หน้าแรก Amnovel
  • หน้าแรก
  • นิยายทั้งหมด
  • เติมเงิน
  • ติดต่อเรา
ค้นหา
ค้นหาขั้นสูง
เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก
  • หน้าแรก
  • นิยายทั้งหมด
  • เติมเงิน
  • ติดต่อเรา
  • เข้าสู่ระบบ
เข้าสู่ระบบ
Prev
Next

สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - บทที่ 430 : ขอขมา

  1. หน้าแรก
  2. สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์
  3. บทที่ 430 : ขอขมา
Prev
Next

WSSTH บทที่ 430 : ขอขมา

 

 

ณ ห้องโถงหลัก ของจวนเจ้าเมือง

ต้วนหลิงเทียนไม่รอช้าอะไร เขาเดินเข้าไปในห้องโถงหลักทันที หลังจากที่คนรับใช้พามาส่งหน้าห้อง  เมื่อเดินเข้าไปเขาก็พบว่า มีผู้ที่ยืนรอเขาอยู่แล้วหลายคน  ส่วนคนที่สะดุดตาที่สุดก็คือเฟิ่งหวู่เต้า เจ้าเมืองที่นั่งอยู่บนเก้าอี้หลักตรงกลาง

ส่วนแม่นางเฟิ่งเทียนหวู่นั้นกลับมาสวมผ้าคลุมหน้าของนางอีกครั้งและยืนอยู่ข้างๆของเฟิ่งหวู่เต้า  แต่ถึงแม้จะสวมผ้าคลุมหน้าไปแล้วก็ตาม ทว่าอาศัยแค่ผ้าบางๆจะกั้นความสวยล้ำของนางได้หรือ?

นอกจากเฟิ่งหวู่เต้ากับบุตรีแล้ว ในห้องโถงหลักนี้ก็ยังมีผู้คนยืนอยู่อีก 4 ชีวิต

เป็นชายวัยกลางคน 2 คน… แล้วก็ ชายหนุ่มกับหญิงสาวคู่หนึ่ง ทั้งพิกลนักชายหนุ่มคนนี้กับแขนด้วนกุดไปข้างหนึ่ง

ในตอนที่ต้วนหลิงเทียนเหลือบมองไป เขาก็จดจำชายหนุ่มแขนด้วนกับหญิงสาวคู่นั้นได้ในทันที เจ้าเสี่ยวจินเองก็จดจำชายหนุ่มแขนด้วนได้ มันลุกขึ้นยืนบนไหล่ต้วนหลิงเทียนพร้อมแยกเขี้ยวกางเล็บข่มขู่  ดวงเนตรสีมรกตของมันแลไปช่างดูขู่ขวัญผู้คนได้น่ารักนัก

ที่แท้ชายหนุ่มคนนั้นเป็นคนในเหลาอาหารที่คิดจะมาบังคับซื้อเสี่ยวจินนั่นเอง  แต่เนื่องจากต้วนหลิงเทียนไม่ขาย เรื่องราวก็เลยเถิด ไม่วายก็เกิดการลงไม้ลงมือกันขึ้น และสุดท้ายไอหนุ่มเจ้ากรรมนั่นก็โดนเสี่ยวจินทำลายแขนพินาศไปข้างหนึ่ง

ดูเหมือนมันจะเรียกว่าฉางฮุ่ย!

"ท่านเจ้าเมือง" ต้วนหลิงเทียนมองไปยังเฟิ่งหวู่เต้าก่อนที่จะพยักหน้าเบาๆทักทาย

เฟิ่งหวู่เต้าก็พยักหน้ารับคำ ก่อนที่จะเหลือบมองไปยังชายวัยกลางคนทั้ง 2  "ทั้ง 2 คนนี้เป็นผู้นำตระกูลฉางและตระกูลเฉียน แห่งเมืองหงส์ฟ้า… พวกเขามาพบเจ้า"

คิ้วของต้วนหลิงเทียนโค้งขึ้นเล็กน้อยขณะหันไปมองผู้นำตระกูลเฉียนและตระกูลฉาง

ระดับบ่มเพาะของทั้ง 2 ดูไปก็ไม่ธรรมดา เพราะพวกมันก็นับว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญแรกสัมผัสธรรมชาติเช่นกัน

"พวกเจ้ามาเพื่อเรียกร้องค่าเสียหายจากเรื่องราวที่ข้ากระทำเช่นนั้นหรือ?" ต้วนหลิงเทียนมองทั้ง 2 ก่อนที่จะยิ้มออกมาอย่างไม่แยแส

"ข้าน้อยมิกล้า!" ประมุขตระกูลฉางเมื่อได้ฟังวาจาของต้วนหลิงเทียน มันก็รีบกุลีกุจอประสานมือคารวะ ก่อนที่จะหยิบมุกเรืองแสงออกมาเม็ดหนึ่งยื่นส่งให้ต้วนหลิงเทียน พร้อมกล่าวออกมาทันที "นายน้อย …เป็นบุตรชายไม่รักดีของข้าไปสร้างความไม่พอใจต่อท่าน  ข้าหวังว่าท่านจะไม่เก็บเอาเรื่องราวเหลวไหลที่มันกระทำเอามาใส่ใจ  โปรดอย่าได้ถือโทษบุตรชายข้าอีกเลย"

สายตาของต้วนหลิงเทียนเพ่งพินิจไปยังไข่มุกที่ส่องประกายเรืองรองในมือของประมุขตระกูลฉาง ตอนนี้เขาเองก็รู้สึกประหลาดใจไม่น้อย

ไข่มุกที่เรืองแสงและส่องประกายสวยงามเช่นนี้…เกรงว่าหากเอาไปประมูลแล้วล่ะก็ ราคาของมันสมควรไม่ต่ำกว่า 10 ล้านเหรียญทอง!

กล่าวในอีกแง่หนึ่งก็คือ ไข่มุกเรืองแสงเช่นนี้ นับว่าเป็นของหายากชนิดหนึ่ง!

"ท่านประมุขตระกูลฉางล่ะก็…เรื่องเล็กน้อยเพียงเท่านี้อย่าได้กล่าวแล้ว อันที่จริงข้าเองก็ลืมไปแล้วด้วยซ้ำ" ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะกล่าวเช่นนี้ แต่มือของเขานั้นว่องไวปานสายฟ้าฟาด พุ่งไปคว้าหยิบไข่มุกเรืองแสงมาด้วยความเร็วสูงล้ำฉับไว ก่อนที่จะโยนมันเบาๆ ราวกับจะประมาณน้ำหนักของมัน  “แล้วข้าก็ต้องขอบคุณประมุขฉางมาก สำหรับของขวัญล้ำค่าเช่นนี้”

"ขอเพียงนายน้อยชมชอบ ข้าน้อยย่อมยินดี" ประมุขฉางพยายามฝืนยิ้มออกมาอย่างยากลำบาก ในใจของมันแทบฉีกขาดหลั่งโลหิตแล้ว

ไข่มุกเรืองแสงเม็ดนี้ เป็นมันควักกระเป๋าประมูลมาจากโรงประมูลประจำเมืองหลวงของอาณาจักรศิลาทมิฬ สนนราคาทั้งสิ้น 30,000,000 เหรียญทอง…!

แต่ตอนนี้กลับต้องนำมามอบให้ผู้อื่นเช่นนี้

แต่ใจมันย่อมรู้ดีว่าจำเป็นต้องมอบสิ่งล้ำค่าเพื่อขอขมา…!

เพราะยามนี้บุรุษตรงหน้าเป็นถึงบุตรเขยเจ้าเมืองหงส์ฟ้าที่น่ากลัว…!

ในฐานะประมุขของตระกูลฉาง ปกครองตระกูลที่มีความเป็นมาหลายร้อยปี มันยังจะไม่รู้จักเฟิ่งหวู่เต้าเจ้าเมืองหงส์ฟ้านี้อีกหรือ? ตัวมันแน่นอนว่าเห็นความก้าวหน้าในเมือง และเรื่องราวที่เกิดทั้งหมดอย่างดี!

เฟิ่งหวู่เต้านั้นกล่าวไป ก็พึ่งมาถึงเมืองแห่งนี้ไม่กี่ปีที่แล้วเท่านั้น…

ทว่าเมื่อเฟิ่งหวู่เต้ามาถึงได้ไม่ทันไร  เขาก็เดินอาดๆเข้ามายังจวนเจ้าเมืองแห่งนี้  พร้อมสยบเจ้าเมืองคนเก่าราบคาบ ยึดอำนาจผันตัวเองให้กลายเป็นเจ้าเมืองคนใหม่แทน  กระทั่งเปลี่ยนชื่อเมืองแห่งนี้ให้มีนามว่าเมืองหงส์ฟ้า!

ไม่มีใครรู้ว่าเจ้าเมืองคนใหม่ผู้อหังการนี้มีขีดขั้นความแข็งแกร่งถึงระดับใด และอยู่สูงเพียงไหน…

แต่พวกมันรู้ดีว่า เจ้าเมืองคนเก่าเมื่อแพ้พ่ายเฟิ่งหวู่เต้า มันย่อมผูกใจเจ็บไม่น้อย  หลังจากที่มันโดนขับไล่ออกจากเมืองหงส์ฟ้า มันก็ไม่ได้คิดเลิกราแต่อย่างใด  ชะตากรรมที่ถูกฉุดกระชากให้ลงจากฟ้าเช่นนี้ผู้ใดยังรับได้! มันไปว่าจ้างผู้เชี่ยวชาญหยั่งรู้ธรรมชาติให้มาช่วยเหลือหวังจะล้างแค้นเฟิ่งหวู่เต้า

อนิจจาผู้เชี่ยวชาญหยั่งรู้ธรรมชาติของมัน สุดท้ายก็ตกตายอย่างอนาถ ไม่ได้ลำบากอะไรเฟิ่งหวู่เต้าสักเพียงนิด!

ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ทั่วทั้งเมืองหงส์ฟ้าก็หามีผู้ใดแม้แต่คนเดียวไม่ ที่กล้าตั้งคำถาม…และสงสัยถึงความแข็งแกร่งเฟิ่งหวู่เต้า!

"นายน้อยขอรับ นี่ก็เป็นของขมาลาโทษจากตระกูลเฉียนของเรา โปรดรับไว้ด้วยขอรับ" ประมุขตระกูลเฉียนไม่รอช้าหยิบสร้อยคอที่ประดับประดาไปด้วยอัญมณีหลากสี ส่องประกายแวววาวงดงามดั่งสายรุ้ง มอบส่งให้ต้วนหลิงเทียนทันที

ต้วนหลิงเทียนหรี่ตามองเพียงปราดเดียวก็ล่วงรู้ว่าสร้อยคอที่ประดับประดาไปด้วยอัญมณีทั้ง 7 สีเช่นนี้ ย่อมมีมูลค่ามหาศาลนัก

ในแง่ของราคาแล้ว อัญมณีทั้ง 7 สีนั่น ย่อมมิได้มีราคาด้อยกว่า ไข่มุกเรืองแสงแต่อย่างไร

"อา…ขอบคุณสำหรับของขวัญประมุขเฉียน" ต้วนหลิงเทียนย่อมไม่เกรงใจอะไร เขายืนมือไปคว้าสร้อยคอจากมือประมุขเฉียน พร้อมยิ้มแย้มรับคำขอขมา

"ประมุขเฉียนกับประมุขฉาง พวกท่านอย่าได้กังวลแล้ว วันนั้นข้าเพียงล้อเล่นกับพี่ฉางและแม่นางเฉียนลู่เล็กๆน้อยๆเท่านั้น …ข้าเองก็ไม่ได้คิดติดใจเอาความอะไร" ต้วนหลิงเทียนหันมากล่าวคำกับประมุขตระกูลทั้ง 2 พร้อมรอยยิ้มอ่อนๆ

นี่ทำให้มุมปากของประมุขเฉียนเองก็กระตุกขึ้นมาเล็กน้อย

ส่วนสีหน้าท่าทางของฉางฮุ่ยนั้นบิดเบี้ยวอัปลักษณ์ขึ้นมาในทันใด

ล้อเล่น?

สัตว์เลี้ยงของเจ้าทำลายแขนข้าจนพิการ เจ้ายังกล่าวว่าล้อเล่น?

แน่นอนว่ามันย่อมไม่กล้ากล่าวคำออกมา

มันย่อมรู้ดีแก่ใจ ว่าตอนนี้บุรุษหนุ่มตรงหน้าที่มีเรื่องกับมัน ได้กลายเป็นลูกเขยเจ้าเมืองไปแล้ว!  ถึงแม้พวกมันจะใช้ขุมพลังของตระกูลเฉียนและตระกูลฉางทั้งหมด ก็ไม่มีปัญญาแตะต้องชายหนุ่มตรงหน้าได้!

เพราะเพียงแค่เจ้าเมืองคนเดียวก็สามารถกวาดล้างตระกูลเฉียนและตระกูลฉางให้ราบคาบได้ง่ายดาย

พวกมันทำได้แค่กล้ำกลืนความเจ็บแค้นนี้ไว้เท่านั้น!

และเมื่อทั้งหมดเห็นต้วนหลิงเทียนไม่ได้ติดใจ หรือคิดต่อความยาวสาวความยืดอะไร ทั้ง 4 คนจากตระกูลเฉียนและฉาง ก็ระบายลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก…

หลังจากนั้น พวกมันก็ไม่คิดรั้งอยู่สืบไป รีบกล่าวคำอำลาเจ้าเมืองแล้วจากไปทันที…แผ่นหลังของพวกมันช่างแลดูหดหู่นัก

“ต้วนหลิงเทียน…” ทันใดนั้นเฟิ่งหวู่เต้าก็เรียกชื่อของต้วนหลิงเทียนออกมา  ทำให้ใจของต้วนหลิงเทียนสั่นๆไปเล็กน้อย ก่อนที่จะหันมามองเจ้าเมืองพร้อมยิ้มเจื่อนๆ

เขาย่อมรู้ดี ที่ต้องมา…จะอย่างไรก็ต้องมา

"ท่านเจ้าเมือง" ต้วนหลิงเทียนมองไปยังเจ้าเมืองด้วยท่าทีไม่หยิ่งหรือนอบน้อมจนเกินไป

"ฟังว่า…เจ้ามิต้องการแต่งงานกับลูกสาวของข้าเช่นนั้นหรือ?" ในขณะที่เฟิ่งหวู่เต้ากล่าวคำแรงกดดันไร้สภาพอันน่าเกรงขามแผ่ซ่านออกมา กดทับต้วนหลิงเทียนโดยพลัน

สีหน้าของต้วนหลิงเทียนเปลี่ยนเป็นซีดลงทันที เขารีบเร่งเร้าพลังงานต้นกำเนิดออกมาสุดกำลังเพื่อต้านทาน

วูบ!

ทันใดนั้นสายลมหอบหนึ่งแผ่วพัดมาสัมผัสผิวกาย จมูกยังได้สูดรับกลิ่นหอมประการหนึ่งโชยมา  เป็นร่างบอบบางพุ่งมาขวางกั้นแรงกดดันของเฟิ่งหวู่เต้า!

"พรวด" ร่างบอบบางที่ส่วนสัดลงตัวส่ายโงนเงนไปมาจะล้มแหล่มิล้มแหล่  ปากยังกระอักโลหิตออกมาคำหนึ่ง

“หวู่!” ท่าทางของเฟิ่งหวู่เต้าเปลี่ยนไปโดยพลัน  มันรีบถอนรั้งแรงกดดันกลับคืน ก่อนที่จะกระพริบร่างวูบปานพายุไปประคองร่างบอบบางที่กำลังจะล้มลง พร้อมรีบหยิบโอสถรักษาออกมาโดยด่วน

สีหน้าซีดเซียวของเฟิ่งเทียนหวู่เมื่อได้โอสถรักษา ครู่ต่อมาสีหน้าก็ดีขึ้นไม่น้อย และเมื่อนางฟื้นตัวก็รีบกล่าวคำกับเฟิ่งหวู่เต้า “ท่านพ่อ อย่าได้ทำให้พี่ใหญ่ต้วนลำบากแล้ว…”

“เทียนหวู่…!”ใจของต้วนหลิงเทียนสั่นไหวไปไม่น้อย เมื่อเห็นว่าเฟิ่งเทียนหวู่เจ็บตัวเพราะเขา

ต้วนหลิงเทียนสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆคราหนึ่ง ก่อนที่จะหันไปกล่าวกับเฟิ่งหวู่เต้า “ท่านเจ้าเมือง…แม่เฒ่าซูได้บอกอาการของเทียนหวู่กับข้าแล้ว…ตัวข้าเองก็พอมีความรู้เรื่องร่างกายจิตวิญญาณแห่งธาตุไฟอยู่บ้าง…แต่ตัวข้าไม่ใช่ผู้ครอบครองร่างจิตวิญญาณแห่งธาตุน้ำหรือน้ำแข็ง  ข้าเกรงว่าคงไม่อาจช่วยเหลืออะไรเทียนหวู่ได้…”

"พี่ใหญ่ต้วนท่าน…ท่านรู้แล้วหรือ?" สีหน้าที่พึ่งดีขึ้นของเฟิ่งเทียนหวู่ เริ่มหม่นหมองลงเมื่อได้ยินคำกล่าวของต้วนหลิงเทียน

ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า พร้อมถอนหายใจออกมา “เทียนหวู่เจ้าก็น่าจะบอกข้าตั้งแต่แรก ถ้าข้ามีวิธีช่วยเหลือเจ้า ข้าก็ไม่คิดจะยืนเฉยๆหรอก”

ใบหน้าที่สวยงามของเฟิ่งเทียนหวู่เปลี่ยนเป็นเขินอายโดนพลันเมื่อได้ยินคำต้วนหลิงเทียน

"ไอหนุ่ม เจ้ากล่าวเช่นนี้หมายความว่า…เจ้าคิดแต่งกับลูกข้าแล้วหรือ?" เฟิ่งหวู่เต้าหันไปมองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาเป็นประกาย

"ท่านเจ้าเมือง ในใจของท่านไม่ได้ต้องการให้เทียนหวู่แต่งงาน แต่ต้องการหลีกเลี่ยงหายนะที่จะเกิดขึ้นจากร่างจิตวิญญาณแห่งธาตุไฟ ใช่หรือไม่?" ต้วนหลิงเทียนเลือกที่จะไม่ตอบคำถาม แต่ถามกลับ

“มิผิด” เฟ่งหวู่เต้าพยักหน้าก่อนที่จะกล่าวคำ “แต่การทำนายของท่านแม่เฒ่าพยากรณ์ หนึ่งเดียวในราชวงศ์ต้าฮั่นผู้ที่หยั่งรู้ลิขิตฟ้าชะตาสวรรค์ได้กล่าวเอาไว้ชัดเจนแล้วว่า  เทียนหวู่จักรอดพ้นหายนะที่นางต้องเผชิญเมื่ออายุ 30 ปีไปได้  นางต้องพบพานบุรุษแห่งโชคชะตาแล้วเป็นหนึ่งเดียวกับเขา…”

“ท่านเจ้าเมือง เรื่องนี้ข้าทราบแล้วเพราะเทียนหวู่ได้บอกข้ามา  แต่จากที่ข้ารู้มานั้น หนทางรอดของผู้ที่ครอบครองร่างจิตวิญญาณแห่งธาตุทั้งหลาย รวมถึงธาตุไฟ มีเพียง 2 หนทางเท่านั้น …ที่จะทำให้ผู้ครอบครองร่างจิตวิญญาณแห่งธาตุไม่ต้องประสบหายนะเมื่ออายุครบ 30!”

ต้วนหลิงเทียนค่อยๆกล่าวออกมาอย่างช้าๆ “วิธีแรกก็คือ หาผู้ที่ครอบครองร่างจิตวิญญาณแห่งธาตุน้ำหรือน้ำแข็ง และมีสัมพันธ์กับเทียนหวู่  ส่วนวิธีที่สองก็คือการทำให้เทียนหวู่ตัดผ่านไปยังระดับผันแปรธรรมชาติ ก่อนอายุ 30 ปี หลังจากนั้นนางก็สามารถใช้ความแข็งแกร่งของระดับผันแปรธรรมชาติ ลดทอนพลังแห่งธาตุที่จะตื่นขึ้นเมื่ออายุครบ 30 ปี”

ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกมาอย่างละเอียด ทำให้เฟิ่งหวู่เต้าอดไม่ได้ที่จะมองอย่างลึกซึ้ง

หลังจากนั้นไม่นานเฟิ่งหวู่เต้าก็ขมวดคิ้วขึ้น “สิ่งที่เจ้าพูดอาจจะเป็นเพียงหลักการตามเหตุผลเท่านั้น…แต่จะอย่างไร…ร่างจิตวิญญาณแห่งธาตุก็เป็นตัวตนที่พบพานได้ยากอย่างยิ่ง…ในประวัติศาสตร์ของราชอาณาจักรต้าฮั่นเอง บันทึกเกี่ยวกับร่างจิตวิญญาณแห่งธาตุ ก็เนิ่นนานกว่าพันปีมาแล้ว เจ้ามั่นใจได้อย่างไรว่ามีเพียงเท่านี้?”

“และแม้การค้นหาร่างจิตวิญญาณแห่งธาตุน้ำและน้ำแข็งย่อมมิใช่เรื่องง่ายดาย  แต่จะว่าไป…เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าตัวเจ้ามิใช่ผู้ที่ครอบครองร่างจิตวิญญาณแห่งธาตุน้ำหรือน้ำแข็ง?  จากที่ข้ารู้มาผู้ที่ครอบครองร่างจิตวิญญาณแห่งธาตุนั้น  จะรู้ตัวก็เมื่อพลังแห่งธาตุตื่นขึ้นมาเมื่อตอนอายุ 30 ปีเท่านั้น หากมิได้ทำนายแบบลูกหวู่” เมื่อกล่าวถึงตรงหน้า สายตาของหวู่เต้าก็หรี่ลงพร้อมพินิจไปยังต้วนหลิงเทียนอย่างคมกริบ “บางทีเจ้าอาจจะเป็นผู้ครอบครองร่างจิตวิญญาณแห่งธาตุนั่นโดยที่มิรู้ตัวก็เป็นได้!”

ใบหน้าของต้วนหลิงเทียนชะงักค้างไป พร้อมหัวเราะออกมาเจื่อนๆ “ผู้ครอบครองร่างจิตวิญญาณแห่ธาตุนั้นหาได้ยากเย็นนัก จะมีเรื่องบังเอิญเช่นนี้ได้อย่างไร?”

“บังเอิญเช่นนั้นหรือ?” เฟิ่งหวู่เต้าค่อยๆกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง “เช่นนั้นข้าขอกล่าวถามอะไรเจ้าสักคำ  หลังจากที่ข้าได้ฟังคำทำนายของลูกหวู่… ข้าก็รีบเดินทางมายังเมืองหงส์ฟ้านี่ และทำการเตรียมการทันทีแม้จะไม่กี่ปี แต่มันก็นับนานพอสมควร…แต่ทำไมเจ้าถึงพึ่งมาเยือนในเวลานี้พอดิบพอดี…อีกทั้งเจ้ายังเดินทางมาจากทางใต้…กระทั่งเจ้ายังมาเพราะผลวิญญาณผันแปรโดยเฉพาะ อย่างที่คำทำนายกล่าวเอาไว้?”

“เจ้าคงไม่คิดว่าเรื่องราวเหล่านี้มันจะบังเอิญมากเกินไปหน่อยหรือ?” เฟิ่งหวู่เต้ากล่าวถามออกมา

ต้วนหลิงเทียนเงียบไป ไม่รู้จะแย้งกลับอย่างไร

นี่มันต้องเป็นเรื่องบังเอิญแน่ๆ แต่เป็นเรื่องบังเอิญที่มาติดกันถี่ยิบจนน่ากลัว!

ต้วนหลิงเทียนระบายลมหายใจออกมา “เอาล่ะ ต่อให้ข้าเกิดเป็นผู้ที่ครอบครองร่างจิตวิญญาณแห่งธาตุน้ำหรือน้ำแข็งที่พลังยังไม่ตื่นขึ้นมาจริงๆ…แต่ท่านไม่คิดว่านี่มันกะทันหันไปหน่อยหรือ?  อยู่ๆท่านก็มอบบุตรสาวให้แต่งกับข้า โดยที่ไม่ได้ล่วงรู้พื้นหลัง หรือนิสัยของข้าเลย ท่านไม่กลัวว่าเทียนหวู่จะต้องพบเจอกับความเสียใจหรือถูกข้ารังแกหรือไร?”

“เจ้ากล้ารังแกลูกข้าหรือ?!” ทันใดนั้นเฟิ่งหวู่เต้าพลันแผดเสียงออกมาอย่างเกรี้ยวกราด แรงกดดันไร้สภาพปะทุออกมาจนมวลอากาศสั่นสะท้าน โต๊ะและเครื่องเรือนในห้องสั่นไหวราวกับจะพังทลาย

ต้วนหลิงเทียนบังเกิดความหนาวเหน็บในทันใด

ความแข็งแกร่งที่สูงส่งเช่นนี้ เพียงแค่แผดเสียงก็ก่อให้เกิดปรากฏการณ์น่ากลัว ดั่งแผ่นดินไหวแล้ว!

"ท่านพ่อ ท่านอย่าได้รังแกพี่ใหญ่ต้วนนะ" คิ้วที่สวยงามของเฟิ่งเทียนหวู่ขมวดเป็นปม นางมองมาด้วยสายตาไม่พอใจเล็กน้อย

เฟิ่งหวู่เต้าที่เห็นก็เบิกตาโพลง ถอนรั้งแรงกดดันทันที “ผู้คนมักบอกว่าสตรีเมื่อออกเรือนแล้วล้วนกระทำตามสามีทุกสิ่ง…แต่นี่เจ้ายังมิทันได้แต่งงานอะไร เจ้าก็เข้าข้างไอหนุ่มนี่ซะแล้ว…”

"ท่านพ่อ ท่านกล่าวเหลวไหลอันใดกัน?" ใบหน้าที่งดงามของเฟิ่งเทียนหวู่แดงก่ำขึ้นมาราวกับจะคั้นได้เป็นหยดโลหิต  นอกจากนี้นางก็ลอบชำเลืองมองต้วนหลิงเทียน …และรีบก้มหัวลงไปโดยพลันด้วยความเขินอายเมื่อเห็นว่าต้วนหลิงเทียนเองก็กำลังมองมาที่นางอยู่

ต้วนหลิงเทียนเองก็อึ้งไปเช่นกัน

ตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างต้วนหลิงเทียนกับเฟิ่งเทียนหวู่อาจกล่าวได้ว่า …ต่างรู้จักกันเพราะต่อยตี

แต่ตอนนี้เขาสัมผัสได้ชัดเจนว่าเฟิ่งเทียนหวู่ดูเหมือนจะมีใจให้เขา…

เรื่องนี้มันอะไรกัน?

เขาไม่เข้าใจจริงๆ

"หรือว่าข้าหล่อเหลาและมีเสน่ห์มากเกินไปกัน?" ต้วนหลิงเทียนครุ่นคิดอย่างจริงจัง…

 

Prev
Next

ความคิดเห็นสำหรับ "บทที่ 430 : ขอขมา"

3.7 232 โหวต
คุณชอบเรื่องนี้ไหม?
ติดตาม
เข้าสู่ระบบ
แจ้งเตือนของ
กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่คุณอาจชอบ

The Divine Nine-Dragon Cauldron
The Divine Nine-Dragon Cauldron
พฤษภาคม 17, 2022
ภาพเทพอสูรบรรพกาล : Archean Eon Art
ภาพเทพอสูรบรรพกาล : Archean Eon Art
มีนาคม 12, 2022
วิถีสู่สวรรค์
วิถีสู่สวรรค์
มีนาคม 12, 2022
รุ่งอรุณแห่งยุคใหม่ ( 末世虐杀游戏最新章节 )
รุ่งอรุณแห่งยุคใหม่ ( 末世虐杀游戏最新章节 )
มีนาคม 12, 2022
The Inverted dragons scale
The Inverted dragons scale
มีนาคม 12, 2022
มหายุทธทลายดารา!
มหายุทธทลายดารา!
มีนาคม 12, 2022
Tags:
#ผจญภัย, กำลังภายใน, ต่อสู่, สงคราม
ประวัติการเข้าชม
You don't have anything in histories
หมวดหมู่นิยาย
  • sci-fi (24)
  • Video Games (11)
  • กำลังภายใน (36)
  • จีนกำลังภายใน (1)
  • ดราม่า (3)
  • ตลก (3)
  • นิยายลิขสิทธิ์ (18)
  • นิยายแต่ง (3)
  • ย้อนยุค อนาคต (7)
  • สยองขวัญ (2)
  • เกมส์ออนไลน์ (5)
  • แฟนตาซี (161)

© 2025 Madara Inc. All rights reserved

Premium Chapter

คุณจำเป็นต้องเข้าสู่ระบบก่อน

wpDiscuz