สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - บทที่ 447 : ทักษะวิญญาณ พันมายาลวงตา
WSSTH บทที่ 447 : ทักษะวิญญาณ พันมายาลวงตา
นอกจากนี้ถึงแม้ว่าหลิ่งหูจิ่นหงต้องการที่จะออกหน้าแทรกแซงการประลองครั้งนี้ ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องนายน้อยกู่ฉินไม่เห็นด้วยเลย เพราะกระทั่งทัวเขาเองก็ไม่เห็นด้วยกับการยอมแพ้ครั้งนี้…
"ต้วนหลิงเทียน ดูเหมือนว่าเจ้าจักปลงตกแล้วสินะ …อย่าได้ห่วงไป รับรองข้าจักดูแลเค่อเอ๋ออย่างดี หลังจากที่เจ้าตกตายแล้ว!" นายน้อยกู่ฉินมองไปยังต้วนหลิงเทียน ก่อนที่จะเผยรอยยิ้มพึงพอใจออกมา
"ตาย?" ต้วนหลิงเทียนนั้นไม่ได้แสดงความหวาดกลัวอะไรออกมาแม้แต่น้อย ทั้งยังกล่าววาจาออกมาด้วยน้ำเสียงเฉยชา "นายน้อยกู่ฉิน เคยได้ยินหรือไม่ สงครามยังไม่จบอย่าพึ่งนับศพทหาร …อีกทั้งใครจะตาย…เรื่องนี้มันก็ยังไม่แน่นัก…" ในขณะที่กล่าวครานี้ ต้วนหลิงเทียนก็จ้องไปในแววตาของมันเขม็ง
ทันใดนั้นในแววตาของต้วนหลิงเทียนมีประกายแสงหนึ่งเรืองขึ้นมาอย่างลางๆ ยากนักที่ผู้ใดจะพบเห็น ทั้งมันยังเหมือนเปลวเพลิงกองหนึ่ง ที่ลุกโชนขึ้นมา ที่สำคัญมันยังมีเศษเสี้ยวกลิ่นอายวิญญาณอันลี้ลับแผ่ซ่านออกมาในบรรยากาศ
นี่เป็นเหตุผลที่ทำให้ต้วนหลิงเทียนไม่ได้หวั่นไหวอะไรแม้แต่น้อยเมื่อต้องเผชิญหน้ากับนายน้อยกู่ฉิน ที่ตัดผ่านไปยังระดับครึ่งก้าวธรรมชาติแล้ว
เขาหาได้กลัวนายน้อยกู่ฉินไม่!
คำกล่าวของต้วนหลิงเทียน ทำให้เหล่าศิษย์ของนิกายกระบี่ 7 ดาว เงียบงันดั่งคนตาย ไร้ผู้ใดกล่าววาจา เป็นเวลานาน
“ที่ศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียนกล่าวมันหมายความว่าอย่างไรกัน…หรือที่เขากล่าวเช่นนี้เพราะ ศิษย์พี่เขามั่นใจว่าจะเอาชัยเหนือนายน้อยกู่ฉินได้!?”
"เรื่องนี้เป็นไปมิได้เลย …เป็นศิษย์พี่กล่าวบอกยอมรับมาเองมิใช่หรือไร…? ว่าเขายังมิได้ตัดผ่านไปยังระดับวิญญาณแรกก่อตั้งขั้นที่ 7 ด้วยซ้ำ …แต่ต่อให้เข้าตัดผ่านไปยังระดับวิญญาณแรกก่อตั้งขั้นที่ 7 เขาก็มิใช่คู่มือของนายน้อยกู่ฉินที่อยู่ในระดับครึ่งก้าวธรรมชาติอยู่ดี… "
"ศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียนคงมิได้เสียสติไปแล้วหรอกนะ?"
…
ศิษย์นิกายกระบี่ 7 ดาวทั้งหมดตอนนี้ แทบจะอื้ออึงไปแล้ว
"หืม?" มีเพียงดวงตาที่หม่นหมองของหลิ่งหูจิ่นหง และเจิ้งฝานเท่านั้น ตอนนี้ที่กลับมาส่องประกายอีกครั้ง
พวกมันทั้งหมดย่อมรู้ดี ว่าต้วนหลิงเทียนไม่ใช่คนเสียสติ ทำอะไรไม่คิด
"ศิษย์พี่ประมุข หรือว่า…สหายน้อยนี่ กลับมีวิธีเอาชนะนายน้อยกู่ฉินนั่นจริงๆ?"เจิ้งฝานรู้สึกตกตะลึงกับท่าทีของต้วนหลิงเทียนไม่น้อย มันอดที่จะส่งเสียงผ่านพลังงานต้นกำเนิดออกไปถามหลิ่งหูจิ่นหงเสียไม่ได้ และเมื่อมันได้ยินเสียงตอบกลับของหลิ่งหูจิ่นหง มันก็ค่อยๆคลายกังวลไปบ้าง
ก่อนหน้านี้ตัวมันเองก็เสียใจอย่างสุดซึ้ง ที่ต้วนหลิงเทียนตกอยู่ในอันตราย โดยที่มันไม่อาจทำอะไรได้
มันเองก็วิตกกังวลไม่ต่างจากประมุขนิกาย
"ข้าเองก็มิรู้…จากสามัญสำนึกปกติแล้ว ข้าคงต้องบอกว่าเป็นไปมิได้…แต่ต้วนหลิงเทียนมักสร้างปาฏิหาริย์อยู่เสมอ บางทีครั้งนี้…อาจเป็นเขาที่ทำให้พวกเราต้องประหลาดใจอีกครั้ง" หลิ่งหูจิ่นหงส่ายหัวไปมาอย่างไม่มั่นใจ ก่อนที่จะมองไปยังต้วนหลิงเทียนบนเวทีประลองเป็นตาด้วยสายตาคาดหวัง
เจิ้งฝานพยักหน้า และมองไปยังต้วนหลิงเทียนอย่างคาดหวังเช่นกัน
"ช่างไร้ยางอายและโอหังยิ่งนัก!" ใบหน้าของนายน้อยกู่ฉินลดต่ำลง มันแผดเสียงออกมาดังสนั่น “เช่นนั้นให้ข้าดูเสียหน่อย ว่าอาศัยเด็กน้อยที่ยังมิได้ตัดผ่านไปยังระดับวิญญาณแรกก่อตั้งขั้นที่ 7 จะฆ่าข้าอย่างไร!” เมื่อกล่าวจบร่างนายน้อยกู่ฉินก็ไหววูบด้วยความเร็วสูง
พลังงานต้นกำเนิดหลั่งไหลไปยังปลายนิ้วมือขวาของมัน และมันก็วางมือลงบนกู่ฉินที่ถือด้วยมือซ้าย
ทันใดนั้นพลังงานต้นกำเนิดก็หลั่งไหลเข้ากู่ฉินพร้อมทั้งเรืองรองขึ้นมา!
เหนือร่างนายน้อยกู่ฉิน มีภาพเงาร่าง 726 ช้างแมมมอธโบราณ ปรากฏข้างๆ เงาร่างช้างแมมมอธโบราณ 1,500 ตัวก่อนหน้า …
นี่คือความแข็งแกร่งของอาวุธวิญญาณระดับ 5!
ในตอนนี้เองนายน้อยกู่ฉินพลันสะบัดมือขวา หมายจู่โจมเล่นงานต้วนหลิงเทียน
ทันใดนั้นเองประกายตาต้วนหลิงเทียนเรืองวูบขึ้น ในลูกตาดำของเขาเสมือนมี เปลวไฟ 2 ดวง หมุนวนรอบม่านตาดำ อีกทั้งเปลวไฟทั้ง 2 นั่นยังลุกโชนปะทุแผ่แสงเรืองรองที่มีแต่เขาเท่านั้นที่เห็นขึ้นมา…
พันมายาลวงตา!
เมื่อต้วนหลิงเทียนสั่งการในใจ ตราประทับจิต ในดวงจิตอันเป็นขุมพลังวิญญาณของต้วนหลิงเทียนก็พลันสั่นไหวระรัว
และทันใดนั้นพลังวิญญาณมากมายในร่างเริ่มหลั่งไหลเข้าสู่ตราประทับจิต ก่อนที่ทั้งหมดจะเริ่มถูกส่งไปยังดวงตาของต้วนหลิงเทียน แผ่พุ่งออกไปตามประกายแสงจากดวงตาที่สาดส่องออกมาเรืองๆ ฉาบทับไปผ่านร่างของนายน้อยกู่ฉิน กล่าวง่ายๆแสงลี้ลับจากดวงตาต้วนหลิงเทียนทาบทับไปยังบริเวณกว่าครึ่งเวทีประลองเป็นตายฝั่งที่นายน้อยกู่ฉินยืนอยู่
และในตอนนี้นั้น…โลกที่สายตาของนายน้อยกู่ฉินเห็นนั้น…
ต้วนหลิงเทียนยืนอยู่จุดหนึ่งบนเวทีประลองอย่างนิ่งๆไม่ไหวติง
แล้วตัวมันก็กรีดกรายปลายนิ้วดีดสายกู่ฉิน ส่งคลื่นพลังแหลมคมไร้สภาพ ซัดพุ่งไปออกด้วยความรุนแรง มันพุ่งไปดั่งศรแสง ทะลวงคอหอยตัวหลิงเทียน จนทะลุในเสี้ยวพริบตา! ง่ายดายราวใช้มีดทะลวงผลไม้สุกหง่อม..!!
พรวด!
พริบตาต่อมาโลหิตก็พวยพุ่งทะลักล้นออกจากลำคอของต้วนหลิงเทียน ร่างยังล้มลงนอนแน่นิ่งกับพื้นไร้ซึ่งสัญญาณชีวิตใดๆ
"ฮ่าๆๆๆๆ….!! " นายน้อยกู่ฉินเริ่มหัวเราะออกมาดังสนั่นลั่นลานประลอง เมื่อมองไปยังศพของต้วนหลิงเทียน น้ำเสียงยังกล่าวออกมาอย่างเยาะเย้ยดูแคลน แฝงความหยิ่งยโสของมันออกมา "ต้วนหลิงเทียนข้าบอกเจ้าแต่แรกแล้ว ว่าพวกเรามิใช่คนที่อยู่ในระดับเดียวกัน …แม้กระทั่งการโจมตีง่ายดายเพียงครั้งของข้า เจ้ายังมิมีปัญญารับ! ยามนี้เจ้าตายแล้ว เค่อเอ๋อต้องเป็นสตรีของข้า นายน้อยกู่ฉินผู้นี้ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ฮ่าๆๆๆ … "
ในตอนนี้เองรอบๆเวทีประลองเป็นตายก็เงียบสงัดลงในทันใด
รวมถึงเหล่าตัวตนระดับสูงของนิกายกระบี่ 7 ดาวเองก็ด้วย ทั้งหมดต่างสับสนและงุนงง จับต้นชนปลายอะไรไม่ถูก เมื่อเห็นนายน้อยกู่ฉินที่ยืนอยู่บนเวทีประลอง อยู่ดีๆ ก็หัวเราะกล่าวคำหยิ่งยโสออกมาอย่างสะใจ
ไม่ใช่ว่าต้วนหลิงเทียนยังยืนอยู่ดี ตรงนั้นไม่เป็นอะไรเลยหรอกหรือ?
แล้วทำไมนายน้อยกู่ฉินถึงบอกว่าต้วนหลิงเทียนตกตาย?
"ฮ่าๆๆๆ… " บนเวทีประลองเป็นตาย นายน้อยกู่ฉินก็ยังคงหัวเราะต่อไปอย่างสนุกสนาน แลคล้ายผู้คนที่มีสติไม่สมประกอบ
ส่วนต้วนหลิงเทียนนั้น ยังยืนอยู่ด้านหนึ่งของเวทีประลองเป็นตาย และยังคงนิ่งเงียบจับจ้องไปยังร่างนายน้อยกู่ฉิน ที่กำลังหัวร่องอหายอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุดในอีกฝั่งหนึ่งของเวทีประลองเป็นตาย ตอนนี้เองรอยยิ้มดูแคลนพลันฉายออกมาที่มุมปากของเขา
“เจ้าจะอยู่ระดับครึ่งก้าวธรรมชาติแล้วจะอย่างไร? สุดท้ายเจ้าก็ยังไม่ได้อยู่ในระดับแรกสัมผัสธรรมชาติอยู่ดี… อันที่จริงต่อให้เจ้าอยู่ในระดับแรกสัมผัสธรรมชาติ แต่เมื่อเผชิญกับอำนาจจิต พันมายาลวงตาของข้า ที่เกิดจากตราประทับจิต ที่ใช้งานด้วยพลังวิญญาณระดับแรกสัมผัสธรรมชาติของข้า เจ้าที่ไม่ได้เป็นผู้จารึกอาคม ก็ไม่มีวันต่อต้านข้าได้อยู่ดี!”
ตอนนี้ในบรรดาทุกสรรพชีวิตบนขุนเขาเทียนชู คงมีเพียงแต่ต้วนหลิงเทียนที่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
ต้วนหลิงเทียนได้ฝึกฝนใช้ทักษะวิญญาณทักษะหนึ่ง จนเชี่ยวชาญเมื่อไม่นานมานี้ …
ทักษะวิญญาณนี้ เขาได้ทำความเข้าใจมันจากการตรวจสอบตราประทับจิต ที่ได้รับจากตำหนักลับใต้สระชำระจิตวันนั้น และทักษะวิญญาณนี้มันเป็น อำนาจจิตในรูปแบบสนับสนุน
ทักษะวิญญาณนี้ ทำให้ต้วนหลิงเทียนสามารถใช้ อำนาจจิต สร้างภาพลวงตาได้ตามแต่เขาจะต้องการ แต่ไม่สามารถใช้โจมตีทำร้ายวิญญาณได้โดยตรง
ต้วนหลิงเทียนได้ตั้งชื่อให้กับอำนาจจิตนี้ว่า..
พันมายาลวงตา!
ในปัจจุบันพลังวิญญาณของต้วนหลิงเทียนนั้น ไม่ต่างอะไรไปจากพลังวิญญาณของผู้ฝึกยุทธ์ระดับแรกสัมผัสธรรมชาติขั้นที่ 1 กล่าวได้ว่า หากเข้าใช้อำนาจจิตนี้ล่ะก็ …ไร้ซึ่งผู้ฝึกยุทธ์คนใดที่อยู่ภายใต้แรกสัมผัสธรรมชาติขั้นที่ 1 จะสามารถต่อต้านได้…!
และตราบใดที่ผู้ฝึกยุทธ์ระดับแรกสัมผัสธรรมชาติขั้นที่ 1 ไม่ใช่ผู้จารึกอาคมแล้วล่ะก็…ผู้ฝึกยุทธ์คนนั้นก็ไม่มีทางต้านอำนาจจิตนี้ของเขาเช่นกัน!!
หากผู้ฝึกยุทธ์แรกสัมผัสธรรมชาติคนนั้นเป็นผู้จารึก พลังวิญญาณของมันจะแข็งแกร่งพอที่จะคุ้มครองและทำลาย อำนาจจิตนี้ของต้วนหลิงเทียนได้เอง ไม่ถูกมันครอบงำแต่อย่างใด
และถึงแม้ว่าจะไม่ใช่ผู้จารึก แต่ถ้าผู้ฝึกยุทธ์นั้นอยู่ในระดับแรกสัมผัสธรรมชาติขั้นที่ 2 อำนาจจิต พันมายาลวงตาของต้วนหลิงเทียนก็ไม่อาจทำอะไรได้เช่นกัน
เนื่องจากพลังวิญญาณของผู้ฝึกยุทธ์ระดับแรกสัมผัสธรรมชาติขั้นที่ 2นั้น มันเหนือกว่าพลังวิญญาณของต้วนหลิงเทียนมาก!
เป็นการยากที่อำนาจจิตของต้วนหลิงเทียนจะส่งผล ต่อคนที่มีพลังวิญญาณสูงกว่า
‘ถึงแม้พันมายาลวงตาของข้าจะไม่ใช่อำนาจจิตประเภทจู่โจมทำลายวิญญาณโดยตรง แต่แค่นี้ก็นับว่าเหลือเฟือที่จะทำให้คนที่มีระดับพลังวิญญาณต่ำกว่าข้า ติดอยู่ในภาพลวงตาที่ข้าสร้างขึ้นด้วยตราประทับจิตของข้า พวกมันก็เหมือนเนื้อบนเขียงให้ข้าสับ! ไร้ซึ่งหนทางต่อต้านใดๆ!!’
ต้วนหลิงเทียนเดินไปหานายน้อยกู่ฉินอย่างช้าๆ ท่าทางสบายๆไม่ได้รีบร้อนอะไร เพียงไม่กี่ลมหายใจก็มาถึงตัวแล้ว…
ส่วนทางด้านนายน้อยกู่ฉิน ก็ยังหัวเราะเป็นบ้าเป็นหลังอย่างสะใจ ราวกับไม่เห็นต้วนหลิงเทียนแม้แต่น้อย ยังคงยืนนิ่งหัวเราะร่า กล่าววาจาเพ้อเจ้ออยู่ราวกับตัวโง่งม
ภาพนี้ทำให้ผู้คนที่อยู่รอบๆ รู้สึกหนาวไปถึงไขสันหลัง
"นี่มันเกิดอันใดขึ้นกันแน่?" น้ำเสียงของเหล่าศิษย์นิกายกระบี่ 7 ดาวสั่นสะท้านเล็กน้อย
"ข้ามิรู้… ข้าเห็นเพียงแต่เมื่อนายน้อยกู่ฉินเริ่มโจมตีศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียน มันก็จู่โจมราวกับไร้นัยน์ตา ซัดกระบวนท่าไปยังที่ว่างด้านข้างของศิษย์พี่…แล้วต่อมามันก็เอาแต่หัวเราะ เอาแต่กล่าววาจาว่าศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียนตกตายแล้วมิหยุด "
"ก็เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่าศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียนยังยืนอยู่ดีตรงนั้น…ใยนายน้อยกู่ฉินกล่าวบอกว่าศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียนตกตายไปแล้วเล่า?
"ประหลาดนัก…ข้ามิเคยได้ยินว่านายน้อยกู่ฉินมีอาการป่วยอะไรเช่นนี้มาก่อน"
…
ตอนนี้เหล่าศิษย์นิกายกระบี่ 7ดาวต่างกระซิบสนทานากันดังระงม ตอนนี้พวกมันรู้สึกว่า ขนทั่วตัวกับลุกตั้งชันขึ้น
การกระทำของนายน้อยกู่ฉินทำให้พวกมันประหลาดใจเกินไป!
“บัดซบ! เกิดบ้าอันใดกันขึ้น ใยถึงได้เป็นเช่นนี้?!” ท่าทางจ้าวหลินเริ่มไม่น่าดูแล้ว นี่เพราะมันคิดว่าวันนี้ต้วนหลิงเทียนต้องตายด้วยน้ำมือนายน้อยกู่ฉินแน่ๆ แต่ผู้ใดจะไปรู้ว่าอยู่ๆก็เกิดเรื่องราวประหลาดเช่นนี้ขึ้น..
นายน้อยกู่ฉินเสียสติไปแล้วหรือไร!!
“นายน้อยกู่ฉิน! นายน้อยกู่ฉิน!”เมื่อเห็นต้วนหลิงเทียนเข้าใกล้นายน้อยกู่ฉิน แต่นายน้อยกู่ฉินนั้นกลับไม่รู้เรื่องรู้ราวหรือตอบสนองอะไรเลย จ้าวหลินบังเกิดความกังวลอย่างหนักหนา มันรีบส่งเสียงผ่านพลังงานต้นกำเนิด หวังปลุกนายน้อยกู่ฉินให้เลิกหัวเราะอย่างโง่งมเสียที
ตัวมันต้องการให้นายน้อยกู่ฉิน สังหารต้วนหลิงเทียน!
แต่การส่งเสียงผ่านพลังงานต้นกำเนิดของมัน ดั่งการทุ่มหินหมายถมมหาสมุทร ช่างไร้ประโยชน์สิ้นดี!
นายน้อยกู่ฉินยังยืนนิ่งและหัวเราะอยู่อย่างนั้น!
เหล่าระดับสูงของนิกายกระบี่ 7 ดาวก็อึ้งตะลึงงัน ไม่รู้เลยว่าเรื่องราวที่แท้เกิดอะไรขึ้น
"ดูเหมือนศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียนจักโชคดียิ่ง …นายน้อยกู่ฉินมิรู้เป็นอันใด ท่าทางคล้ายอาการทางประสาทกำเริบ ซ้ำยังมากำเริบในเวลานี้พอดิบพอดี" ใบหน้าของโม่อี้คลี่ยิ้มสดใสออกมา สิ่งแรกที่มันคิด ย่อมเป็นเรื่องที่นายน้อยกู่ฉินมีอาการทางประสาท
"ต้วนหลิงเทียนบัดซบนี่ โชคดียิ่งนัก … " หูเฉวี่ยฟงก้มหน้าลง ในแววตาที่เหลือบมองเต็มไปด้วยความเย็นชา
บนเวทีประลองเป็นตาย ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนก็เดินไปหยุดด้านหลังของนายน้อยกู่ฉิน กระบี่อ่อนดาราม่วงถูกเรียกออกมาจากอากาศว่างเปล่าเข้าสู่มือ พร้อมทาบทับไปยังลำคอของนายน้อยกู่ฉิน
เพียงต้วนหลิงเทียนออกแรงอีกเล็กน้อยเท่านั้นศีรษะของนายน้อยกู่ฉินก็จะกลิ้งหลุนๆอยู่ที่พื้น
“ต้วนหลิงเทียน ยั้งมือก่อน! อย่าวู่วาม!!” แต่ในขณะที่ประกายตาของต้วหลิงเทียนเย็นชาลง และเตรียมที่จะสะบั้นคอนายน้อยกู่ฉิน ที่ป่านนี้ยังติดอยู่ในโลกมายาที่เขาสร้างขึ้นด้วยอำนาจจิตผ่านตราประทับจิต น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความกังวลของหลิ่งหูจิ่นหงพลันดังขึ้นในหูต้วนหลิงเทียน
ต้วนหลิงเทียนขมวดคิ้ว
ก่อนหน้านี้นายน้อยกู่ฉิน สื่อชาง ไม่คิดจะปราณีเขาแม้แต่น้อย… และกระทั่งพล่ามเรื่องไร้สาระมากมาย ลามปามคู่หมั้นของเขาเค่อเอ๋อ
สำหรับต้วนหลิงเทียน นายน้อยกู่ฉินในสายตาของเขา…มันเป็นคนที่ต้องตาย!
“ต้วนหลิงเทียนเจ้าใจเย็นก่อนเถิด พื้นหลังของนายน้อยกู่ฉินหาได้ง่ายดายไม่…อาจารย์ของมันอย่างน้อยๆก็เป็นผู้เชี่ยวชาญหยั่งรู้ธรรมชาติขั้นที่ 7 หากเจ้าฆ่ามันก็เท่ากับเจ้าล่วงเกินตัวตนเช่นนั้น…และยามนั้นหากมันมีน้ำโหขึ้นมา…มิใช่แค่เจ้า แต่จักนิกายกระบี่ 7 ดาวของพวกเราที่หนีมิพ้นภัยพิบัติแล้ว” น้ำเสียงที่ส่งมาของหลิ่งหูจิ่นหงเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
ใบหน้าของต้วนหลิงเทียนก้มต่ำลงโดยพลัน
ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะพอเดาได้แต่แรกว่าอาจารย์ของนายน้อยกู่ฉินนั้นไม่ธรรมดา แต่ไม่คิดว่ามันจะไม่ธรรมดาถึงขั้นนี้
ตัวตนหยั่งรู้ธรรมชาติขั้นที่ 7 หรือเหนือกว่านั้น
แม้กระทั่งนิกายกระบี่ 7 ดาวก็ไม่มีตัวตนระดับนั้นไม่ใช่หรือไง?
ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนก็เข้าใจได้ทันที ว่าทำไมหลิ่งหูจิ่นหงถึงได้กลัวอาจารย์ของนายน้อยกู่ฉินอะไรนี่นัก
"เหอะ!" สายตาของต้วนหลิงเทียนเย็นลงเล็กน้อย ก่อนที่จะพลิกกระบี่อ่อนดาราม่วงในมือ หันด้านใบกระบี่ ตบฟาดไปที่หน้าของนายน้อยกู่ฉินอย่างแรง จนร่างของมันปลิวละลิ่วไปในทันใด
ตุบบบบ!!
นายน้อยกู่ฉินที่ถูกตบฟาดอย่างจัง ได้หลุดออกจากภาพมายา ที่ถูกสร้างขึ้นด้วยอำนาจจิตพันมายาลวงตา และตกลงบนพื้นนอกเวทีประลองเป็นตายอย่างแรง
“อั๊ค” นายน้อยกู่ฉินกระอักโลหิตออกมา ตอนนี้มันก็กลับมากระจ่างอีกครั้ง..