สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - บทที่ 431 : สระชำระจิต!
WSSTH บทที่ 431 : สระชำระจิต!
คงต้องบอกเลยว่า หากเฟิ่งเทียนหวู่ได้รู้ความคิดในหัวของต้วนหลิงเทียนตอนนี้ล่ะก็…มีหวังนางได้ตบต้วนหลิงเทียนสักฉาดข้อหาหมั่นไส้เป็นแน่
แต่จะอย่างไรก็ตามเรื่องที่เฟิ่งเทียนหวู่รู้สึกประทับใจและสนใจในตัวต้วนหลิงเทียนนั้น…เป็นเรื่องจริง…!
ตัวเฟิ่งเทียนหวู่นั้นกล่าวได้ว่า นางเป็นคนที่ได้รับการโปรดปรานจากสวรรค์นัก…
ในฐานะที่เป็นผู้ครอบครองร่างจิตวิญญาณแห่งธาตุไฟแล้ว แน่นอนว่าพรสวรรค์ในเชิงยุทธ์และความสามารถในการทำความเข้าใจของนาง ย่อมมิใช่อะไรที่ผู้เยาว์รุ่นเดียวกับนางจะสามารถเทียบเทียมและเอาชนะนางได้
เช่นนี้ยิ่งทำให้นางภาคภูมิใจกระทั่งในใจยังบังเกิดความหยิ่งทะนงประการหนึ่ง จนนางรู้สึกเดียวดายหาคนในระดับเดียวกันยากเย็นนัก สุดท้ายนางก็เริ่มเมินเฉยต่อผู้คนรอบๆ
อย่างไรก็ตามความรู้สึกหยิ่งทะนง และความรู้สึกเดียวดายที่มีมานานปีนั้น กลับถูกทำลายลงอย่างยับเยินด้วยน้ำมือของต้วนหลิงเทียนที่ปรากฏตัวขึ้นมาอย่างกะทันหัน…อีกฝ่ายถึงขั้นเอาชนะนางได้!
และกอปรกับความจริงที่นางเองก็เชื่ออย่างสนิทใจว่าต้วนหลิงเทียนเป็นบุรุษแห่งโชคชะตาในคำทำนายของนาง ทำให้ตอนนี้นางมองต้วนหลิงเทียนต่างจากตอนแรกพบลิบลับ กระทั่งบังเกิดความรู้สึกต่อเขา
นี่เป็นเหตุผลที่ทำให้ต้วนหลิงเทียนสัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนไปของเฟิ่งเทียนหวู่อย่างชัดเจน
เพราะตอนนี้เสมือนใจของเฟิ่งเทียนหวู่ ถูกเขาฉกชิงไปแล้ว…
ถ้าไม่ให้นางหลงรักเขา แล้วจะให้นางไปหลงรักใครได้?
เรื่องราวของความรู้สึก และเรื่องของหัวใจนั้น …บางครั้งมันก็มหัศจรรย์นัก ยากที่จะบอกกล่าวได้อย่างชัดเจน
"ท่านเจ้าเมือง!" ต้วนหลิงเทียนมองไปยังเฟิ่งหวู่เต้า ก่อนที่จะกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง "ยังมีอีกเรื่องที่ข้าต้องบอกต่อท่านและเทียนหวู่ … ข้ามีคู่หมั้นอยู่แล้วสองคน"
"อะไร!?" ใบหน้าของเฟิ่งหวู่เต้าเปลี่ยนเป็นน่ากลัว กล่าวคำออกมาอย่างเกรี้ยวกราด "ไอหนุ่มเจ้ามิเพียงมีคู่หมั้นอยู่แล้ว…แต่เจ้ากลับมีถึง 2 คน! เจ้ารีบบอกข้ามาพวกนางอยู่ที่ใด ข้าจะไปจัดการพวกนางเสีย! …บุตรีของข้าเฟิ่งหวู่เต้า จักใช้บุรุษร่วมกับสตรีอื่นได้หรือ!? "
คำกล่าวของเฟิ่งหวู่เต้า ทำให้ต้วนหลิงเทียนก้มหน้าต่ำลงโดยพลัน “ท่านเจ้าเมือง…มีบางเรื่องที่ท่านไม่อาจกล่าววาจาออกมาพล่อยๆได้…”
"เหอะ!" เฟิ่งหวู่เต้าเมื่อได้ฟังวาจาต่อต้านของต้วนหลิงเทียน ยิ่งบันดาลในขณะที่มันคิดลงมือ มันก็ถูกเฟิ่งเทียนหวู่ขัดจังหวะเอาไว้ได้ทัน "ท่านพ่อ หากท่านยังกระทำตัวเช่นนี้ ต่อไปข้าจะไม่สนใจท่านแล้ว!"
เฟิ่งเทียนหวู่เองก็ตะโกนออกมาด้วยโทสะ ใบหน้างดงามของนางตอนนี้และดุร้ายอย่างมาก ทว่าในแววตาและท่าทางกับแฝงความเด็ดขาดแน่วแน่ประการหนึ่ง
เฟิ่งหวู่เต้าแน่นอนว่าไม่ค่อยพอใจเท่าไร หลังจากได้ยินคำเฟิ่งเทียนหวู่ “ดี ดี ดี! เช่นนั้นบิดาจะไม่กล่าวถึงเรื่องนี้อีก!”
ชีวิตมันไม่เคยกลัวอะไร …เพียงกลัวบุตรีที่มีค่าที่สุดดั่งแก้วตาดวงใจของมันโกรธเท่านั้น
"ฮึ่ม บุตรีของข้าต้องเป็นภรรยาหลวง! เมื่อนางแต่งกับเจ้า… ส่วนสตรีอีก 2 คนนั่น ข้ายอมให้พวกนางอยู่กับเจ้าต่อก็ได้ แต่พวกนางต้องมีสถานะเป็นแค่อนุภรรยาเท่านั้น” ตอนนี้เองต้วนหลิงเทียนก็ได้ยินเสียงส่งผานพลังงานต้นกำเนิดของเฟิ่งหวู่เต้า
ต้วนหลิงเทียนขมวดคิ้ว ก่อนที่จะตอบกลับด้วยการส่งเสียงผ่านพลังงานต้นกำเนิดเช่นกัน "ท่านเจ้าเมือง เรื่องนี้ข้าคงต้องขออภัยแล้ว …เพราะเกรงว่าข้าไม่อาจกระทำได้!… สตรีของข้า ไม่มีตำแหน่งหลวงหรืออนุอะไรทั้งนั้น ข้ารักพวกนางอย่างเท่าเทียม! นอกจากนี้ข้าเองก็ยังไม่ได้รับปากว่าจะแต่งกับลูกสาวท่าน!"
"ไอหนุ่ม! ลูกสาวข้ามีอันใดไม่ดี!?" เสียงที่ส่งผ่านพลังงานต้นกำเนิดของเฟิ่งหวู่เต้าดังขึ้นและเจือไปด้วยโทสะไม่น้อย แต่จะอย่างไรมันก็ไม่กล้าเฉ่งต้วนหลิงเทียน
นี่เพราะบุตรีของมันยังคงยืนส่งสายตาดุดันอยู่ข้างๆ
"เทียนหวู่ย่อมดียิ่ง …แต่ตอนนี้ข้ายังไม่ได้รู้สึกกับนางเช่นนั้น นอกจากนี้ข้าจะพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อช่วยเหลือนาง…หากข้าครอบครองร่างจิตวิญญาณแห่งธาตุน้ำหรือน้ำแข็งจริงๆล่ะก็ ข้าสามารถแต่งงานกับเทียนหวู่และมีอะไรกับนางได้ ส่วนความรู้สึกที่มีต่อกันนั้น พวกเราจะค่อยๆพัฒนามันไปด้วยกัน" ต้วนหลิงเทียนส่งเสียงผ่านลังงานต้นกำเนิดตอบกลับไป
เฟิ่งเทียนหวู่ก็นับว่าเป็นสตรีอีกหนึ่งคนที่โดดเด่นมาก ที่เขาพบพานในชีวิตนี้
ในแง่ของความงดงามและรูปร่างแล้ว นางไม่ได้ด้อยไปกว่าเค่อเอ๋อและลี่เฟย
ในแง่ของท่วงท่ากิริยา อาจเป็นเพราะนางเกิดในตระกูลและชนชั้นสูง นางจึงแลดูสง่างามและเหนือกว่าลี่เฟยกับเค่อเอ๋อ อยู่หลายส่วน
“ฮ่าๆๆๆ…!”ต้วนหลิงเทียนพึ่งส่งเสียงผ่านพลังงานต้นกำเนิดกลับไปได้ไม่นาน เฟิ่งหวู่เต้าก็เริ่มระเบิดเสียงหัวเราะออกมา ทำให้ทั้งต้วนหลิงเทียนและเฟิ่งเทียนหวู่ ต่างมึนงงสับสนกันทั้งคู่
หลังจากหัวเราะอยู่พักใหญ่ ในที่สุดเฟิ่งหวู่เต้าก็หยุดลง มันมองไปยังเฟิ่งเทียนหวู่ด้วยสายตายินดี “ลูกหวู่ บิดาจะฟังเจ้า และไม่คิดบีบบังคับกดดันอะไรไอหนุ่มนี่แล้ว…เด็กหญิงตัวน้อยในวันวานเติบโตเป็นสาวแล้ว เจ้าสามารถดูแลตัวเองและเลือกที่จะก้าวเดินตามความต้องการของเจ้า บิดาจะไม่ก้าวก่ายอีกต่อไป…ไม่ว่าพวกเจ้าจะคบหาและมีความสัมพันธ์กันอย่างไร …แต่บิดายังคงต้องกล่าวเตือนเจ้าบางเรื่อง …ยามกระทำสิ่งใดเจ้าต้องตัดสินมันตามเสียงหัวใจและความสุขของเจ้า หาไม่แล้ว…หากพลาดพลั้งอันใดไปเจ้าจักเสียใจไปตลอดชีวิต…”
"ท่านพ่อข้ารู้แล้ว" ใบหน้าที่สวยงามของเฟิ่งเทียนหวู่เริ่มอ่อนลงเมื่อได้ฟังคำกล่าวของบิดา
ต้วนหลิงเทียนเองก็รู้สึกโล่งขึ้นมาไม่น้อย ‘ดูเหมือนว่าไอที่ข้ากล่าวไปจะถูกใจเฟิ่งหวู่เต้าไม่น้อย…ถึงกับทำให้อีกฝ่ายเลิกคิดที่จะบีบบังคับให้ข้าแต่งงานเช่นนี้’
“ต้วนหลิงเทียน” เฟิ่งหวู่เต้าหันมาหรี่ตามองต้วนหลิงเทียน ก่อนที่จะค่อยๆกล่าวออกมา “ในเมื่อตอนนี้เจ้าไม่คิดจะหมั้นหมายอะไรกับลูกหวู่…เช่นนั้นข้าก็มิอาจมอบสินสอดของลูกหวู่อย่างผลวิญญาณผันแปรให้เจ้าได้ แต่เมื่อเจ้าตัดสินใจเป็นลูกเขยของข้าเมื่อไหร่ ข้าจะมอบผลวิญญาณผันแปรให้เจ้าในทันที เพื่อเป็นของหมั้นสำหรับลูกหวู่…”
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้ารับ
ถึงแม้ว่าผลวิญญาณผันแปรจะมีค่ามหาศาล และผลของมันจะช่วยยกระดับพลังวิญญาณให้เขาได้ไม่น้อย แต่เขาก็ยังไม่คิดเห็นด้วยกับการตกลงหมั้นหมายแต่งงานกับเฟิ่งเทียนหวู่อย่างขอไปที เพราะแค่ต้องการผลวิญญาณผันแปรนี่เท่านั้น
การทำแบบนั้นเขารู้สึกว่ามันไม่ค่อยยุติธรรมกับเฟิ่งเทียนหวู่สักเท่าไร
‘ดูเหมือนว่าตัวข้าจะเปลี่ยนไปมากเลยทีเดียว… ข้าเองก็ไม่รู้ว่ามันดีหรือไม่ดีกันแน่ ที่เป็นแบบนี้…’ ต้วนหลิงเทียนทอดถอนใจออกมา
หากเป็นชีวิตที่แล้วเขาคงไม่รีรออะไร เพราะเขาคงไม่อาจต้านทานความเย้ายวนจากสาวงามระดับนี้ได้…
แต่ในชีวิตนี้ ตัวเขามีความรับผิดชอบมากขึ้น
หากเขาเกิดตบปากรับคำแต่งงานหมั้นหมายกับเฟิ่งเทียนหวู่แบบขอไปทีเพราะเขาต้องการผลวิญญาณผันแปร โดยที่ไม่ได้รู้สึกอะไรกับนางนั้น นอกจากจะเป็นการไม่ยุติธรรมกับเฟิ่งเทียนหวู่แล้ว มันยังไม่เป็นธรรมกับเค่อเอ๋อและลี่เฟยอีกด้วย
“แต่ถึงแม้ข้าจะไม่สามารถมอบผลวิญญาณผันแปรให้เจ้าได้…แต่ข้ารู้ว่าสถานที่ใด ที่จะสามารถช่วยเหลือเจ้า และทำให้พลังวิญญาณของเจ้าทะลวงผ่านจุดรอคอยตัดผ่านระดับ ก้าวหน้าไปสู่ระดับพลังวิญญาณของขั้นแรกสัมผัสธรรมชาติได้…”
ใบหน้าของต้วนหลิงเทียนเปลี่ยนเป็นจริงจังในทันใด “ท่านเจ้าเมือง เจ้าของพลังวิญญาณอันน่าเกรงขามในวันนั้น…เป็นท่านเช่นนั้นหรือ?”
ต้วนหลิงเทียนยังจดจำได้ดี ในวันงานประลองหาคู่ ขณะที่เขาคิดแผ่พุ่งพลังวิญญาณออกไปตรวจสอบระดับบ่มเพาะของเฟิ่งเทียนหวู่นั้น เขาถูกพลังวิญญาณขุมหนึ่งอันน่าเกรงขาม สะกดพลังวิญญาณของเขาเอาไว้ได้อย่างราบคาบ
โชคดีที่พลังวิญญาณอันน่าเกรงขามและน่าสะพรึงกลัวขุมนั้น ยังปราณีไม่ได้คิดร้ายอะไรเขา ไม่อย่างนั้นล่ะก็ วิญญาณเขาคงได้รับบาดเจ็บสาหัสไปแล้ว!
และรู้กันว่าพลังวิญญาณ ย่อมเกิดจากวิญญาณ
นอกจากนี้อาการบาดเจ็บทางวิญญาณ กับทางร่างกาย ก็เป็นเรื่องที่มีแนวคิดต่างกันอย่างสิ้นเชิง
อาการบาดเจ็บทางร่างกายนั้นเพียงพึ่งพาโอสถรักษาธรรมดาทั่วไปก็สามารถหายได้
แต่ทว่าหากวิญญาณได้รับบาดเจ็บล่ะก็… โอสถที่สามารถรักษาได้ อย่างต่ำๆ ก็ต้องเป็นระดับ 3 ขึ้นไปเท่านั้น! ถึงจะสามารถรักษาและฟื้นฟูวิญญาณให้หายดีได้!!
ตอนนี้เมื่อเขาได้ยินเฟิ่งหวู่ต้ากล่าวถึงเรื่อง การเลื่อนระดับพลังวิญญาณนั่นทำให้เขานึกว่า อีกฝ่ายเป็นเจ้าของพลังวิญญาณอันน่าสะพรึงกลัวขุมนั้น
"ไม่ใช่ของข้า" เฟิ่งหวู่เต้าส่ายหน้าพร้อมยิ้มกล่าว "เป็นพลังวิญญาณของอาวุโสคง ระดับพลังวิญญาณของเจ้า อาวุโสคงก็เป็นผู้ที่บอกข้า"
อาวุโสคง?
ต้วนหลิงเทียนตะลึง
"พี่ใหญ่ต้วน อาวุโสคงก็คือ ผู้เฒ่าคงที่ข้าบอกท่านก่อนหน้านี้… ท่านผู้เฒ่าคงน่าเกรงขามยิ่งนัก" เฟิ่งเทียนหวู่กล่าวคำออกมาพร้อมยิ้มบางๆ
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้ารับ ไม่ได้คิดเคลือบแคลงอะไรในคำพูดของเฟิ่งเทียนหวู่สักนิด
เพราะขุมพลังวิญญาณที่น่าสะพรึงกลัววันนั้น มันสามารถสะกดพลังวิญญาณของเขาได้อย่างชะงัด ไร้ซึ่งหนทางต่อต้านใดๆ…
จากการประเมินเบื้องต้นของต้วนหลิงเทียน เจ้าของพลังวิญญาณขุมนั้น หรือผู้เฒ่าคงที่ว่า ต่ำๆต้องเป็นตัวตนระดับหยั่งรู้ธรรมชาติ กระทั่งสูงกว่า…!
“ท่านเจ้าเมือง เมื่อครู่ท่านกล่าวว่ามีสถานที่ๆช่วยให้พลังวิญญาณของข้าตัดผ่านระดับไปยัง ระดับแรกสัมผัสธรรมชาติได้เช่นนั้นหรือ?” ครู่ต่อมาเมื่อต้วนหลิงเทียนฟื้นตัวจากอาการตกตะลึง เขาก็นึกถึงคำที่เฟิ่งหวู่เต้ากล่าวก่อนหน้านี้ รีบถามออกมาด้วยความปรารถนาอันแรงกล้า…!
ในเมื่อตอนนี้เขาไม่อาจได้รับผลวิญญาณผันแปรได้แล้ว เขาจึงไม่คิดที่จะพลาดโอกาสที่สองนี้อีก เมื่อได้ยินอีกวิธีที่จะทำให้พลังวิญญาณของเขาก้าวหน้าได้
“ท่านพ่อ…ที่ท่านกล่าวนี่ ใช่ท่านกำลังกล่าวถึงสระชำระจิต หรือไม่?” เฟิ่งหวู่เต้ายังไม่ทันได้กล่าวตอบ เฟิ่งเทียนหวู่ก็กล่าวถามออกมาด้วยความสงสัย
"ใช่แล้ว …วันที่สระชำระจิตจะเปิดออกอีกครั้ง เหลืออีกเพียง 3 เดือนเท่านั้น" เฟิ่งหวู่เต้าพยักหน้า
"สระชำระจิต?" ต้วนหลิงเทียนสงสัยเล็กน้อย
“เรื่องสระชำระจิตข้าจะให้หวู่เล่าให้เจ้าฟังทีหลัง…ส่วนอาวุโสคงนั้นเขาได้บอกข้าไว้แล้ว ว่าเจ้าเองก็เป็นผู้จารึกอาคมเช่นเดียวกันกับเขา เช่นนั้นในช่วงเวลาว่าง 3 เดือนก่อนที่สระชำระจิตจะเปิด เจ้าก็ไปขอคำชี้แนะจากอาวุโสคงเสีย เขาจักได้สอนสั่งเจ้าเรื่องอาคมจารึก… เจ้าสมควรได้รับประโยชน์ครั้งยิ่งใหญ่” หลังจากเฟิ่งหวู่เต้ากล่าวจบก็โบกมือให้กับต้วนหลิงเทียน “เอาล่ะตอนนี้พวกเจ้าก็ไปได้แล้ว”
หลังจากนั้นต้วนหลิงเทียนกับเฟิ่งหวู่เต้าก็เดินออกจากห้องโถงหลักมา ในระหว่างทางเดินกลับห้อง ต้วนหลิงเทียนก็กล่าวถามเฟิ่งเทียนหวู่ ถึงเรื่องเมื่อครู่ “เทียนหวู่ สระชำระจิตที่ว่า มันเป็นเช่นไรหรือ?”
“สระชำระจิต นับว่าเป็นสระน้ำอันมหัศจรรย์ของอาณาจักรศิลาทมิฬ…ทั่วสระน้ำเต็มไปด้วยอักขระและอาคมจารึกมากมาย ที่ถูกจารึกเอาไว้โดยที่ไม่รู้ว่าเป็นฝีมือผู้ใด … ประตูทางเข้าสระจะเปิดทุกๆ 3 ปี และทุกครั้งที่เปิด สระชำระจิตจะเปี่ยมล้นไปด้วยพลังวิญญาณจำนวนมหาศาล” เฟิ่งเทียนหวู่กล่าวอธิบายออกมาช้าๆ “พลังวิญญาณในสระชำระจิตนั้น สามารถเพิ่มพูนความสามารถในการทำความเข้าใจของผู้ฝึกยุทธ์ได้ในระดับหนึ่ง และจากที่ผู้เฒ่าคงบอกข้า มันเรียกว่าการขัดเกลาจิตวิญญาณ”
"การขัดเกลาจิตวิญญาณ?" ม่านตาของต้วนหลิงเทียนหดแคบลงด้วยความประหลาดใจ
"อื้อ ขัดเกลาจิตวิญญาณ" เฟิ่งเทียนหวู่พยักหน้าพร้อมกล่าวสืบต่อ "อย่างไรก็ตามการขัดเกลาจิตวิญญาณนี้ก็มีขีดจำกัดเช่นกัน …หากผู้ที่ได้รับการขัดเกลาจิตวิญญาณจากสระชำระจิตไปแล้วรอบหนึ่ง การใช้สระชำระจิตอีกครั้งจักแทบมิมีผล เสมือนไม่เกิดอันใดขึ้นเลย"
‘เช่นนี้ก็เหมือนกับการใช้ผลไม้วิญญาณสินะ หากกินชนิดเดิมผลที่ได้ก็จะลดลงจนแทบไม่มีอะไรเลย’ ต้วนหลิงเทียนครุ่นคิดในใจก่อนที่จะกล่าวถามเทียนหวู่ออกมาถึงประเด็นสำคัญ “เทียนหวู่ เมื่อพลังวิญญาณ ของสระชำระจิตที่ว่านั่นถูกผู้คนดูดซับไปหมด มันต้องใช้เวลาสะสมใหม่ เป็นเวลานานใช่หรือไม่?”
“ใช่แล้ว” เฟิ่งเทียนหวู่พยักหน้าตอบรับ
“แล้ว…เจ้าเคยไปใช้มันมาแล้วหรือไม่?” ต้วนหลิงเทียนกล่าวถาม
“ข้าเข้าไปยังสระชำระจิตตั้งแต่เมื่อ 3 ปีที่แล้ว ผู้เฒ่าคงยังบอกว่าพลังวิญญาณของข้าแข็งแกร่งขึ้นเล็กน้อย…ทั้งผู้อาวุโสคงยังกล่าวบอกอีกว่า สระชำระจิตนั้นมีอำนาจขัดเกลาวิญญาณ ของผู้ที่มีระดับพลังวิญญาณตำกว่าขั้นแรกสัมผัสธรรมชาติเท่านั้น หากผู้ที่มีระดับพลังวิญญาณเหนือกว่าแรกสัมผัสธรรมชาติเข้ามา มันจะเสียเวลาไปอย่างเปล่าประโยชน์”เฟิ่งเทียนหวู่กล่าวตอบ
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้าครั้งหนึ่ง ตอนนี้เขาเริ่มเข้าใจอะไรบางอย่างของสระชำระจิตบ้างแล้ว
‘จากความทรงจำของจักรพรรดิกลับชาติมาเกิด…ครั้งหนึ่งเขาก็เคยไปพบกับสถานที่คล้ายๆกับสระชำระจิตนี่ในชีวิตที่ 2 แต่สถานที่นั้นมันไม่ได้มีอาคมจารึก ที่ถูกจารึกไว้รอบๆด้วยน้ำมือมนุษย์เช่นนี้ มันเกิดขึ้นตามธรรมชาติ…และเมื่อเขาลองดำลงไปก้นสระ ก็พบว่ามันมีผลไม้วิญญาณที่สามารถเสริมความแข็งแกร่งของพลังวิญญาณได้อยู่…’
‘แล้วไอพลังวิญญาณในสระน้ำนั่น ก็มาจากพลังของผลไม้วิญญาณที่รั่วไหลออกมา…หลักการของมันก็คล้ายๆกับวิธีบ่มสุราของราชาวานร!’ ตอนนี้ยิ่งคิดต้วนหลิงเทียนยิ่งตื่นเต้นขึ้น
‘ดูเหมือนสระชำระจิตที่ว่า ต้องมีความลับอะไรซ่อนอยู่เป็นแน่!’ต้วนหลิงเทียนเริ่มคิดถึงบางสิ่ง
‘บางทีมันคงมีผลไม้วิญญาณที่เสริมสร้างพลังวิญญาณอยู่ที่ไหนสักแห่งในสระชำระจิตอะไรนั่น…และเพียงพลังงานที่รั่วไหลออกมาของมัน ก็มากพอที่จะก่อให้เกิดสระชำระจิตที่ผู้คนเข้าไปดูดซับเพื่อเพิ่มพลังวิญญาณกันแล้ว ถ้าข้ากินไอผลไม้วิญญาณนั่นโดยตรง ผลที่ได้รับต้องยอดเยี่ยมเป็นแน่!’อารมณ์ของต้วนหลิงเทียนยิ่งมายิ่งฮึกเหิม
จากความทรงจำของจักรพรรดิกลับชาติมาเกิด ผลไม้วิญญาณที่เขาพบพานในชีวิตที่ 2 นั้น ประสิทธิภาพเหนือกว่าผลวิญญาณผันแปรไปหลายขุม
‘หากมันมีผลวิญญาณนั่นซ่อนอยู่ในสระชำระจิตนั่นจริงๆแล้วล่ะก็… คงเป็นโชคครั้งใหญ่ของข้าแล้ว!’ เมื่อคิดถึงตรงนี้ต้วนหลิงเทียนก็คึกคักอักโขนัก!