สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - บทที่ 423 : ความขัดแย้ง
WSSTH บทที่ 423 : ความขัดแย้ง
ตอนนี้เองชายหนุ่มร่างผอมคนนั้นก็เดินไปนั่งลงที่โต๊ะ ก่อนที่สหายของมันอันเป็นชายหนุ่มรูปร่างโตขึ้นมาหน่อยจะติดตามเข้าไปนั่งด้วย
ตั้งแต่ต้นจนจบเรียกได้ว่าพวกมันไม่ได้ให้ความสนใจต้วนหลิงเทียนสักนิดเดียว…!
"จี๊ดๆ ~" ส่วนทางด้านเสี่ยวจินนั้นเกรี้ยวกราดนัก มันอุตส่าห์พุ่งมาจองที่แล้วนะ! ไอหนุ่มหยองกรอด 2 คนนี่มันกล้ามาแย่งโต๊ะไปได้ไงกัน! มันถึงกับแยกเขี้ยวยิงฟัน ชักกรงเล็บขึ้นมาข่มขู่ ชายหนุ่มทั้ง 2!!
แต่หนูสีทองตัวเท่าฝ่ามือแถมยังอ้วนกลมน่าเอ็นดู แยกเขี้ยวยิงฟันชูกรงเล็บ ยังจะมีอำนาจข่มขู่ผู้ใดได้?
"หือ? เจ้าหนูน้อยตัวนี้น่ารักยิ่ง เฮ่..หนูน้อย อยากเล่นกับพี่ชายหรือ"ชายหนุ่มร่างผอม มองไปยังเสี่ยวจินพร้อมยิ้มกล่าวถาม
มันคิดว่านี่ก็คงเป็นหนูธรรมดา อันเป็นสัตว์เลี้ยงทั่วไป…
"จี๊ดๆ ~" แต่วาจานี้ของชายหนุ่มคล้ายดั่งจะสะบั้นฟางอารมณ์เส้นสุดท้ายของเจ้าเสี่ยวจินไป ยามนี้เจ้าหนูตัวน้อยพิโรธแล้ว!
เสี่ยวจินใช้หางของมันทุบฟาดไปยังถ้วยน้ำชาเล็กๆบนโต๊ะ
ผัวะ!
ทันใดนั้น ถ้วยน้ำชาก็เสมือนติดปีก เหินบินพุ่งทะยานละลิ่ว เข้าจอดยังกลางเหม่งของชายหนุ่มร่างผอมอย่างจัง ทั้งยังหนักหน่วงรุนแรง
เพล้ง!
ชายหนุ่มร่างผอมที่ยิ้มแย้มมองเจ้าหนูน้อยด้วยความเอ็นดูไม่ทันได้ระวังอันใด ถ้วยน้ำชาก็โป๊กกลางหน้าผาก แตกกระจาย ซ้ำร้ายน้ำชายังรดราดหน้า เปียกแฉะไปหมด
"ฮ่าฮ่า … " ลูกค้ารอบๆ ที่หันไปเห็นเหตุการณ์อดไมได้ที่จะระเบิดเสียงหัวเราะออกมา เมื่อเห็นสภาพน่าเวทนา ของชายหนุ่มร่างผอม
“เอาล่ะ เสี่ยวจินพอเถอะ พวกเราไปเหลาอื่นก็ได้” เมื่อเห็นคนในเหลารอบๆ เริ่มหันมาให้ความสนใจ ต้วนหลิงเทียนก็รู้สึกช่วยไม่ได้ หันไปกล่าวคำกับเสี่ยวจินทันที
เขาพึ่งมาถึงได้ไม่ทันไร ก็ไม่อยากจะมีปัญหายุ่งยากอะไรแต่แรก
ถึงแม้ว่าเขาจะมองหยั่งรู้ระดับบ่มเพาะของชายหนุ่มทั้ง 2 ได้เพียงมองปราดเดียว และไม่ได้กลัวอะไรพวกมัน อีกทั้งการกระทำของเสี่ยวจินเมื่อครู่ก็ช่วยระบายโทสะ และความขุ่นเคืองที่ถูกตัดหน้าไปจนหมดสิ้น
"จี๊ดๆ ~" ทว่ากลับเหนือคาดนัก เจ้าหนูขนทองตัวจ้อยไม่เพียงดื้อไม่ยอมไป มันยังลุกขึ้นยืนกอดอกว่างทาราวกับเป็นมนุษย์คนหนึ่ง อีกทั้งยังเริ่มจับจ้องไปยังชายหนุ่มทั้งสองตาเขม็ง ราวกับจะไม่ยินยอมจะยกมอบโต๊ะตัวนี้ให้!
“เจ้าหนูตัวน้อย รีบตายนักหรือ!”ชายร่างผอมที่ถูกน้ำชารดหน้าบันดาลโทสะไม่น้อย ฝ่ามือมันควบรวมไปด้วยพลังงานต้นกำเนิด หมายตบฟาดเจ้าหนูตัวแสบที่กล้าทำให้มันขายหน้าตกตายในฝ่ามือเดียว!
เหนือร่างชายหนุ่มปรากฏเงาร่าง 400 ช้างแมมมอธโบราณออกมา!
ระดับวิญญาณแรกก่อตั้งขั้นที่ 3!
"จี๊ด !!" หนูสีทองตัวน้อยเพียงร้องออกมาสั้นๆ ก่อนที่หางของมันจะตวัดวูบไปว่องไวดั่งเส้นสายอัสนี ฟาดลงไปยังฝ่ามือของชายหนุ่ม
เพี๊ยะ! แคร่ก!
ทันใดนั้นเมื่อหางน้อยๆของเจ้าเสี่ยวจินฟาดปะทะไปที่ฝ่ามือของชายหนุ่มร่างผอม เสียงรวกระดูกแตกหักดังขึ้น หลังจากนั้นความเจ็บปวดที่ราวกับกระดูกฝ่ามือจะแหลกเหลวก็แล่นพล่านออกมา คนถึงกับกรีดร้องโหยหวน…
"หนูบัดซบ หาที่ตาย!" ชายหนุ่มอีกคนที่ร่างโตขึ้นมาหน่อยกล่าวออกมาอย่างเกรี้ยวกราด มันไม่คิดเลยว่าหนูตัวกระจิ๊ดริดจะน่ากลัวเช่นนี้ สีหน้าของมันมืดลง ทั้งยังเริ่มลงมือออกไปโดยพลัน
ความแข็งแกร่งของชายหนุ่มร่างโตเหนือกว่าชายหนุ่มร่างผอมไม่น้อย มันเป็นถึงผู้ฝึกยุทธ์ระดับวิญญาณแรกก่อตั้งขั้นที่ 5!
น่าเสียดายที่ความแข็งแกร่งกระจ้อยร่อยเพียงเท่านี้ ไม่ได้นับเป็นอะไรต่อหน้าเสี่ยวจิน มันก็ถูกหางน้อยๆตบฟาดไป หนีไม่พ้นชะตากรรมถูกทุบตีจนกระเด็นดุจเดียวกันกับสหาย
"สัตว์อสูรอันใดกัน น่ากลัวนัก!"
"ข้ามิอาจมองเห็นความแข็งแกร่ง และจำนวนเงาร่างช้างแมมมอธโบราณของเจ้าหนูน้อยนี่ได้ชัด มันเพียงกระพริบวูบเดียวเท่านั้นแล้วก็หายไป … "
"ผู้ฝึกยุทธ์ระดับวิญญาณแรกก่อตั้งขั้นที่ 3 กับขั้นที่ 5 ไม่อาจต้านทานความแข็งแกร่งของมันได้ …นอกจากนี้มันยังลงมือจู่โจมออกมาอย่างไม่ได้จริงจังอันใด ท่าทางง่ายดายถึงเพียงนั้น… เช่นนี้ความแข็งแกร่งของมันอย่างน้อยก็สมควรมีระดับวิญญาณแรกก่อตั้งขั้นที่ 7! "
…
เหล่าผู้คนในเหลาอาหาร ระบายลมหายใจออกมาด้วยอารมณ์พิกล พวกมันทั้งหมดจับจ้องไปยังร่างน้อยๆของหนูขนทอง ทั้งยังหันมามองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาร้อนแรงแสดงถึงความอิจฉาไม่น้อย
ชายหนุ่มทั้ง 2 ที่ถูกหนูขนทองตัวน้อยสั่งสอน พวกมันรู้สึกเสียหน้าไม่น้อย ยังจะรั้งอยู่ทำอะไรอีก? ต่างรีบออกจากเหลาอาหารไปอย่างอับอาย
"เจ้าตัวน้อยนี่ล่ะก็" ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวออกมาอย่างช่วยไม่ได้ ก่อนที่จะนั่งลงบนโต๊ะ
ที่โต๊ะห่างออกไปไม่ไกล สาวน้อยคนหนึ่งอายุราวๆ 20 ต้นๆ มองมาด้วยประกายตาเรืองวูบ "เจ้าหนูตัวน้อยน่ารักนั่น กลับน่าเกรงขามถึงเพียงนี้ … "
“อะไร? เสี่ยวลู่ เจ้าชอบหนูน้อยตัวนั้นหรือ” ชายหนุ่มชุดแพรคิ้วคมเข้มหนักแน่นราวดาบแหลมคมเล่มหนึ่ง ที่นั่งตรงข้ามหญิงสาวคนนั้น กล่าวออกมา ในแววตาเผยความหลงใหลทั้งเสน่หาออกมาไม่น้อย
สาวน้อยคนนั้นเพียงแลบลิ้นออกมาอย่างสนุกสนาน “แน่นอน น่ารักถึงเพียงนี้ข้าย่อมชมชอบ แต่โชคร้ายนัก … มันมีเจ้าของอยู่แล้ว”
"อะไรกัน? เรื่องนี้มิใช่ง่ายดายหรอกหรือ?" ชายหนุ่มชุดแพรยิ้มออกมาให้สาวน้อย ก่อนที่จะลุกขึ้น และเดินตรงมาทางต้วนหลิงเทียน
ต้วนหลิงเทียนพึ่งนั่งลงและสั่งอาหารกับเสี่ยวเอ้อได้ไม่นาน ก็เห็นชายสวมชุดแพรกำลังเดินมาทางนี้
ไม่นานชายหนุ่มชุดแพรก็เดินมาถึงข้างโต๊ะ มันเหลือบมองมายังต้วนหลิงเทียนพร้อมกล่าวถามออกมาอย่างไม่แยแส “เฮ่! หนูของเจ้าตัวนี้ คิดขายราคาเท่าไร?”
น้ำเสียงของมัน แน่นอนว่าแฝงเจตนาสั่งการเจ้ายศเจ้าอย่าง และวางท่าขู่เข็ญไม่น้อย
"จี๊ด จี๊ด ~" เสี่ยวจินมองไปยังชายหนุ่มชุดแพรด้วยสายตาดุร้าย มือของมันชูขึ้นมาเผยกรงเล็บ ตอนนี้มันมีโทสะขึ้นมาแล้วจริงๆ
ส่วนต้วนหลิงเทียนนั้น ไม่ได้แยแสอะไรชายหนุ่มชุดแพรเช่นกัน เขาเพียงยกมือขึ้นมาลูบหลังเจ้าเสี่ยวจินเบาๆ ก่อนที่จะกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “เสี่ยวจิน เจ้าควรลดอารมณ์ดุร้ายลงบ้าง…เจ้าทำเช่นนี้ไม่ค่อยเหมาะเท่าไร เจ้าควรกระทำตัวให้เป็นสุภาพสตรีมากกว่านี้นะ เข้าใจหรือไม่?”
เสี่ยวจินอดที่จะหันมามองต้วนหลิงเทียนไม่ได้ มันสงสัยนักว่าต้วนหลิงเทียนกล่าวอะไร จึงส่งเสียงผ่านพลังงานต้นกำเนิดมากล่าวถาม “ทำเป็นสุภาพสตรีอันใด? แล้วสุภาพสตรีมันเป็นอย่างไรหรือ??”
"สุภาพสตรีคือต้อง อ่อนโยน รักษากริยา ไม่อารมณ์เสีย เผยท่าทีดุร้ายเช่นนี้อย่างไรเล่า" เพื่อแสดงให้คนรู้ว่า เสี่ยวจินไม่อาจสื่อสารอะไรกับเขาได้ ต้วนหลิงเทียนจึงจงใจกล่าวออกมาจากปาก แทนการส่งเสียงผ่านพลังงานต้นกำเนิด ทั้งยังเริ่มจับมือเจ้าเสี่ยวจินลดลงมา
"มันเป็นตัวเมียหรือ?" ในตอนนี้เองสาวน้อย ที่ดูแล้วอายุไม่ถึง 20 ปี ก็ปรากฏตัวขึ้นมาด้านซ้ายของชายหนุ่มชุดแพร
สาวน้อยคนนี้มีใบหน้าหมดจดสะอาดสะอ้านแลดูไปอ่อนโยนและน่ารักไม่น้อย ถึงแม้ว่านางจะไม่นับว่างดงามเลิศเลออะไร แต่ใบหน้าน่ารักเช่นนี้ก็พาลทำให้ผู้คนอดที่จะเอ็นดูขึ้นมาไม่ได้
ตอนนี้สาวน้อยจับจ้องไปยังเสี่ยวจินอย่างหลงใหล ในแววตาของนางเต็มไปด้วยความปรารถนาอันแรงกล้า อยากได้มาครอบครองไม่น้อย
“ไอหนู ข้าฉางฮุ่ย จากตระกูลฉางแห่งเมืองหงส์ฟ้า เจ้าคิดขายราคาเท่าใดก็เรียกร้องออกมา อย่าได้ลีลาชักช้าให้มากความ” ชายหนุ่มในชุดแพรมองไปยังต้วนหลิงเทียนพร้อมกล่าวถามออกมาอีกครั้ง สายตาของมันเผยความหยิ่งผยองยามมองไปยังต้วนหลิงเทียน
"ข้าไม่คิดขาย!" ต้วนหลิงเทียนไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมา ราวกับคร้านจะสนใจ เขายังคงลูบเสี่ยวจินเบาๆ ขนของเสี่ยวจินก็นับว่านุ่มลื่นน่าลูบไล้ยิ่งนัก
นอกจากนี้เจ้าเสี่ยวจินเองก็เผยใบหน้าพึงพอใจออกมา นอนหมอบอยู่บนโต๊ะอย่างสบาย ทว่าดวงตาคู่หยกของมันยังคงเหลือบมองไปยังชายหนุ่มชุดแพร ซ้ำยังมีโทสะแฝงอยู่ไม่น้อย
นางเป็นถึงลูกหลานของสัตว์เซียน หนูสวรรค์นัยน์ตาหยกนะ!
แต่มนุษย์คนนี้กล้าเรียกนางว่า หนู ธรรมดาๆเช่นนั้นหรือ!?
หากไม่ใช่เพราะต้วนหลิงเทียนมาขอให้เป็นสุภาพสตรีอะไรนั่นก่อนหน้า นางจะฟาดหางใส่หน้าไอมนุษย์น่ารำคาญผู้นี้ออกไปให้พ้นๆ
“อะไรกันไอหนู หรือเจ้าไม่คิดไว้หน้าข้าฉางฮุ่ย แห่งตระกูลฉาง” น้ำเสียงของฉางฮุ่ยเย็นลงไม่น้อย วาจายังกล่าวออกมาเสียงดังลั่นเหลาอาหาร
ทันใดนั้นทั้งเหลาอาหารก็แตกตื่นกันหมดเมื่อได้ยินเสียงกล่าวอย่างไม่พอใจ
“มันคือคุณชายรองของตระกูลฉาง ฉางฮุ่ยเช่นนั้นหรือ”
“ข้าได้ยินมานานแล้วว่าคุณชายรองของตระกูลฉาง คลั่งไคล้การฝึกยุทธ์ยิ่งนัก กระทั่งมีระดับบ่มเพาะวิญญาณแรกก่อตั้งขั้นที่ 7 เมื่ออายุเพียง 29 ปี…ข้าไม่คิดว่าจะได้พบเจอมันที่เหลาอาหารแห่งนี้”
“เช่นนั้นสตรีท่อยู่ข้างมันเล่า มิใช่เป็นคุณหนูเฉียนลู่ คู่หมั้นของมันหรือไร”
“มิผิด สมควรเป็นนาง”
…
เมื่อเหลาอาหารเกิดความวุ่นวายและเริ่มมีบทสนทนาดังขึ้น จากวาจาประโยคเดียวของฉางฮุ่ย ต้วนหลิงเทียนก็ค่อยๆเงยหน้าขึ้นมามองฉางฮุ่ยอย่างสงบ “เจ้าคิดว่าเพียงแสดงตัวตนและฐานะของเจ้าออกมาเช่นนี้ จะบรรลุความต้องการเหลวไหลของเจ้า และบีบบังคับให้ข้าขายสหายของข้าได้งั้นเหรอ? ข้าจะกล่าวบอกต่อเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย ว่าข้าไม่ขาย!” น้ำเสียงต้วนหลิงเทียนหนักแน่น เสียงดังฟังชัด
"เจ้า!!" ตอนนี้เองฉางฮุ่ยก็อดไม่ได้ที่จะบันดาลโทสะออกมา มันเร่งเร้าพลังงานต้นกำเนิดออกมาอย่างเกรี้ยวกราด ก่อเกิดเป็นเงาร่างช้างแมมมอธโบราณ 1,100 ตัวเหนือร่างของมัน
“ระดับวิญญาณแรกก่อตั้งขั้นที่ 8! คุณชายรองตัดผ่านระดับได้แล้วเช่นนั้นหรือ”
“พรสวรรค์ของคุณชายรองนับว่าไม่ธรรมดาจริงๆ นอกจากบุตรีของเจ้าเมืองแล้ว ข้าเกรงว่าคงมิมีผู้ใดในเมืองหงส์ฟ้าของพวกเรา สามารถเปรียบเทียบกับเขาได้”
“ผู้ฝึกยุทธ์ระดับวิญญาณแรกก่อตั้งขั้นที่ 8 ด้วยวัย 29 ปี…แม้ในอาณาจักรศิลาทมิฬ พรสวรรค์ตามธรรมชาติเช่นนี้ ก็กล่าวได้ว่าเป็นแถวหน้าของผู้มีพรสวรรค์ในระดับกลางเลยทีเดียว”
“นับว่าตระกูลฉางโชคดีไม่น้อย ที่มีคุณชายรองเป็นอัจฉริยะในเชิงยุทธ์เช่นนี้”
…
ผู้คนในเหลาอาหารตกใจกับความแข็งแกร่งของฉางฮุ่ยที่เผยออกมาไม่น้อย
“อะไร? หรือคิดจะใช้กำลังแย่งชิงแล้ว” ต้วนหลิงเทียนยังคงเฉยชาไม่ได้แยแสอะไร เหลือบมองไปยังฉางฮุ่ยพร้อมกล่าวถามด้วยน้ำเสียงไร้อารมณ์
"หากข้าจะใช้กำลัง แล้วจะอย่างไรเล่า!?" ฉางฮุ่ยกล่าวคำรามออกมาอย่างเกรี้ยวกราด พลังงานต้นกำเนิดของมันปะทุออกมาในขณะที่ยกมือขึ้น ก่อนที่พลังงานต้นกำเนิดนั่นจะเริ่มหมุนวนรอบมือของมันเป็นสายเกลียวดั่งอสรพิษรัดพัน
ครืนนน!!
มันซัดหมัดออกมาด้วยความเร็วสูงบังเกิดเสียงอากาศแตกระเบิดออก หมัดโอนเอนวูบวาบพุ่งไปดั่งอสรพิษร้ายหมายฉกทำลายต้วนหลิงเทียน
ต้วนหลิงเทียนยังคงเผยท่าทีไม่แยแสอะไร ราวกับไม่ได้สนใจอะไรหมัดของฉางฮุ่ยนี่สักนิด
ทว่ามือของเขาที่ลูบไล้ยังหลังของเสี่ยวจินได้ยกขึ้นมาแล้ว
"จี๊ด !!" ทันใดนั้นเสียงคำรามเล็กแหลมของเจ้าหนูตัวน้อยดังขึ้น ทำให้ทุกผู้คนในเหลาอาหารสีหน้าจางลงโดยพลัน
ลูกค้าบางคนที่มีระดับบ่มเพาะต่ำต้อยถึงกับซีดลง ราวกับได้รับผลกระทบบางอย่าง
เพียงเสียงคำรามของเสี่ยวจินเท่านั้น
ในขณะเดียวกันหางของเสี่ยวจินก็เหวี่ยงฟาดออกมาอีกครั้ง อากาศรอบๆราวกับจะระเบิดออกโดยพลัน มันกระโดดขึ้นมาพรอมซัดฟาดหางไปยังหมัดของชายหนุ่มอย่างไม่ปราณี
คลื่นพลังหมุนวนดั่งอสรพิษบนหมัดของชายหนุ่มพุ่งออกไปหมายทำลายหางของเสี่ยวจินให้ย่อยยับ ส่วนหางของเสี่ยวจินก็ฟาดสวนไปอย่างไม่หวาดหวั่น …
ปงงงงง! แคร๊กกก!!
เสียงปะทะดังสั่นขึ้นมา พร้อมกันนั้นยังมีเสียงแตกระเบิดออกกระดูกเช่นกัน!
หลังจากนั้นสายโลหิตก็พรั่งพรูทะลักออกมาจากกำปั้นของฉางฮุ่ยเบ่ง บุปผาโลหิตเบ่งบานขึ้นมากลางอากาศก่อนที่จะไปประทับตราตรึงไว้บนพื้นเหลา
ตูมมมม!
ส่วนฉงฮุ่ยนั้นร่างของมันพุ่งกระเด็นไปตามแรงปะทะจากหางเสี่ยวจิน
อีกทั้งกำปั้นของมันยังสลายหายไปอย่างสิ้นเชิง กระทั่งแขนของมันยังขาดด้วนเสมอศอก โลหิตพุ่งปี๊ดๆ เป็นสาย
เห็นได้ชัดเจนว่ากำปั้น กระทั่งแขนครึ่งหนึ่งของฉางฮุ่ย ถูกบดขยี้ทำลายล้างด้วยการสะบัดฟาดหางออกครั้งนี้ของเสี่ยวจิน
"สัตว์อสูรปีศาจ!"
"มันเป็นสัตว์อสูรปีศาจ!"
…
สายตาของผู้คนในเหลาอาหารถึงกับมองค้างเผยความตกตะลึงขึ้นมา เมื่อเห็นเงาร่างช้างแมมมอธโบราณนับพันกำลังก่อเกิดขึ้นเหนือร่างเสี่ยวจิน พวกมันถึงกับอ้าปากค้างราวตัวโง่งม ประหนึ่งจะเชิญชวนให้แมลงวันมาวางไข่อย่างไรอย่างนั้น
“สัตว์อสูรปีศาจ แรกสัมผัสธรรมชาติ” ฉางฮุ่ยที่พยายามหยุดยั้งโลหิตที่ฉีดพุ่งเป็นสายจากแขนด้วยความยากลำบาก สีหน้าของมันซีดขาวลงโดยพลันเมื่อได้เห็น เงาร่างช้างแมมมอธโบราณจำนวน 2,000 ตัว ที่ค่อยๆจางหายไป ในแววตายังเผยความหวาดกลัวสยดสยองออกมา
มันไม่คิดเลยว่าหนูน้อยตัวนี้จะเป็นสัตว์อสูรปีศาจ
“พี่ฮุ่ย”สีหน้าของเฉียนลู่เองก็ซีดเผือด รีบวิงไปหาฉางฮุ่ยทันที และคราวนี้สายตายามมองมายังเสี่ยวจิน ก็ต่างออกไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง…
สัตว์อสูรปีศาจ!
หนูสีทองน่ารักตัวน้อยน้อยนี่ กลับเป็นสัตว์อสูรปีศาจที่ทำลายแขนของคู่หมั้นนางเพียงแค่ฟาดหางออกมาเท่านั้น
“เสี่ยวลู่…พวกเราไปเถอะ”ฉางฮุ่ยสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนที่จะจากไปกับเฉียนลู่
ในขณะที่เดินจากไป สายตาของฉางฮุ่ยที่มองมายังต้วนหลิงเทียน ก็เผยความหวาดกลัวออกมาไม่น้อย…
ชายหนุ่มผู้นี้กลับมีสัตว์อสูรปีศาจคอยเคียงข้าง เห็นได้ชัดว่าพื้นหลังต้องไม่ธรรมดาเป็นแน่!
หลังจากที่ฉางฮุ่ยและเฉียนลู่จากไป สายตาของผู้คนในเหลาก็ค่อยๆถอนออกจากต้วนหลิงเทียนและหนูสีทองตัวน้อย เนื่องจากพวกมันกริ่งเกรงว่าการจับจ้องต่อไปเช่นนี้ จะนำภัยมาสู่ตัว
นั่นเป็นสัตว์อสูรปีศาจ!
เป็นตัวตนที่เทียบเทียมกับผู้เชี่ยวชาญแรกสัมผัสธรรมชาติ
ไม่ใช่อะไรที่พวกมันจะตอแยล่วงเกินได้
"ที่นี้ก็เงียบสงบกันไปอีกนานเลย" คิ้วของต้วนหลิงเทียนโค้งขึ้น ก่อนที่จะมองไปยังหนูสีทองตัวน้อยเบื้องหน้า แล้วกล่าวชมเชยมันออกมา "เสี่ยวจิน ครั้งนี้เจ้าทำได้ดีมาก!"
"จี๊ดด~" ดวงตาสีเขียวดั่งหยกคู่น้อยของเสี่ยวจินเผยประกายเต็มไปด้วยความสุข เมื่อได้รับคำชมเชยจากต้วนหลิงเทียน