สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - บทที่ 443 : มันเป็นของปลอม!
WSSTH บทที่ 443 : มันเป็นของปลอม!
ทั้งเจิ้งฝานและเจิ้งซงต่างสัมผัสได้ถึงความแน่วแน่เด็ดเดี่ยว ในน้ำเสียงของต้วนหลิงเทียนดี ทั้งคู่จึงไม่คิดที่จะคาดคั้นอะไรต้วนหลิงเทียนอีก
“ทุกคนย่อมมีความเชื่อมั่นและศักดิ์ศรีของตัวเอง ในเมื่อตัวเจ้าตัดสินใจแน่วแน่แล้ว เช่นนั้นข้าก็มิคิดจะห้ามอะไรอีก อย่างไรก็ตามนายน้อยกู่ฉินนั่นมันอยู่ในระดับวิญญาณแรกก่อตั้งขั้นที่ 7 ตั้งแต่ 2 ปีก่อน ตอนนี้เวลาก็ผ่านมาอีก 2 ปี จากพรสวรรค์ตามธรรมชาติของมันแล้ว ถึงแม้มันจะยังมิอาจตัดผ่านไปยังระดับครึ่งก้าวธรรมชาติได้ แต่จะอย่างไรมันก็สมควรมีระดับวิญญาณแรกก่อตั้งขั้นที่ 9 แล้ว”
เจิ้งฝานจับจ้องไปยังร่างของต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาจริงจัง “เช่นนั้นเจ้าห้ามประลองเป็นตายกับมันเด็ดขาด…มันมิได้สำคัญว่าเจ้าจะแพ้พ่ายในตอนนี้…เพราในอนาคตเจ้าต้องเอาชนะมันได้แน่นอน! แต่ถ้าหากเจ้าตาย สุดท้ายแล้วจะไม่เหลืออะไรเลย…”
“มิผิด” เจิ้งซงเองก็มองไปยังต้วนหลิงเทียนเช่นกัน “น้องต้วน หากพรุ่งนี้นายน้อยกู่ฉินนั่นคิดประลองเป็นตายกับเจ้า เจ้าอย่าได้ตอบรับคำท้าของมันเด็ดขาด!”
ความกังวลนี้ของเจิ้งฝานและเจิ้งซง ทำให้ในใจต้วนหลิงเทียนรู้สึกอบอุ่นไม่น้อย “พวกท่านอย่าได้กังวล ข้ารู้ตัวดีว่ากำลังกระทำสิ่งใดอยู่…”
ถึงแม้ว่าต้วนหลิงเทียนจะกล่าวไปแบบไม่ยี่หระอะไร แต่ภายในแววตานั้นเผยประกายเย็นชาออกมา
ถึงแม้ว่านายน้อยกู่ฉินนั่นมันอยากจะประลองกับเขาถึงตาย เขาก็หาได้นำพาอันใดไม่
ถึงแม้ว่าความแข็งแกร่งและความเร็วเขาจะนับว่าด้อยกว่านายน้อยกู่ฉิน เพราะระดับบ่มเพาะด้อยกว่า…แต่ถ้าในศาสตร์อื่นแล้วล่ะก็ นายน้อยกู่ฉินทำได้เพียงฝันเท่านั้นว่ามันจะเทียบเขาได้
ต้วนหลิงเทียนสนทนากับเจิ้งฝานและเจิ้งซงอยู่อีกสักครู่ ก่อนที่จะกล่าวคำอำลา และจากไป
“พี่ใหญ่หลิงเทียน พวกมันนับว่าดูเบาท่านไปเยอะเลย” ภายในแขนเสื้อของต้วนหลิงเทียน เจ้าหนูตัวน้อยกระดุ๊กกระดิ๊กเล็กน้อย ก่อนที่เสียงผ่านพลังงานต้นกำเนิด อันเจื้อยแจ้วของเด็กผู้หญิงจะดังขึ้นในหูต้วนหลิงเทียน
ต้วนหลิงเทียนเพียงยิ้มบางๆ เอื้อมมือไปลูบเจาหนูตัวน้อยเบาๆ แต่ไม่ได้กล่าวคำอะไร หนึ่งคนหนึ่งหนูเดินตามทางหมายกลับไปยังขุนเขาเทียนเฉวียนที่ห่างหายไปนาน
“ข้าล่ะสงสัยนัก ว่าจ้าวหลินนั่นมันจะฝึกวิชาคัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็นชำระไขกระดูกหรือยัง แล้วตอนที่มันเห็นข้อความให้ตอนตัวเอง มันจะทำหน้าเช่นไรบ้างหนอ…แล้วนี่ถ้ามันได้เห็นว่าข้ายังมีชีวิตอยู่มันจะทำหน้าอย่างไรกันนะ” ต้วนหลิงเทียนคิดในใจอย่างสนุกสนาน ในขณะที่เดินข้ามสะพานโซ่มุ่งหน้าไปยังขุนเขาเทียนเฉวียน มุมปากเขายังยิ้มแสยะออกมาเล็กน้อย
จ้าวหลิน
เขามาถึงนิกายกระบี่ 7 ดาวได้ไม่นาน จ้าวหลินก็หาเรื่องให้เขาลำบากมากมาย กระทั่งมาวุ่นวายเรื่องนมผา 10,000 ปี จนทำให้เขาต้องเค้นสมองคิดเรื่องราวโกหกออกมา กระทั่งอุปโลกน์วิชาบ่มเพาะคัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็นชำระไขกระดูกขึ้นมา…
ด้วยเหตุนี้เขาเองก็ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี
อย่างไรก็ตาม เมื่อจ้าวหลินมันถึงขั้นคิดฆ่าเขาเพื่อชิงวิชาบ่มเพาะ เขาเองก็มีโทสะไม่น้อย
โดยเฉพาะในตอนที่เดินอยู่บนสะพานโซ่วันนั้น ที่อีกฝ่ายลงมือจู่โจมเขาโดยตรงนั่น หากวันนั้นไม่ได้อาวุโสหลู่ชิว สอดมือช่วยเหลือป่านนี้เขาตกตายไปแล้ว
ต้วนหลิงเทียนนั้นไม่มีความประทับใจอะไรดีๆ กับจ้าวหลินเลย มีแต่เรื่องจะฆ่ากันให้ตายแทบทั้งสิ้น
ครู่ต่อมาต้วนหลิงเทียนก็เดินข้ามสะพานโซ่มาถึง ขุนเขาเทียนเฉวียน
“ศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียน”
“ศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียน”
…
ตอนนี้ไม่ว่าต้วนหลิงเทียนเดินผ่านที่ใดเหล่าศิษย์ในขุนเขาทั้งหลายล้วนมองมาด้วยสายตาเคารพ กล่าวคำทักทายกันด้วยความยินดี
พวกมันทั้งหมดล้วนไม่ล่วงรู้เรื่องที่ต้วนหลิงเทียนเดินทางออกจากนิกายกระบี่ 7 ดาว ต่างคิดกันว่าต้วนหลิงเทียนคงปิดด่านฝึกตนอย่างสันโดษอะไรทำนองนั้น
“เจ้า…ต้วนหลิงเทียน!!” ทันใดนั้นเองมีเสียงตะโกนดังขึ้นด้วยความประหลาดใจจากที่ไกลๆ และนอกจากความประหลาดใจแล้ว ยังแฝงความเหลือเชื่อเจือมาอีกด้วย
ต้วนหลิงเทียนหันไปมองตามต้นเสียงทันที
ตอนนี้ห่างออกไปไกลๆ มีชายวัยกลางคนกำลังเดินเข้ามาช้าๆ และสีหน้าท่าทางของมันก็ราวกับเห็นผีสางกลางวันแสกๆ เมื่อได้เห็นต้วนหลิงเทียน
“ไงอาวุโสจ้าวหลิน ไม่เจอกันเสียนาน เจ้าสบายดีหรือไม่เล่า…ส่วนข้าสบายยิ่ง” ชายวัยกลางคนนี้นับว่าเป็นคนรู้จักอันดีสำหรับต้วนหลิงเทียนเลยทีเดียว เขาหันไปยิ้มบางๆ ก่อนที่จะกล่าวทักทายมันด้วยรอยยิ้ม คิ้วยังโค้งขึ้นเล็กน้อย ท่าทางแลดูสนุกสนานนัก
ในเวลาเดียวกันต้วนหลิงเทียนก็ใช้ออกด้วยจิตสัมผัสแผ่ซ่านพลังวิญญาณออกไปตรวจสอบระดับบ่มเพาะของจ้าวหลินทันที
‘หืม? จ้าวหลินยังไม่ได้ทำลายระดับบ่มเพาะของมันอีกงั้นรึ?’ ต้วนหลิงเทียนขมวดคิ้วเล็กน้อย ‘หรือมันพบว่าว่า วิชาคัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็นชำระไขกระดูกเป็นของปลอม หรือจ้าวอวี่กับบุตรชายมันเก็บเอาไว้เอง…?’
จ้าวอวี่ก็เป็นอาวุโสฝ่ายกิจการภายนอกของนิกายกระบี่ 7 ดาว ที่ประจำการอยู่ที่หอการค้ากู่เหอ ประจำเมืองโบราณชั่วนิรันดร์
วิชาบ่มเพาะคัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็นชำระไขกระดูกที่ต้วนหลิงเทียนเขียนขึ้น แน่นอนต้องถึงมือของจ้าวอวี่ก่อน
“ต้วนหลิงเทียน ที่แท้เจ้ายังไม่ตาย?!” หูของต้วนหลิงเทียนสั่นไปเล็กน้อย เมื่อมีเสียงผ่านพลังงานต้นกำเนิดของจ้าวหลินส่งมา น้ำเสียงของมันช่างรุนแรงและเย็นชานัก!
“อาวุโสจ้าวหลิน…เหตุใดถึงได้ถามเช่นนั้นเล่า นี่มันเรื่องอะไรกันหรือ?” ต้วนหลิงเทียนมองไปยังจ้าวหลินที่อยู่ไกลๆ ตอบกลับด้วยเสียงผ่านพลังงานต้นกำเนิด ทั้งยังยักไหล่ ทำทีท่าไม่รู้เรื่องราวอะไร
“ต้วนหลิงเทียน ยามนี้พวกเราคุยกันผ่านพลังงานต้นกำเนิด มิมีผู้ใดได้ยิน! เจ้าเลิกแสร้งไขสือ! หรือวิชาคัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็นชำระไขกระดูก ที่ลูกพี่ลูกน้องข้าได้รับมาจักเป็นของปลอม?!” ในการส่งเสียผง่านพลังงานต้นกำเนิดครานี้ สีหน้าของจ้าวหลินบิดเบี้ยวเล็กน้อย น้ำเสียงยังดุดันขึ้น
“ถ้ามันเป็นของปลอมแล้วจะเป็นอะไรไปเล่า? เจ้าก็ไม่ได้บ่มเพาะมันเสียหน่อยนี่นา แล้วจะสนอะไร?” ต้วนหลิงเทียนตอบอย่างไม่แยแส
“เจ้า…เจ้าทำให้ลูกชายข้าต้องสลายพลังบ่มเพาะอย่างสูญเปล่า!” สีหน้าของจ้าวหลินยิ่งมายิ่งน่ากลัว ตอนนี้ในน้ำเสียงของมันแฝงความเย็นชายะเยือกมาไม่น้อย
อาจกล่าวได้ว่า ถ้าไม่ใช่เพราะตอนนี้มีเหล่าศิษย์ขุนเขาเทียนเฉวียนมากหน้าหลายตากำลังมองไปที่ต้วนหลิงเทียนมันคงระเบิดพลังทั้งหมดพุ่งไปแยกร่างต้วนหลิงเทียนแล้ว!
ต้วนหลิงเทียนเองก็สัมผัสได้ถึงโทสะอันเกรี้ยวกราด และความเคียดแค้นอันไร้สิ้นสุดจากน้ำเสียงของจ้าวหลินได้เป็นอย่างดี…
แต่เขาก็ไม่ได้แยแสอะไร
“จ้าวหลิน เจ้าต้องกล่าวให้ดี….ไม่ใช่ข้าที่ไปทำร้ายลูกเจ้า แต่เป็นเพราะความโลภของเจ้า! หากเจ้าไม่บังเกิดความละโมบโลภมากคิดอยากได้วิชาบ่มเพาะ ที่ข้าแต่งขึ้นมาเล่นๆ เจ้ายังคิดว่าเรื่องราวเช่นนี้ยังจะเกิดขึ้นอีกหรือไร?” น้ำเสียงที่ส่งกลับไปครานี้ของต้วนหลิงเทียนแฝงความเยาะเย้ยลงไปไม่น้อย
“แต่งขึ้นมาเล่นๆ?”ม่านตาของจ้าวหลินหดแคบลงโดยพลัน น้ำเสียงที่ส่งมาอีกรอบครานี้แฝงความกังวลเอาไว้ไม่น้อย “เจ้าหมายถึงอะไร!?”
“ข้าหมายถึงอะไร?” ต้วนหลิงเทียนผายมือพร้อมยักไหล่ เอียงคอ กล่าวตอบไปพร้อมรอยยิ้ม “บนโลกใบนี้ไม่มีวิชา คัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็นชำระไขกระดูกอะไรนั่นตั้งแต่แรกแล้ว มันเป็นแค่ชื่อวิชาบ่มเพาะที่ข้าอุปโลกน์ขึ้นมา เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของเจ้าในวันนั้นเฉยๆ”
“ไม่!…เป็นไปมิได้!…เห็นได้ชัดว่าวันนั้น ร่างกายของเจ้ามีการเปลี่ยนแปลงดั่งการกำเนิดใหม่ ในตำนานตรงตามในบันทึกโบราณชัดๆ หรือทั้งหมดเป็นเพียงเรื่องหลอกลวง? เจ้ากำลังวางแผนเล่นงานข้าแต่แรกงั้นเหรอ!?”
"วางแผนเล่นงานเจ้าแต่แรก?" ต้วนหลิงเทียนแสยะยิ้มพร้อม เย้ยหยันออกมา "จ้าวหลิน เจ้าประเมินตัวเองสูงไปแล้ว …ตอนแรกข้ายังมิรู้จักเจ้าเสียด้วยซ้ำ ข้าจะไปวางแผนเล่นงานอะไรเจ้า? อันที่จริงข้าต้องบอกเลยว่าเจ้าเองก็รอบรู้ไม่เบา ที่คาดเดาได้ถูกต้อง ข้ากินนมผา 10,000 ปีลงไป และได้รับการกำเนิดใหม่ในตำนานนั่น”
“นมผา 10,000 ปี!” ร่างของจ้าวหลินสั่นสะท้านยามต้องอัสนีบาต ดวงตาของมันเริ่มแดงก่ำขณะที่จับจ้องไปยังต้วนหลิงเทียน “ต้วนหลิงเทียน เจ้า…เจ้าหลอกลวงข้า!”
"หลอกลวง ก็นะ?" ต้วนหลิงเทียนยักไหล่สบายๆ ก่อนที่จะมองไปยังจ้าวหลินด้วยสายตาไม่แยแส “วันนั้นข้าอุตส่าห์อุปโลกน์วิชาคัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็นชำระไขกระดูกขึ้นมา เพราะข้าต้องการให้เจ้าละวางความโลภในใจของเจ้า…แต่ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะบ้าถึงขั้นคิดแย่งชิงวิชาบ่มเพาะจอมปลอมนั่นของข้าขึ้นมา! ตอนแรกเจ้าก็ให้ศิษย์สายนอกมาสร้างปัญหาให้ข้าทีนึงแล้ว กระทั่งเจ้าถึงขั้นเปลี่ยนกฎการประลองศิษย์สายนอก ให้มันกลายเป็นการประลองเป็นตาย เพื่อที่จะส่งฉีฮ่าวบัดซับนั่นมาฆ่าข้าอีก!!”
“แต่น่าเสียดายที่ทุกๆวิธีของเจ้ามันล้มเหลว และถูกข้าบดขยี้ความหวังนั่น ทั้งสิ้น!!” เสียงที่ส่งผ่านไปครานี้ของต้วนหลิงเทียนเผยความสะใจออกมาไม่น้อย
สีหน้าจ้าวหลินยิ่งมายิ่งดุร้าย หน้ามันเริ่มคร่ำเครียด ร่างทั้งร่างของมันยังสั่นระริก
“ต้วนหลิงเทียน!” จ้าวหลินสูดลมหายใจเข้า ก่อนที่น้ำเสียที่ส่งผ่านมาจะอ่อนลงเล็กน้อย “ตราบใดที่เจ้ามอบนมผา 10,000 ปีให้ข้า เรื่องราวความบาดหมางระหว่างเจ้ากับข้า เป็นอันเลิกแล้วต่อกัน!”
คำพูดนี้ของจ้าวหลินทำให้ต้วนหลิงเทียนอึ้ง และตะลึงค้าง!
เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว จ้าวหลินบัดซบนี่…มันยังมีหน้าคิดถึงนมผา 10,000 ปีอีก?!
ต้วนหลิงเทียนเหลือบมองจ้าวหลินด้วยสายตาไม่แยแส “อาวุโสจ้าวหลิน…ข้าเกรงว่าคงต้องทำให้เจ้าผิดหวังแล้ว…เพราะนมผา 10,000 ปี ข้าได้ใช้มันหมดสิ้น ตั้งแต่วันนั้นแล้ว…”
"เจ้ายังคิดว่าข้าจะเชื่อเจ้าอีกหรือไร!?" น้ำเสียงที่ส่งผ่านมาครานี้ เต็มไปด้วยความเหี้ยมโหด "ต้วนหลิงเทียนข้าจะให้โอกาสสุดท้ายแก่เจ้า …ตราบใดที่เจ้าส่งนมผา 10,000 ปีมาให้ข้า ข้าจะไม่ถือสาเอาความเรื่องราวระหว่างเรา…หาไม่แล้ว ต่อให้เจ้าจักมีพรสวรรค์เลิศล้ำมากมายสักเพียงใด …ต่อไปเจ้าจักมิมีวันมีชีวิตอยู่ได้อย่างสงบสุข! ตราบใดที่เจ้ายังอยู่ในนิกายกระบี่ 7 ดาว!!"
“มันมิใช่เรื่องยากเย็นอันใด หากข้าอยากจะให้เจ้าตาย!” เมื่อกล่าวมาถึงตรงนี้ น้ำเสียงของจ้าวหลินแฝงความข่มขู่ประการหนึ่ง
“อ่อ…เช่นนั้นหรือ…แล้วข้าจะรอดูแล้วกัน”ต้วนหลิงเทียนหันไปสบตาจ้าวหลินเขม็งไร้ซึ่งความกลัวเกรง ก่อนที่จะถอนสายตาออกมา ไม่แยแสอะไรมันอีก และเดินอาดๆจากไป
"เจ้า!!" ท่าทางของจ้าวหลินเต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราดดุร้าย สายตาของมันเต็มไปด้วยความเหน็บหนาวขณะเฝ้ามองร่างของต้วนหลิงเทียนที่ค่อยๆหายไปในฝูงชน
จ้าวหลินสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนที่จะมองไปยังเหล่าศิษย์ที่หันมาดูมัน “พวกเจ้ามองหาอะไร?”
ทันใดนั้นเหล่าศิษย์สายนอกก็รีบสลายตัวไปอย่างรวดเร็ว
“บัดซบ! วิชาบ่มเพาะคัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็นชำระไขกระดูกเป็นของปลอม!!…แย่แล้ว! ข้ามิอาจปล่อยให้ลูกเคอฝึกมัน! ถลำลึกจนเกิดผลร้าย!!” สีหน้าจ้าวหลินซีดลงโดยพลัน มันรีบพุ่งร่างทะยานเหินข้ามสะพานโซ่ เหินไปยังยอดเขาเทียนชูด้วยความเร็วสูงสุด!
เพียงพริบตาเดียวจ้าวหลินก็มาถึงจวนผู้พิทักษ์ ที่อยู่บริเวณยอดเขา ในส่วนที่เงียบสงบไร้ซึ่งผู้ใดสัญจรเดินผ่าน
"เคอ" ครู่ต่อมาจ้าวหลินก็พบว่าบุตรชายคนเดียวของมัน จ้าวเคอ อยู่ในห้องๆหนึ่ง
ตอนนี้จ้าวเคอกับจ้าวเหล่ยกำลังนั่งอยู่บนโต๊ะ ท่าทางกำลังสนทนาหารืออะไรกันอยู่
ทั้งคิ้วของพวกมันยังขมวดเป็นปม ราวกับเรื่องราวเคร่งเครียดไม่น้อย ทั้งคู่ต่างจับจ้องไปยังคัมภีร์เล็กๆ ที่ตั้งอยู่ตรงกลางระหว่างพวกมัน
"ท่านพ่อ!"
"ท่านอา!"
จ้าวเคอกับจ้าวเหล่ยที่เห็นจ้าวหลินเดินเข้ามา ก็รีบทักทายทันที
ฟุ่บ!
จ้าวหลินพุ่งไปหยิบคัมภีร์เล่มเล็กๆบนโต๊ะขึ้นมา ก่อนที่จะเร่งเร้าพลังงานต้นกำเนิดบนฝ่ามือ ป่นทำลายคัมภีร์เล่มนั้นจนแหลกเป็นจุล!
"ท่านพ่อเกิดอันใดขึ้น?" จ้าวเคอนิ่งค้างไปราวกับตัวโง่งมเมื่อเห็นเรื่องราวตรงหน้า …
นั่นมันสุดยอดวิชาบ่มเพาะ คัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็นชำระไขกระดูก!!
"ท่านอา เกิดอันใดขึ้นขอรับ?" จ้าวเหล่ยเองก็กล่าวถามออกมาด้วยความตกตะลึงพรึงเพริด ใบหน้าของมันซีดลงแทบไร้สีเลือด หากไร้ซึ่งคัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็นชำระไขกระดูกแล้ว…นั่นหมายความว่าอนาคตเบื้องหน้าของมันมีเพียงความมืดมิด ไร้ซึ่งแสงสว่างใดๆหลงเหลือให้กล่าวถึงอีก…
เพราะจะอย่างไรตอนนี้มันก็ได้ทำลายพลังบ่มเพาะชั่วชีวิตทิ้งไปหมดสิ้นแล้ว ไร้ซึ่งหนทางใดให้ถอนตัวอีกแล้ว…
และถึงแม้ตอนนี้มันจะเริ่มฝึกฝนบ่มเพาะพลังใหม่อีกครั้งด้วยวิชาบ่มเพาะอันเดิม ด้วยอายุอานามของมันที่เข้าวัยกลางคนแล้ว…ชั่วชีวิตของมันอย่างดีก็คงมีระดับบ่มเพาะได้เพียงระดับก่อกำเนิดขั้นที่ 9 เท่านั้น…
“มันเป็นของปลอม!! วิชาคัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็นชำระไขกระดูกบัดซบนี่เป็นของปลอม!!”สีหน้าท่าทางของจ้าวหลินนั้นเต็มไปด้วยโทสะและความเคียดแค้นถึงขีดสุด “ต้วนหลิงเทียนยังมิตาย! มันยังอยู่ดีด้วยซ้ำ!! วิชาบ่มเพาะคัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็นชำระไขกระดูกนี่! ยังเป็นมันที่เขียนขึ้นมาเองกับมือ!! บนโลกนี้ไร้ซึ่งวิชาบ่มเพาะนี้!! เหตุผลเดียวที่มันมีพรสวรรค์ในเชิงยุทธ์สูงส่งน่าเกรงขามถึงเพียงนั้น…เป็นเพราะมันผ่านกระบวนการ กำเนิดร่างใหม่ จากการใช้นมผา 10,000 ปี!!”
"อะไรนะ?!" ใบหน้าของจ้าวเคอและจ้าวเหล่ยเสมือนไร้โลหิตหล่อเลี้ยงเมื่อได้ยินคำกล่าวของจ้าวหลิน
"มันเป็นของปลอมหรือ?" ร่างกายของทั้งคู่ต่างสั่นสะท้านขึ้นมาอย่างพร้อมเพรียง ต่างหันมามองสบตากันเอง และมองเห็นเพียงความสิ้นหวังของกันและกันในแววตา
"ไม่! ไม่จริง! เป็นไปไม่ได้!!" ร่างกายของจ้าวเคอเริ่มสั่นสะท้าน ท่าทางของมันราวกับบ้าคลั่งไป …ไม่ยอมรับความจริง
“เคอ…มิเป็นไรลูก เจ้ายังเด็ก…เจ้ายังสามารถบ่มเพาะพลังใหม่ได้อีกครั้ง เพียงมินานก็กู้คืนระดับบ่มเพาะได้” จ้าวเหล่ยกล่าวคำออกมาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนปลอบประโลมบุตรชายคนเดียวของมัน
"ท่านพ่อ…มิใช่เรื่องนี้…ข้า…ข้า " ดวงตาของจ้าวเคอเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง มือของมันลูบจับไปยังบริเวณต่ำกว่าสายคาดเอว…ความว่างเปล่าไร้ซึ่งสิ่งใดในบริเวณนั้น ทำให้มันหลับตาลงด้วยความสิ้นหวัง