สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - บทที่ 435 : อีกครึ่งชั่วโมง...
WSSTH บทที่ 435 : อีกครึ่งชั่วโมง…
"ลูกไป๋ อย่าได้ก้าวร้าวกระทำการหยาบคายแล้ว!" ชายวัยกลางคนที่สวมชุดสีครามที่ยืนอยู่ข้างๆชายหนุ่ม ที่ถูกเฟิ่งหวู่เต้าเรียกหาว่าเจ้าเมืองซ่ง พลันตะโกนเสียงขรึมออกมาพร้อมขมวดคิ้ว
ทว่าชายหนุ่มอันเป็นบุตรชายของมัน หาได้สนใจอันใดคำเตือนมันไม่ ยังคงมองไปยังร่างต้วนหลิงเทียนอย่างเอาเรื่อง ก่อนที่จะหัวเราะเย้ยหยันออกมา “ไอหนู ถ้าเจ้ายังเป็นลูกผู้ชาย แน่จริงก็อย่าได้หดหัวอยู่หลังผู้หญิง! จากที่ข้าดู น่าจักเป็นเจ้าใช้กลวิธีต่ำช้าไร้ยางอายในการเอาชนะน้องเทียนหวู่เสียมากกว่า!!”
"ท่านเจ้าเมืองซ่ง…ขอต้องขออภัยแทนบุตรชายของข้าด้วย " ตอนนี้เจ้าเมืองซ่งหาได้มีท่าทีสบายอย่างตอนแรกอีกแล้ว มันมองไปยังเฟิ่งหฟวู่เต้าด้วยท่าทางยำเกรง คำเรียกหายังอ่อนลงหลายส่วน
"อย่าได้กังวล แค่เรื่องเล็กๆน้อยๆ มิมีปัญหาอันใด" เฟิ่งหวู่เต้าเพียงโบกมืออย่างไร้เรื่องราว มันย่อมรู้ความคิดอีกฝ่ายดี "เพียงปล่อยให้เหล่าเด็กน้อยสะสางปัญหากันไปเถอะ …หากต้องการเติบโตมาเป็นผู้ที่แข็งแกร่ง ก็มิอาจหลีกเลี่ยงความยากลำบากและปัญหาที่เข้ามาในหนทางได้”
เจ้าเมืองซ่งถึงกับตะลึงกับทีท่าไม่แยแสและสบายๆของเฟิ่งหวู่เต้า ในใจของมันเริ่มบังเกิดสังหรณ์ร้ายขึ้นมา มันมองไปยังบุตรชายและคิดที่จะหยุดอีกฝ่ายเอาไว้
แต่น่าเสียดายที่มันสายไปแล้ว
ตอนนี้ได้บังเกิดเรื่องบาดหมางไปแล้ว เสมือนดั่งน้ำที่หกหล่นจากแก้ว ยากนักที่จะนำกลับคืน
“เทียนหวู่…” ต้วนหลิงเทียนเพียงยื่นมือไปแตะบ่าของเทียนหวู่เบาๆ พร้อมกล่าวด้วยรอยยิ้มสบายๆ “ให้ข้าจัดการเรื่องนี้เอง มันก็แค่เรื่องเล็กๆน้อยๆเท่านั้น….อีกทั้งมันก็แค่ตัวตลกตัวหนึ่ง เจ้าจะไปอารมณ์เสียกับมันทำไม…”
เฟิ่งเทียนหวู่พยักหน้ารับคำเบาๆ ก่อนที่จะมองไปยังต้วนหลิงเทียนพร้อมคลี่ยิ้มออกมาราวบุปผาเบ่งบานตอบกลับ “อื้อ…พี่ใหญ่ต้วน เช่นนั้นข้าจะดูท่านสั่งสอนบทเรียนให้เจ้าตัวตลกนี่”
“เอาล่ะ” ต้วนหลิงเทียนพยักหน้ารับ
ส่วนทางด้านชายหนุ่มบุตรของเจ้าเมืองซ่งนั้น ยิ่งมามันยิ่งหงุดหงิดจนหน้าดำคร่ำเครียด บิดเบี้ยวอัปลักษณ์แล้ว
ตัวตลก?
ไอหนูที่อายุดูอย่างไรก็เพียง 20 ต้นๆ คนนี้กล้าเรียกมันว่าตัวตลก?!
"ลูกไป๋ … " เจ้าเมืองซ่งคิดจะกล่าว แต่ก็ต้องชะงักวาจาไป
ตอนนี้มันสัมผัสได้ว่าบุตรชายของมันนั้นบันดาลโทสะขึ้นมาหนักหนา ตัวมันเองก็ย่อมเข้าใจนิสัยบุตรชายดี หากบุตรชายมันคิดจะทำสิ่งใดแน่วแน่แล้ว ก็ยากที่ห้ามหรือเปลี่ยนการตัดสินใจอะไรได้
และถึงแม้ตอนนี้มันคิดต้องการใช้ความแข็งแกร่งของตัวมันระงับเรื่อราวนี้ไว้ ทว่าพอคิดถึงคำที่เฟิ่งหวู่เต้ากล่าวก่อนหน้า มันก็ละล้าละลังไม่กล้าออกไปห้ามแต่อย่างใด ทำได้เพียงปล่อยเรื่องราวเลยตามเลย
ตอนนี้เองทุกผู้คนที่รออยู่ด้านหน้าหุบเขาก็เริ่มบีบวงแคบเข้ามาชมดูเรื่องราว
“นั่นคือซ่งไป๋ บุตรชายเจ้าเมืองซ่งมิใช่หรือไร ได้ข่าวว่ามันตัดผ่านไปยังระดับวิญญาณแรกก่อตั้งขั้นที่ 6 แล้วใช่หรือไม่!”
“แล้วชายหนุ่มที่อยู่กับบุตรีเจ้าเมืองเฟิ่งนั้นเป็นผู้ใดกันเล่าแลดูยังเยาว์วัยนัก ข้ามิเคยเห็นมันมาก่อน…”
“อะไร? นี่เจ้าไปอยู่ที่ใดมา เจ้ามิทราบหรือไรว่าเมื่อ 3 เดือนที่แล้ว ชายหนุ่มผู้นี้เอาชนะบุตรีของเจ้าเมืองเฟิ่ง ในการแข่งประลองหาคู่ ที่เจ้าเมืองเฟิ่งจัดขึ้นสำหรับเฟิ่งเทียนหวู่ จนมันได้เป็นบุตรเขยของเจ้าเมืองเฟิ่ง!”
“ข้าได้ยินมาว่า บุตรเขยของเจ้าเมืองเฟิ่ง มีระดับวิญญาณแรกก่อตั้งขั้นที่ 5 เท่านั้น!”
“หืม?…จากที่ข้ารู้มา ดูเหมือนบุตรีท่านเจ้าเมืองเฟิ่งจะอยู่ในระดับวิญญาณแรกก่อตั้งขั้นที่ 6 นอกจากนี้นางยังสามารถทำความเข้าใจเมล็ดพันธุ์พลังไฟ กระทั่งอาวุธที่นางใช้ยังเป็นอาวุธวิญญาณระดับ 5 มิใช่หรือ? แล้วผู้ฝึกยุทธ์ระดับวิญญาณแรกก่อตั้งขั้นที่ 5 เอาชนะนางได้อย่างไรกัน?”
“เรื่องนี้…เสียงกล่าวกันว่า บุตรเขยเจ้าเมืองเฟิ่งคนนี้ เขาสามารถใช้พลังลมเบื้องต้นได้! ทั้งยังมีความแข็งแกร่งประหลาดบางอย่าง จนทำให้เขาสามารถเอาชนะบุตรเจ้าเมืองเฟิ่งได้ในที่สุด”
“เป็นไปไม่ได้! พลังลมเบื้องต้น เป็นพลังที่มีเพียงผู้ฝึกยุทธ์ระดับแรกสัมผัสธรรมชาติขึ้นไปถึงจะทำความเข้าใจได้มิใช่หรือไร…แล้วผู้ฝึกยุทธ์ระดับวิญญาณแรกก่อตั้งขั้นที่ 5 เช่นเขาจะไปเข้าใจมันได้อย่างไรกัน?”
…
ผู้คนโดยรอบเริ่มสนทนากันอย่างคึกคัก ด้วยความตื่นเต้น อันที่จริงข่าวลือเรื่องต้วนหลิงเทียนก็เริ่มแพร่กระจายออกมาสักระยะแล้ว
แต่ไม่มีใครเชื่อว่าต้วนหลิงเทียนสามารถเข้าใจพลังลมเบื้องต้นได้จริงๆสักคน
เพราะทั้งหมดที่พวกมันรู้มีเพียงผู้ฝึกยุทธ์แรกสัมผัสธรรมชาติขึ้นไปเท่านั้นที่สามารถเข้าใจและใช้พลังเบื้องต้นได้ …นี่เป็นสามัญสำนึก ดั่งกฎเหล็กในทวีปเมฆาล่อง
พวกมันไม่เคยได้ยินว่าจะมีใครสามารถฝ่าฝืนกฎเหล็กข้อนี้ไปได้
แน่นอนซ่งไป๋เองก็มีความคิดคล้ายๆกันกับผู้อื่น
“ไอหนู ไหนให้ข้าชมดูพลังลมเบื้องต้นอะไรนั่นของเจ้าดูสักครา!” ซ่งไป๋หัวเราะเย้ยหยันออกมา ก่อนที่มันจะเรียกดาบวิญญาณขึ้นมาถือไว้ในมือ พลังงานต้นกำเนิดของมันเริ่มหลั่งไหลถ่ายทอดลงสู่ตัวดาบด้วยความเร็ว ก่อเกิดเป็นคลื่นพลังหมุนวนล้อมรอบตัวดาบเอาไว้
วู้ม!
ครู่ต่อมาอีก 300 เงาร่างช้างแมมมอธโบราณ ก็ปรากฏตัวขึ้นมาข้างๆเงาร่าง 800 ช้างแมมมอธโบราณของซ่งไป๋…
ความแข็งแกร่งที่ถูกเพิ่มพูนด้วยอาวุธวิญญาณจำนวนนี้ ชีให้เห็นชัดเจนว่าอาวุธในมือซ่งไป๋สมควรเป็นอาวุธวิญญาณระดับ 6
‘อาณาจักรศิลาทมิฬนับว่าอู้ฟู่มั่งมีกว่าอาณาจักรพนาครามอย่างเห็นได้ชัด…บุตรชายของเจ้าเมือง ในเมืองอันห่างไกลเช่นนี้ยังมีอาวุธวิญญาณระดับ 6 ใช้นับว่าประทับใจจริงๆ’ ต้วนหลิงเทียนครุ่นคิดในใจ
เพราะขนาดนิกายกระบี่ 7 ดาวอันเป็นนิกายอันดับ 1 ในอาณาจักรพนาคราม อาวุธวิญญาณระดับ 6 นั้นก็ล้วนแต่อยู่ในมือเหล่าตัวตนระดับสูงๆแทบทั้งสิ้น
กล่าวได้ว่านอกจากเขาแล้วแทบไม่มีศิษย์คนในนิกายที่มีอาวุธวิญญาณระดับ 6 เอาไว้ใช้งานสักคน
แน่นอนว่าต้วนหลิงเทียนรู้ดีว่านี่ไม่ใช่เพราะนิกายกระบี่ 7 ดาวมีความแข็งแกร่งอ่อนด้อยกว่าจวนเจ้าเมืองในเมืองที่หางไกลเช่นนี้ของอาณาจักรศิลาทมิฬ แต่เป็นเพราะ ผู้หลอมศาสตราของอาณาจักรพนาครามนั้นด้อยกว่าอาณาจักรศิลาทมิฬ กันอย่างเทียบไม่ติดต่างหาก
อาวุธระดับสูงก็ย่อมต้องใช้ผู้หลอมศาสตราระดับสูง
และปริมาณผู้หลอมศาสตราระดับสูงๆของอาณาจักรพนาครามย่อมด้อยกว่าอาณาจักรศิลาทมิฬมากนัก
บ่งบอกถึงความยิ่งใหญ่อาณาจักรว่าเหนือชั้นกว่ากันเห็นๆ
“ความแข็งแกร่ง 1,100 ช้างแมมมอธโบราณ?” มุมปากของต้วนหลิงเทียนฉีกยิ้มแสยะเย้ยหยันขึ้นมา เนื่องจากซ่งไป๋อะไรนี่ไม่ใช่ภัยคุกคามอะไรเขาสักนิด
"ฮึ่ม!" บางทีอาจเพราะมันเห็นมุมปากของต้วนหลิงเทียนแสยะยิ้มดูแคลน ใบหน้าของซ่งไป๋ถึงยิ่งดำคล้ำบิดเบี้ยวลง สุดท้ายมันก็พุ่งร่างออกมา
วูบ!
ซ่งไป๋พุ่งมาคล้ายสายลมหอบหนึ่ง ทุกที่ๆมันพุ่งผ่านฝุ่นดินถึงกับฟุ้งกระจายปลิวว่อนขึ้นมาในอากาศ กวาดพุ่งไปทางต้วนหลิงเทียน
“ไอหนู ไหนให้ข้าได้ชมดูพลังลมเบื้องต้นที่เจ้าเข้าใจสักหน่อย!” ตอนนี้เองเสียงเย้ยหยันก็ดังขึ้นมา
“ขอมาข้าก็จัดให้!”ต้วนหลิงเทียนกล่าวตอบในลักษณะที่ไม่แยแสอะไร ทันใดนั้นพลังงานต้นกำเนิดพร้อมพลังลมของเขาก็ปะทุควบรวมไปที่ขา
ทันใดนั้น 900 ภาพช้างแมมมอธโบราณก็ปรากฏขึ้นเหนือร่างต้วนหลิงเทียน
และในขณะนี้ต้วนหลิงเทียนเองก็คล้ายกลายเป็นวายุสายหนึ่งเช่นกัน เขาขยับร่างฉับไวหลบหลีกดาบวิญญาณระดับ 6 ที่ขับเคลื่อนด้วยความแข็งแกร่ง 1,100 ช้างแมมมอธโบราณของซ่งไป๋ได้ในทันที
ความเร็วดาบของซ่งไป๋นั้นสามารถขยับได้ว่องไวด้วยความสามารถจากการเพิ่มพูนความแข็งแกร่งของตัวดาบ แต่ไม่ได้หมายความว่าตัวซ่งไป๋เองจะขยับได้ว่องไวเช่นนั้นด้วยเช่นกัน
ความเร็วของมันนั้นยังอยู่ในระดับที่ขับเคลื่อนด้วยความแข็งแกร่งช้างแมมมอธโบราณ 800 ตัวเท่านั้น!
ตัวมันไม่อาจไล่ตามความเร็วของต้วนหลิงเทียนได้ทันไม่ว่ามันจะฝืนและทุ่มเทมากแค่ไหนก็ตาม
ตราบใดที่ต้วนหลิงเทียนไม่คิดให้มันเข้ามาใกล้ๆเองล่ะก็ นับว่าเป็นเรื่องเป็นไปไม่ได้ที่มันจะตามต้วนหลิงเทียนได้ทัน
"พลังลม!"
"มันเป็นพลังลมเบื้องต้นจริงๆ!"
…
ผู้คนรอบๆ ไม่ได้ขาดผู้ที่มีสายตาคมชัดแต่อย่างไร พวกมันย่อมเห็นกระแสพลังลึกล้ำที่ฉาบทับไว้ที่ขาของต้วนหลิงเทียนในทันที
นั่นเป็นพลังของแท้ พลังลม! เป็นพลังลมเบื้องต้น!!
ความแข็งแกร่งเทียบเท่า 200 ช้างแมมมอธโบราณ!
ตอนนี้สีหน้าท่าทางการแสดงออกของทุกผู้คน ได้เผยถึงความตกตะลึงพรึงเพริดออกมา “บุตรเขยของเจ้าเมืองเฟิ่ง ได้ทำลายกฎเหล็กของทวีปเมฆาล่อง ที่มีมาแต่สมัยโบราณลงแล้ว!”
ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!
…
ต้วนหลิงเทียนนั้นไม่ได้เลือกที่จะถอยห่างจากซ่งไป๋ เขาอยู่แทบจะประชิดตัวซ่งไป๋ แต่อาศัยความสามารถอันเหนือชั้นหลบหลีกคมดาบวิญญาณระดับ 6 ของซ่งไป๋ด้วยระยะทางเพียงเส้นขนกั้น คมดาบไม่อาจสัมผัสเขาได้แม้เพียงครั้ง…ทั้งการเคลื่อนไหวยังเต็มไปด้วยความสง่างามราวกับเริงระบำ แลไปคล้ายผีเสื้อบินฉวัดเฉวียน
ตอนนี้ซ่งไป๋บังเกิดความทรมานอย่างแสนสาหัส
ดาบวิญญาณระดับ 6 ในมือของมันนั้น มีทั้งความแข็งแกร่งและความว่องไวที่เหนือกว่าต้วนหลิงเทียน แต่เป็นตัวมันที่ไม่อาจก้าวเท้าเคลื่อนร่าง และเปลี่ยนทิศทางดาบได้ว่องไวมากพอจะทำอะไรต้วนหลิงเทียน
แลตอนนี้ต้วนหลิงเทียนกำลังทำราวกับเล่นสนุกกับมันอยู่อย่างไรอย่างนั้น
“เช่นนั้นให้ข้าดูว่าเจ้าจักหลบกระบวนท่านี้ได้อย่างไร!!” ทันใดนั้นเองซ่งไป๋พลันระเบิดโทสะออกมา เสียงตะโกนดังก้อง เมื่อมันมองการเคลื่อนไหวของต้วนหลิงเทียนอยู่ครู่หนึ่ง มันก็แสร้งฟันกระบี่เป็นวงกว้างเพื่อให้ต้วนหลิงเทียนกระโดดหลบออกไปไกลๆ ก่อนที่จะจับจังหวะทิศทางยามต้วนหลิงเทียนสืบเท้าพุ่งตัว ซัดเขวี้ยงดาบไปด้วยกำลังทั้งหมดเล็งไปยังจุดตกของร่างต้วนหลิงเทียน
ซู่ม!!
ตอนนี้ดาบวิญญาณระดับ 6 พุ่งไปดั่งลูกธนู ล็อคไปยังร่างของต้วนหลิงเทียนราวกับมีระบบนำวิถี ส่งเสียงแหวกฝ่าอากาศดังออกมาอย่างน่ากลัว!
การซัดดาบครั้งนี้เต็มไปด้วยกำลังความแข็งแกร่งและความเร็วถึงขีดจำกัด 1,100 ช้างแมมมอธโบราณ และความเร็วของมันก็นับว่ามากมายกว่าความเร็วในการเคลื่อนร่างของต้วนหลิงเทียน
“ก็นับได้ว่าพอจะมีหัวคิดอยู่บ้างล่ะนะ” ต้วนหลิงเทียนเลือกที่จะรับ เขาย่อมไม่คิดหลบหลีกให้เสียเวลาเพราะจะอย่างไรก็คงหลบไม่ทัน และเตรียมเผชิญหน้ากับดาบซัดพุ่งนี้ตรงๆ
ด้วยความเร็วในตอนนี้ต่อให้จะใช้พลังสั่นสะเทือน ก็ยังนับว่าด้อยกว่าดาบบินของซ่งไป๋
ทันใดนั้นเมื่อเท้าต้วนหลิงเทียนสัมผัสพื้นเขาก็คว้าจับกระบี่อ่อนดาราม่วงที่ปรากฏขึ้นมาในอากาศว่างเปล่าทันที
ทั่วร่างบิดส่งแรง ลงมือออกมาในทันใด
วิชาวาดกระบี่!
กระบี่ตวัดวูบปานอัสนีผ่าฟาด ไม่แค่เพียงพลังงานต้นกำเนิดเท่านั้น ในกระบี่ยังฉาบไว้ด้วยพลังลมเบื้องต้น หนุนเสริมให้สภาวะกระบี่รวดเร็วถึงขีดสุด
วู้ม!
เหนือขึ้นไปบนท้องฟ้าปรากฏเงาร่างช้างแมมมอธโบราณร่วม 1,200 ตัว มันตระหง่านกลางเวหาราวกับสายรุ้ง
ฟั่บ!
กระบี่อ่อนในมือต้วนหลิงเทียนตวัดฟาดไปยังดาบวิญญาณที่พุ่งซัดมาของซ่งไป๋อย่างแม่นยำ
เคร๊ง!!
ด้วยการตวัดกระบี่เพียงครั้ง ดาบที่พุ่งซัดมาของซ่งไปก็ถูกปัดกระเด็นไปไกลหมดสิ้นสภาวะดุร้ายในทันที
เมฆลมประสานเคลื่อนคล้อย
ต้วนหลิงเทียนที่ตวัดฟันดาบทิ้งไปแล้ว ยังอาศัยโอกาสนี้ที่ศัตรูไร้ดาบ ถีบเท้าส่งแรงพุ่งร่างออกไปเต็มกำลังด้วยวิชาท่าร่าง ปราดไปทางซ่งไป๋ที่กำลังเผยสีหน้าซีดเผือด
“โปรดยังมือไว้ไมตรีด้วย!!”สีหน้าของบิดาซ่งไป๋เองก็ซีดราวกับศพ มันรีบตะโกนออกมาเสียงดังด้วยพลังงานต้นกำเนิด แต่มันก็ไม่กล้าเคลื่อนไหวใดๆทั้งสิ้น
เพราะมันสังเกตว่ายามนี้เฟิ่งหวู่เต้านั้นจับตามองมันอยู่ อีกทั้งยังมีพลังกดดันไร้สภาพขุมหนึ่งห้อมล้อมอยู่รอบๆ พร้อมที่จะลงมือถล่มร่างของมันในชั่วพริบตาที่มันกล้าเคลื่อนไหวอะไร
วู้ม!!
กระบี่อ่อนดาราม่วงยามตวัดฟาดมานั้นมันส่องประกายเรืองรอง หมายสะบั้นไปที่ลำคอของซ่งไป๋ ทว่าในพริบตานั้นเอง… ตัวกระบี่ก็พลิกเล็กน้อย เปลี่ยนจากด้านคมเป็นใบกระบี่ ทิศทางยังเลื่อนจากลำคอเป็นตบฟาดไปเต็มใบหน้าของซ่งไป๋
เปรี๊ยะ!!
ใบดาบตบฟาดไปจนหน้าซ่งไป๋สะบัด ร่างของมันยังกระเด็นปลิวไปตามแรงตบ พุ่งเข้ากระแทกกับหน้าผาด้านหนึ่งของหุบเขาอย่างจัง เศษหินฝุ่นดินปลิวกระจายว่อนในอากาศ
เมื่อร่างซ่งไป๋กระแทกผนังผาอย่างจังแล้ว ร่างมันก็ร่วงหล่นลงมาดังตุบกองไปกับพื้น กระอักโลหิตออกมาหลายคำ ท่าทางจะบาดเจ็บภายในไม่น้อย สีหน้าของมันซีดเซียวราวกับศพ ฟันฟางยังร่วงหล่นไปกว่าครึ่งปาก รสชาติเค็มเฝื่อนในปากชวนให้คลื่นไส้นัก
ตอนนี้เมื่อมันพยายามเงยหน้าขึ้นมามองต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง ในแววตาของมันเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
ต้วนหลิงเทียนเพียงเก็บกระบี่กลับไป ก่อนที่จะเหลือบมองซ่งไป๋อย่างไม่แยแสเท่านั้น แล้วก็เดินกลับมาหาเฟิ่งเทียนหวู่
ตอนนี้ไม่ทันได้มีผู้ใดสังเกตเห็นว่า ใบหน้าของเฟิ่งเทียนหวู่ใต้ผ้าคลุมนั้นแดงราวกับจะคั้นออกมาเป็นหยดโลหิตได้แล้ว ราวกับนางจะมีความสุขและความตื่นเต้นราวกับได้ลงมือจัดการซ่งไป๋ด้วยตัวเองอย่างไรอย่างนั้น
“ขอแสดงความยินดีด้วยท่านเจ้าเมืองเฟิ่ง ท่านได้บุตรเขยอันประเสริฐนัก!”
“ขอแสดงความยินดีต่อท่านเจ้าเมืองเฟิ่ง!”
“ท่านเจ้าเมืองเฟิ่งนับว่ามีโชควาสนายิ่งนัก ที่ได้รับบุตรเขยอันยอดเยี่ยมมากพรสวรรค์เช่นนี้!”
…
ตอนนี้เหล่าเจ้าเมืองอื่นๆอีก 28 เมือง ต่างทยอยกันมาประสานมือแสดงความยินดีต่อเฟิ่งหวู่เต้าไม่ขาดสาย
ตอนนี้เองเฟิ่งหวู่เต้าถึงกับเผยรอยยิ้มอันหาดูได้ยากยิ่งออกมา จนแก้มแทบปริ…
“ขอบคุณสหายน้อยยิ่งนัก ที่เมตตา”ตอนนี้เองหลังจากที่เจ้าเมืองซ่งเอาโอสถไปรักษาบุตรชายมันแล้ว มันก็ประสานมือพร้อมคารวะต้วนหลิงเทียนคราหนึ่งด้วยความสำนึกบุญคุณ
มันย่อมรู้ดีแก่ใจ ว่าหากต้วนหลิงเทียนไม่สนใจมันและลงมือสังหารบุตรชายมันทิ้งเสีย มันก็ไม่อาจทำอะไรได้ เพียงทนรับเรื่องราวอย่างเสียใจเท่านั้น…ไม่อาจแก้แค้นอะไรได้เลย
เฟิ่งหวู่เต้าแข็งแกร่งเกินไป!!
ถึงแม้มันจะผนึกกำลังกับเจ้าเมืองอีก 28 คน ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเฟิ่งหวู่เต้าสักเพียงนิด!
ต้วนหลิงเทียนเพียงพยักหน้าเบาๆ
“เหลือเวลาอีกครึ่งชั่วโมง สระชำระจิตก็จะเปิดออกแล้ว” ตอนนี้เองใครสักคนหนึ่งก็กล่าวขึ้นมา
สายตาของทุกผู้คนพลันหันขวับไปมองยังหุบเขาที่เต็มไปด้วยเมฆหมอกหนาทึบทันที…
เมฆหมอกนี้ลงต่ำหนาแน่นนัก ทั้งยังเต็มไปด้วยกลิ่นอายลี้ลับบางประการ ยากที่จะมองเห็นซึงถึงข้างในได้
“สระชำระจิตนั่นอยู่ในหุบเขานี่งั้นหรือ?” ต้วนหลิงเทียนพยายามแผ่พลังวิญญาณออกไปตรวจสอบเล็กน้อย และเขาก็สัมผัสได้ถึงพลังของอาคมจารึกที่แผ่ซ่านเต็มไปทั่วหุบเขาได้ในทันที