโยคสุดท้าย     (*ตอนที่แล้วพิมพ์ตะวันฉายไปขอเปลี่ยนนะ มันไปซ้ำกับชื่อมณฑลหนึ่งในอาณาจักรนภาล่อง)

อาณาจักรตะวันรุ่ง

คิ้วของต้วนหลิงเทียนขมวดขึ้นโดยพลัน ดูเหมือนเรื่องราวที่ได้ยินในเหลาอาหารเมื่อวาน จะไม่ผิดแล้ว…

เอกอัครราชทูตของอาณาจักรตะวันรุ่ง ได้นำพาอัจฉริยะรุ่นเยาว์อันโดดเด่นของพวกมันมาถึง 3 คน  และมันคิดท้าทายอัจฉริยะของอาณาจักรนภาล่อง เพื่อหยามศักดิ์ศรีของอาณาจักรนภาล่อง…

“เทียนน้อยยามนี้ระดับบ่มเพาะของเจ้า ทะลวงถึงด่านใดแล้ว” นี่เหวี่ยมองไปยังร่างของต้วนหลิงเทียนพร้อมกล่าวถามออกมา ในแววตาเต็มไปด้วยประกายอยากรู้หนักหนา

ก่อนที่ต้วนหลิงเทียนจะเดินทางออกจากอาณาจักรนภาล่องไปในวันนั้น เขาได้เผยพรสวรรค์ตามธรรมชาติในเชิงยุทธ์อันไร้ผู้ต้านออกมา กล่าวได้ว่าเหนือล้ำเป็นประวัติการณ์ของอาณาจักรนภาล่องด้วยซ้ำ…

และเท่าที่มันรู้ ไม่กี่ปีที่ผ่าน ต้วนหลิงเทียนได้เข้าร่วมนิกายในอาณาจักรพนาคราม… อันเป็นสถานที่ๆ มีสภาพแวดล้อมเอื้ออำนวยแก่การบ่มเพาะฝึกฝน! ระดับบ่มเพาะของต้วนหลิงเทียนสมควรสูงล้ำขึ้นมาพอสมควร และน่าจะมากพอที่ทำให้มันต้องตกตะลึงไม่น้อยเป็นแน่

“ท่านพ่อ ขนาดข้ายังตัดผ่านไปยังระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 9  ตอนนี้ด้วยพรสวรรค์ตามธรรมชาติของเทียนน้อย เขาคงแซงหน้าข้าไปไกลแล้ว…สำหรับอัจฉริยะของอาณาจักรตะวันรุ่งที่อุตส่าห์ถ่อเดินทางมาอันใดนั่น  คงมิใช่เรื่องยากเย็นอันใดสำหรับเทียนน้อย!  อืม…ส่วนยามนี้…เทียนน้อยเจ้า…สมควรตัดผ่านไปถึงระดับวิญญาณแรกก่อตั้งขั้นที่ 2 แล้วใช่หรือไม่?” คำกล่าวของเนี่ยเฝินเต็มไปด้วยความมั่นใจในตัวของต้วนหลิงเทียน และเมื่อมันกล่าวจบ มันก็จับจ้องมองไปยังร่างของต้วนหลิงเทียนด้วยความคาดหวัง

ต้วนหลิงเทียนยิ้มรับบางๆ ก่อนที่จะเริ่มขยับตัวออกมาเล็กน้อย

ทันใดนั้นพลังงานต้นกำเนิดพลันพวยพุ่งปะทุออกมาจากทั่วทั้งร่าง แลดูบริสุทธิ์และทรงพลังนัก

ครืนนนนน!!

ทันใดนั้นเองเงาร่างช้างแมมมอธโบราณ ค่อยๆเริ่มก่อตัวเหนือร่างต้วนหลิงเทียน และพวกมันยังควบแน่นก่อเกิดมากขึ้นเรื่อยๆอย่างไม่หยุดยั้ง

หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง เงาร่างช้างแมมมอธโบราณจำนวนมหาศาลก็หยุดเพิ่มพูนและเริ่ม สงบนิ่ง

"ปะ …แปดร้อย! ความแข็งแกร่ง 800 ช้างแมมมอธโบราณ!!" นี่เหวี่ยมองไปยังเงาร่างช้างแมมมอธโบราณ ที่ปรากฏออกมาถึง 800 ตัว แล้วก็เผยความตกตะลึงพรึงเพริดและตกใจออกมาอย่างถึงที่สุด

ถึงแม้มันจะคาดเดาเอาไว้แล้วว่าความแข็งแกร่งของต้วนหลิงเทียนในตอนนี้ ย่อมมากพอจะทำให้มันตกตะลึง …แต่มันก็ไม่คิดเลยว่ามันจะเป็นเรื่องที่น่าตกตะลึงพรึงเพริดเช่นนี้!

เพียงเวลาแค่ไม่กี่ปี…หลานชายคนนี้ของมันกลับตัดผ่านไปยังระดับวิญญาณแรกก่อตั้งขั้นที่ 6 แล้ว?!

นี่หากความจำของมันยังไม่ผิดพลาด หลานชายของมันสมควรมีอายุเพียง 23 ปีในปีนี้ใช่หรือไม่?

อายุ 23 ปี แต่มีระดับวิญญาณแรกก่อตั้งขั้นที่ 6…

นี่มันปีศาจอันใดกัน!?

แม้กระทั่งบิดาของต้วนหลิงเทียน อย่างต้วนหรูเฟิง ที่เป็นหนึ่งในรุ่นเยาว์อัจฉริยะแห่งอาณาจักรนภาล่อง …ตอนนั้นดูเหมือนอีกฝ่ายจะตัดผ่านไปยังระดับวิญญาณแรกก่อตั้งขั้นแรกได้ ก็มีอายุได้ 27 ปีแล้ว…

หากเทียบกับต้วนหลิงเทียนแล้ว ความสำเร็จของต้วนหรูเฟิงนับว่าไม่คู่ควรนำมากล่าวเทียบถึง!

"6… ระดับวิญญาณแรกก่อตั้งขั้นที่ 6 … " นี่เฝินตะลึงค้างถึงขั้นวิญญาณแทบหลุดลอย ปากของมันอ้ากว้างค้างเติ่ง  เนิ่นนานยังไม่ยอมหุบลง

ไม่ต่างอันใดกับนี่เหวี่ย …ตัวมันก็ตกตะลึงพรึงเพริดประหลาดใจอย่างถึงขีดสุดเช่นกัน

ระดับวิญญาณแรกก่อตั้งขั้นที่ 6 ด้วยวัย 23 ปี…

มันไม่รู้ว่าจะใช้คำกล่าวใด อธิบายต้วนหลิงเทียนดี

ปีศาจ? ตัวประหลาด? คำกล่าวเหล่านี้แลดูจะไม่เพียงพอสำหรับอธิบายต้วนหลิงเทียนแล้ว

"ตัวประหลาดในหมู่ตัวประหลาด!" สุดท้ายนี่เฝินก็คิดคำอธิบายต้วนหลิงเทียนออก…

มันไม่ได้นับว่าเป็นการเกินเลยไปแม้แต่น้อยที่จะเรียกต้วนหลิงเทียนว่า ตัวประหลาดในหมู่ตัวประหลาด!  เมื่อเห็นระดับบ่มเพาะที่ต้วนหลิงเทียนครอบครองด้วยวัยเพียงเท่านี้

หลังจากเนิ่นนานผ่านไป นี่เหวี่ยกับนี่เฝิน ก็หายจากอาการตกตะลึง

“เทียนน้อย พรุ่งนี้เจ้าต้องติดตามพวกเราเข้าวังหลวง และไปสั่งสอนอัจฉริยะของอาณาจักรตะวันรุ่งที่อยู่ในระดับบ่มเพาะวิญญาณแรกก่อตั้งขั้นแรกนั่น ให้มันรู้สำนึก!… ให้มันได้รับรู้ถึงตัวตนอัจฉริยะที่แท้จริงของอาณาจักรนภาล่องเรา!!” นี่เฝินมองไปยังต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาเป็นประกาย คนยังลูบฝ่ามือระรัว ท่าทางราวกับมันได้เห็นภาพอัจฉริยะของอาณาจักรตะวันรุ่งถูกต้วนหลิงเทียนบดขยี้เรียบร้อยแล้ว

“ฮึ่ม! มิใช่ระดับบ่มเพาะของเจ้าอ่อนด้อยกว่ามันเองหรอกหรือ? เจ้าถึงต้องการให้เทียนน้อยไปจัดการมันแทนเจ้า! นี่เจ้ามิรู้สึกละอายบ้างเลยหรือไร?!”นี่เหวี่ยถลึงตามองนี่เฝิน พร้อมกล่าวแซะออกมาอย่างเย็นชา

นี่เฝินคลี่ยิ้มออกมาเจื่อนๆ “ท่านพ่อ มันก็มิได้เป็นเช่นท่านกล่าวเสียหน่อย…ไม่ต้องกล่าวถึงอัจฉริยะคนอื่นที่อาณาจักรตะวันรุ่งพามา พวกมันล้วนด้อยกว่าข้าทั้งสิ้น… แต่คนที่มีระดับวิญญาณแรกก่อตั้งขั้นแรก มันแก่กว่าข้าตั้งหลายปี…หากข้าอายุเท่ามันข้ารับรองว่าข้าสามารถเอาชนะมันได้อย่างขาดลอย!”

“อายุ?” นี่เหวียถลึงตามองนี่เฝินอย่างดุร้าย “เจ้ายังมีหน้ามากล่าวถึงเรื่องอายุอีกหรือ?!  เช่นนั้นเจ้ามิลองเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างอายุเจ้ากับเทียนน้อยดูเล่า  ว่ามันเป็นเช่นไรเมื่อเทียบกับความแตกต่างระหว่างอายุเจ้ากับคนอาณาจักรตะวันรุ่งนั่น  มิใช่ว่าความแตกต่างของเจ้ากับเทียนน้อยยังมากกว่าหรือไร?”

"เพ้ย ท่านพ่อ…นี่ท่านไม่รังแกข่มขู่ผู้คนมากไปหน่อยหรือ? ถึงได้เอาข้าไปเทียบกับเทียนน้อยเช่นนี้?" นี่เฝินจนปัญญาอย่างสิ้นเชิง

การนำตัวไปเปรียบเทียบกับต้วนหลิงเทียน ไม่ต่างอะไรกับวิ่งเอาเท้าเปลือยเปล่าไปหวดเตะตอเหล็กสุดแรง

นี่เป็นสิ่งที่ตัวมันได้รับรู้มาหลายปีแล้ว

"ลุงนี่ พี่ใหญ่นี่  แล้วตกลงเรื่องราวระหว่างอาณาจักรเรากับอาณาจักรตะวันรุ่ง มันมีความเป็นมาอย่างไรกันเล่า ถึงได้มีเรื่องมีราวอะไรกันเช่นนี้?" ต้วนหลิงเทียนกล่าวถามออกมาย่างใคร่รู้

ถึงแม้เขาจะได้ยินมาว่า เอกอัครราชทูตของอาณาจักรตะวันรุ่งคิดกระทำการหยามหมิ่นอาณาจักรนภาล่อง แต่เขาเองก็ไม่รู้ว่าต้นสายปลายเหตุของเรื่องราวที่แท้มันเกิดจากอะไรกันแน่

"จริงๆแล้วมันก็มิใช่เรื่องใหญ่โตอันใดนัก … " นี่เหวี่ยค่อยๆกล่าวออกมา "อาณาจักรตะวันรุ่งนั้นเป็นอาณาจักรที่ตั้งอยู่ติดกับทิศตะวันตกของอาณาจักรนภาล่องเรา  และพวกเราก็อยู่กันอย่างสงบสุขมาโดยตลอด…ทว่าคราวนี้อาณาจักรตะวันรุ่งส่งเอกอัครราชทูตมาเจริญสัมพันธ์ไมตรีกับอาณาจักรนภาล่องเรา เดิมทีพวกเราก็คิดว่าเป็นการไปมาหาสู่ รักษาความสัมพันธ์อันใดกันเช่นนั้นตามปกติ …แต่มิคิดเลยว่าอีกฝ่าย ได้เสนอให้ทำการประลองกระชับมิตรระหว่างอาณาจักรทั้งสองสักครา”

“เรื่องนี้นับว่ามิเหมาะสมหากฝ่าบาทจะกล่าวคำปฏิเสธ  สุดท้ายก็ตอบรับคำอีกฝ่ายไป…และข่าวลือเรื่องอัจฉริยะรุ่นเยาว์ของอาณาจักรตะวันรุ่ง หนึ่งในสามคนนั้นได้ตัดผ่านไปยังระดับวิญญาณแรกก่อตั้งขั้นที่ 1 ก็แพร่กระจายออกไปหลังจากนั้น” ขณะที่กล่าวถึงตรงนี้ นี่เหวี่ยพลันถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ “เดิมทีแล้วถึงแม้พวกเราจะแพ้พ่ายก็ไม่นับว่าเป็นเรื่องราวอะไรนักหนา ทว่าไปๆมาๆฝ่าบาทกับเอกอัครราชทูตของอาณาจักรตะวันรุ่ง กลับวางเดิมพันเงินภาษี 3 ปีของอาณาจักรในการประลองกระชับมิตรครานี้”

“เห็นได้ชัดว่าทางฝ่ายอาณาจักรตะวันรุ่งเตรียมตัวและวางกับดักลวงล่อฝ่าบาทของเรามาเป็นอย่างดี…ทว่าชะตาฟ้าแปรเปลี่ยน ยากกำหนด…พวกมันคงมิได้คิดคาด กระทั่งหลับยังมิเคยฝัน ว่าเทียนน้อยจะบังเอิญเดินทางกลับมาพอดีเช่นนี้” นี่เฝินที่กล่าวเล่าเรื่องราวออกมาด้วยน้ำเสียงตึงเครียด  แต่เมื่อกล่าวใกล้จบคำ น้ำเสียงก็แปรเปลี่ยนเป็นสบายใจ ทั้งยังหัวเราะร่าออกมาอย่างมีความสุข

 

Prev
Next

ความคิดเห็นสำหรับ "บทที่ 458 : ตกตะลึงกันทั้งจวนเจ้าพระยา"

3.7 233 โหวต
คุณชอบเรื่องนี้ไหม?
ติดตาม
เข้าสู่ระบบ
แจ้งเตือนของ
กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่คุณอาจชอบ

กลืนดารา (Renew)
กลืนดารา (Renew)
พฤษภาคม 17, 2022
เกิดใหม่กับระบบไร้พ่าย
เกิดใหม่กับระบบไร้พ่าย
มิถุนายน 26, 2022
ผู้หญิงข้าใครอย่าแตะ!
ผู้หญิงข้าใครอย่าแตะ!
มีนาคม 12, 2022
Gate of God
Gate of God
พฤษภาคม 17, 2022
Dragon Kings Son-In-Law
Dragon Kings Son-In-Law
มีนาคม 12, 2022
Godly Empress Doctor
Godly Empress Doctor
มีนาคม 12, 2022
Tags:
#ผจญภัย, กำลังภายใน, ต่อสู่, สงคราม
ประวัติการเข้าชม
You don't have anything in histories
หมวดหมู่นิยาย
  • sci-fi (24)
  • Video Games (11)
  • กำลังภายใน (36)
  • จีนกำลังภายใน (1)
  • ดราม่า (3)
  • ตลก (3)
  • นิยายลิขสิทธิ์ (18)
  • นิยายแต่ง (3)
  • ย้อนยุค อนาคต (7)
  • สยองขวัญ (2)
  • เกมส์ออนไลน์ (5)
  • แฟนตาซี (161)

© 2025 Madara Inc. All rights reserved

Premium Chapter

คุณจำเป็นต้องเข้าสู่ระบบก่อน

wpDiscuz