สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - บทที่ 426 : พิรุณบุปผาพร่างพราว
WSSTH บทที่ 426 : พิรุณบุปผาพร่างพราว
“หากเจ้าต้องการผลวิญญาณผันแปร ก็ต้องดูว่าความสามารถของเจ้าถึงหรือไม่!” เสียงของบุตรีเจ้าเมืองครานี้ฟังไปคล้ายตะคอกออกมาด้วยความไม่พอใจ ซ้ำยังมีโทสะอารมณ์เจืออยู่ไม่น้อย
อย่างว่า ยามนี้ต่อให้เป็นผู้ที่อ่อนโยนเพียงใด ก็ยังต้องเกรี้ยวกราดสักครา!
ว่าแต่ อะไรกันที่ ทำให้บุตรีของเจ้าเมืองที่ปกติมักจะสงบๆนิ่งๆ กลับกลายเป็นเกรี้ยวกราดบุรุษผู้หนึ่งได้มากมายถึงเพียงนี้กัน ?
ฟุ่บ!
เมื่อบังเกิดโทสะอารมณ์ไม่น้อย ร่างที่บอบบางแต่ได้ทรงของนาง พลันกระพริบวูบพุ่งตัวออกไปอย่างเดือดดาล ทั่ว ร่างของนางแผ่ซ่านพลังงานต้นกำเนิดออกมามหาศาล กระแสพลังที่ปกคลุมแลไปราวกับ หงส์เพลิงฟ้าสยายปีกกำลังแผ่ซ่านพลังเพลิงพวยพุ่งออกมา ทะยานไปหาต้วนหลิงเทียน
วู้มมมม!!
ฝ่ามือที่เรียบเนียนดั่งหยกเนื้อดีตบฟาดออกมาตรงๆอย่างไร้ไมตรี สภาวะหนักแน่นแกร่งกล้าประหนึ่งฝ่ามือที่ตบฟาดใส่ต้วนหลิงเทียนนี้ ต่อให้จะมีขุนเขากั้นขวางอยู่เบื้องหน้า ยังต้องแหลก!!
ความแข็งแกร่งของฝ่ามือนี้ยามปะทะทรงอานุภาพถึง 800 ช้างแมมมอธโบราณ!
"ไอหนูนั่น ฉิบหายแน่แล้ว!"
ในขณะที่ทุกคนคิดอ่านประการเดียวในใจนั้นเอง
ต้วนหลิงเทียนก็เริ่มลงมือเคลื่อนไหวโต้ตอบออกมาทว่าหาได้หลบหลีกโยกตัวหนีอะไร เขาเพียงแค่ยกมือขึ้นตบฟาดออกไปเท่านั้น ร่างของเขายังคงยืนหยัดอยู่ที่เดิมดั่งเขาไท่ซันไม่หวั่นหวาด เจตนาหมายหักหาญพลังทำลายปานแยกขุนเขาจากฝ่ามือบุตรีเจ้าเมืองซึ่งๆหน้า
และทันใดนั้นเอง เงาร่างช้างแมมมอธโบราณพลันปรากฏออกมาบนฟ้าเหนือร่างต้วนหลิงเทียน 711 ตัว พวกมันฟาดงวงงายกเท้าอย่างดุร้ายแสงพลังจากร่างของพวกมันเรืองรองราวกับสายรุ้ง
“ระดับวิญญาณแรกก่อตั้งขั้นที่ 5” ความประหลาดใจเผยออกมาในแววตาของบุตรีเจ้าเมือง เห็นได้ชัดว่านางเองก็ไม่คาดคิดว่าต้วนหลิงเทียน จะมีระดับบ่มเพาะถึงขีดขั้นนี้ด้วยวัยเท่านี้
แต่สำหรับนางแล้ว การที่ต้วนหลิงเทียนคิดใช้ฝ่ามือ ที่มีพลังความแข็งแกร่งเพียง 711 ช้างแมมมอธโบราณ ปะทะหักหาญกับฝ่ามือของนางโดยตรงนั้น ก็เป็นเรื่องโง่เขลาเท่านั้น!
“ระวังด้วย!” ต้วนหลิงเทียนแน่นอนยอมคาดเดาความคิดของบุตรีเจ้าเมืองได้ เมื่อเห็นร่องรอยความดูแคลนอยู่ในแววตาของนาง เขาจึงเลือกที่จะส่งเสียงกล่าวเตือนออกไป ในขณะที่ฝ่ามือกำลังจะปะทะกัน
“ยังกล้าอวดโอ่! ไร้ยางอาย!” บุตรีจ้าวเมืองเพียงกล่าวแค่นออกมาเสียงดังคำหนึ่ง ทว่าร่างของนางยังคงพุ่งทะยานโหมกระหน่ำไปราวกับเพลิงร้อนแรง หมายแผดเผากลืนกินร่างต้วนหลิงเทียนให้มอดไหม้สักครา!
ม่านตาของต้วนหลิงเทียนหดแคบลง เมื่อเห็นร่างของบุตรีเจ้าเมืองยิ่งพุ่งเขามาด้วยความเกรี้ยวกราด
พลังสั่นสะเทือน!
ทันใดนั้นพลังงานต้นกำเนิดบนฝ่ามือของต้วนหลิงเทียนก็เริ่มสั่นสะเทือนด้วยความถี่สูงขึ้นเรื่อยๆ!
และเพียงพริบตา พลังสั่นสะเทือนก็ถูกเร่งเร้าจนถึงขีดสุด!
ทันใดนั้นเองฝ่ามือของทั้ง 2 คนต่างก็พุ่งเข้าปะทะหักหาญกัน!
ปงงงงง!!
เมื่อพลังงานต้นกำเนิดอันมหาศาล 2 ขุมพลังซัดฟาดปะทะกันตรงๆ แน่นอนว่ามันย่อมก่อให้เกิดคลื่นพลังอัดกระแทกรุนแรง มวลอากาศขนาดมหึมาแตกระเบิดออกไปโดยรอบ คลื่นลมไร้สภาพซัดสาดแผ่พุ่งออกไปทั่วบริเวณเป็นวงกว้าง
ยังไม่ใช่แค่นั้น ยามนี้ฝุ่นละอองธุลีดินทั้งหลายแหล่ ก็เริ่มคละคลุ้งลอยล่องขึ้นมาบดบังร่างของต้วนหลิงเทียนและ บุตรีเจ้าเมืองที่ปะทะกันกลางเวทีเสียมิด ทำให้ผู้ชมทั้งหลายไม่อาจรับรู้ได้ว่ายามนี้บนเวทีเกิดสิ่งใดขึ้น
แต่กระนั้นผู้คนก็ยังคงจดจ่อ จับจ้องไปราวกับจะมองฝ่าทะลุกลุ่มฝุ่นละอองธุลี ไม่คิดเบือนหน้าหลบหนีไปไหน แม้สายลมที่ซัดมาอย่างแรงจะหอบฝุ่นผงให้เข้าตาพวกมันก็ตาม
ในความคิดของทุกผู้คนนั้น ถึงแม้ว่าชายหนุ่มผู้นั้นจะมีความสามารถมิใช่ชั่ว ด้วยตัวมันกลับบรรลุระดับวิญญาณแรกก่อตั้งขั้นที่ 5 …แต่จะอย่างไรบุตรีเจ้าเมืองก็มีความแข็งแกร่งอยู่ที่ระดับวิญญาณแรกก่อตั้งขั้นที่ 6!
ระดับบ่มเพาะมันเหนือกว่ากันเห็นๆ!
สำหรับพวกมันแล้วจะอย่างไรการปะทะหักหาญครานี้ ผู้ที่ได้ชัยย่อมเป็นบุตรีเจ้าเมืองอย่างไร้ขอกังขาใดๆ
แต่ช่างน่าเสียดาย บางครั้งความเป็นจริงมันก็ต่างจากภาพฝันจินตนาการ และเรื่องราวบางประการก็อยู่เหนือคาดคิดผู้คนได้เสมอ ภาพตรงหน้าที่ปรากฏขึ้นหลังฝุ่นละอองกลับทำให้พวกมันแลดูเป็นตัวโง่งมในทันใด
"ถอยไป!!" แรกเริ่ม…พวกมันพลันได้ยินวาจาตะโกนก้องออกมา ต่อมา…พวกมันก็ได้เห็นร่างของบุตรีท่านเจ้าเมืองของพวกมันเริ่มสั่นสะท้าน แล้วนางก็รีบสืบเท้าถีบร่าง ส่งตัวทะยานถอยหลังออกมาในทันใด สีหน้ายังเผยความประหลาดไม่น้อย
"นี่มันเรื่องอะไรกัน เป็นไปได้อย่างไร?" เหล่าผู้ชมที่รับชมดูเรื่องราวทั้งหมดล้วนเบิกตากว้างด้วยความสงสัย ในแววตาเผยความไม่ยอมรับและเหลือเชื่อออกมา
ถึงแม้ว่าชายหนุ่มผู้นั้นจะแปลกประหลาดนัก ที่มีความแข็งแกร่งเหนือกว่าคนปกติที่อยู่ในระดับวิญญาณแรกก่อตั้งขั้นที่ 5 เช่นเดียวกันถึง 11 ช้างแมมมอธโบราณ
แต่จะอย่างไรความแข็งแกร่งของฝ่ามือที่ตบพุ่งออกไปของเขานั้น ก็ยังคงมีความแตกต่างกับบุตรีท่านเจ้าเมืองอยู่ถึง 89 ช้างแมมมอธโบราณไม่ใช่หรือไร?
แล้วเขาจะมีชัยเหนือนางไปได้อย่างไรกัน?
"นี่ใช่ทั้งคู่กำลังเล่นละครอันใดอยู่หรือไม่?" ตอนนี้หลายคนก็อดไม่ได้ ที่จะบังเกิดความคิดเช่นนี้ผุดขึ้นมาในหัว
ในตอนนี้เกรงว่านอกจากต้วนหลิงเทียนแล้ว คงมีเพียงบุตรีเจ้าเมืองที่สัมผัสกับตัว และรับรู้ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ได้อย่างชัดเจน!
บุตรีเจ้าเมืองมองไปยังต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อ ทั้งยังลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่นางจะกล่าวถามออกมาอย่างไม่ค่อยแน่ใจว่า “เจ้า…เจ้าใช้อาคมจารึกหรือ?”
"อาคมจารึก"
เมื่อคำกล่าวของลูกสาวเจ้าเมืองดังขึ้นเข้าหูทุกผู้คน บริเวณรอบๆ เวทีเสมือนดั่งมีฝนห่าใหญ่กระหน่ำลงทันที อื้ออึงเซ็งแซ่ขึ้นมาในทันใด
"บัดซบ ไอหนูนั่นมันกล้าใช้อาคมจารึก ตรงนี้จริงๆ?"
“ข้าก็ว่าอยู่แล้ว มิน่าแปลกใจอันใดหากมันจักชนะเมื่อครู่ ทั้งๆที่มีระดับบ่มเพาะอ่อนแอกว่า ทั้งยังทำให้ลูกสาวท่านเจ้าเมืองล่าถอยได้เช่นนี้ …ไอ่พวกเราก็ครุ่นคิดกันตั้งนาน …เพ้ย! ที่แท้ก็ใช้อาคมจารึก…”
“ไอเด็กบัดซบ! รีบไสหัวลงมาให้บิดา!! เจ้ามันช่างไร้ยางอายนัก! ตัวหน้าด้านเช่นเจ้ามิสมควรจะยืนอยู่บนเวที!”
"ไสหัวลงมา!"
…
เพียงเวลาแค่ไม่นาน ต้วนหลิงเทียนก็กลับกลายเป็นศัตรูร่วมของทุกผู้คนเสียอย่างนั้น!
"เหอะ!!" ทันใดนั้นเองน้ำเสียงเย็นชาจากแค่นเสียงสบถ ก็ดังขึ้นเข้าหูทุกผู้คนโดยพลัน ทั้งมันยังดังราวกับเสียงอัสนีคำรนยามบังเกิดมรสุมห่าใหญ่!
พริบตาต่อมาบริเวณรอบๆ เวทีก็เงียบสงบเพราะถูกเสียงสบถนี้สะกด
“นางอาจจะไม่รู้…แต่เป็นไปได้หรือไร ที่พวกเจ้าทั้งหลายที่อยู่ตรงนี้ จะไม่มีไอหน้าไหนรู้เรื่องเลย?” หลังจากกล่าววาจาดูแคลนออกมา ต้วนหลิงเทียนก็กวาดสายตาเหลือบมองกวาดไปยังฝูงชนด้วยสายตาไร้อารมณ์ไม่แยแสใดๆ ท่าทางตอนนี้ดูราวกับเขาชิงชังหยามหยันผู้คนนัก “ตอนไหนกันที่พวกเจ้าเห็นข้าเปิดใช้อาคมจารึก? นอกจากนั้นถ้าข้าใช้อาคมจารึกจริง มันก็ยังต้องเหลือร่องรอยพลังงานตกค้างอยู่บ้าง…แล้วตอนนี้พวกเจ้าหน้าไหนกัน ที่เห็นตอนข้าเปิดใช้อาคม หรือกระทั่งสัมผัสได้ถึงร่องรอยตกค้าง?”
ตอนนี้ผู้คนรอบๆ เงียบปากกันไปทันที
“เขามิได้ใช้อาคมจารึกอันใด” ในตอนนี้เองท่ามกลางสถานการณ์อิหลักอิเหลื่อ เสียงแม่เฒ่าชุดฟ้าที่ยืนอยู่ข้างเวทีพลันโพล่งขึ้นมากลางปล้อง สายตาของนางยังจับจ้องมองมายังต้วนหลิงเทียนอย่างลึกซึ้ง
เมื่อได้รับคำยืนยันเช่นนี้ เหล่าฝูงชนเสมือนถูกตบหน้าฉาดใหญ่ สงบเสงี่ยมวาจากันหมดสิ้น ไอที่ด่าต้วนหลิงเทียนเมื่อครู่ ก็แทบจะมุดแทรกธรณีหนี
“ขอบคุณแม่เฒ่า นับว่าท่านยังมีสายตาแหลมคมนัก …ไม่เหมือนใครบางคนแถวนี้…”ต้วนหลิงเทียนหันไปพยักหน้าให้แม่เฒ่าชุดฟ้า ก่อนที่จะกล่าววาจาออกมาพร้อมหันมาเหลือบมองบุตรีเจ้าเมืองที่สวมชุดแดง วาจาแฝงความนัยคล้ายจะสื่ออะไรบางอย่าง
"เจ้า!!" บุตรีเจ้าเมืองพลันพิโรธขึ้นมาเมื่อถูกกล่าวค่อนแคะซึ่งๆหน้า นางเดือดดาลถึงขั้นยกเท้าขึ้นมากระทืบเวทีประลองจนหินแกร่งแตกร้าว ทันใดนั้นนางก็สะบัดมือขึ้น ก่อนที่จะปรากฏแส้เส้นหนึ่งผุดออกมาจากอากาศว่างเปล่าเข้าสู่มือ ตัวแส้ส่องสว่างเรืองรองขึ้นมาโดยพลัน ราวกับมันมีเปลวเพลิงลุกโหมอาบไล้อยู่อย่างไรอย่างนั้น
บุตรีเจ้าเมืองไม่รอช้า นางถ่ายทอดพลังงานต้นกำเนิดลงสู่แส้ พร้อมพุ่งร่างไหววูบไปหาต้วนหลิงเทียนอีกครา
เหนือร่างของนาง ปรากฏเงาร่างช้างแมมมอธโบราณอีก 380 ตัวข้างๆ 800 ช้างแมมมอธโบราณที่มีก่อนหน้า
วู้มมม!!
แส้ตบฟาดมาด้ววยความเร็วสูงฉีกฝ่าอากาศราวกับอสรพิษพุ่งทะยาน หมายฉกรัดไปที่ต้วนหลิงเทียน
“หืม? อาวุธวิญญาณระดับ 5?!” ต้วนหลิงเทียนหรี่ตาลงโดยพลัน
เมฆลมประสานเคลื่อนคล้อย!
ต้วนหลิงเทียนไม่กล้าลังเลอะไร พลังงานต้นกำเนิดของเขาปะทุออกมาทั่วร่าง ทั้งยังใช้พลังงานสั่นสะเทือนเต็มกำลัง รีบถีบร่างพุ่งออกไปคล้ายสายลมหอบใหญ่ พยายามหลบเลี่ยงแส้ดั่งอสรพิษปราดเปรียวที่ฉกวูบมาทางเขาอย่างยากลำบาก!
นั่นเพราะแส้นี้มีความแข็งแกร่งถึง 1,180 ช้างแมมมอธโบราณ
"แส้วิญญาณระดับ 5 ที่เพิ่มพูนพลังผู้ใช้ได้ 48% เช่นนั้นหรือ …พื้นหลังของจ้าวเมืองหงส์ฟ้า ที่แท้เป็นใครกันแน่?" ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนเคลื่อนร่างหลบแส้ ความคิดในหัวก็แล่นวูบขึ้นมาอย่างฉับไว
นั่นเพราะในอาณาจักรพนาครามนั้น อาวุธวิญญาณระดับ 5 แทบจะมีนับได้ด้วยนิ้วมือ
ถึงแม้จะเป็นนิกายกระบี่ 7 ดาว ที่ทุกผู้คนในอาณาจักรต่างให้การยอมรับว่าเป็นนิกายอันดับ 1 ก็ยังมีอาวุธวิญญาณระดับ 5 เพียงแค่เล่มเดียวเท่านั้น และยังเป็นมรดกตกทอดของประมุขนิกายจากรุ่นสู่รุ่นอีกด้วย!
ทว่าตอนนี้บุตรีเจ้าเมืองๆ หนึ่งกลับหยิบอาวุธวิญญาณระดับ 5 ออกมากวัดแกว่งหมายทุบตีเขาอย่างไร้เรื่องราว ราวกับหยิบไม้พลองโง่ๆขึ้นมาเสียอย่างนั้น นี่ทำให้ต้วนหลิงเทียนพูดไม่ออก
“พิรุณบุปผาพร่างฟ้า” (เกือบใส่ แส้บุปผาพร่างพราวดาวดาษของพี่ประมุขมาละ! คำดันใช้เหมือนๆกัน)
ทันใดนั้นเงาแส้นับไม่ถ้วนพลันกระพริบวูบ เพียงเสี้ยวพริบตาก็พร่างพราวเต็มผืนฟ้าเบื้องหน้า ราวกับมันจะเป็นพายุกลีบบุปผาร่วงโรย ซัดสาดถาโถมเข้าหาต้วนหลิงเทียน…
"วิชาที่ลึกล้ำนัก!" สองตาต้วนหลิงเทียนจดจ่อไปยังเงาแส้เบื้องหน้า เขาย่อมสัมผัสได้ว่าเงาแส้นับร้อยพันที่พร่างพราวอยู่เบื้องหน้านั้น แต่ละเงาล้วนพุ่งซัดมาทางเขาทั้งสิ้น ไม่ว่าหลบซ้ายป่ายขวาหรือกระโดดขึ้นฟ้า ก็ยากที่จะหลบหนี
ปานภาพเงาแส้ที่พร่างพราวอยู่นี้จะร้อยเรียงถักทอเป็นตาข่ายฟ้า แหสวรรค์ หมายทอดจับต้วนหลิงเทียน
ต้วนหลิงเทียนเองก็ไม่ใช่ว่าจะไม่เคยเจอวิชายุทธ์ในรูปแบบเงามายาลวงตาเช่นนี้ แต่วิชายุทธ์ที่เขาพบเจอในอดีตล้วนมีช่องว่างและจุดอ่อนให้ฉกฉวยอยู่บ้าง
ตอนนี้คงเหลือเพียงหนทางเดียวคือขุดพื้นเวทีแล้วมุดแทรกลงไปในดินเท่านั้นถึงจะหลบหลีกเพลงแส้นี้ได้อย่างหมดจด หาไม่แล้วก็เป็นเรื่องยากสำหรับต้วนหลิงเทียนที่จะเอาตัวรอดจากมายาแส้ที่คลุมฟ้าของบุตรีเจ้าเมืองได้
ตอนนี้รอบบริเวณพลันเงียบสงบไร้กระทั่งเสียงลมหายใจ ทุกสายตาของผู้คนจับจ้องจดจ่อไปยังเวทีประลองเบื้องหน้าตาไม่กระพริบ ราวกับทั้งหมดกลัวเกรงจะพลาดรายละเอียดใดๆ
วู้มมม!
ในเมื่อต้วนหลิงเทียนไม่อาจหลบหนีไหนได้พ้น เช่นนั้นก็ไม่ต้องหลบหนีอะไรให้ยุ่งยาก! เขาสะบัดมือคราหนึ่งกระบี่อ่อนดาราม่วง พลันเผยให้โลกหล้าได้ยลโฉมอีกครา ตัวกระบี่บางคล้ายปีกจั๊กจั่นสะท้อนแสงตะวันส่องประกายม่วงเรืองรอง เนิ่นนานมาแล้วที่กระบี่อ่อนนี้มิได้ถูกชัก!
พริบตาต่อมาพลังงานต้นกำเนิดพลันโคจรด้วยความเร็วสูงทั่วร่างดั่งสายน้ำคลั่ง ถ่ายทอดลงตัวกระบี่ในทันใด ตัวกระบี่ยิ่งมายิ่งทอประกายเรืองรอง ใบกระบี่ดั่งจะเป็นผลึกแก้วสะท้อนแสงสดใส
บนผืนฟ้าปรากฏเงาร่างช้างแมมมอธโบราณอีก 299 ตัว ข้างๆ เงาร่างช้างแมมมอธโบราณ 711 ตัวก่อนหน้า
กระบี่อ่อนดาราม่วงนั้น ได้ถูกยกระดับเป็นกระบี่วิญญาณระดับ 6 ไปแล้ว…
และเนื่องจากมันเป็นกระบี่ที่ต้วนหลิงเทียนตั้งใจหลอมสร้างปรับแต่งด้วยความประณีต มันจึงมีความสามารถเพิ่มพูนความแข็งแกร่งให้ผู้ถือครองสูงถึง 42%!
กล่าวได้ว่ายามถือกระบี่อ่อนดาราม่วงไว้ในมือ ความแข็งแกร่งและความเร็วในการโจมตีของกระบี่ต้วนหลิงเทียนสูงถึง 1,010 ช้างแมมมอธโบราณ!
อย่างไรก็ตามแม้ความแข็งแกร่งของต้วนหลิงเทียนจะไม่น้อย แต่ ความแข็งแกร่งของบุตรีเจ้าเมืองยังคงเหนือกว่า
แม้กระทั่งใช้ออกด้วยพลังสั่นสะเทือนแล้วก็ยังไม่อาจถมกลบช่องว่างนี้ได้
“กระบี่วิญญาณของเจ้าเองก็นับว่ามิเลว แต่น่าเสียดาย ที่วันนี้เจ้าต้องปราชัย!” เสียงบุตรีเจ้าเมืองดังขึ้นอีกครา ในน้ำเสียงเผยความเย็นเยือกออกมา แส้ในมือของนางยิ่งมายิ่งตวัดไหววูบด้วยความเร็วสูง เงาแส้มายานับหมื่นพันพร่างพราวเต็มผืนฟ้าราวกลีบบุปผาที่ถาโถมโหมกระหน่ำใส่ต้วนหลิงเทียนไม่ต่างจากหยาดพิรุณห่าใหญ่
“เจ้ามั่นใจขนาดนั้นเลย?” ในห้วงเวลาวิกฤตเช่นนี้ ผิดคาด ใบหน้าของต้วนหลิงเทียนกลับคลี่ยิ้มสดใสออกมา
ทันใดนั้นเองนอกเหนือจากพลังงานต้นกำเนิดแล้ว ตัวกระบี่อ่อนดาราม่วงของต้วนหลิงเทียนพลันบังเกิดกระแสพลังลี้ลับสายหนึ่งฉาบทับไว้อีกขั้น กลิ่นอายพลังลึกล้ำเริ่มแผ่ซ่านออกมาในบรรยากาศ
ทันใดนั้นเมื่อกระแสพลังลึกล้ำปรากฏออกมาฉาบทับไปทั่วทั้งตัวกระบี่อ่อนดาราม่วงในมือของต้วนหลิงเทียน เหนือฟากฟ้าพลังงานฟ้าดินพลันตอบรับกับความแข็งแกร่งของพลังนี้ฉายชัดก่อเงาร่างช้างแมมมอธโบราณเพิ่มขึ้นอีกครา
"นั่นมัน… " ผู้คนที่ชมดูอยู่รอบๆเวทีประลองถึงกับอึ้งมองค้าง ราวตัวบ้าใบ้
"พลังลม!" ม่านตาของแม่เฒ่าชุดฟ้าที่ยืนข้างเวทีอดที่จะไม่ได้ที่จะหดตัวลงโดยพลัน
"พลังลม!" แม้กระทั่งชายวัยกลางคนที่สวมชุดแดงเพลิงขลิบทอง และชายชราชุดเทาที่ลอยล่องอยู่เหนือฟ้า สองตาทั้งคู่ต่างเบิกกว้างใสแจ๋ว ร่างยังสะท้านไปคราหนึ่งเช่นกัน!
พวกมันย่อมสัมผัสและระบุได้ทันที ว่าที่บังเกิดขึ้นต่อหน้านั้นเป็นพลังลมที่แท้จริง หาใช่เมล็ดพันธุ์พลังลมไม่!
"สหายน้อยผู้นี้ นับว่าข่มขวัญผู้คนแทบตายแล้ว" ชายชราชุดเทาอดไม่ได้ที่จะระบายลมหายใจออกมาด้วยอารมณ์สะท้อน
พริบตาไอพลังฟ้าดิน ก็ตอบรับความแข็งแกร่งพลังลมเบื้องต้นของต้วนหลิงเทียน ก่อเกิดเป็นเงาร่างช้างแมมมอธโบราณเพิ่มขึ้นมาอีก 200 ตัว…
ตอนนี้ความแข็งแกร่งของต้วนหลิงเทียนก็นับว่าเพิ่มพูนถึงขีดสุด ใช้ออกมาถึงขีดจำกัดแล้ว!
ความแข็งแกร่ง 1,210 ช้างแมมมอธโบราณ
นับว่าเหนือกว่าเงาร่างช้างแมมมอธโบราณจำนวน 1,180 ตัวของบุตรีเจ้าเมืองอย่างเห็นได้ชัด
และภายใต้ทุกสายตาของผู้คนที่จับจ้องมองมา ร่างของต้วนหลิงเทียนผู้ที่ถูกเงาแส้นับร้อยพันปกคลุมอยู่ ก็เริ่มลงมือเคลื่อนไหว
วิชาวาดกระบี่!
ประกายตาคมกล้าดั่งพญาเหยี่ยวเรืองวูบขึ้นมาโดยพลัน กระบี่อ่อนตวัดจ้วงแทงออกด้วยพลังจากการบิดหมุนวนส่งแรงหนุนเสริมจากข้อต่อ ขับเน้นให้สภาวะกระบี่ว่องไวดุจเส้นสายอัสนีบาตปะทุ
และด้วยการเร่งเร้าพลังวิญญาณออกมาสูงสุด…ต้วนหลิงเทียนสามารถจับสัมผัสได้อย่างทะลุปรุโปร่ง ค้นพบแส้ที่แท้จริงท่ามกลางเงาแส้นับพันหมื่นของบุตรีเจ้าเมืองได้ในเสี้ยวพริบตา แน่นอนว่ากระบี่ที่ตวัดจ้วงแทงไปย่อมจี้ตรงไปยังเงาแส้นั้น
พิชิตมังกร!
ทันใดนั้น ต้วนหลิงเทียนพลันโคจรพลังงานต้นกำเนิดที่ถ่ายทอดลงตัวกระบี่อ่อนดาราม่วง ด้วยเคล็ดวิชาระดับห้วงมหรรณพขั้นสูงอย่าง ฝ่ามือพิชิตมังกรที่เจ้าตัวบรรลุถึงแก่นแท้ใช้ออกได้ดั่งใจ มวลพลังงานต้นกำเนิดและพลังลมในกระบี่อ่อนดาราม่วง พลันถูกรวมศูนย์ในจุดๆเดียว ทิ่มทะลวงออกไปดั่งหมุดมรณะ
เปรี๊ยงงง!!! วู้มมมม!!
เสียงวัตถุกระทะกระบี่ พร้อมด้วยเสียงพลังงานปะทะหักหาญด้วยกำลัง ดังกึกก้องขึ้น
ในพริบตานี้ต้วนหลิงเทียนเหมือนจะได้เห็นภาพบุตรีเจ้าเมือง ถูกเขากดดันให้ล่าถอยปรากฏขึ้นมาอีกครา
"นั่นมัน… " แต่ทว่า ทันใดนั้นเอง ต้วนหลิงเทียนสังเกตเห็นว่าอยู่ๆ ก็มีกระแสพลังขุมหนึ่งพวยพุ่งขึ้นมาต่อต้านปลายกระบี่อ่อนดาราม่วงที่จ้วงแทงแส้อยู่อย่างฉับพลัน!
และเขาเห็นได้ชัดถนัดตาว่าเหนือศีรษะของบุตรีเจ้าเมืองยามนี้ ไอพลังฟ้าดินเริ่มปั่นป่วนอีกครา ก่อนที่มันจะเริ่มก่อเงาร่างช้างแมมมอธโบราณออกมาเพิ่มเติมอีก 120 ตัว เคียงข้างกับเงาร่างช้างแมมมอธโบราณ 1,180 ตัวก่อนหน้า!