สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - บทที่ 441 : สี่เดือนต่อมา...
WSSTH บทที่ 441 : สี่เดือนต่อมา…
ปลิดปลงเครื่องเพศลงมือตอนตน?
ม่านตาของชายในชุดสีฟ้าหดแคบลง ในแววตาบังเกิดความสยดสยองออกมา สีหน้าเองยังซีดลงไม่น้อย
ต่อมามันก็หยิบคัมภีร์จากมือของชายหนุ่มในชุดสีเขียวเข้ามาชมดูให้ชัดๆ "ปลิดปลงเครื่องเพศลงมือตอนตน… มันต้องตอนตนเองจริงๆหรือ … การจะบ่มเพาะพลังตามเคล็ดวิชาคัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็นชำระไขกระดูกครึ่งหลังนี้ จำเป็นต้อง…ตัดเครื่องเพศก่อนหรือ?"
ชายในชุดสีฟ้านี้ไม่ใช่ใครที่ไหน มันคือจ้าวเหล่ยนั่นเอง
จ้าวเหล่ยนั้นได้เดินทางออกจากเมืองโบราณชั่วนิรันดร์มายังนิกายกระบี่ 7 ดาวทันทีที่ตัวมันได้รับคัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็นชำระไขกระดูกนี่มา
และเป็นเพราะความดีความชอบที่จ้าวเหล่ยสามารถนำคัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็นชำระไขกระดูกมาได้ ทำให้มันมีโอกาสได้ฝึกฝนบ่มเพาะพลังยังจวนผู้พิทักษ์ ที่ตั้งอยู่บนจุดชีพจรของนิกายกระบี่ 7 ดาวเช่นนี้…
มันเองก็ได้ปิดด่านฝึกตนมากว่า 3 เดือนแล้วผลที่เกิดขึ้นในช่วงแรกก็นับว่าเลิศล้ำไม่น้อย และนอกจากมัน ก็ยังมีลูกพี่ลูกน้อง อันเป็นน้องชายคนหนึ่งนาม จ้าวเคอ ร่วมฝึกฝนกับมันด้วยเช่นกัน
จ้าวเคอคนนี้ เป็นบุตรชายคนเดียวของผู้อาวุโสฝ่ายนอกประจำขุนเขาเทียนเฉวียน จ้าวหลิน!
“พี่ใหญ่เหล่ย…หรือหากคิดจะฝึกต่อ พวกเราจำเป็นต้อง…ตอน ตัวเองจริงๆ?” จ้าวเคอกล่าวถามออกมาด้วยความลังเล
เห็นได้ชัดว่าแม้จ้าวเคอจะยังเป็นชายหนุ่มที่ไม่ได้มีอายุมากมายอะไร แต่มันก็รู้ดีว่าการตอนตนเองนั้นหมายถึงอะไร
"ตอนตัวเอง…. ตอนตัวเองเช่นนั้นหรือ …เหตุใดฝึกวิชายังต้องมาตอนตัวเองเช่นนี้ด้วยกัน?" ตอนนี้ในแววตาจ้าวเหล่ยเผยท่าทีดุร้าย ทั้งในแววตายังเผยความอำมหิตออกมา น้ำเสียงยามกล่าวครานี้ยังเย็นลงไม่น้อย "มิต้องสงสัยเลย! ข้าก็สงสัยอยู่แต่แรกแล้วว่าเหตุใดข้าถึงมิอาจเข้าสู่กระบวนการ กำเนิดร่างใหม่ อย่างที่ท่านลุงกล่าวเอาไว้ หลังจากที่ฝึกฝนจนสำเร็จบทหน้าของวิชาแล้ว… ที่แท้เป็นเพราะข้ายังมิได้ตอนตน! เช่นนั้นหมายความว่าที่ต้วนหลิงเทียนถือกำเนิดร่างใหม่ จนร่างบรรลุจุดสูงสุดแห่งยุทธ์ได้…เพราะมันตอนตัวเองไปแล้วเช่นนั้นหรือ?
“ทว่าการตอนตนเอง เพื่อแลกกับการกำเนิดร่างใหม่และพรสวรรค์อันอยู่ในจุดสูงสุดเช่นนี้…ในขณะเดียวกันมันก็จักต้องแลกมาด้วยโอกาสของการสิ้นไร้ลูกหลานเช่นกัน!”จ้าวเหล่ยปิดตาลง ร่างทั้งร่างของมันสั่นระริกเบาๆ
ตอนนี้ เส้นทางสู่ความเป็นยอดยุทธ์ผู้ยิ่งใหญ่อยู่ตรงหน้าของมันแล้ว
ทุกอย่างอยู่ที่ตัวมัน เลือกลิขิตเองทั้งสิ้น ว่าจะตัดสินใจอย่างอย่างไร…
ความแตกต่างเพียงหนึ่งห้วงคิด อาจบังเกิดผลลัพธ์ต่างกันราวสวรรค์และโลก
ทันใดนั้นเอง จ้าวเหล่ยพลันลืมตาขึ้น ประกายตาของมันคมกล้าเผยประกายแน่วแน่ ดั่งผู้ที่ได้ตัดสินใจขั้นเด็ดขาดไปแล้ว
"น้องเกอ…ข้าตัดสินใจแล้ว …ข้าจักตอนตัวเอง! หลังจากที่ข้าปลิดปลงเครื่องเพศตอนตัว ข้าจักมีพรสวรรค์และความสามารถดั่งต้วนหลิงเทียน!"จ้าวเหล่ยมองไปยังจ้าวเกอด้วยประกายตาแน่วแน่กล่าวออกมาอย่างเด็ดขาด
"พี่ใหญ่เหล่ย… พวกเราจำเป็นต้องตอนตัวเองจริงๆหรือ?" ขาของจ้าวเกอสั่นสะท้าน อ่อนแรงลงไปไม่น้อย มันเผยถึงความหวาดกลัวออกมาให้เห็นชัดเจน "พวกเรานำเรื่องราวนี้ไปหารือกับบิดาของพวกเราก่อนดีหรือไม่?"
"ทำไม่ได้!" จ้าวเหล่ยกล่าวออกมาเสียงแข็ง "พวกเรามิอาจปล่อยให้ผู้ใหญ่รู้เรื่องราวครานี้ได้…หาไม่แล้วพวกเขาย่อมมิยินยอมให้พวกเรากระทำเช่นนี้แน่ เพราะตระกูลจ้าวอาจจักต้องถึงคราวสิ้นไร้ลูกหลานแล้ว!"
จ้าวเกอเงียบไป เมื่อคิดทบทวนตามคำกล่าวจ้าวเหล่ย
"พี่ใหญ่เหล่ยข้ากลัว … " ใบหน้าของจ้าวเกอเปลี่ยนเป็นซีดเผือด มือยังกอบกุมอวัยวะเพศของตัวเองไว้อย่างประหวั่น น้ำเสียงของมันเริ่มสั่นเครือ
“เจ้าจักกลัวอันใด? หรือเจ้ามิคิดมีพรสวรรค์เลิศล้ำสูงส่งปานเทพเซียนเหมือนดั่งต้วนหลิงเทียน? เจ้ามิคิดเป็นอัจฉริยะผู้ที่นำพาเกียรติยศมาให้บิดาของเจ้าภาคภูมิใจเช่นนั้นหรือ?” จ้าวเหล่ยมองไปยังจ้าวเกอก่อนที่จะกล่าวถามออกมา
ร่างของจ้าวเกอสั่นสะท้านในทันใดเมื่อได้ยินคำถามไถ่ของจ้าวเหล่ย แสงสว่างวูบแผ่พุ่งออกมาจากแววตาของมัน “ข้าต้องการ! ข้าจักฆ่าทุกคนที่หยามหยันบิดาข้า…อย่างเช่น ปรมาจารย์ขุนเขาไท่หยาง เจิ้งฝานผู้นั้น หากมิใช่มันมาขวางบิดาข้าวันนั้น ป่านนี้บิดาข้า สังหารตัวบัดซบต้วนหลิงเทียนไปได้เสียตั้งนานแล้ว! และคงได้วิชาบ่มเพาะ คัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็นชำระไขกระดูกนี่มาตั้งแต่แรก!!”
“ข้ารู้ว่าท่านพ่อชิงชังมันนัก เช่นนั้นข้าต้องแข็งแกร่งขึ้น และสักวันข้าต้องสังหารเจิงฝาน เพื่อชำระแค้นให้บิดาของข้า!” เมื่อกล่าวจบคำใบหน้าของจ้าวเกอก็แดงขึ้นมาด้วยโทสะอารมณ์ ในแววตายังเรืองวูบเต็มไปด้วยเจตนาฆ่าฟัน
“ถูกต้องแล้ว พวกเราจักต้องเข่นฆ่าสังหารตัวบัดซบที่ต่อต้านพวกเราและบิดาของพวกเรา!…แต่หากพวกเราคิดจักเป็นตัวตนที่แข็งแกร่งและมีความสามารถสูงล้ำเช่นนั้น ให้รวดเร็วที่สุด มีเพียงฝึกฝนคัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็นชำระไขกระดูกนี่ให้สำเร็จ! ตราบใดที่พวกเราตอนตัวเอง และฝึกฝนได้สำเร็จ ตอนนั้นพวกเราจักได้กำเนิดใหม่ และพรสวรรค์ตามธรรมชาติของพวกเราจะมหัศจรรย์ดั่งต้วนหลิงเทียน!”
ประกายตาของจ้าวเหล่ยลุกโชนขึ้นมา "ถึงยามนั้นนิกายกระบี่ 7 ดาวจะเป็นของพวกเรา … เจ้าจักกลายเป็นประมุขนิกาย! ส่วนข้าจักเป็นอาวุโสผู้พิทักษ์!!"
"ตกลง!" จ้าวเกอพยักหน้ารับอย่างฮึกเหิม "พี่ใหญ่เหล่ย พวกเราจักตอนตัวเอง เพื่อกำเนิดใหม่!!"
ด้วยเหตุนี้เองบุตรชายคนเดียวของอาวุโสฝ่ายนอกจ้าวหลิน ของนิกายกระบี่ 7 ดาว และผู้อาวุโสฝายกิจการภายนอกอย่างจ้าวอวี่ ก็ได้พร้อมใจกันสมัครสมานปลิดปลงองคชาติ ตอนตนเองอย่างฮึกเหิม…
เพียงเพื่อบรรลุสำเร็จยอดวิชาอย่างคัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็นชำระไขกระดูก ที่มีผลลัพธ์มหัศจรรย์นำไปสู่การกำเนิดใหม่ บรรลุร่างจุดสูงสุดแห่งยุทธ์ …พวกมันเลือกสละสิ่งสำคัญอย่างความเป็นชายไปเสียแล้ว…
แน่นอนว่าต้วนหลิงเทียนตัวตั้งตัวตี ย่อมไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวกับการกระทำอันฮึกเหิมน่าพรั่นพรึงนี้เลย…
ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนกำลังเดินทางท่องทะยานในแดนใต้ของอาณาจักรศิลาทมิฬ
มือกระบี่เดียวดาย…
เพียงหนึ่งคน พร้อมหนึ่งกระบี่ ฉายเดี่ยวท่องทะยานอย่างอหังการ แลดูน่าเกรงขามยิ่งนัก!
ตอนนี้นัดหมายประลอง 2 ปีของนายน้อยกู่ฉินก็หดสั้นลงไปทุกวินาที..
สี่เดือนต่อมา…
ภายในป่าอันเงียบสงบ ต้วนหลิงเทียนทิ้งตัวนั่งลงพิงต้นไม้ใหญ่ มือหนึ่งหยิบกระบวยน้ำขึ้นมาจิบดื่มเล็กน้อยแก้กระหาย นั่งชันเข่าอย่างสบายๆ คุ้ยเขี่ยดอกหญ้าข้างตัว แลดูปลอดโปร่งโล่งสบายนัก
บนไหล่ของเขา ยังมีหนูสีทองตัวน้อยที่ยามนี้ตื่นขึ้นมาแล้ว กำลังยืนอยู่ พิกลนัก ที่มันกำลังมันหันรีหันขวางเฝ้ามอง ตรวจสอบเรื่องราวรอบๆ แลคล้ายกับกำลังรอผู้คนหรืออะไรทำนองนั้น
“พี่ใหญ่หลิงเทียน ท่านแน่ใจหรือว่าพวกมันจะมา?” หนูตัวน้อยเมื่อมองไปรอบๆแล้วไม่เห็นอะไร มันก็หันกลับมามองต้วนหลิงเทียนพร้อมส่งเสียงผ่านพลังงานต้นกำเนิดไถ่ถามออกมา…
“เสี่ยวจิน เจ้าไม่ต้องกังวลไปเชื่อข้าสิ ยังไงพวกมันก็ต้องมาแน่!” ต้วนหลิงเทียนยิ้มตอบคำบางๆ
แล้วต้วนหลิงเทียนก็พูดไม่ทันขาดคำ เสียงกีบเท้าของอาชาเหยียบย่ำพื้นดินดังกุบกับ ก็ดังระงมขึ้นมาแต่ไกล… ปรากฏกลุ่มคนควบขี่อาชาเรียงมาเป็นแถว แลดูมีสภาวะน่ากลัวไม่น้อย มทองผ่านนับคร่าวๆ ดูมีราวๆ 10 คนเห็นจะได้ และจากการแต่งองค์ทรงเครื่องของพวกมัน กอปรกับหน้าตาไม่น่าคบหา บ่งบอกยี่ห้อของพวกมันเป็นอย่างดี…ว่าพวกมันล้วนเป็นกลุ่มคนประกอบการค้าไร้ต้นทุนกลุ่มหนึ่ง!
ต่างควบอาชาเข้ามาดั่งเหินลม รุห้อมล้อมปิดทางเบื้องหน้าต้วนหลิงเทียนเอาไว้ "หยุด ~"
"หยุด!"
…
หลังจากนั้นไม่นานกลุ่มโจรทั้ง 10 ก็หยุดม้าของพวกมันห่างจากต้วนหลิงเทียนไม่ไกล ก่อนที่จะมองไปยังต้วนหลิงเทียนตาเขม็ง คนยังคล้ายมีความแค้นไม่น้อย…
“พี่สาม ไอหนุ่มผู้นี้น่ะหรือ? ที่เป็นคนสังหารน้องห้า!”หนึ่งใน 4 โจรที่แลดูน่าจะเป็นชนชั้นระดับหัวหน้ามองไปยังร่างต้วนหลิงเทียน ก่อนที่จะกล่าวถามออกมาด้วยความไม่แน่ใจ
“เป็นมันมิผิดแน่!” คนที่ถูกถามกล่าวตอบคำด้วยท่าทางเกรี้ยวกราด หว่างคิ้วยังเต็มไปด้วยโทสะแผ่พุ่งออกมา แววตาจับจ้องมายังร่างต้วนหลิงเทียนอย่างอำมหิต
“เพียงทารกน้อยอายุราวๆ 22-23 ปี กลับสังหารน้องห้า ได้เช่นนั้นหรือ?” โจรอีกคนกล่าวถามออกมาด้วยน้ำเสียงไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง
"น้องสี่ เจ้าอย่าได้ประมาทเป็นอันขาด …ทารกน้อยผู้นี้ที่เจ้าว่า ที่แท้แล้วมันเป็นถึงผู้ฝึกยุทธ์ระดับวิญญาณแรกก่อตั้งขั้นที่ 6!" โจรที่กล่าวตอบด้วยโทสะก่อนหน้าหน้ากล่าวตอบออกมาอีกครั้ง
ผู้ฝึกยุทธ์ระดับวิญญาณแรกก่อตั้งขั้นที่ 6!
ทันใดนั้นเหล่าโจรที่อยู่รอบๆ ก็เริ่มเผยสีหน้าหมองคล้ำออกมาในทันใด
ชายหนุ่มเยาว์วัยเพียงเท่านี้ กลับมีระดับบ่มเพาะสูงถึงระดับวิญญาณแรกก่อตั้งขั้นที่ 6? พวกมันเข้าใจได้โดยพลัน ว่าพรสวรรค์ตามธรรมชาติของชายหนุ่มเบื้องหน้านั้น มีมากมายมหาศาลถึงเพียงใด…
“ระดับวิญญาณแรกก่อตั้งขั้นที่ 6 …” ชายวัยกลางคนที่อยู่ท่ามกลางกลุ่มโจรคนหนึ่ง ที่เงียบมาตั้งแต่แรก เริ่มปริปากกล่าวคำออกมา มันยิงสายตาเย็นชาไปยังร่างต้วนหลิงเทียน “ไอหนุ่ม พรสวรรค์ตามธรรมชาติของเจ้านับว่ามิใช่ชั่ว…แต่น่าเสียดายที่เจ้าจักต้องตกตายที่นี่วันนี้!”
“คิดฆ่าข้างั้นหรือ? นั้นขึ้นอยู่กับตัวเจ้า…ว่ามีปัญญาสามารถเพียงพอหรือไม่!”ต้วนหลิงเทียนที่นั่งพิงต้นไม้อยู่ ค่อยๆลุกขึ้นยืนอย่างเชื่องช้า พร้อมยักไหล่แล้วกล่าวคำสืบต่อ “เจ้าควรจะเป็นผู้นำกลุ่มโจรใช่หรือไม่? ระดับวิญญาณแรกก่อตั้งขั้นที่ 8 เช่นนั้นหรือ…ความแข็งแกร่งของเจ้าก็นับว่าไม่เลวนี่ เข้ามาฆ่าข้าสิ!” คำพูดของเขาแลดูไม่แยแสชายวัยกลางคนที่เป็นหัวหน้าโจรแม้แต่น้อย
“เด็กน้อย หากคิดที่จักสู้กับพี่ใหญ่ของข้า เช่นนั้นก็เอาชนะข้าให้ได้เสียก่อน” ทันใดนั้นเองพลังงานต้นกำเนิดพลันปะทุแผ่ซ่านขึ้นมาที่ขาของโจรร้ายคนหนึ่ง มันไม่รอช้าถีบเท้าส่งร่างพุ่งทะยานออกมา ปานกระสุนปืนใหญ่ มุ่งไปหมายเข่นฆ่าสังหารต้วนหลิงเทียน
เหนือขึ้นไปของร่างโจรร้ายผู้นี้ปรากฏเงาร่างช้างแมมมอธโบราณ 1,000 ตัว เด่นหราออกมาอย่างดุร้าย ทอเต็มผืนฟ้าปานสายรุ้งสายหนึ่ง
ระดับวิญญาณแรกก่อตั้งขั้นที่ 7!
เพียงชั่วอึดใจเดียวโจรผู้นั้นก็พุ่งร่างเข้ามาประชิดต้วนหลิงเทียนได้สำเร็จ
"ตาย!" โจรร้ายพลันตะโกนออกมาเสียงดังกึกก้อง กระบี่ในมือของมันตวัดฟาดออกมาด้วยความว่องไว สะบัดออกมาดั่งเส้นแสง ดูท่ามันหมายสับผ่าร่างต้วนหลิงเทียนให้แยกเป็นสองส่วน
ทันใดนั้นเงาร่าง้างแมมมอธโบราณอีก 280 ตัวพลันปรากฏขึ้นข้างๆ เงาร่างช้างแมมมอธโบราณในตอนแรก
บ่งบอกว่ากระบี่วิญญาณในมือของมันนั้น ที่แท้เป็นกระบี่วิญญาณระดับ 7 มีอำนาจเพิ่มพูนความแข็งแกร่งผู้ใช้ 28%
วู้ม!
พลังงานต้นกำเนิดถูกถ่ายทอดลงกระบี่ด้วยความเร็วสูง ตัวกระบี่แผดเสียงคำรามออกมา ฟาดผ่าอากาศที่ว่างเปล่ามาด้วยความเร็วสูงปานจะแยกผืนฟ้าผ่าขุนเขา
หนึ่งสะบั้นครานี้ มีความแข็งแกร่ง 1,280 ช้างแมมมอธโบราณ!
“เจ้าประเมินตัวเองสูงไป!”สายตาของต้วนหลิงเทียน ชืดชาไม่ได้แยแสอะไรกับการจู่โจมของอีกฝ่าย และในขณะที่กล่าวคำออกมาด้วยน้ำเสียงไร้อารมณ์นี้ มือของเขาก็ตวัดด้วยความเร็วสูงล้ำ กระบี่อ่อนดาราม่วง ที่ปรากฏกลางอากาศที่ว่างเปล่า เข้าสู่มือในเสี้ยวพริบตา
วิชาวาดกระบี่!
ฟั่บ!
กระบี่ตวัดว่องไวปานเส้นแสงอัสนี ยังพุ่งไปคล้ายดั่งมังกรแหวกว่ายโผล่พ้นมหานที เล็งไปที่กระบี่ที่ฟันฟาดมาของโจรร้ายอย่างแม่นยำ
ทันใดนั้นเงาร่างช้างแมมมอธโบราณ 1,000 กว่าตัวพลันปรากฏเหนือศีรษะต้วนหลิงเทียน
เคร๊ง!
ฉัวะ!
เสียงแว่วดังของกระบี่ปะทะดังขึ้นไม่นาน ก่อนที่จะบังเกิดเสียงกระบี่ทิ่มแทงเฉือนเนื้อดังขึ้นมาติดๆ… เป็นต้วนหลิงเทียนที่ตวัดกระบี่ฟาดจนกระบี่อีกฝ่ายกระเด็นออก ทั้งยังตวัดข้อมือรวดเร็วเกินกว่าที่มันจะทันได้ตั้งตัว เสือกแทงกระบี่ทะลวงกลางลูกกระเดือก ตัดขาดหลอดลม ปลิดลมหายใจในทันใด…
อึดใจต่อมา
ตุบ!
ร่างของโจรร้ายที่พุ่งเข้ามาได้ไม่ทันไร เพียงหนึ่งลมหายใจก็เท่านั้น …สุดท้ายมันกลับไม่มีโอกาสแม้แต่จะแผดเสียงร้องออกมา ร่างของมันพร้อมกระบี่ล้มลงสู่อ้อมกอดของธรณี พร้อมกับสัญญาณชีวิตที่หลุดลอยหายไป…ชีวิตคนเรายามถึงคราจบสิ้น…ก็ง่ายดายเพียงเท่านี้
ตาย!
"น้องรอง!!" สีหน้าท่าทางของหัวหน้ากลุ่มโจรแปรเปลี่ยนเป็นบิดเบี้ยว ทั้งดวงตาของมัน ยังแลดูดุร้ายปานจะกลืนกินเลือดเนื้อผู้คน!
"พี่รอง!" โจรร้ายที่ลำดับที่ 3 และ 4กล่าวออกมาอย่างพร้อมเพรียง ดวงตาของพวกมันเบิกกว้างขึ้น ในประกายตายังเผยถึงความเหลือเชื่อ ราวกับพบเห็นผีสางกลางแจ้ง ยากนักที่พวกมันจะเชื่อว่าเรื่องราวเบื้องหน้า…ที่แท้เป็นเรื่องจริง!
“ตั้งแต่พวกเจ้าเลือกเดินหนทางสายนี้…เลือกที่จะกระทำตัวเป็นโจรต่ำช้าเช่นนี้…พวกเจ้าสมควรรู้ดี ว่าจะช้าจะเร็วอย่างไรวันนี้ก็ต้องมาถึง…” ต้วนหลิงเทียนปรายตากวาดมองเหล่าโจรช้าๆทีละคน ในแววตาช่างไม่แยแสถึงขีดสุด ราวกับตรงหน้าเป็นเพียงแค่วัชพืชริมทางรกหูรกตา พร้อมไถ่ถอนทิ้งได้ทุกเวลา สภาวะเลือดเย็นนำพาเหล่าโจรกว่า 10 ชีวิต รวมถึงหัวหน้าโจร ให้เริ่มบังเกิดความกลัวประการหนึ่งแผ่ซ่านเกาะกุมจิตใจ
“บัดซบ! ตั้งแต่แรกข้าและน้องห้า มิได้ไปล่วงเกินอันใดเจ้าแม้แต่เพียงนิด แล้วเจ้ามาหาเรื่องยุ่งวุ่นวาย กระทั่งเข่นฆ่าน้องห้าข้าทำอะไร?!” โจรลำดับที่ 3 กล่าวถามออกมาพร้อมโทสะแค้น
“หาเรื่องยุ่งวุ่นวาย?” เมื่อได้ฟังคำกล่าวถามของโจรลำดับที่ 3 ต้วนหลิงเทียนยิ่งมายิงแผ่กลิ่นอายไร้หัวใจ ทั้งจิตสังหารอำมหิตเริ่มแผ่ซ่านทะลักออกมากดดันในบรรยากาศ น้ำเสียงยามกล่าวยังเย็นเยือกไร้อารมณ์ดั่งน้ำแข็งก้อนหนึ่ง “พวกเจ้าจะปล้นชิงก็เงินตราของมีค่า ก็ปล้นชิงไป ข้าไม่คิดสนใจอะไร…แต่เจ้าปล้นผู้คนก็แล้ว ทำให้ชีวิตผู้อื่นแร้นแค้นก็แล้ว… กลับยังไม่สาแก่ใจ เด็กและสตรีทำผิดอันใด ใยพวกเจ้าต้องลงมือด้วยอำมหิต?…แล้วข้าจะปล่อยสวะอย่างพวกเจ้าให้มีชีวิตไปทำอะไร? ”
"น้องสาม เจ้าจักไปเสียเวลาต่อปากต่อคำกับมันหาสวรรค์วิมานอันใด …? ทั้งหมดลงมือพร้อมข้า ฆ่ามันเสีย!" หัวหน้าโจรกล่าวคำสั่งพิฆาตเสร็จสิ้น ก็เฆี่ยนม้าห้อตะบึงพุ่งมาทางต้วนหลิงเทียนอย่างพิโรธ
"เข้ามา!" ประกายตาของต้วนหลิงเทียนลุกโชนขึ้นด้วยประกายฆ่าฟันในทันใด เขายังส่งเสียงผ่านพลังงานต้นกำเนิดไปยังเสี่ยวจินบนบ่า "เสี่ยวจิน เหลือหัวหน้าโจรคนแรกไว้ให้ข้า … ส่วนคนอื่นๆ จัดการได้ตามใจเจ้า!"
"จี๊ด ~ ~" หนูสีทองตัวน้อยคล้ายได้รับคำประกาศอิสรภาพ มันกู่ร้องออกมาอย่างยินดี ร่างเล็กๆปราดพุ่งไปดั่งลำแสงสีทองลากผ่านผืนฟ้า ดูท่าทางแล้วมันอัดอั้นและรอเวลาละเล่นเช่นนี้มาเนิ่นนาน…
ในขณะนี้เองร่างหัวหน้าโจรที่ห้อม้าตะบึงมา ก็เข้าถึงตัวต้วนหลิงเทียนแล้ว
วู้มมมม!!
ดาบในมือของมันฟันผ่าแยกผืนฟ้านภากาศมาด้วยความเกรี้ยวกราด กลิ่นอายสังหารทั้งพลังงานต้นกำเนิดถูกถ่ายเทควบแน่นไว้เต็มเปี่ยม สับสะบั้นลงมากลางร่างของต้วนหลิงเทียนอย่างดุร้ายอำมหิต พลังงานต้นกำเนิดขาวๆที่ฉาบคลุมหมุนวนไปทั่วใบดาบ ยังแลคล้ายหิมะจันทรา
เหนือขึ้นไปปรากฏเงาร่างช้างแมมมอธโบราณ 1,408 ตัว แสดงถึงความแข็งแกร่งในหนึ่งสะบั้นครานี้!
ระดับวิญญาณแรกก่อตั้งขั้นที่ 8 ดาบวิญญาณระดับ 7!
ต้วนหลิงเทียนไม่ได้คิดจะหลบลี้หนีถอยอะไร กระบี่อ่อนดาราม่วงพลันเผยประกายคมกล้าให้โลกหล้าได้ยลอีกครั้ง
วิชาวาดกระบี่!
เคร๊ง!!!
ประกายม่วงที่ลากค้างกลางอากาศยังคงติดตาแม้เสียงจะดังสนั่นออกมา บ่งบอกว่ากระบี่นี้ฉับไวปานใด หนึ่งกระบี่อ่อน ปะทะหักหาญกับดาบเล่มเขื่องอย่างไม่เสียเปรียบ ตัวกระบี่เองยังสั่นระริกไปด้วยพลังงานต้นกำเนิดที่กำลังสั่นสะเทือนด้วยความถี่สูง!
พลังงานสั่นสะเทือน สูงสุดขีด!
ทันใดนั้นนอกเหนือจากพลังงานต้นกำเนิดและพลังสั่นสะเทือนแล้ว ตัวกระบี่ยังฉาบไว้ด้วยกลิ่นอายลึกล้ำ พร้อมกระแสพลังไร้สภาพลี้ลับประการหนึ่ง
พลังลม!
ต้วนหลิงเทียนได้ใช้ออกด้วยความแข็งแกร่งทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นพลังงานต้นกำเนิด พลังสั่นสะเทือน รวมถึงพลังลมในการตวัดฟาดกระบี่นี้!
แม้ว่าจะอาศัยพลังความแข็งแกร่งจากระดับบ่มเพาะ ที่ตัดผ่านไปถึงระดับวิญญาณแรกก่อตั้งขั้นที่ 6 กับความสามารถเพิ่มพูนความแข็งแกร่งด้วยกระบี่อ่อนดาราม่วง รวมถึงพลังลมแล้ว ความแข็งแกร่งของต้วนหลิงเทียนก็ยังคงด้อยกว่าหัวหน้าโจรอยู่ราว 10 ช้างแมมมอธโบราณ….
แต่ทว่าพลังสั่นสะเทือนที่เร่งเร้าจนถึงขีดจำกัดนี้…มากพอที่จะถมทับความต่างเล็กน้อยนี่จนไม่นับเป็นอะไร
…