สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - บทที่ 424 : ข้อห้าม!
WSSTH บทที่ 424 : ข้อห้าม!
ต้วนหลิงเทียนรออีกสักครู่หนึ่ง อาหารของเขาก็ถูกยกมาจัดวาง แน่นอนว่าต้องสั่งมาเต็มโต๊ะ เพราะมีตัวกินจุอย่างเจ้าหนูตัวน้อย
อาหารที่ต้วนหลิงเทียนกินไปนั้น ย่อมไม่ค่อยเยอะเท่าไรเพียงครู่เดียวเขาก็กินอิ่มแล้ว ที่เหลือก็คือการนั่งดูเจ้าหนูน้อยจัดการอาหารทั้งโต๊ะอยู่ตัวเดียว…
ร่างกายของสหาย้อยตัวนี้ แลดูไปก็กระจิดริดกระจิ๋วหลิว แต่ไม่รู้ว่ากระเพาะของมันมีก้นบึ้งอยู่ทีใด เคี้ยวๆกลืนๆ ไม่กี่คำอาหารกว่าครึ่งโต๊ะก็อันตรธานหายลับไป ความกินจุนี้ทำให้ทุกคนในเหลาที่มองมาอึ้งค้างกันไปเป็นแถว
ทันใดนั้นเอง บทสนทนาหนึ่งก็ดังขึ้นเข้าหูของต้วนหลิงเทียน อันที่จริงบทสนทนานี้ยังดังขึ้นในอีกหลายๆโต๊ะเช่นกัน
“เพ้ย เจ้าจักกินอันใดเยอะแยะ รีบๆอิ่มแล้วไปกันได้แล้ว! มัวแต่กินเช่นนี้หากพวกเราอดดูการประลองหาคู่ ของบุตรตรีท่านเจ้าเมือง ข้าจักผ่าท้องเจ้า!”
“ฮาย! ความแข็งแกร่งของบุตรีเจ้าเมืองสูงส่งเกินไป อย่าได้พูดถึงอัจฉริยะหนุ่มอายุมิถึง 25 ปีเลย ข้าเกรงว่าต่อให้จำกัดอายุไว้ที่ 30 ก็หามีอัจฉริยะหนุ่มคนไหนของอาณาจักรศิลาทมิฬเอาชนะนางได้หรอก…”
“เอาน่า วันนี้ก็เป็นวันสุดท้ายของการประลองหาคู่แล้ว…ข้าว่าอัจฉริยะหนุ่มทั้งหลายที่อยู่รอบๆ เมืองหงส์ฟ้าล้วนต้องมากันทั้งหมดเป็นแน่ ข้าเองก็คิดว่าทั้งหมดล้วนมิใช่คู่ต่อสู้ของนาง จะมากี่คนก็ไร้ซึ่งความหวังได้เป็นเขยเจ้าเมือง แต่จะอย่างไรก็ไปดูกันก่อน!”
“ข้อกำหนดของใต้เท้าสูงเกินไป อายุไม่เกิน 25 ปีเอาชนะบุตรีนาง เพ้ย!…มองทั้งอาณาจักรศิลาทมิฬ กระทั่งราชอาณาจักรต้าฮั่น ข้าเกรงว่าตัวตนเช่นนั้นคงน้อยและพบได้ยากมิต่าง ขนหงส์เพลิงเขากิเลน…”
…
บุรุษ 2 คนที่กินอาหารอย่างรีบร้อน ไม่นานก็ออกไป
การประลองหาคู่ ?
ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวแล้วยิ้มออกมา ไม่คิดเลยว่าเรื่องราวที่เขาเคยอ่านเจอในนิยายกำลังภายในสมัยก่อนตอนที่ยังอยู่ในโลกเดิม จะปรากฏขึ้นในโลกใบนี้ด้วย
ไม่นานเหล่าผู้ที่กินอาหารที่เหลาก็เริ่มทยอยกันจากไป ดูท่าทางเร่งร้อนแล้ว คงมีที่หมายเดียวกับพวกก่อนหน้าเป็นแน่
“ข้าล่ะสงสัยจริงๆ ว่าบุตรีท่านเจ้าเมืองอยู่ระดับใดกันแน่ ข้าได้ยินมาว่าอัจฉริยะหนุ่มวัย 24 ที่มีระดับบ่มเพาะวิญญาณแรกก่อตั้งขั้นที่ 5 ยังมิอาจเอาชัยนางได้!”
“ตั้งแต่มีผู้ที่ก้าวขึ้นมาประลองชายหนุ่มผู้นั้น คือผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในการประลองหาคู่คราวนี้แล้ว…แต่ข้ามิคิดเลยว่าเขาเองก็ยังคงพ่ายแพ้บุตรสาวเจ้าเมืองเช่นนี้ อีกทั้งท่าทางนางยังปรับระดับพลังให้ทัดเทียมกับคู่ต่อสู้ ไม่ได้เผยความแข็งแกร่งที่แท้จริงออกมาอีกด้วย”
“ดูเหมือนบุปผางามนี้ คงมิมีผู้ใดสามารถนำไปเชยชมได้แล้ว”
“จากที่ข้ารู้บุตรีที่ร่ำลือกันว่างดงามนี้ของท่านเจ้าเมือง มักจะสวมผ้าคลุมปิดหน้า…ว่าแต่มีผู้ใดเคยได้ยลโฉมนางแล้วหรือไม่ มิใช่ว่าใต้ผ้าคลุมนั้นเป็นตัวอัปลักษณ์นา พวกเจ้ามั่นใจได้อย่างไรว่านางงดงาม”
“ถึงนางจะน่าเกลียดอัปลักษณ์แล้วอย่างไรกัน? เพียงได้เป็นบุตรเขยเจ้าเมือง อีกทั้งยังได้รับ ผลวิญญาณผันแปรอีก เช่นนี้ก็นับว่าเป็นมหาโชควาสนาแล้ว”
…
ผลวิญญาณผันแปร?
ตอนแรกต้วนหลิงเทียนก็ไม่ได้สนใจเรื่องประลองหาคู่อะไรนี่นัก แต่พอได้ยินชายคนหนึ่งกล่าวถึงของรางวัล ที่มีกระทั่ง ผลวิญญาณผันแปร ประกายตาของเขาก็เรืองวูบขึ้นมาโดยพลัน
“ขออภัย พี่ชายท่านนี้…”ต้วนหลิงเทียนมองไปยังชายวัยกลางคนก่อนที่จะกล่าววาจาออกมาอย่างสุภาพ “เมื่อครู่ท่านบอกว่าผลวิญญาณผันแปรหรือ?”
ชายวัยกลางคนผู้นั้นเห็นต้วนหลิงเทียนกล่าวถามออกมาอย่างสุภาพพร้อมยิ้ม มันก็กล่าวตอบออกไปโดยดี “มิผิด น้องชาย เป็นผลวิญญาณผันแปร เจ้าสนใจรึน้องชาย?”
“ใช่แล้วพี่ท่าน” ต้วนหลิงเทียนพยักหน้าพร้อมกล่าวถามสืบต่อ “ข้าได้ยินเมื่อครู่ท่านกล่าวว่าจะได้รับผลวิญญาณผันแปรใช่หรือไม่ นั่นหมายความว่าอย่างไรหรือ?”
ชายวัยกลางคนพยักหน้ารับคำ “มิผิด ในการประลองเลือกคู่ของบุตรีท่านเจ้าเมืองครานี้ ถูกจัดขึ้นมาเป็นระยะเวลา 10 วันแล้ว…วันนี้เป็นวันสุดท้าย ตราบใดที่เจ้าสามารถเอาชนบุตรีท่านเจ้าเมืองในการประลองหาคู่ได้แล้วล่ะก็ ไม่เพียงแต่เจ้าจะได้กลายเป็นลูกเขยท่านเจ้าเมือง กระทั่งผลวิญญาณผันแปร ก็จะได้รับเป็นรางวัล”
“กล่าวกันว่า ผลวิญญาณผันแปรนี้มีสรรพคุณยอดเยี่ยมยิ่งนัก…หากมันถูกผู้จารึกอาคมกินลงไปล่ะก็ มันจะช่วยเพิ่มพลังวิญญาณของผู้จารึกอาคมได้ กระทั่งอาจจะยกระดับพลังวิญญาณไปอีกขีดขั้นหนึ่ง” เมื่อกล่าวจบชายวัยกลางคนก็มองไปยังต้วนหลิงเทียน “น้องชาย ดูไปแล้วอายุอานามของเจ้าเพียงแก่กว่าบุตรีเจ้าเมืองเล็กน้อย…อย่างไรก็ตามข้าว่าเจ้าอย่าได้คิดไปประลองเลย ถึงแม้เกณฑ์อายุเจ้าจะผ่าน แต่ความแข็งแกร่งที่บุตรีเจ้าเมืองเผยออกมา ยามนี้สมควรแข็งแกร่งมิต่ำไปกว่าระดับวิญญาณแรกก่อตั้งขั้นที่ 5 นอกจากนี้ดูเหมือนนางจะยังงำประกายเอาไว้อีกด้วย”
“อา ขอบคุณพี่ชายมาก” ต้วนหลิงเทียนประสานมือกล่าวขอบคุณชายวัยกลางคน หยิบตั๋วเงินออกมาปึกหนึ่งแล้ววางตั้งเอาไว้บนโต๊ะ ก่อนที่จะหยิบเจ้าหนูขนทองตัวน้อย ที่กำลังกัดแทะเนื้อชิ้นใหญ่ขึ้นมา
“พี่ใหญ่หลิงเทียน ท่านทำอะไรกัน…ข้ายังกินไม่อิ่มเลยนะ!”เสียงผ่านพลังงานต้นกำเนิดของเจาหนูน้อยเผยความไม่พอใจออกมาอย่างชัดเจน
“เอาน่า เดี๋ยววันหลังข้าจะให้เจ้ากินจนหนำใจ แต่ตอนนี้ข้ามีเรื่องสำคัญที่ต้องรีบไปกระทำ” ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกมาอย่างเร่งรีบ
หลังจากที่ออกจากเหลาอาหารแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็ถามทางไปยังสถานที่จัดการประลองเลือกคู่จากคนข้างทาง
ไอเรื่องตำแหน่งลูกเขยเจ้าเมืองอะไรนั่นเขาไม่สนสักนิด
เขาสนผลวิญญาณผันแปร!
หากกล่าวกันว่าผลไม้วิญญาณธรรมดาๆนั้น เพียงพบพานด้วยโชควาสนา มิอาจได้รับด้วยแสวงหาล่ะก็ ผลวิญญาณผันแปรนี้ ก็ยิ่งหายากในยากเข้าไปอีก!
ผลวิญญาณผันแปรนั้น เป็นผลไม้วิญญาณที่จะเพิ่มระดับพลังวิญญาณ ซึ่งหากมองไปแล้ว ผลไม้วิญญาณส่วนมากจะเสริมในเรื่องพลังงานต้นกำเนิด นับว่ามันหายากนัก เรียกได้ว่ามีไม่ถึง 1% ของผลไม้วิญญาณทั้งหมดก็ว่าได้
“แม้ว่าระดับบ่มเพาะของข้าจะเพิ่มขึ้นมาไม่น้อย…แต่พลังวิญญาณของข้าก็ชะงักค้างไว้ที่จุดรอคอยนี้เนิ่นนานแล้ว ยังไม่อาจตัดผ่านไปยังระดับแรกสัมผัสธรรมชาติได้เสียที”
การประลองหาคู่นั้นจัดขึ้นด้านนอกเขตที่พักของเจ้าเมือง
เมื่อต้วนหลิงเทียนเดินใกล้ถึงลานประลองหาคู่ ในใจของเขาก็ตื่นเต้นนัก
พลังวิญญาณของเขาก้าวมาถึงระดับก้ำกึ่งระหว่างระดับวิญญาณแรกก่อตั้งกับแรกสัมผัสธรรมชาติเนิ่นนานแล้ว แต่เขาไม่อาจทะลวงผ่านได้เสียที เขาจึงแทบจะไม่มีหวังใดๆแล้ว
ทว่าตอนนี้ได้เห็นแสงแห่งความหวังอีกครั้ง
“ถ้ามันเป็นผลวิญญาณผันแปรจริงๆล่ะก็ พอข้ากินมันลงไป พลังวิญญาณของข้าต้องทำลายจุดรอคอย ตัดผ่านไปยังระดับแรกสัมผัสธรรมชาติได้แน่! และเมื่อพลังวิญญาณข้าแข็งแกร่งขึ้น อาคมที่ข้าสามารถจารึกได้ ก็จะเป็นอาคมระดับสูงขึ้น!”
ตอนนี้ความรู้สึกต้วนหลิงเทียนเหมือนมีสมบัติกองเท่าภูเขากับตัว แต่เขาไม่อาจหยิบมันออกมาใช้ได้ นี่ทำให้ต้วนหลิงเทียนรู้สึกขัดใจนัก
“การประลองหาคู่หรือ? น่าสนุก! น่าสนุกยิ่ง! พี่ใหญ่หลิงเทียน ท่านคิดแต่งงานกับลูกสาวเจ้าเมืองหรือ? ท่านมิกลัวพี่สาวเค่อเอ๋อ กับพี่สาวลี่เฟยโกรธเอาหรือไร?” การส่งเสียงผ่านพลังงานต้นกำเนิดของเจ้าเสี่ยวจินครานี้ แฝงความสนุกสนานเอาไว้ไม่น้อย ตอนนางกล่าวจบราวกับนางอยากเห็นผู้อื่นทุบตีกันอย่างไรอย่างนั้น
ต้วนหลิงเทียนมองไปยังเสี่ยวจินก่อนที่จะกล่าวออกมา “ข้าไม่ได้สนใจอะไรลูกสาวเจ้าเมืองสักนิด…ข้าเพียงแต่ต้องการผลวิญญาณผันแปร!”
ผลวิญญาณผันแปรนั้นเป็นอะไรที่หายากมาก และไม่มีราคากำหนด ผลไม้วิญญาณที่สามารถส่งเสริมเรื่องพลังวิญญาณนั้น หากเทียบกับพลังงานต้นกำเนิดแล้ว ยังมีไม่ถึง 1% ด้วยซ้ำ
ตอนนี้เมื่อต้วนหลิงเทียนพบโอกาสเช่นนี้ แน่นอนว่าเขาย่อมไม่อยากพลาดมัน!
ครู่ต่อมาต้วนหลิงเทียนก็เดินทางมาถึงลานประลองหาคู่
เป็นเวทีประลองที่ยกระดับสูงขึ้น ตั้งอยู่ด้านนอกของจวนเจ้าเมือง ขนาดใหญ่โตไม่น้อย
เป็นเวทีประลองที่ถูกจัดขึ้นมาเพื่อการประลองหาคู่โดยเฉพาะ
ผู้คนมากมายยืนแออัดกัน ล้วนมาชมดูเรื่องราวกันอย่างสนุกสนาน เสียงตะโกนดังให้กำลังใจมากมาย นับว่าบรรยากาศแถวนี้ครึกครื้นนัก
“การประลองหาคู่จัดมา 10 วันแล้ว…และวันนี้เป็นวันสุดท้าย แต่อย่างว่าแต่อัจฉริยะหนุ่มในเมืองหงส์ฟ้าของเราเลย กระทั่งอีก 10 กว่าเมืองรอบๆนี้ก็มิใช่คู่ต่อสู้ของบุตรีเจ้าเมืองไม่”
“มีคนกล่าวว่าบุตรีเจ้าเมืองยังมีอายุเพียง 20 ปีเท่านั้น…แต่ระดับบ่มเพาะของนางนั้นยังมิมีผู้ใดล่วงรู้เลยสักคน กระทั่งผู้ฝึกยุทธ์ระดับวิญญาณแรกก่อตั้งขั้นที่ 5 นางยังเอาชนะได้!”
“นั่นน่ะสิ ดูท่าแล้วนางยังคงซุกซ่อนความแข็งแกร่งเอาไว้อยู่ด้วยซ้ำ”
กลุ่มคนต่างสนทนากันอย่างสนุกสนาน ต่างมอง่าบุตรเจ้าเมืองเลิศล้ำเกินไป
มองไปยังบนเวทีประลองตอนนี้…
บุตรีที่แสนจะลึกลับของเจ้าเมืองยังคงยืนตระหง่าน มือคู่งามของนางทั้ง 2 ขาวเนียนดั่งหยก ด้วยชุดสีแดงยิ่งขับเน้นผิวพรรณที่งดงามของนาง เพียงแค่เสน่ห์จากผิวพรรณและทรวดทรงองค์เอวนี้ ก็มากพอที่จะทำให้บุรุษทั้งหลายฝันละเมอกลางวันแสกๆแล้ว
ใบหน้าของบุตรีท่านเจ้าเมืองมีผ้าปิดกั้นเอาไว้ เพียงโผล่มาแค่ดวงตาเท่านั้น ทว่าเพียงดวงตาคู่ใส กระจ่างราวสายน้ำในฤดูใบไม้ร่วง กอปรกับเรือนผมยาวสลวยสีดำดั่งม่านน้ำตก ที่ปลิวไสวเบาๆหยอกล้อสายลมนั่นช่างสอดรับกันอย่างดี..
ตอนนี้ต่อให้อยู่ในทะเลกลางมรสุม ผู้ที่ได้มองก็ยังรู้สึกเสมือนล่องเรือในทะเลสาบที่เงียบสงบ
“ถึงแม้ข้าจะไม่เห็นหน้าตาของนางได้ชัด…แต่แค่นี้ก็นับว่ามากพอแล้วที่จะทำให้ผู้คนสนใจ… ยิ่งการกระทำตัวมิดชิดพาลให้น่าค้นหาเช่นนี้ นับว่าเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวไปอีกแบบจริงๆ”
หากเทียบกับสตรีที่อยู่รอบๆข้างตัวต้วนหลิงเทียนแล้ว ในแง่ความลึกลับน่าค้นหา ไม่มีใครที่แลดูลึกลับน่าค้นหาเท่าบุตรีเจ้าเมืองนางนี้
พลังวิญญาณของต้วนหลิงเทียน ถูกส่งออกไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น เขาคิดหยั่งตื้นลึกหนาบางของบุตรีเจ้าเมือง
จากข้อมูลที่ต้วนหลิงเทียนได้รับมา นางสมควรมีอายุเพียง 20 ปีเท่านั้น ระดับบ่มเพาะของนางก็มิใช่ชั่ว กระทั่งตอนนี้ยังเปิดเผยออกมาเพียงระดับวิญญาณแรกก่อตั้งขั้นที่ 5 เท่านั้น และนั่นยังดูเหมือนว่าจะเป็นนางที่จงใจเปิดเผยออกมาเท่านั้น ความแข็งแกร่งที่แท้จริงยังคงถูกซ่อนเอาไว้
ในขณะเดียวกันกับที่ต้วนหลิงเทียนส่งพลังวิญญาณออกไปนั้น เขาก็ลอบทอดถอนใจเล็กน้อย “ความก้าวหน้าในระดับบ่มเพาะของข้าอาจกล่าวได้ว่ารวดเร็วแล้ว…ในอาณาจักรพนาครามอาจเรียกได้ว่ารวดเร็วที่สุด แต่ไม่คิดเลยว่าข้าจะพบเจออัจฉริยะในเชิงยุทธ์ ที่มีความเร็วในการบ่มเพาะเหนือกว่าข้า ในเมืองที่ห่างไกลของอาณาจักรศิลาทมิฬเช่นนี้”
ถ้าระดับบ่มเพาะของบุตรีเจ้าเมืองนี้ ไม่ได้พึ่งพาผลไม้วิญญาณอะไรจำนวนมาก แต่มีได้เพราะความสามารถส่วนตัวล่ะก็ เรียกได้ว่าพรสวรรค์ตามธรรมชาติของนางไม่ได้ด้อยไปกว่าเขา
“หืม?”ทันใดนั้นเอง พลังวิญญาณของต้วนหลิงเทียนยังไม่ทันได้แทรกซึมไปตรวจสอบบุตรีเจ้าเมือง เขาก็ต้องชะงักด้วยความประหลาดใจ
เพราะในตอนนี้ดูเหมือนจะมีพลังวิญญาณขุมหนึ่งที่ทรงพลังกว่า ได้ตรวจพบพลังวิญญาณของเขา และสะกดต้านทานเอาไว้!
"ผู้จารึกอาคม!" ม่านตาของต้วนหลิงเทียนหดแคบลงโดยพลัน เขาไม่คิดเลยว่าจะมีผู้จารึกอาคมที่น่าเกรงขาม เช่นนี้อยู่ข้างกายบุตรีเจ้าเมือง
ความแข็งแกร่งทางพลังวิญญาณของผู้จารึกอาคมนี้ทรงพลังกว่าเขา!
ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนไม่กล้าลังเลอะไร รีบถอนพลังวิญญาณกลับทันที
ยังดีที่ขุมพลังวิญญาณของฝ่ายตรงข้ามไม่คิดที่จะทำร้ายอะไรต้วนหลิงเทียน และไม่คิดสืบค้นติดตาม หลังจากที่ต้วนหลิงเทียนถอนหลังวิญญาณกลับมา!
“นับว่าโชคดีของข้าแล้ว ที่อีกฝ่ายเมตตา หาไม่แล้วล่ะก็ พลังวิญญาณของข้าต้องถูกทำลาย และข้าคงต้องได้รับบาดเจ็บไม่น้อย” ต้วนหลิงเทียนสั่นสะท้านไปด้วยความกลัว ในขณะเดียวกันเขาก็เริ่มรับความกลัวและเปลี่ยนเป็นการตำหนิตัวเอง
จากความทรงจำของจักรพรรดิกลับชาติมาเกิด เขาย่อมรู้ดีว่า กระทั่งผู้เชี่ยวชาญการจารึกอาคม ยังไม่ค่อยใช้พลังวิญญาณเพื่อสอดแนมผู้อื่น
นี่เป็นข้อห้าม
ในตลอดการเดินทางที่ผ่านมานั้น…ด้วยระดับบ่มเพาะของเขา เขาย่อมไม่พบเจอผู้เชี่ยวชาญด้านการจารึกอาคมใดๆที่น่ากลัว ดังนั้นเขาจึงลืมข้อห้ามสำคัญจากความทรงจำของจักรพรรดิกลับชาติมาเกิดขอนี้ไป
ตอนนี้เขาได้ออกจากอาณาจักรพนาครามมายังอาณาจักรศิลาทมิฬ เขาก็ได้พบพานผู้เชี่ยวชาญด้านการจารึกอาคมเข้าให้แล้ว!
สายตาของต้วนหลิงเทียนเริ่มมกวาดมองออกไปรอบๆ เพื่อตามหาผู้เชี่ยวชาญด้านการจารึก ที่มีพลังวิญญาณน่าเกรงขามคนนั้น
แต่ไม่ว่าเขาจะค้นหาเท่าไรก็ไร้ร่องรอยใดๆ
ราวกับผู้จารึกอาคมเมื่อครู่ผุดออกมาจากความว่างเปล่า
“หรือว่าผู้จารึกอาคมนี่ จะมาเพื่อแย่งชิงผลวิญญาณผันแปรนี่เช่นกัน?” ใจของต้วนหลิงเทียนเริ่มประหวั่นไม่น้อย ความรู้สึกไม่สู้ดีเริ่มผลิบานขึ้นมา