สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - บทที่ 448 : วิชาปีศาจ?
WSSTH บทที่ 448 : วิชาปีศาจ?
หลิ่งหูจิ่นหงระบายลมหายใจออกมาอย่างโล่งอกเมื่อได้เห็นภาพนี้..
เมื่อครู่นี้มันหวาดกลัวว่าต้วนหลิงเทียน จะลงมือสังหารนายน้อยกู่ฉินแบบไม่แยแส…
ยังนับว่าโชคดีนักที่ต้วนหลิงเทียน ไม่ได้ระเบิดอารมณ์ออกมาและสังหารนายน้อยกู่ฉินให้จบๆไปซะ…
หาไม่แล้ว…ไม่รู้ว่านิกายกระบี่ 7 ดาวจะต้องผจญมรสุมอะไรบ้าง! แต่มิแคล้วต้องจมจ่อมอยู่ในความวุ่นวายแน่นอน!!
"บัดซบ! เกิดอันใดขึ้น?" นายน้อยกู่ฉินพยายามลุกขึ้นยืนอย่างยากลำบาก ใบหน้าของมันมืดลง เพราะอยู่ดีๆ มันก็ถูกทำร้ายร่างกายอย่างไม่รู้ตัว
มันรีบกินโอสถรักษาอาการบาดเจ็บของตัวเองทันที และตอนนี้มันมันก็ได้เห็นว่า สายตาของผู้คนทั้งหมด รอบๆเวทีประลอง จับจ้องมองมามันด้วยสายตาแปลกๆ และมันก็เห็นต้วนหลิงเทียนยืนอยู่บนเวทีประลองเป็นตาย โดยไร้ซึ่งอาการบาดเจ็บใดๆ นั่นทำให้สีหน้าของมันซีดลงโดยพลัน…!
“ไม่…เป็นไปมิได้! เจ้ายังรอดอยู่ได้อย่างไร?! เจ้า…เจ้าถูกข้าฆ่าไปแล้วไม่ผิดแน่! แล้วเจ้ายังยืนอยู่ตรงนั้นทั้งยังมีลมหายใจได้อย่างไร?!” นายน้อยกู่ฉินทำท่าราวกับเห็นผีสางกลางวันแสกๆ เมื่อเห็นร่างต้วนหลิงเทียนยืนบนเวที มันยังร่ำร้องออกมาเสียงดังด้วยความตกใจ
ต้วนหลิงเทียนเหลือบมองไปยังนายน้อยกู่ฉินด้วยสายตาเย็นชาไร้อารมณ์
หากไม่ใช่เพราะเขากังวลว่านิกายกระบี่ 7 ดาวจะเจอปัญหาเพราะเขา …ไม่ต้องสงสัยเลยว่าป่านนี้นายน้อยกู่ฉินจะเป็นอย่างไร…หัวมันคงถูกปลิดปลงลงตั้งแต่เมื่อครู่ไปแล้ว!
สำหรับเรื่องความปลอดภัยของตัวเองนั้นต้วนหลิงเทียนไม่ได้กังวลอะไร มีปัญหาเขาก็แค่หนีจากไปเสีย!
ในตอนนั้นไม่ต้องกล่าวถึงอาจารย์ของนายน้อยกู่ฉินที่มีระดับหยั่งรู้ธรรมชาติขั้น 7… ต่อให้มันอยู่ในระดับหลอมรวมธรรมชาติ หรือผันแปรธรรมชาติ ก็ไม่มีวันหาต้วนหลิงเทียนพบ
ตอนนี้ท่าทางและสารรูปของนายน้อยกู่ฉิน ทำให้เหล่าตัวตนระดับสูงของนิกายกระบี่ 7 ดาวอดไม่ได้ที่จะส่ายศีรษะและถอนหายใจออกมาด้วยอารมณ์หลากหลาย
"ดูเหมือนว่าอาการป่วยของนายน้อยกู่ฉินคงกำเริบแน่แล้ว… มันยังคิดว่าต้วนหลิงเทียนถูกมันสังหารอยู่อีก?"
"ข้ามิคิดเลยว่าจักมีอาการป่วยทางประสาท จนทำให้คนเราเสียสติได้ชั่ววูบเช่นนี้ … วันนี้นับว่าข้าได้เปิดหูเปิดตาแล้ว"
"น่าเสียดายจริงๆ ที่นายน้อยกูฉิน หนึ่งในห้านายน้อยผู้ยิ่งใหญ่ของอาณาจักรพนาคราม กลับต้องมามีอาการทางประสาทเสียได้…"
…
เหล่าศิษย์นิกายกระบี่ 7 ดาวเริ่มสนทนากันอย่างสนุกสนาน
ถึงแม้ว่าพวกมันจะพยายามกล่าวเสียงเบาแล้ว แต่สุดท้ายก็ยังเข้าหูนายน้อยกู่ฉินอยู่ดี
อาการทางประสาท? เสียสติ?
เหล่าศิษย์นิกายกระบี่ 7 ดาวมันบอกว่าข้าเสียสติไปเช่นนั้นหรือ?
นายน้อยกู่ฉิน นิ่งไป มันเริ่มสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เรียบเรียงความคิดในหัว ไตร่ตรองให้ถี่ถ้วนอีกครั้ง
“ข้าคิดว่าเมื่อครูข้าสังหารต้วนหลิงเทียนไปแล้ว …แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่ามันจะยังมิตาย ซ้ำยังยืนอยู่ดีตรงนั้น… นี่มันเกิดเรื่องบ้าบัดซบอันใดขึ้นกันแน่!” ตอนนี้ในใจของนายน้อยกู่ฉินเริ่มบังเกิดความหนาวเหน็บประการหนึ่งแทรกซึมช้าๆ
หรือข้าจักเสียสติไปจริงๆ?
"ต้วนหลิงเทียน!" นายน้อยกู่ฉินมองไปยังร่างต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาที่เย็นเยือกลงไม่น้อย ก่อนที่มันจะกระโดดขึ้นเวทีประลองเป็นตายไปอีกครั้ง เพื่อเผชิญหน้ากับต้วนหลิงเทียน
"เจ้าจะทำอะไรอีก…เจ้าแพ้ไปแล้ว …เมื่อครู่หากข้าไม่สงสารเมตตาเจ้า เจ้ายังจะยังเหลือลมหายใจอีกหรือไง" ต้วนหลิงเทียนเหลือบมองนายน้อยกู่ฉินด้วยสายตาไม่แยแส น้ำเสียงอย่างกล่าวยังไร้อารมณ์ใดๆ
"เหลวไหล!" นายน้อยกู่ฉินแผดเสียงคำรามออกมาด้วยความเย็นเยือก มันสะบัดมือพาดไปยังสายกู่ฉินวิญญาณระดับ 5 อีกครั้ง ก่อนที่จะเร่งเร้าพลังงานต้นกำเนิด ดีดไปยังสายหนึ่งหมายลงมือจู่โจมต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง
"ไอโง่!" ม่านตาของต้วนหลิงเทียนหดแคบลง ในแววตาปรากฏแสงเรืองๆ ออกมาวูบหนึ่งอีกครั้ง พร้อมในม่านตาดำยังมีดวงไฟ 2 ลูกลุกโชนขึ้นทั้งหมุนวนไปรอบๆม่านตาดำ ส่องแสงลี้ลับออกมา
พันมายาลวงตา!
พลังวิญญาณอันมหาศาลของต้วนหลิงเทียนหลั่งไหลลงสู่ตราประทับจิต ก่อนที่ตัวตราประทับจิตจะก่อเกิดอำนาจจิตเฉพาะออกมา
พริบตานั้นทั่วพื้นที่บริเวณที่นายน้อยกู่ฉินเห็น ก็ถูกภาพมายาลวงตาของต้วนหลิงเทียนบิดเบือนความเป็นจริงในสายตาเสียสิ้น มันกลับกลายเป็นภาพที่ต้วนหลิงเทียนต้องการให้มันเห็น!
ฟุ่บ!
ภายใต้ทุกสายตาของผู้คน ร่างของต้วนหลิงเทียนเริ่มพุ่งออกไปจากจุดเดิม ทว่านายน้อยกู่ฉินยังเสมือนไม่รับรู้เรื่องราวอะไร ยังคงจับจ้องไปยังพื้นที่ว่างเปล่าที่ต้วนหลิงเทียนเคยอยู่ตาเขม็ง ทั้งมันยังเร่งเร้าพลังงานต้นกำเนิดดีดสายกู่ฉิน ก่อเกิดคลื่นพลังเสียงทำลายล้างไร้สภาพ พุ่งซัดไปยังตรงจุดๆนั้น…
ในตอนนี้ นอกจากต้วนหลิงเทียนแล้ว ท่านตาของทุกผู้คนหดแคบลงโดยพลัน
สวรรค์!
พวกมันพึ่งเห็นอะไรกัน?
"เฮอะ!! ต้วนหลิงเทียนคราวนี้ข้าจักทำให้เจ้าตกตายอย่างสมบูรณ์ และจักมิมีทางที่เจ้าจะฟื้นกลับมามีชีวิตได้อีกต่อไป!"
ตอนนี้ภายใต้ทุกสายตาของผู้คนบริเวณลานประลองเป็นตาย นายน้อยกู่ฉินกล่าววาจาออกมาอย่างอำมหิตตวาดใส่ความว่างเปล่า มือของมันยังเริ่มรูดพรมไปยังเส้นสายของกู่ฉินระรัว เร่งเร้าพลังงานต้นกำเนิดออกมาทั้งหมด ซัดคลื่นพลังแหลมคมไร้สภาพ ปานดอกศร กระหน่ำไปยังพื้นที่ว่างเปล่า ที่ต้วนหลิงเทียนเคยอยู่..
เตร๊ง!เตร๊ง!เตร๊ง!เตร๊ง!เตร๊ง!เตร๊ง!
…
เสียงสายกู่ฉินดังกังวาน กึกก้องผสานไปกับสายลมในอากาศ
เปรี๊ยง! เปรี๊ยง! เปรี๊ยง! เปรี๊ยง! เปรี๊ยง!
…
พื้นเวทีที่ต้วนหลิงเทียนยืนอยู่ก่อนหน้า ตอนนี้ถูกคลื่นพลังของนายน้อยกู่ฉินทำลายจนแหลกพินาศยับเยิน เป็นหลุมเป็นบ่อราวกับพบพานอุกกาบาตถล่มอย่างไรอย่างนั้น
"ฮ่า ๆ ๆ ๆ!" ในที่สุดนายน้อยกู่ฉินก็หยุดซัดคลื่นพลังจู่โจมพื้นเวที และเริ่มหัวเราะเสียงดังกึกก้องอีกครั้ง ในน้ำเสียงเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่งถือดีอย่างถึงที่สุด!
"ต้วนหลิงเทียน ข้าทำลายศพเจ้าจนแหลกเป็นชิ้นๆแล้ว! … ให้ข้าชมดูว่าคราวนี้เจ้าจักมีปัญญาฟื้นคืนได้อย่างไร!" นายน้อยกู่ฉินจับจ้องมองไปยังความว่างเปล่าพร้อมพื้นเวทีที่แหลกยับด้วยสายตาพึงพอใจอย่างถึงที่สุด มันทำราวกับเห็นร่างต้วนหลิงเทียนถูกฉีกเป็นชิ้นๆ แหลกอยู่ตรงนั้น …
อันที่จริงแล้วในสายตาของนายน้อยกู่ฉินมันก็เห็นเช่นนั้นจริงๆ…
"อา…นายน้อยกู่ฉินได้เสียสติไปแล้วจริงๆ!"
"ดูเหมือนว่าตราบใดที่เริ่มโคจรพลังใช้กระบวนท่า สติของนายน้อยกู่ฉินกลับผิดเพี้ยนวิปริตไป..อาการบาดเจ็บทางประสาทจนทำให้สูญเสียสติสัมปชัญญะเช่นนี้ นับว่าแปลกประหลาดยิ่งนัก!"
"ตอนนี้ข้ารู้สึกสงสารมันมิใช่น้อย…แลดูไปช่างน่าสังเวชใจนัก เห็นได้ชัดว่าความแข็งแกร่งของมันเหนือล้ำกว่าศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียน แต่ด้วยอาการทางประสาทของมัน มันแทบมิต่างอันใดกับเนื้อบนเขียงรอให้ศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียน สับ"
…
เหล่าศิษย์นิกายกระบี่ 7 ดาวอดไม่ได้ที่จะระบายลมหายใจออกมาด้วยอารมณ์เวทนา
และคนส่วนใหญ่ที่อยู่บริเวณรอบเวทีประลองล้วนคิดอ่านไปในทำนองเดียวกันนี้ทั้งสิ้น
มีเพียงประมุขนิกายอย่างหลิ่งหูจิ่นหง และปรมาจารย์ขุนเขาไท่หยางเจิ้งฝานที่หันมามองหน้ากันเองช้าๆ ต่างเห็นความประหลาดใจในแววตาของอีกฝ่ายชัดเจน
“ศิษย์พี่ประมุข…หรือทั้งหมดนี้ จักเป็นฝีมือของต้วนหลิงเทียน?” การส่งเสียงผ่านพลังงานต้นกำเนิดของเจิ้งฝานครานี้เต็มไปด้วยความหวาดกลัว
"อาจเป็นเช่นนั้น" เสียงที่ส่งกลับมาของหลิ่งหูจิ่นหงเต็มไปด้วยความเคร่งขรึม "แต่ข้ามิรู้ว่าต้วนหลิงเทียนมีความสามารถในการกระทำเช่นนี้ได้อย่างไร …ข้า หลิ่งหูจิ่นหง ชั่วชีวิตมิเคยพบพานความสามารถน่าสะพรึงกลัวเช่นนี้มาก่อนเลย!"
"ยามนี้ข้ารู้สึกเหมือนตัวเองมิต่างอันใดกับกบน้อยที่แหงนมองฟ้าจากก้นบ่อ"
สำหรับหลิ่งหูจิ่นหงและเจิ้งฝานแล้ว ไม่มีทางที่พวกมันจะรู้ได้เลยว่านี่คือสิ่งที่เรียกว่าการโจมตีด้วยพลังวิญญาณหรืออำนาจจิต เพราะเรื่องราวเหล่านี้นับว่าไกลห่างจากพวกมันมาก และพวกมันก็ไม่มีทางรู้เรื่องพวกนี้ได้เลย
เพราะสำหรับผู้ฝึกยุทธ์ทั่วไปแล้ว พวกมันจะสามารถสัมผัสกับอำนาจจิต และการใช้พลังวิญญาณจู่โจมทำร้ายคู่ต่อสู้เช่นนี้ได้ …ก็เมื่อพวกมันบรรลุระดับจักรพรรดิไปแล้วเท่านั้น…!
และสำหรับทักษะทางวิญญาณพวกนี้ มันเป็นทักษะที่สืบต่อกันในสายเลือดของเหล่าสัตว์อสูรปีศาจที่หาได้ยากยิ่งเท่านั้น
ถึงแม้จะเป็นในดินแดนรอบนอกที่มีผู้เชี่ยวชาญมากมายดั่งหมู่เมฆก็ตาม นับว่ายังมีสัตว์อสูรปีศาจจำนวนน้อยมากเท่านั้นที่สามารถเข้าใจและใช้ทักษะวิญญาณอันลี้ลับนี้ออกได้ ก่อนที่จะบรรลุระดับจักรพรรดิ
ส่วนต้วนหลิงเทียนนั้นนับว่าโชคชะตานำพาอย่างแท้จริง เขาได้พบกับวาสนาปาฏิหาริย์ได้ครอบครองตราประทับจิตพิเศษ อันเป็นผลงานชั่วชีวิตของผู้จารึกคนหนึ่ง
และตราประทับจิตพิเศษนี้ ยังนับว่ายากที่จะสร้างได้นัก
แม้กระทั่งจักรพรรดิกลับชาติมาเกิดเอง ก็ไม่ได้ประสบความสำเร็จในเรื่องการค้นคว้าวิจัยตราประทับจิตในช่วงชีวิตของมัน…ส่วนผู้จารึกอาคมคนนั้น เพื่อผลงานอันยิ่งใหญ่ ตัวมันได้ทุ่มเททั้งชีวิตศึกษาเรื่องนี้กระทั่งสร้างตราประทับจิตออกมาได้ และในขณะที่มันทำสำเร็จนั้น อนิจจา…คนก็ชราจนไม่หลงเหลือเวลาอันใดแล้ว…
สุดท้ายผู้ที่ได้รับประโยชน์ครานี้ กลับเป็นต้วนหลิงเทียน
"มองไปทั่วทั้งทวีปเมฆาล่องนี้ คงไม่มีผู้ใดสามารถกระทำซ้ำสองได้อย่างผู้อาวุโสคนนี้อีกแล้ว …กล่าวอีกคำ ข้าเป็นคนเดียวในบรรดาผู้ฝึกยุทธ์ของมนุษย์ ที่สามารถใช้อำนาจจิตนี่ผ่านตราประทับจิต มีความสามารถเล่นงานคู่ต่อสู้ด้วยพลังวิญญาณก่อนที่จะบรรลุในระดับจักรพรรดิ!" เมื่อต้วนหลิงเทียนคิดเช่นนี้ ในใจเขาก็รู้สึกพองโตไม่น้อย
จากความทรงจำของจักรพรรดิกลับชาติมาเกิด ที่อาศัยมาถึง 2 ช่วงชีวิต แต่มันก็ไม่เคยพบพานผู้ฝึกยุทธ์ของมนุษย์สามารถใช้อำนาจจิตจู่โจม หรือกระทำการแทรกแซงวิญญาณของศัตรูได้ก่อนตัดผ่านไปยังระดับจักรพรรดิแม้แต่คนเดียว
ถึงแม้ตราประทับจิต ที่ผู้อาวุโสคนนั้นทิ้งเอาไว้ มันจะไม่ใช่อำนาจจิตสายจู่โจมโดยตรง แต่ความสามารถในการแทรกแซงวิญญาณ คอยสนับสนุนเช่นนี้ ก็เหลือเฟือที่จะทำให้ต้วนหลิงเทียนอยู่ในตำแหน่งไร้พ่ายอย่างสิ้นเชิง เมื่อพบพานผู้ฝึกยุทธ์ที่มีพลังวิญญาณต่ำกว่าเขาแล้ว!
เช่นเดียวกันกับนายน้อยกู่ฉิน สื่อชางคนนี้
พลังวิญญาณของมันยังคงอยู่ในระดับ ครึ่งก้าวธรรมชาติเท่านั้น…
นับว่าระดับพลังวิญญาณครึ่งก้าวธรรมชาติของมัน ยังห่างไกลจากระดับพลังวิญญาณของต้วนหลิงเทียนนัก…
นอกจากนี้สื่อชางยังไม่ใช่ผู้จารึกอาคม
ดังนั้นต่อให้มันจะตัดผ่านไปยังระดับแรกสัมผัสธรรมชาติขั้นที่ 1 ได้ แต่พลังวิญญาณของมันก็ไม่แข็งแกร่งเท่าต้วนหลิงเทียน…นั่นทำให้มันยังต้องประสบกับชะตากรรมเดียวกันนี้ต่อไป
ตราบใดที่ต้วนหลิงเทียนใช้อำนาจจิต พันมายาลวงตาผ่านตราประทับจิต เว้นเสียแต่พลังวิญญาณของสื่อชางจะบรรลุระดับแรกสัมผัสธรรมชาติขั้นที่ 2 หาไม่แล้ว…ผู้ฝึกยุทธ์ธรรมดาที่ไม่ใช่ผู้จารึกอาคมอย่างสื่อชางจะไม่สามารถรอดพ้นชะตากรรมถูกมายาลวงตาครอบงำได้เลย
ภายใต้ทุกสายาที่จับจ้องมองมา ต้วนหลิงเทียนเดินไปหานายน้อยกู่ฉินอีกครั้ง และกระบี่อ่อนดาราม่วงก็กระพริบวูบออกไปอีกครั้ง ต่างกันที่ครานี้ เขาฟาดตบไปยังอีกด้านหนึ่งของใบหน้ามันเท่านั้น แล้วร่างของมันก็ปลิวละล่องไปอีกครั้ง
ตุบบบ!!
ร่างนายน้อยกู่ฉินดั่งลูกเกาทัณฑ์พ้นคันศรพุ่งตกออกนอกเวทีประลองเป็นตาย อยู่ในสภาพยับเยินเละเทะ ฟันฟางถึงกับแตกร่วงออกมา
นายน้อยกู่ฉินเมื่อหลุดพ้นอำนาจจิตมันก็เหมือนเดิมอีกครั้ง ความตื่นตระหนกยามเห็นต้วนหลิงเทียน ไม่ต่างอะไรจากพบเจอภูตผี “ไม่…เป็นไปมิได้…ต้วนหลิงเทียน! เจ้าต้องใช่วิชาปีศาจ! เจ้าต้องใช้วิชาปีศาจเป็นแน่!! ข้าฉีกร่างเจ้าเป็นชิ้นๆไปแล้ว…เจ้ายังมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร…? เหตุใดเจ้ายังมิตาย เป็นไปได้อย่างไร!?”
ตอนนี้แววตาของนายน้อยกู่ฉินที่จับจ้องไปยังต้วนหลิงเทียน เต็มไปด้วยความหวาดกลัว..
เป็นความกลัวที่เกิดขึ้นออกมาจากใจของมัน
ครู่ต่อมาสายตาหวาดกลัวของนายน้อยกู่ฉิน ก็เริ่มหายไป มันพยายามระงับความหลัวในหัวใจ ก่อนที่จะมองไปยังต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง ด้วยสายตาเย็นชากระหายเลือด “ข้า…เมื่อครู่…ข้ากลัวมันเช่นนั้นหรือ! ข้ากลัวเด็กน้อยที่ยังมิได้ตัดผ่านไปยังระดับวิญญาณแรกก่อตั้งขั้นที่ 7 !?”
“ไม่! เป็นไปไม่ได้ ข้าจักไปหวาดกลัวเด็กน้อยปากมิสิ้นกลิ่นน้ำนมเช่นนี้ได้อย่างไร! ข้าต้องฆ่ามัน ข้าต้องฆ่ามันให้ตาย!” หลังจากที่นายน้อยกู่ฉินรู้ว่าตัวมันเองหวาดกลัว มันรู้สึกเหมือนถูกต้วนหลิงเทียนทำร้ายเหยียดหยามถึงขีดสุด เกินกว่าที่มันจะทานทนรับไหว !
มันเป็น 1 ใน 5 นายน้อยผู้ยิ่งใหญ่แห่งอาณาจักรพนาคราม เป็นหนึ่งในรุ่นเยาว์ระดับอัจฉริยะแนวหน้าของอาณาจักรพนาคราม มันย่อมมีอัตตา ความภาคภูมิใจและความหยิ่งยโส ไม่ยอมน้อยหน้ากว่าใครอยู่ในตัว…
แต่ถึงแม้ตอนนี้มันจะไม่เต็มใจแค่ไหน มันก็ต้องยอมรับว่ามันหวาดกลัว!
มันหวาดกลัวเด็กน้อยที่ความแข็งแกร่งอ่อนด้อยกว่ามันหลายชั้น!
สำหรับมันแล้ว นี่คือที่สุดแห่งความอัปยศอดสู มันสามารถลบล้างความอัปยศครานี้ได้…โดยการเข่นฆ่าสังหารอีกฝ่ายให้ตายตกเท่านั้น!
"หืม?" ต้วนหลิงเทียนสัมผัสได้ถึงจิตสังหารในแววตาของสื่อชาง
“อะไร? เจ้ายังคิดจะลงมืออีกหรือไง?” ต้วนหลิงเทียนเหลือบมองสื่อชาง ก่อนที่จะลดหน้าต่ำลงเล็กน้อย กล่าววาจาด้วยน้ำเสียงอำมหิต “ข้าปราณีเจ้าถึง 2 ครั้ง 2 คราแล้ว ถ้าเจ้ายังไม่สำเหนียกตัวอีก…ก็อย่าได้โทษข้าว่าอำมหิต”
ใจของนายน้อยกู่ฉินเต้นเร่าๆแทบจะระเบิด ดวงตาของมันเต็มไปด้วยความอาฆาตแค้น
“ต้วนหลิงเทียน … ต้วนหลิงเทียน! … ข้าจักหาหนทางทำลายวิชาปีศาจของเจ้าให้ได้! และวันไหนที่ข้าทำลายวิชาปีศาจบัดซบของเจ้าได้ วันนั้นจะเป็นวันตายของเจ้า! แน่นอนว่าข้า สื่อชาง จักฆ่าเจ้าด้วยสองมือคู่นี้ของข้า!!” นายน้อยกู่ฉินยิ่งมายิ่งเกรี้ยวกราดเดือดดาล ในแววตาของมันยังเต็มไปด้วยความเคียดแค้นอันไร้ขอบเขต
วิชาปีศาจ?
มุมปากของต้วนหลิงเทียนแสยะขึ้นด้วยความเย้ยหยัน เมื่อได้ยินเสียงคร่ำครวญของนายน้อยกู่ฉิน