สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - บทที่ 457 : ข้ากลับมาแล้ว...
WSSTH บทที่ 457 : ข้ากลับมาแล้ว…
แล้วก็เป็นไปตามที่ต้วนหลิงเทียนคาดเอาไว้ไม่มีผิด เมื่อทั้งหมดพ้นผ่านมื้ออาหารกันไปเต็มคราบ ประตูเมืองชั้นในก็ได้เวลาเปิดตัวออกมาพอดี
ต้วนหลิงเทียนก็ไม่คิดรออะไร เขาเรียกเสี่ยวเอ้อมาเก็บเงิน แล้วก็นำพาโม่อี้ออกจากเหลาอาหาร เดินเข้าเมืองหลวงชั้นในไปในทันใด
เมืองหลวงชั้นในก็คล้ายกันกับเมืองหลวงชั้นนอก… มันไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมากมายนัก เมื่อหลายปีที่แล้วอยู่อย่างไร มันก็ยังคงอยู่เช่นนั้น…
ต้วนหลิงเทียนเดินทอดน่องไปตามถนนหนทางอันแสนคุ้นเคย ถนนสายนี้ย่อมเป็นถนนที่นำพาไปสู่บ้านเดี่ยวพร้อมลานกว้างของเขา ทว่าพิกลนัก…ที่ในใจของต้วนหลิงเทียนยิ่งมายิ่งเต้นถี่รัวขึ้นราวกับกลองรบ …
ตอนนี้ความกังวลในใจของเขายังมากเสียกว่าตอนที่ เผชิญหน้ากับการลงมือของผู้เชี่ยวชาญหยั่งรู้ธรรมชาติเสียอีก!
เป็นความวิตกกังวลเมื่อใกล้ถึงบ้าน!.
นี่คือความรู้สึกในตอนนี้ของต้วนหลิงเทียน… กังวลใจ!
และแล้เขาก็เดินมาจนสุดทาง ..ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนได้หยุดยืนหน้าประตูใหญ่ด้านหน้าบ้านแล้ว…
บ้านเดี่ยวพร้อมลานกว้างแห่งนี้ที่เขาซื้อมาในวันนั้น… ภาพความทรงจำในวันวาน ยังคงแจ่มชัดกระจ่างในใจ คล้ายกับว่าเขาพึ่งจากมันไปเมื่อวานนี้เอง…
ต้วนหลิงเทียนที่อยู่หน้าประตู ก็ยกมือขึ้นมา ทว่าเขากลับยกค้างเอาไว้อยู่อย่างนั้นไม่ยอมเคาะลงไปเสียที
โม่อี้และเสี่ยวจินเองก็สัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่หนักหน่วงขึ้นมาไม่น้อย ทั้งคู่เลยเงียบเอาไว้ไม่ส่งเสียงอะไร อันจะเป็นการรบกวนต้วนหลิงเทียน…
ในที่สุดต้วนหลิงเทียนก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนที่จะเคาะลงไปยังประตูใหญ่
ปึง! ปึง!
ต้วนหลิงเทียนลดมือลงหลังจากที่เคาะไปสองครั้ง ไม่นานเขาก็ได้ยินเสียงฝีเท้าของใครสักคนที่กำลังเดินมายังประตูอย่างชัดเจน…
ครู่ต่อมาประตูหน้าก็เปิดออกกว้าง ใบหน้าที่แสนคุ้นเคยปรากฏในสายตาของต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง
"นายน้อย!!" สตรีที่อยู่ด้านหลังประตู เมื่อเห็นว่าเป็นร่างต้วนหลิงเทียนอยู่หลังประตู นางก็ตกตะลึงไปในทันใด …ครู่ต่อมาน้ำตาก็ไหลออกอย่างไม่อาจห้าม ร่ำไห้ออกมาด้วยความดีใจและยินดี!
"เป็นเช่นไรบ้าง ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ ชิ่งหรู" ต้วนหลิงเทียนโปรยยิ้มอ่อนๆ ทักทายสตรีเบื้องหน้า
สตรีเบื้องหน้าของเขาก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นคนที่เขาจ้างมารับหน้าที่ดูแลจัดการเรื่องราวในบ้านของเขา ชิ่งหรู…
ชิ่งหรูตื่นเต้นยินดี จนเหม่อลอยอยู่พักใหญ่ เมื่อนางฟื้นความรู้สึกแล้ว ก็ยิ้มออกมาอย่างอบอุ่นกล่าวด้วยน้ำเสียงดีใจ “ข้าสบายดีเจ้าค่ะนายน้อย …นายหญิงคงยินดียิ่ง หากรู้ว่าท่านกลับมาแล้ว..!”
"ที่ผ่านมา ท่านแม่ของข้าเป็นอย่างไรบ้างหรือ?" ต้วนหลิงเทียนเผยความสนใจและกระตือรือร้นไม่น้อย เมื่อได้ยินชิ่งหรูกล่าวถึงแม่ของเขา
"ไม่มีอันใดที่ท่านต้องเป็นกังวลเลยเจ้าค่ะนายน้อย นายหญิงท่านสบายดี… อีกทั้งองค์หญิงปี้เหยาและแม่นางเซี่ยวหลัน มักมาเยี่ยมนายหญิงอยู่บ่อยครั้งเป็นประจำ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา นายหญิงมิเคยต้องเหงาอันใด" ชิ่งหรูค่อยๆกล่าวออกมาช้าๆ
"อา นับว่าข้าติดค้างพวกนางทั้งสองแล้ว…" ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า หลังจากนั้นก็แนะนำโม่อี้และชิ่งหรูให้รู้จักกัน ก่อนที่จะเดินเข้าไปในลานบ้าน
“ชิ่งหรู พวกเราคงพักอยู่ที่นี่สักระยะ … เจ้าช่วยให้คนไปทำความสะอาดห้องหับไว้ให้โม่อี้ แล้วนำเขาไปห้องพักด้วย” ต้วนหลิงเทียนกล่าวสั่งชิ่งหรู
"เจ้าค่ะ" ชิ่งหรูขานรับอย่างสุภาพ ก่อนที่จะนำทางโม่อี้ไปยังห้องพัก
"เสี่ยวจิน เจ้าไปเล่นก่อนไป… แต่อย่าไปไหนไกลนักล่ะ ข้าจะไปหาแม่ของข้าก่อน" ต้วนหลิงเทียนกล่าวกับเสี่ยวจิน หลังจากนั้นก็เดินไปยังลานบ้านด้านหลัง ส่วนเจ้าเสี่ยวจินก็โดดออกจากไหล่ต้วนหลิงเทียนไปเล่นตามเรื่องราวของมัน
ลานด้านหลังตอนนี้เต็มไปด้วยบุปผาไม้ดอกไม้ประดับนานาพรรณ แลดูเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมไม่น้อย
จะอย่างไรเวลาก็ล่วงเลยมาหลายปีแล้ว
ต้วนหลิงเทียนเมื่อเดินเข้าไปอีกสักพัก ก็เห็นร่างบางอันแสนคุ้นเคยกำลังยืนรดน้ำต้นไม้อยู่ เพียงมองวูบเดียวในใจของเขาก็บังเกิดความสั่นไหวขึ้นมา
สุดท้ายต้วนหลิงเทียนก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ระงับความตื่นเต้นยินดีในใจ ก่อนที่จะเอ่ยคำออกมาช้าๆ “ท่านแม่”
ท่านแม่
เพียงต้วนหลิงเทียนกล่าวจบคำ ร่างบางที่ยืนรดน้ำต้นไม้อยู่ ก็ชะงักค้างไปในทันใด ทั้งยังเริ่มสั่นระริกขึ้นมา
ต่อมาร่างบางนั้นก็ค่อยๆหันกลับมาเผยใบหน้าที่ยังคงงดงามราวกับกาบเวลามิอาจทำร้ายนางได้…
"เทียน …ลูกเทียน!" แม้เวลาจะผ่านไปไม่น้อย แต่ลี่หลัวกูดูเหมือนจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมากนัก มีเพียงดวงตาคู่งามกระจ่างของนางเท่านั้น ที่แลคล้ายจะผ่านวันเวลามาเล็กน้อย นางรู้สึกตื่นเต้นและยินดียิ่งนักเมื่อได้เห็นต้วนหลิงเทียน ร่างของนางสั่นไหวเบาๆ
“ท่านแม่ ลูกชายอกตัญญูของท่านกลับมาแล้ว…”ต้วนหลิงเทียนเดินไปตรงหน้าลี่หลัว ก่อนที่จะคุกเข่าลงไป กล่าววาจาออกมาจากใจ
ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนก็มองไปยังลี่หลัวด้วยแววตาสะทกสะท้อนระคนความตื่นเต้นยินดี ไม่นานตาของเขาก็เริ่มพร่ามัวขึ้นมา มุมปากพยายามคลี่ยิ้มออกมาบางๆ
ถึงแม้ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาตัวเขาจะเข้ามายึดครองร่างของ ต้วนหลิงเทียน โดยไม่ได้ตั้งใจ แต่สิ่งต่างๆที่ลี่หลัวกระทำให้กับเขามาโดยตลอดช่วงเวลาหลายปีที่พ้นผ่าน อดีตเด็กกำพร้าคนนี้ ก็มองสตรีตรงหน้าเป็นมารดาแท้ๆมาเนิ่นนานแล้ว ไร้ซึ่งความตะขิดตะขวงใจอันใดแม้เพียงนิด…
หลังจากผ่านไปหลายปีที่ไม่ได้เจอ เมื่อได้เห็นหน้ามารดาอีกครั้ง หัวใจของต้วนหลิงเทียนก็สั่นสะท้าน ราวกับเด็กหลงทางที่ได้พบความหมายในชีวิตอีกครั้ง และย้ำเตือนถึงเป้าหมายในชีวิตที่เขาตั้งปณิธานเอาไว้
"ลูกเทียน เจ้าทำอันใดกัน? เพียงเจ้ากลับมาก็ดีแล้ว เพียงเจ้ากลับมาก็ดีแล้ว…. " ลี่หลัวรีบไปประคองต้วนหลิงเทียน ก่อนที่จะลูบไล้ไปยังใบหน้าของต้วนหลิงเทียน แล้วจับจ้องมองไปด้วยสายตาห่วงใย และใส่ใจทุกรายละเอียดความเปลี่ยนแปลง "เติบโตขึ้นดียิ่ง เทียนน้อยของข้า เติบโตเป็นหนุ่มแล้ว … "
“ท่านแม่!” ต้วนหลิงเทียนกางแขนออกก่อนที่จะกอดลี่หลัวไว้แน่น น้ำตาที่คลออยู่ในดวงตาเริ่มเอ่อล้นหลั่งรินออกมาอย่างไม่อาจห้ามได้
บุรุษไร้น้ำตาวันนี้กลับหลั่งน้ำตาออกมาแล้ว แต่น้ำตานี้หาได้หลั่งออกมาด้วยความเศร้าหรือเจ็บปวดอันใดไม่..
ลี่หลัวตบหลังต้วนหลิงเทียนเบาๆ ใบหน้าที่งดงามสง่าของนางเผยรอยยิ้มสดใสออกมา
แม่ลูกค่อยคลายกอดออกมาหลังจาก ผ่านไปครู่ใหญ่
"ลูกเทียน แล้วเค่อเอ๋อกับเฟยเล่า?" ลี่หลัวมองไปยังด้านหลังต้วนหลิงเทียน และกล่าวถามออกมา เมื่อนางไม่พบว่ามีใครติดตามต้วนหลิงเทียนกลับมาด้วย
ต้วนหลิงเทียนย่อมสังเกตเห็นถึงสายตากังวลและเป็นห่วงของลี่หลัวดี เขายิ้มออกมาอย่างอ่อนโยนพร้อมกล่าวตอบ “ท่านแม่ เค่อเอ๋อกับเสี่ยวเฟย ออกเดินทางติดตามผู้อาวุโสไปธุระเมื่อไม่นานมานี้…พวกนางจะมาเยี่ยมท่าน เมื่อกระทำธุระเสร็จสิ้นแล้ว” ในขณะที่กล่าวคำเหล่านี้ออกมา ในใจของต้วนหลิงเทียนเต็มไปด้วยความขื่นขม
ตอนนี้เรื่องที่นิกายกระบี่ 7 ดาวล่มสลาย หลังจากถูกบุกทำลายล้างวันนั้น คงแพร่กระจายไปทั่วทั้งอาณาจักรพนาครามแล้ว คาดว่าเพียงเวลาไม่กี่วันข่าวเรื่องนี้คงเป็นบทสนทนาของผู้คนทั่วทั้งอาณาจักร
ตอนนี้ปรมาจารย์ขุนเขาเหยากวง ฉินเซียงก็คงได้รับทราบข่าวเรียบร้อยแล้ว และนางคงไม่ย้อนกลับไปยังนิกายกระบี่ 7 ดาวอย่างผลีผลามเป็นแน่
‘ข้าหวังว่าเค่อเอ๋อกับเสี่ยวเฟยเองก็จะกลับมาสมทบที่อาณาจักรนภาล่องนี่ให้เร็วที่สุด’ ต้วนหลิงเทียนคิดเงียบๆ ในใจ
เขาตัดสินใจว่าจะอยู่ที่อาณาจักรนภาล่องแห่งนี้อีกสักพัก รอให้เค่อเอ่อ และลี่เฟยกลับมา
เขาเชื่อว่าหากเค่อเอ๋อและลี่เฟยรับรู้เรื่องที่นิกายกระบี่ 7 ดาวถูกทำลายล้างจนล่มสลายเช่นนี้ พวกนางต้องกลับมาตั้งต้นที่บ้านหลังนี้ก่อน
เพราะที่นี่เป็นรากฐานของพวกนาน
"ดี ดี!" ลี่หลัวย่อมไม่สงสัยในคำกล่าวของต้วนหลิงเทียน นางจับมือต้วนหลิงเทียนไว้ แล้วจูงเข้าไปนั่งยังศาลาแปดเหลี่ยมข้างแปลกดอกไม้ ราวกับลากจูงเด็กน้อย "เทียน ลูกเล่าเรื่องราวของเจ้าให้แม่ฟังเร็วเข้า ว่าไปพบเจออันใดมาบ้างในช่วงเวลาหลายปีมานี้
เห็นได้ชัดว่าลี่หลัวบังเกิดความอยากรู้ ประสบการณ์และเรื่องราวีท่ต้วนหลิงเทียนพบพานในช่วงเวลาหลายปีไม่น้อย
ต้วนหลิงเทียนยิ้มออกมาบางๆ และนอกเหนือจากเรื่องที่นิกายกระบี่ 7 ดาวถูกบุกทำลายล้างจนล่มสลาย เขาก็เล่าทั้งหมดให้มารดาฟัง
ลี่หลัวเองก็นั่งฟังอย่างตั้งใจ
และทุกครั้งที่นางได้รับรู้ประสบการณ์อันตรายที่ต้วนหลิงเทียนพบพาน นางก็อดไม่ได้ที่จะหน้าซีดหลั่งเหงื่อเย็นออกมา
นางไม่คิดเลยว่าบุตรชายนางเพียงออกไปฝึกฝนไม่กี่ปี จะพบพานประสบการณ์เรื่องราวอะไรมากมายเช่นนี้ กระทั่งประสบการณ์ย่างกรายเฉียดผ่านประตูนรกก็ยังมี!
"ลูกเทียน" ลี่หลัวกุมมือต้วนหลิงเทียนไว้แน่น ราวกับนางหวาดกลัวว่าหากปล่อยมือแล้ว ต้วนหลิงเทียนจะหายไป หรือเป็นอะไร…
ต้วนหลิงเทียนสัมผัสได้ถึงความห่วงใยอันอบอุ่นและความกังวลของลี่หลัวจากมือนางที่กุมไว้ เขารู้ดีว่าแม่เขาเป็นห่วงเขามาก และเขาก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวปลอบนาง “ท่านแม่อย่าได้กังวล บุตรชายท่านเก่งกาจและโชคดียิ่งนัก สามารถเปลี่ยนร้ายกลายเป็นดีได้ทุกครั้งคราว”
ลี่หลัวพยักหน้ารับไปอย่างนั้น จะอย่างไรใบหน้าของนางก็ยังคงเต็มไปด้วยความห่วงใยและความกังวล
“ท่านแม่ นี่คือนมผา 10,000 ปี ที่ข้าบอกท่านก่อนหน้านี้ไงเล่า” ต้วนหลิงเทียนหยิบขวดโอสถที่บรรจุนมผา 10,000 ปีเอาไว้ออกมา ก่อนที่จะยื่นส่งให้ลี่หลัว “พรสวรรค์ในเชิงยุทธ์ของท่านแม่จะบรรลุจุดสูงสุด เมื่อท่านกินนมผา 10,000 ปีขวดนี้…ในตอนนั้นระดับบ่มเพาะของท่านจะก้าวหน้าเร็วกว่าที่เป็นอยู่ไม่น้อยกว่า 2 เท่า”
ในเวลาเดียวกันกับที่ต้วนหลิงเทียนยื่นส่งขวดบรรจุนมผา 10,000 ปีไปให้ลี่หลัวนั้น เขาก็ได้แผ่ซ่านพลังวิญญาณไปตรวจสอบลี่หลัว
ครู่ต่อมาสองตาของต้วนหลิงเทียนก็พลันเบิกโพลงขึ้น
"ท่านแม่…ท่าน … นี่ท่านทะลวงผ่านไปยังระดับวิญญาณแรกก่อตั้งขั้นที่ 3 แล้วหรือ!?" ต้วนหลิงเทียนเผยทีท่าประหลาดใจและตกตะลึงออกมา เมื่อพบระดับบ่มเพาะของลี่หลัว
ความก้าวหน้าในระดับบ่มเพาะของลี่หลัวนับว่าเหนือกว่าที่เขาคาดคิดไม่น้อย
"หากแม่ไม่ขยันฝึกเข้า แล้วจะไม่โดนเจ้ากับสาวน้อยทั้งสองไล่ตามทันเอาหรือไร? หากเป็นเช่นนั้น แล้วแม่ยังจะปกป้องเจ้าได้อย่างไรเล่า?" ลี่หลัวกล่าวออกมาราวกับเรื่องนี้เป็นเรื่องธรรมดาๆ ง่ายดายไม่ได้มีอะไร แต่ต้วนหลิงเทียนสัมผัสได้ถึงความลำบากอันหนักหนาที่ซุกซ่อนอยู่ได้เป็นอย่างดี
เขาย่อมรู้กระจ่างในใจดี ว่านอกจากผลลัพธ์อันเลิศล้ำของวิชาบ่มเพาะระดับแนวหน้าของทวีปอย่างวิชา เซียนอสูรสะคราญ ที่เขามอบให้นางใช้ฝึกฝนบ่มเพาะพลังแล้ว สาเหตุหลักที่ทำให้ระดับบ่มเพาะของมารดาเขาก้าวหน้าไปรวดเร็วเช่นนี้เป็นเพราะ ตัวนางที่ขยันหมั่นเพียรอย่างหนัก
ดูเหมือนว่าในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ มารดาของเขาจะขยันบ่มเพาะพลังแทบไม่ขาด
“ท่านแม่ ท่านไม่ต้องลำบากเช่นนั้นแล้ว…เพียงท่านมีความสุข และใช้ชีวิตอยู่อย่างสบายทุกวัน ข้าก็มีความสุขมากแล้ว” ต้วนหลิงเทียนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ น้ำเสียงยามกล่าวสั่นเครือไปไม่น้อย
"เด็กโง่… " ลี่หลัวส่ายหัวไปมาพร้อมยิ้มบางๆ “จะอย่างไรแม่ก็ไม่มีอะไรให้ทำมากมายอยู่ดี เช่นนี้ก็เอาเวลาว่างมาฝึกฝนใยมิดีเล่า… นอกจากนี้แม่ยังมอบวิชาบ่มเพาะเซียนอสูรสะคราญของเจ้าให้ เหยากับหลันฝึกฝนด้วย เจ้าคงไม่ตำหนิแม่เรื่องนี้ใช่หรือไม่ ?” ในขณะที่กล่าวถึงตรงนี้ ลี่หลัวก็จับจ้องมองไปยังต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาสงสัย
“แน่นอนว่าข้าย่อมไม่ตำหนิท่าน ข้ามอบวิชาให้ท่านไปแล้ว ท่านแม่จะทำอย่างไรหรือให้ใครก็ได้ตามใจชอบ…ขอเพียงท่านแม่มีความสุขก็พอ” ต้วนหลิงเทียนไม่ปล่อยให้ลี่หลัวใช้สายตากังวลสงสัยนี้นาน เขารีบกล่าวตอบออกมาด้วยรอยยิ้มยินดี
และเขาเองก็รู้ดีว่าเหยากับหลันที่มารดากล่าวถึงนั้นเป็นใคร…ย่อมไม่ใช่ใครที่ไหนนอกจากองค์หญิงปี้เหยา และเซี่ยวหลัน
ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะทอดถอนใจออกมา เมื่อคิดถึงสตรีทั้ง 2 ที่งามล้ำปานบุปผา ไม่ได้แตกต่างอะไรกับเค่อเอ๋อและลี่เฟย…
บางครั้งการมีหน้าตาหล่อเหลาและเสน่ห์มากมายก็ไม่ใช่เรื่องดีนัก…
ลี่หลัวส่ายศีรษะไปมา เมื่อรับรู้ได้ว่าลูกชายของนางพยายามหลีกเลี่ยงการกล่าวถึง สตรีทั้ง 2 นั่น
ลี่หลัวเองก็อดไม่ได้ที่จะบังเกิดความสงสารเวทนาสองดรุณีน้อยน่ารักทั้งสอง ที่ยังคงเฝ้ารอคอยต้วนหลิงเทียน "ลูกเทียนแม่รู้ดี ว่าใจเจ้ามีเพียงเค่อเอ๋อและลี่เฟยเท่านั้น แต่แม่ก็ไม่อยากให้เจ้าทำร้ายน้ำใจเหยากับหลัน …เจ้าเข้าใจหรือไม่?"
"ท่านแม่ ข้าเข้าใจแล้ว…ข้าจะกล่าวกับพวกนางเองถ้ามีเวลา…ท่านไม่ต้องห่วง" ต้วนหลิงเทียนพยักหน้าเบาๆ
บางสิ่งบางอย่างนั้นมันก็จำเป็นต้องทำให้กระจ่างชัด เขาไม่อาจทำให้สตรีที่งดงามอย่างพวกนางทั้งสอง ต้องกลายเป็นดอกไม้อับเฉาที่โรยร่วงไปตามกาลเวลาอย่างเปลี่ยวเหงา เพราะมัวแต่มาเฝ้ารอคอยเพียงเขา
"ดีแล้ว" รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของลี่หลัว "จริงสิ ลูกเทียน แล้วคราวนี้ลูกจะมาพักนานแค่ไหน?" ในขณะที่กล่าวถาม แววตาลี่หลัวเองก็เต็มไปด้วยความคาดหวัง
ในสายตาของนางและความต้องการส่วนตัวแล้ว นางก็อยากให้ลูกชายนางอยู่บ้านให้นานๆ
คำกล่าวที่ว่า มารดามักคอยห่วงหายามลูกน้อยลาไกล นั้นก็เป็นเช่นนี้
"ตอนนี้ข้าเองก็ไม่รู้ … แต่ข้าจะพยายามเต็มที่ เพื่อให้อยู่กับท่านแม่ได้นานที่สุด ดีหรือไม่?" ดวงตาของต้วนหลิงเทียนเต็มไปด้วยความอบอุ่น และหัวใจของเขาก็สงบลงไม่น้อยเมื่อได้กลับมาถึงบ้าน
ตอนนี้ความสับสนกระวนกระวายอันไร้ทิศทางที่เกิดขึ้นจาก นิกายกระบี่ 7 ดาวถูกทำลายล้าง โดยนิกายไตรพนาคราม ได้รับการจัดการอย่างสมบูรณ์แล้วตอนนี้ พวกมันถูกฝึกลึกลงไปสุดใจของเขา ..เขากลับมากระจ่างชัดในหนทางที่ต้องก้าวเดินอีกครั้ง ไร้ความสับสนอะไร
ใบหน้าลี่หลัวพลันคลี่ยิ้มกว้างออกมาอย่างสดใส แววตาเองก็เผยประกายยินดีออกมาไม่น้อย เมื่อได้ยินคำกล่าวต้วนหลิงเทียน “ลูกเทียน ในเมื่อตอนนี้เจ้าก็กลับมาแล้ว …เจ้าก็อย่าลืมไปยังจวนเจ้าพระยา บอกกล่าวต่อลุงนี่ของเจ้าบ้าง…นอกจากนี้เจ้าก็หาเวลาไปเยี่ยมเยือนตระกูลต้วนกับวังหลวงบ้าง ทั้งสองที่นี้ล้วนอำนวยความสะดวกให้แม่มากมาย โดยไม่ให้แม่ต้องพบเรื่องลำบากอะไรตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้”