สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - บทที่ 418 : ผู้เชี่ยวชาญ หลอมรวมธรรมชาติ!
บทที่ 418 : ผู้เชี่ยวชาญ หลอมรวมธรรมชาติ!
คลื่นพลังไร้สภาพที่ระเบิดออกครานี้ก่อให้เกิดแรงอัดกระแทกครั้งใหย่ เผยคลื่นอากาศกำจายออกมาอย่างรุนแรงไม่น้อย ฉินเซียง,เค่อเอ๋อและลี่เฟยสัมผัสได้ถึงกระแสลมแรงที่พัดโหมกระหน่ำ ปั่นป่วนทั่วฟ้า
แต่ตอนนี้ไม่มีใครสนใจเรื่องสายลมกรรโชกรุนแรงอะไรนั่น ต่างจับจ้องไปยังเรื่องราวการปะทะตรงหน้าทั้งสิ้น!
เปรี๊ยงงงงงง!!
พลังฝ่ามือไร้สภาพที่ยิ่งใหญ่ดั่งขุนเขาของดรุณีน้อยชุดขาว ช่างทรงพลังราวกับมันเป็นการถล่มของขุนเขาน้อยๆก็ไม่ปาน มันโถมทำลายปะทะหักหาญกับการจู่โจมของชายชราทั้ง 2 ซึ่งๆหน้า!!
พริบตาต่อมาเสียงร้องโอดครวญของชายชราทั้ง 2 ก็ดังขึ้น ร่างของพวกมันยังปลิวกระเด็นออกมาดั่งลูกเกาทัณฑ์พ้นคันศร จนไปกระแทกกับหน้าผาด้านหนึ่งของขุนเขาเทียนชู …
พริบตาที่กระแทก หน้าผาหินก็แตกกระจายพังทลาย เศษดินหินกระเด็นร่วงหล่นกันระนาวลงไปยังด้านล่าง แน่นอนว่าด้วยความสูงเช่นนี้เป็นไปไม่ได้ที่จะได้ยินเสียงสะท้อนกลับ คนยังจมลึกเข้าไปในผนังหิน…
“พรวดด”
“พรวดด”
ชายชรากระอักโลหิตออกมาอย่างพร้อมเพรียงกัน พวกมันต่างหันหน้ามามองกันเองโดยพลัน ต่างก็พบเห็นถึงความประหลาดใจและตื่นตะลึงในแววตาสีหน้าของอีกฝ่าย พริบตานั้นทั้งคู่ก็แหงนมองขึ้นไปบนฟ้า จับจ้องดรุณีน้อยชุดขาวที่ลอยล่องอยู่บนฟ้าอย่างพร้อมเพรียง
เหนือร่างของนาง…ปรากฏเงาร่างมังกรโบราณ ลอยวนเวียนอย่างน่ากลัวถึง 20 ตัว!!
“นางมิได้ใช้แนวคิด…หรืออาวุธวิญญาณใดๆ แต่ไอพลังฟ้าดินกลับตอบรับความแข็งแกร่งของพลังงานต้นกำเนิดนาง จนแสดงความแข็งแกร่งออกมาถึง 20 มังกรโบราณเช่นนี้…นี่ นี่มันผู้เชี่ยวชาญหลอมรวมธรรมชาติ…นางเป็นผู้เชี่ยวชาญหลอมรวมธรรมชาติ!”
ระดับหลอมรวมธรรมชาติ!
ใบหน้าของชายชราชุดฟ้าและเทาเริ่มเผยความขื่นขมออกมา
พวกมันล้วนสำเหนียกตัวเองดี ว่าเมื่อครู่…เป็นดรุณีน้อยอายุรุ่นหลานของพวกมัน ยั้งมือไว้ไมตรี! หาไม่แล้วล่ะก็พวกมันไม่มีทางรอดชีวิตได้เลยหาก ดรุณีน้อยคนนี้บังเกิดความคิดสังหารพวกมันขึ้นมา!!
"ระดับหลอมรวมธรรมชาติ!"ฉินเซียง,เค่อเอ๋อ และลี่เฟย ย่อมได้ยินคำกล่าวของชายชราชัดเจน
วูบบบบ!
ทันใดนั้นเองมีร่างหนึ่งพุ่งขึ้นมาหยุดบนฟ้าด้วยความเร็วสูง
"ท่านผู้อาวุโสเฉียน, ท่านผู้อาวุโสหมิง!" หลิ่งหูจิ่นหง เผยความตื่นตระหนก และใบหน้าระวังระคนประหลาดใจออกมา เมื่อเห็นว่าผู้พิทักษ์อาวุโสทั้ง 2 ถูก กลับเล่นงานจนสิ้นท่าในเวลาเดียวกันเช่นนี้ได้! หลังจากสงบจิตใจครู่หนึ่ง หลิ่งหูจิ่นหงก็ค่อยๆหันไปมอง ดรุณีน้อยชุดขาว “เจ้าเป็นใครกันแน่? แล้วมาที่นิกายกระบี่ 7 ดาวเพราะอะไร?”
ในขณะเดียวกันนั้นเองชายชราชุดสีฟ้า ซึ่งเป็นหนึ่งในสองผู้พิทักษ์อาวุโสของนิกายกระบี่ 7 ดาว อาวุโสหมิง ก็กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้มขื่นขม “ประมุขหลิ่งหู นางเป็นผู้เชี่ยวชาญหลอมรวมธรรมชาติ”
“ผู้เชี่ยวชาญหลอมรวมธรรมชาติ?” เมื่อตอนที่หลิ่งหูจิ่นหงมาถึง เงาร่างมังกรโบราณ 20 ตัวเหนือร่างดรุณีน้อยนางนี้ก็สลายหายไปหมดสิ้นแล้ว ดังนั้นมันจึงไม่ล่วงรู้ว่าดรุณีน้อยชุดขาวคนนี้แข็งแกร่งถึงเพียงใด
ตอนนี้ใบหน้าของมันซีดลงโดยพลันเมื่อได้ยินคำของอาวุโสหมิง
ผู้เชี่ยวชาญหลอมรวมธรรมชาติ!
ไม่ต้องกล่าวถึงอาณาจักรพนาคราม กระทั่งอาณาจักรศิลาทมิฬเองก็ไม่มีตัวตนระดับนี้!
นอกจากนี้ ดรุณีน้อยตรงหน้าก็ยังเด็กนัก!
ตัวมันเองก็ไม่เคยได้ยินมาก่อนว่ามีผู้เชี่ยวชาญหลอมรวมธรรมชาติที่มีอายุน้อยขนาดนี้ กระทั่งใน ราชอาณาจักรต้าฮั่นเองก็ตาม
“ประมุข ทั้งหมดเป็นเพียงเรื่องเข้าใจผิด!”ตอนนี้เอง ฉินเซียงที่หอบหิ้วเค่อเอ่อกับลี่เฟยมาด้วยก็ค่อยๆ ลอยขึ้นมา พร้อมกล่าววาจา
ตอนนี้ได้เวลาที่นางต้องคลี่คลายเรื่องราวแล้ว
“ศิษย์น้องหญิงฉิน” หลิ่งหูจิ่นหงมองไปยังฉินเซียงด้วยความสงสัย ก่อนที่จะกล่าวถามออกมา “เจ้ารู้จักนางหรือ?”
“ศิษย์พี่ใหญ่” ฉินเซียงยิ้มบางๆออกมาก่อนที่จะกล่าวแนะนำ “นางเป็นศิษย์เอกของ พี่หญิง ที่ข้าเคยเล่าให้ท่านฟัง…นางมาที่นี่วันนี้เพื่อเชิญข้าไปร่วมงานเลี้ยงครบรอบวันคล้ายวันเกิดของอาจารย์นางเท่านั้น…มิได้มีเจตนาร้ายใดๆต่อนิกายกระบี่ 7 ดาวเราเลย”
"ที่แท้เป็นเช่นนี้" หลิ่งหูจิ่นหง เข้าใจเรื่องราวทั้งหมดได้ในทันใด ก่อนที่จะระบายลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่อย่างโล่งอก
ในฐานะที่เป็นศิษย์พี่ใหญ่ และสนิทสนมกับฉินเวียงไม่น้อย หลิ่งหูจิ่นหง ย่อมเคยได้ยินเรื่อง พี่หญิง ของนางอยู่บ้าง
พี่หญิงของฉินเซียง ดูเหมือนจะมาจากดินแดนรอบนอก…
"ในดินแดนรอบนอก…ผู้เชี่ยวชาญระดับนี้นับว่ามีมากมายดั่งเมฆบนฟ้า…ดรุณีน้อยชุดขาวนี่ยังเยาว์วัยถึงเพียงนี้ แต่นางกลับเป็นผู้เชี่ยวชาญหลอมรวมธรรมชาติแล้ว" หลิ่งหูจิ่นหงรู้สึกถึงความอ่อนแอไร้พลังของตัวขึ้นมาโดยพลันเมื่อมองไปยังร่างดรุณีน้อยชุดขาว..ตัวมันรู้ดีว่าขีดขั้นความสำเร็จเช่นนี้…มันไม่มีวันเข้าถึงได้ชั่วชีวิต
"อะไร?!" ผู้อาวุโสหมิง ที่ตัวฝังอยู่ในหน้าผาข้างๆ อาวุเฉียนที่สวมชุดสีฟ้า ก็ตกตะลึง "เข้าใจผิด?"
มุมปากของอาวุโสเฉียนเองก็กระตุกด้วย
เรื่องเข้าใจผิดครั้งนี้…เกือบทำให้พวกมันตกตาย..!
"แม่หนูน้อย…จักมิดีกว่าหรือ เพียงแค่เจ้าบอกมาว่ารู้จักฉินเซียง?" อาวุโสหมิงมองไปยังดรุณีน้อยชุดขาว ด้วยรอยยิ้มขื่นขมกับความจนปัญญาที่เผยออกมาบนใบหน้าชรา
“ผู้พิทักษ์อาวุโสหมิง…ข้าต้องขออภัยท่าน” ฉินเซียงมองไปยังอาวุโสหมิงด้วยความรู้สึกผิด “เสวี่ยเอ๋อนั้น ทั้งชีวิตมีเพียงฝึกฝนบ่มเพาะพลัง…นางมิค่อยได้ไปไหนมาไหน ประสบการณ์ในโลกภายนอกของนางจึงมีน้อยนัก ทำให้นางมิค่อยรู้ว่าควรจัดการเรื่องราวใดๆอย่างไร… ข้าหวังว่าผู้อาวุโสหมิงและอาวุโสเฉียนจะอภัยให้นางด้วย”
“ช่างเถิด…ตั้งแต่นางรู้จักเจ้า นั่นหมายความก็ว่านางก็นับเป็นมิตรสหายอันดีต่อนิกายกระบี่ 7 ดาวเรา พวกเราผู้ชราสมควรไปแล้ว….ทุ่มเทฝึกฝนบ่มเพาะมาชั่วชีวิต กลับยังด้อยกว่าเด็กสาวตัวน้อย…ชีวิตที่ผ่านมาของข้า…สูญเปล่านัก..”อาวุโสเฉียนถอนหายใจออกมาอย่างสะทกสะท้อน ก่อนที่ร่างจะพุ่งขึ้นไปราวกับกระบี่เล่มหนึ่งหายลับไปในม่านเมฆ
"ข้าเองก็ขอตัวก่อน" อาวุโสหมิงหันไปพยักหน้าให้หลิ่งหูจิ่นหง และฉินเซียง ก่อนที่ร่างจะพุ่งไปดั่งสายลมแรง หายไปอย่างไร้ร่องรอย
"ประมุข พวกเราเองก็ต้องออกเดินทางเช่นกัน… " ครู่ต่อมาฉินเซียงรู้ว่าเรื่องราวจบลงด้วยดีและทุกคนเข้าใจกันหมดแล้ว นางก็เลยลอยขึ้นมากล่าวคำกับหลิ่งหูจิ่นหง
หลังจากนั้นนางก็นำเค่อเอ๋อและลี่เฟย เหินร่างตามเสวี่ยเอ๋อขึ้นไปบนเมฆ
"ศิษย์พี่ใหญ่ ต้วนหลิงเทียนเป็นบุรุษที่อยู่ในใจศิษย์ของข้า… ข้าหวังว่าท่านจะรับปากคอยดูแลความปลอดภัยของเขาแทนข้า ฉินเซียงคนนี้จะขอบคุณท่านมาก"ตอนนี้เองมีเสียงหนึ่งส่งผ่านพลังงานต้นกำเนิดมาเข้าหูของหลิ่งหูจิ่นหง
“อย่าได้กังวลเรื่องต้วนหลิงเทียน เรื่องที่เกี่ยวพันกับอนาคตของนิกายกระบี่ 7 ดาวเราเช่นนี้ ข้าย่อมมิมีวันให้เกิดอันใดขึ้นกับเขา”หลิ่งหูจิ่นหงกล่าวรับคำออกมา
"ศิษย์พี่ประมุข ท่านปลอดภัยหรือไม่!"
"ท่านประมุข เมื่อครู่เกิดอันใดขึ้น มีคนบุกมาหรือ?"
…
ตอนนี้เองร่างหลายร่างค่อยๆ ทยอยเหินร่างขึ้นมาบนฟ้า เป็นเหล่าปรมาจารย์ขุนเขาต่างๆ และผู้อาวุโสทั้งหลาย
“มิมีใดแล้ว…”หลิ่งหูจิ่นหงส่ายหัวไปมาพร้อมโบกมือให้ทุกคนจากไปได้โดยรั้งตัวเจิ้งฝานไว้อยู่สนทนา
“เจิ้งฝาน รีบไปจัดการเรื่องราวทุกอย่างที่จำเป็น ให้เรียบร้อยแล้วเสร็จใน 2-3 วัน…หลังจากนั้นเจ้ารีบเดินทางไปยังเมืองโบราณชั่วนิรันดร์ …เจ้าต้องไปคอยดูแลและรับประกันความปลอดภัยของต้วนหลิงเทียน” เพื่อความปลอดภัยของต้วนหลิงเทียน หลิ่งหูจิ่นหง เลือกที่จะส่งเจิ้งฝานไปจัดการ
"ย่อมได้ ศิษย์พี่ประมุข" เจิ้งฝานพยักหน้า
มันกับบุตรชายนับว่าเป็นหนี้ต้วนหลิงเทียนเยอะแยะมากมา ยังไม่รู้จะชดใช้อย่างไรหมดด้วยซ้ำ เรื่องนี้ตัวมันย่อมยินดีกระทำอย่างยิ่ง
…
ณ เมืองโบราณชั่วนิรันดร์
หลังจากผ่านไปไม่กี่วัน ในที่สุดต้วนหลิงเทียนและคณะพ่อค้าก็เดินทางกลับมาถึงหอการค้ากู่เหอ
หลังจากที่กลับมาแล้ว อาวุโสฟงผิงก็พบว่า คนของหอการค้ากู่เหอที่มันใช้ให้ไปตามเรื่องราวที่นิกายกระบี่ 7 ดาว ก็ได้กลับมาถึงแล้ว “เจ้าได้รับจดหมายจาก ประมุขนิกายกระบี่ 7 ดาวมาหรือไม่?”
“ได้มาขอรับอาวุโสฟงผิง…นี่ขอรับ เป็นจดหมายที่ท่านประมุขของนิกายกระบี่ 7 ดาว” คนของหอการค้ากู่เหอคนนั้น ไม่รอช้ารีบหยิบจดหมายออกมาให้ฟงผิงทันที
เมื่อฟงผิงเปิดออกดูได้ไม่นาน ม่านตาของมันก็อดที่จะหดแคบลงไม่ได้
“ต้วนหลิงเทียน เป็นศิษย์สายในที่เรียกได้ว่า…ไร้ผู้ต้านในนิกายกระบี่ 7 ดาว!”
“เข้าร่วมนิกายกระบี่ 7 ดาวได้เพียงปีเดียว ก็ลงมือสังหารศิษย์สายนอกอันดับ 1 ฉีฮ่าว จนกลายเป็นศิษย์สายนอกอันดับ 1 ได้”
“หนึ่งปีต่อมาได้ลงมือสังหารศิษย์สายใน นามหลิ่วชีเกอที่มีระดับวิญญาณแรกก่อตั้งขั้นที่ 1 โดยที่เจ้าตัวยังอยู่ในระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 9!”
“ไม่นานมานี้ ยังเอาชนะนายน้อยคมมีด 1 ใน 5 นายน้อยผู้ยิ่งใหญ่แห่งอาณาจักรพนาคราม ที่นิกายบัวปีศาจคมมีด คว้าชัยชนะอันดับ 1 ของการแข่งขันประลอง 5 นิกายใหญ่ได้สำเร็จ นำพาเกียรติยศหวนคืนสู่นิกายกระบี่ 7 ดาว”
ใบหน้าของอาวุโสฟงผิงแดงขึ้นไม่น้อยหลังจากที่อ่านจดหมายจนจบ
“ต้วนหลิงเทียนสามารถคว้าชัยชนะอันดับ 1 ในการประลอง 5 นิกาย ได้เช่นนั้นหรือ!…แต่เขากลับมิเคยกล่าวถึงเรื่องนี้เลยสักครั้ง…ช่างไร้ซึ่งความเย่อหยิ่งหรือได้ใจสักนิด เป็นเด็กดียิ่งนัก!” ฟงผิงหัวเราะออกมาเสียงดัง
ในเวลาเดียวกันนั้น จ้าวเหล่ยก็ได้รับรู้อัตลักษณ์ของต้วนหลิงเทียนจากบิดาของมัน
และมันก็ได้รู้เรื่องราวที่ต้วนหลิงเทียนได้กระทำในนิกายกระบี่ 7 ดาว
“ข้ามิเคยคิดเลยว่าเบื้องหลังของต้วนหลิงเทียน…จักกระทำเรื่องราวยอดเยี่ยมเช่นนี้!” จ้าวเหล่ยทำได้เพียงกัดฟันออกมาด้วยความไม่เต็มใจ แต่มันก็ทำได้เพียงถอนหายใจออกมาอย่างท้อแท้ “ท่านพ่อ อย่าได้กังวล ข้ามิคิดสร้างความลำบากให้แก่ท่านแล้ว…ในเมื่อต้วนหลิงเทียนเป็นศิษย์สายในนิกายกระบี่ 7 ดาวจริงๆ ข้าก็ทำได้เพียงฝังความแค้นและความอัปยศนี้ของข้าเอาไว้ในก้นบึ้งจิตใจของข้าเท่านั้น…”
“เจ้ามิจำเป็นต้องกระทำเช่นนั้นหรอก” จ้าวอวี่แสยะยิ้มออกมา
“หือ?”จ้าวเหล่ยประหลาดใจในท่าทีบิดามันนัก…. มันไม่รู้ว่าจ้าวอวี่หมายถึงอะไร
จ้าวอวี่ลุกขึ้นยืนก่อนที่จะพาจ้าวเหล่ยไปที่ห้องของมัน และเมื่อตรวจสอบดีแล้วว่าไม่มีใครอยู่ ก็ลั่นดานปิดล็อคประตูอย่างแน่นหนา ระวังถึงขีดสุด…
“ท่านพ่อ ท่านเป็นไรไปแล้วเล่า…ใยถึงได้ทำลึกลับนัก?” จ้าวเหล่ยกล่าวถามออกมาอย่างอยากรู้อยากเห็น
“เหล่ย เจ้าฟังไว้ให้ดี เรื่องที่บิดากำลังจักกล่าวต่อไปนี้ เจ้าห้ามมิให้ผู้ใดล่วงรู้เด็ดขาดเข้าใจหรือไม่ ?”จ้าวอวี่เผยท่าทางจริงจังออกมา พร้อมกล่าววาจากำชับออกมาอย่างเคร่งเครียด
ยิ่งจ้าวอวี่กระทำตัวเช่นนี้ จ้าวเหล่ยยิ่งมายิ่งสงสัยหนักข้อ บังเกิดอยากรู้อยากเห็นนัก “ท่านพ่อข้าเข้าใจแล้ว มีใดรีบกล่าวบอกข้ามาเร็วเข้า”
หลังจากนั้นจ้าวอวี่ก็เล่าความในจดหมาย ที่จ้าวหลินเขียนเอาไว้ให้แก่จ้าวเหล่ยฟังทั้งหมด!
“วิชาบ่มเพาะ…คัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็นชำระไขกระดูก สามารถทำให้ผู้ฝึกฝนเสมือนกำเนิดใหม่ พลัดเปลี่ยนกายา ยกระดับขีดขั้นพรสวรรค์ไปยังจุดสูงสุด …กลับมีปาฏิหาริย์วิชาเช่นนี้อยู่จริงงั้นหรือ!” ลมหายใจจ้าวเหล่ยหอบถี่ระรัว สายตายังเผยให้เห็นถึงความปรารถนาอันแรงกล้า “ท่านพ่อ…นี่มิใช่ว่าตราบใดที่ข้า สามารถบ่มเพาะพลัง ด้วยเคล็ดวิชาคัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็นชำระไขกระดูกนี่ได้…ข้าจักทะยานสู่สวรรค์ และมีพรสวรรค์ตามธรรมชาติเลิศล้ำเหมือนดั่งต้วนหลิงเทียน!?”
“มิผิด”จ้าวอวี่คลี่ยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยนพร้อมกล่าว “ข้าและอาเจ้าเองก็ชรามากแล้วและเป็นเรื่องยากที่จะแก้ไขใดๆในระดับแรกสัมผัสธรรมชาติ…การเปลี่ยนวิชาบ่มเพาะของพวกข้าไปยังวิชาบ่มเพาะคัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็นชำระไขกระดูกนั้น พวกข้าเองก็ต้องทำลายพื้นฐานฝึกตนดั้งเดิมไปเสียก่อนเพื่อให้เหมาะสมกับของใหม่…นับว่ายากกระทำนัก…แต่เจ้ากับลูกพี่ลูกน้องเจ้านับว่าต่างกัน…ตราบใดที่พวกเจ้าได้รับคัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็นชำระไขกระดูกของต้วนหลิงเทียนมาล่ะก็ พวกเจ้ายังสามารถบ่มเพาะมันได้!”
“และในเวลานั้นตระกูลจ้าวของพวกเราก็จะพุ่งทะยานสู่ความรุ่งโรจน์!”ในขณะที่กล่าว ประกายตาจ้าวอวี่ก็เรืองวูบออกมาอย่างคาดหวัง
จ้าวเหล่ยเองก็รีบพยักหน้ารับด้วยความตื่นเต้น
“ที่แท้ต้วนหลิงเทียนอะไรนี่ …มันมีพรสวรรค์ตามธรรมชาติในเชิงยุทธ์เลิศล้ำถึงเพียงนี้… เพราะวิชาบ่มเพาะคัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็นชำระไขกระดูกนี่เอง…”สายตาของจ้าวเหล่ยเพ่งมองไปยังอากาศว่างเปล่าเบื้องหน้าอย่างชั่วร้าย “ท่านพ่อ..แล้วท่านมีแผน คิดจัดการกับต้วนหลิงเทียนอย่างไรเล่า?”
“แน่นอนว่าต้องฆ่ามันเพื่อป้องกันปัญหาใดๆ ในอนาคต! ทั้งนี่ยังนับว่าเป็นการชำระความแค้นของเจ้าไปพร้อมๆกัน มิดีหรือไร?”ประกายตาของจ้าวอวี่ก็วูบวาบออกมาด้วยอำมหิต
“ขอบคุณท่านพ่อ”จ้าวเหล่ยคลี่ยิ้มสดใส ประกายตาของมันลุกโชนไปด้วยเพลิงแห่งความชั่ว “ต้วนหลิงเทียน ข้าจักปล่อยให้เจ้าหยิ่งยโสอวดดีเช่นนี้ไปก่อน….อีกมินานทุกสิ่งของเจ้า ข้าจักแย่งชิงมาเสียให้หมด คัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็นชำระไขกระดูกนั่นต้องเป็นของข้า และข้าจักต้องมีพรสวรรค์ในเชิงยุทธ์ถึงจุดสูงสุด!”
“เอาล่ะ….เหล่ย ยามนี้เราต้องไปขอโทษต้วนหลิงเทียนกันก่อน” จ้าวอวี่กล่าวบอกออกมา
“ไปขอโทษ?” จ้าวเหล่ยขมวดคิ้วทันทีที่ได้ฟัง ใบหน้าเผยความไม่พอใจและไม่ยินยอมออกมา “ท่านพ่อ ทำไมพวกเราต้องไปขอโทษมันด้วยเล่า?”
“เหล่ย…เจ้าใจเย็ลงก่อน… จักอย่างไรเสียต้วนหลิงเทียนมันก็มิมีทางหลบหนีความตายไปได้…เจ้าต้องไปขอโทษมันต่อหน้าผู้คนเสียก่อน ประการแรกเพื่อให้ทุกคนรู้ว่าพวกเราตระกูลจ้าวมิได้มีจิตใจคับแคบ… ประการที่สองป้องกันมิให้มีผู้ใดสงสัยในตัวพวกเรา…ยามที่พบเห็นว่ามันตกตาย!” ใบหน้าของจ้าวอวี่เผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ดั่งจิ้งจอกเฒ่าออกมา “เพราะหลังจากทุกคนเห็นกันชัดว่าพวกเรากับมันสะสางเรื่องราวบาดหมางหมดสิ้นแล้ว พวกเราย่อมไร้ความแค้นใดๆที่จะลงมือ..!”