สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - บทที่ 414 : กลุ่มโจรคุ้มคลั่ง
บทที่ 414 : กลุ่มโจรคุ้มคลั่ง
ขบวนคาราวานพ่อค้านี้แลจากมุมสูงมองไปก็คล้ายมังกรตัวเขื่องกำลังเคลื่อนไหว ต่างกำลังเดินทางออกห่างจากเมืองโบราณชั่วนิรันดร์ไปเรื่อยๆ ตามเส้นทางสายหลัก
นอกจากกลุ่มของต้วนหลิงเทียนทั้ง 5 แล้ว ขบวนพ่อค้านี้ ก็มีผู้คุ้มกันของมันเองเช่นกัน
และผู้นำขบวนคุ้มกันของหอการค้ากู่เหอ ก็มีระดับบ่มเพาะเพียงระดับวิญญาณแรกก่อตั้งขั้นที่ 6 เท่านั้น
ต้วนหลิงเทียนนั้นไม่ได้แยแสเรื่องราวใดๆ รอบตัว ร่างของเขานั่งนิ่งไม่หวั่นไหวบนหลังม้า หลับตาบ่มเพาะพลังอย่างแข็งขันไม่ให้เสียเวลาเปล่าแม้แต่นาทีเดียว
วิชา 9 มังกรจักรพรรดิสงคราม รูปแบบ มังกรปีกวายุ!
ภาพนี้ทำให้ฟงผิงที่นั่งอยู่บนหลังม้าข้างๆ อดไม่ได้ที่จะตระหนัก
หลังจากนั้นมันก็หันกลับไปมองศิษย์สายในนิกายกระบี่ 7 ดาวที่ติดตามมาอีก 3 คน และก็ได้เห็นว่า ต่างกำลังสนทนาหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน หาสาระอะไรไม่ได้! …เมื่อนำมาเปรียบเทียบกับต้วนหลิงเทียนแล้ว ตัวมันก็ถึงกับต้องถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ‘ไม่เพียงต้วนหลิงเทียนผู้นี้จะมีพรสวรรค์ตามธรรมชาติในเชิงยุทธ์อันสูงส่ง คนยังขยันหมั่นเพียรยิ่งนัก…มิน่าแปลกใจเลยว่าเหตุใดถึงได้มีระดับบ่มเพาะสูงส่งในวัยเพียงเท่านี้’
คาราวานพ่อค้าเดินทางไปเรื่อยๆ ถึงเวลาก็หยุดพักค้างแรม ชีวิตการเดินทางก็มีเพียงเท่านี้… เวลาเองก็ล่วงเลยไปกว่าครึ่งเดือนอย่างรวดเร็ว
ตลอดระยะเวลาครึ่งเดือนที่ผ่านมา การเดินทางราบเรียบไม่มีปัญหาใดๆ การโจมตีจากกลุ่มโจรเองก็ไม่มีให้เห็น
มาวันนี้…
กุบกับ! กุบกับ! กุบกับ! กุบกับ! กุบกับ! กุบกับ!
…
เสียงดังระงมของกีบม้าย่ำพื้นสะท้านสะเทือนมาแต่ไกลจากทุกทิศทาง ครู่ต่อมาแผ่นดินก็เริ่มสั่นไหวตึงตัง
"หยูดดดดดด!" ด้วยเสียงตะโกนดังของหัวหน้าผู้คุ้มกัน ขบวนพ่อค้าก็หยุดลง
"รบกวน อาวุโสฟงผิงแล้ว" หลังจากนั้นหัวหน้าผู้คุ้มกันของหอการค้ากู่เหอ ก็ประสานมือพร้อมคารวะอาวุโสฟงผิงอย่างเคารพนอบน้อม
ถึงแม้มันจะเป็นหัวหน้าผู้คุ้มกันของหอการค้ากู่เหอ แต่ระดับบ่มเพาะของมันยังแค่ระดับวิญญาณแรกก่อตั้งขั้นที่ 6 เท่านั้น มันไม่มีอะไรจะเทียบกับอาวุโสฟงผิงแห่งนิกายกระบี่ 7 ดาวได้เลย
ความปลอดภัยของคาราวานพ่อค้านี้ แน่นอนว่าล้วนขึ้นอยู่กับอาวุโสฟงผิง
อาวุโสฟงผิงเองก็พยักหน้ารับคำ ก่อนที่จะนำต้วนหลิงเทียนและศิษย์นิกายกระบี่ 7 ดาวย่ำม้า เบียดแทรกขึ้นไปด้านหน้าขบวน ซึ่งเป็นทิศทางที่มีเสียงดังสะเทือนมามากที่สุด
และตอนนี้เองภายใต้คำสั่งของหัวหน้าผู้คุ้มกัน เหล่าผู้คุ้มกันของหอการค้ากู่เหอจำนวน 100 คนก็ตั้งแถวเตรียมพร้อมต่อสู้ เดินติดตามหลังพวกต้วนหลิงเทียนไป เพื่อเสริมกำลังรบ และรอรับความเปลี่ยนแปลงสถานการณ์
ทันใดนั้น จากระยะไกลๆก็ปรากฏความเคลื่อนไหว ต้วนหลิงเทียนเองก็หันไปจับจ้อง
เขาเห็นม้าจำนวนมากกว่า 100 ตัวกำลังควบขี่มาด้วยความเร็วฝุ่นทรายคลุ้งตลบไปทั่ว
เพียงพริบตาพวกมันก็มาถึงตรงหน้ากลุ่มต้วนหลิงเทียน
"หยูดดดดด!"
"หยูดดดดด!"
…
ม้าพ่วงพีตัวใหญ่แข็งแกร่งหลายต่อหลายตัว เริ่มหยุดเรียงรายแถวกันอย่างแข็งขันตรงหน้ากลุ่มต้วนหลิงเทียน
ร่างชายฉกรรจ์แต่ละคนบนหลังม้า แลดูแข็งแกร่งห้าวหาญ หนวดเครารุงรังดุร้าย แต่ละคนถืออาวุธเอาไว้อย่างพร้อมสรรพ
"กลุ่มโจร" ต้วนหลิงเทียนย่อมคาดเดาอัตลักษร์ของชายฉกรรจ์เหล่านี้ได้ในพริบตา ด้วยหน้าตาบ่งบอกยี่ห้อเด่นหราเสียขนาดนั้น
“ทิ้งสินค้าของมีค่าทั้งหมดเอาไว้ที่นี่! แล้วไสหัวออกไปให้พ้นหน้าบิดา!!” โจรคนหนึ่งอันเป็นบุรุษร่างกายกำยำเหี้ยมหาญ มีสัญลักษณ์อันเป็นเอกลักษณ์คือรอยบากบนใบหน้า แววตาดุดันเผยความชั่วร้าย บุคลิกหยาบกระด้าง กล่าววาจาออกมาโผงผาง ตะโกนใส่กลุ่มต้วนหลิงเทียน
เห็นได้ชัดว่ามันไม่พ้นเป็นหัวหน้ากลุ่มโจรกลุ่มนี้
ในตอนนี้เองหัวหน้าผู้คุ้มกันก็ค่อยๆเหยาะม้า มาข้างหน้าเพื่อมาขนาบข้างอาวุโสฟงผิง ก่อนจะจับจ้องไปยังหัวหน้าโจร แล้วกล่าววาจาออกมา “โจรร้าย! พวกเจ้ามาแต่ที่ใด..มิรู้หรือไร ว่านี่เป็นขบวนพ่อค้า ของหอการค้ากู่เหอ?”
"หอการค้ากู่เหอบัดซบอันใด บิดามิเคยได้ยิน!! " หัวหน้าโจรที่คอนดาบหนาพาดบ่ากล่าววาจาไม่ไว้หน้าออกมา ก่อนที่มันจะชี้ดาบมาเบื้องหน้าแล้วกลว่าตะโกนกึกก้องออกมาอีกครั้งอย่างดุร้าย "เจ้ามิได้ยินคำที่บิดากล่าวหรือไร!?! บิดาให้เวลาพวกเจ้าทิ้งสิ่งของมีค่าทั้งหมดไว้อีก 10 ลมหายใจ แล้วรีบไสหัวไปให้พ้นหน้าบิดา!!…หาไม่แล้วอย่าได้หาว่าบิดาหฤโหด… หาก 10 ลมหายใจยังไสหัวไปมิพ้นหน้าบิดา บิดาจักถล่มพวกเจ้าให้เละ กระทั่งมารดายังจดจำหน้าตามิได้ ได้ยิ…..!! "
หัวหน้าโจรยังกล่าวไม่ทันจบค้ำ สมุนโจรคนหนึ่งที่สวมชุดสีเท้าก็รีบวิ่งมาขัดคำแล้วกระซิบกล่าววาจาข้างหู “หัวหน้า! พวกเราฉิบหายแล้ว ไอพวกนี้มันคนของหอการค้ากู่เหอ พวกเรารีบถอยก่อนเถิด!”
โจรคนนี้มีท่าทางหวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัดร่างของมันยังสั่นระริก
"ถอย? ถอยทำบัดซบกระไร ยังมิทันได้ค่าน้ำชาอันใดด้วยซ้ำ!" หัวหน้าโจรย่อมสับสนงุนงง ใยลูกน้องของมันคนนี้ถึงได้กล่าววาจาขลาดเขลาอะไรเช่นนี้ออกมากัน?
ลูกน้องของมันคนนี้ก็นับว่าเป็น ชนชั้นรองหัวหน้าอันเหี้ยมหาญ ปกติมักจะดุร้ายไม่ได้ต่างอะไรจากมัน ใยวันนี้กลับมาขลาดเขลาซะแล้วเล่า!
“ท่านหัวหน้า…หอการค้ากู่เหอนี่ เสียงฟังมาว่า …พวกมันได้รับความคุ้มครองจากอาวุโสของนิกายกระบี่ 7 ดาว…ท่านเห็นคนพวกนั้นหรือไม่ หากข้าดูมิผิด นั่นน่าจะเป็นอาวุโสของนิกายกระบี่ 7 ดาวหนึ่งในสองของอาวุโสนิกายกระบี่ 7 ดาวที่ทำหน้าที่คุ้มกันหอการค้ากู่เหอแห่งเมืองโบราณชั่วนิรันดร์” เมื่อโจรชุดเทากล่าวถึงตรงนี้ประกายตาของมันก็เผยความหวาดกลัวออกมา “ทั้งยังกล่าวกันอีกว่า…ระดับบ่มเพาะของเหล่าอาวุโสของนิกายกระบี่ 7 ดาวนั้น อยู่ในระดับ แรกสัมผัสธรรมชาติขั้นที่ 3”
ในขณะที่หัวหน้าโจรได้ยินคำกล่าวของลูกน้อย ที่เล่าถึงอาวุโสของนากยกระบี่ 7 ดาวสีหน้าของมันก็เริ่มซีดลงเรื่อยๆ
ตอนนี้เมื่อได้ฟังเรื่องราวจนจบมันก็เผยความจนปัญญาออกมา สภาวะดุร้ายถดถอยลงไป
ระดับแรกสัมผัสธรรมชาติขั้นที่ 3 ?
"ข้าเตะเข้าตอเหล็กแล้ว!" ใจของหัวหน้าโจรยามนี้แป้วลงไปทั้งยังสะท้านสั่นกลัว วีหน้าของมันซีดลงไม่น้อย เงยหน้ามองไปยังอาวุโสฟงผิงที่แต่งกายในชุดคนของนิกายกระบี่ 7 ดาว ด้วยสายตาต่างออกไป รีบกล่าวคำพร้อมประสานมือออกมา “ใต้เท้า…ข้าหวังเหล่าซาน มิรู้ว่าท่านเป็นยอดคนจากนิกายกระบี่ 7 ดาว…ได้โปรดอภัยให้กับความหยาบคายของข้าครั้งนี้ด้วย”
ในตอนนี้ท่าทางของหัวหน้าโจรนั้นเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
“เหอะ!โจรชั่ว ยามนี้พอพบพานเนื้อเหนียวที่มิอาจเคี้ยวได้ ถึงกับหมดท่าไปเลยงั้นหรือ? พวกเจ้าไปกินดีหมีหัวใจเสือมาแต่ที่ใด? ถึงได้ริอาจมาปล้นขบวนพ่อค้าของหอการค้ากู่เหอ ที่อยู่ภายใต้การคุ้มครองของนิกายกระบี่ 7 ดาวเรา! ขวัญเจ้านับว่ากล้าเทียมฟ้าจริงๆ ไม่เจียมกะลาหัว!!” ฟงผิงยังไม่ทันได้เอ่ยปากกล่าวอะไรออกมา จ้าวเหล่ยกลับสอดขึ้นมากล่าววาจาเย้ยหยันหัวหน้าโจรอย่างแรง
"เจ้า … " สีหน้าของหัวหน้าโจรมืดลงโดยพลัน
จะอย่างไรมันก็เป็นถึงผู้ฝึกยุทธ์ระดับวิญญาณแรกก่อตั้งขั้นที่ 9…!
มันกริ่งเกรงอาวุโสของนิกายกระบี่ 7 ดาว แต่ไม่ได้หมายความว่ามันจะหวาดกลัวอะไรกับศิษย์นิกายกระบี่ 7 ดาว!
แต่จะอย่างไรเมื่อมันคิดถึงเรื่องที่ยามนี้ อาวุโสนิกายกระบี่ 7 ดาวยังคงคุมสถานการณ์อยู่ ก็ทำให้มันจำต้องก้มหัว]ลงให้ต่ำเข้าไว้
มันรู้ดีแก่ใจ ว่าลำพังผู้ฝึกยุทธ์ระดับแรกสัมผัสธรรมชาติขั้นที่ 3 นั้น…ก็สามารถกวาดล้างกลุ่มโจรของมันได้โดยง่าย!
เมื่อเห็นหัวหน้าโจรยังคงสงบปากสงบคำก้มหน้าไม่กล้าหืออือ จ้าวเหล่ยผู้ที่ข้ามหน้าข้ามตาอาวุโสฟงผิงยิ่งมายิ่งได้ใจนัก
สุดท้ายฟงผิงที่นิ่งเงียบอยู่ด้านข้างมานานก็เริ่มกล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเรียบๆ “ในเมื่อพวกเจ้าก็มิใช่คู่ต่อสู้ของข้า…เช่นนั้น พวกเราก็กระทำตามกฎทะเลทรายไร้สิ้นสุดเถอะ …เจ้าทำลายระดับบ่มเพาะของตัวเองแล้วกัน "
กฎของทะเลทรายไร้สิ้นสุด
หากกลุ่มโจรไปรุกรานกลุ่มพ่อค้าหรือกลุ่มคน แล้วตัวกลุ่มโจรไปเจอผู้ที่แข็งแกร่งกว่าและไม่อาจต้านทานอะไรได้ กลุ่มโจรมีทางเลือก 2 ทางคือ…ถูกทำลายล้างจนย่อยยับ หรือ ให้หัวหน้าโจรรับผิดชอบเพียงผู้เดียว ช่วยชีวิตลูกน้อง
ตราบใดที่หัวหน้าโจรเลือกที่จะทำลายระดับบ่มเพาะตัวเอง ลูกน้องในกลุ่มโจรทั้งหมดจะรอดพ้นหายนะ
คำกล่าวของฟงผิงทำให้สีหน้าของหัวหน้าโจรซีดลงโดยพลัน
“ข้าน้อยขอคารวะอาวุโส” ตอนนี้เองโจรสวมชุดสีเทาก็ก้าวออกมาพร้อมประสานมือคารวะอย่างนอบน้อม มันมองไปยังอาวุโสฟงผิงด้วยแววตาหวาดกลัว “ท่านหัวหน้าและพี่น้องทั้งหลายนี้ พึ่งมาประกอบการค้าไร้ต้นทุนได้มินาน ทั้งหมดจึงยังมิได้ประสามิรู้ว่าหอการค้ากู่เหอเป็นเช่นไร…ข้าน้อยหวังว่าใต้เท้าอาวุโสจักเมตตาละเว้นสักครา”
พึ่งมาประกอบการค้าไร้ต้นทุนได้ไม่นาน?
ต้วนหลิงเทียนมองอย่างอึ้งๆ กลุ่มโจรนี้มาปล้นชาวบ้านทั้งๆที่ไม่ค่อยรู้เรื่องรู้ราวหรือ ไม่หน่อมแน้มไปหน่อยหรือไง?
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนรู้สึกชื่นชมท่าทางการวางตัวของอาวุโสฟงผิงจากใจ
สภาวะแข็งแกร่งและสงบนี้ สามารถสยบกลุ่มโจรให้ไม่กล้าลงมือได้ชะงักงัน!
บนโลกใบนี้ผู้ที่แข็งแกร่งย่อมได้รับความนับถือจากทุกผู้คน
"ในเมื่อเจ้ามิกล้าลงมือ เช่นนั้นข้าจักสงเคราะห์ให้!" ฟงผิงกล่าวออกมาอย่างเฉยเมย
เมื่ออาวุโสฟงผิงกล่าวจบคำ สีหน้าของหัวหน้าโจรก็ซีดราวกับศพ!
ซู่มมมมม!
การเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง ก่อเกิดเสียงระเบิดออกของอากาศ ดังกระหึ่มขึ้นในหูให้ทุกผู้คนได้ยินอย่างชัดเจน..!
ตอนนี้เองทุกคนก็ได้เห็นกองทัพช้างแมมมอธโบราณจำนวนกว่า 4,000 ตัวทะยานข้ามผ่านผืนฟ้าระเบิดความแข็งแกร่งอันน่าตื่นตระหนกออกมา…
ปงงงงงง!!
"อ๊าคคคคค!" เสียงซัดปะทะดังสนั่น พร้อมกับเสียงกรีดร้องดังขึ้นในเวลาพร้อมๆกัน
พริบตานี้ทุกคนล้วนเห็นได้ชัดว่า หัวหน้าโจรถูกฝ่ามือซัดกระเด็น จนร่างของมันปลิวละลิ่วลอยออกไปจากหลังม้า ตกลงบนพื้นอย่างน่าเวทนา
เหนือขึ้นไปบนท้องฟ้า เงาร่างช้างแมมมอธโบราณ ค่อยๆจางหายไป…
“ไม่นะ..ไม่…ไม่”หัวหน้าโจรกระอักโลหิตออกมา 2-3 คำ หลังจากนั้นท่าทางของมันก็ซึมกะทือเศร้าเสียใจ ราวกับคนไร้เรี่ยวแรง เมื่อได้รับรู้ว่าตัวพึ่งสูญเสียสิ่งใดไป
แววตาของมันยามนี้เต็มไปด้วยความเคียดแค้นชิงชังอันไร้สิ้นสุด จับจ้องไปยังฟงผิง “เจ้า…เจ้าทำลายระดับบ่มเพาะข้า เจ้าทำลายตันเถียนของข้า…ข้าจะแลกชีวิตกับเจ้า!” หัวหน้าโจรพยายามลุกขึ้นมา มันเดินโซซัดโซเซไปหยิบดาบเล่มใหญ่ ก่อนที่จะลากระพื้นมาหาอาวุโสฟงผิงช้าๆ
"ท่านหัวหน้า!" ท่าทางของกลุ่มโจรเผยถึงความเศร้าสลดออกมา
"รนหาที่ตาย!" ทันใดนั้นมีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาอย่างดุร้าย ก่อนที่จะมีร่างหนึ่งพึ่งวูบออกไป
ชิ้ง!
เสียงชักกระบี่ดังขึ้น
พริบตาต่อมา ลำคอของหัวหน้าโจรบังเกิดรอยแยกเล็กๆรอยหนึ่ง ดูไปคล้ายถูกกระบี่เจาะทะลวง ร่างของมันสั่นสะท้าน สองตาเบิกโพลง ล้มลงตกตายตาไม่หลับ
แน่นอนคนที่พุ่งออกไปพร้อมเสือกกระบี่เสียบคอหัวหน้าโจรย่อมเป็นจ้าวเหล่ย
หลังจากที่ลงมือสังหารหัวหน้าโจรแล้ว จ้าวเหล่ยก็เตะศพของหัวหน้าโจรออกไปอย่างไม่แยแส ก่อนที่จะกลับมาขึ้นม้าของมัน แล้วกล่าวคำหยามหยันออกมา “เศษสวะ!”
ต้วนหลิงเทียนขมวดคิ้วขึ้นมาโดยพลันเมื่อได้เห็นเรื่องราวที่เกิดขึ้น
สำหรับเขา การกระทำของจ้าวเหล่ยนับว่ามากเกินไปแล้ว…!
หัวหน้าโจรสูญสิ้นระดับบ่มเพาะไปแล้ว…มันไม่ได้มีอันตรายใดๆ
“จ้าวเหล่ย!”อาวุโสฟงผิงเองก็ไม่พอใจกับการกระทำครั้งนี้ของจ้าวเหล่ย และรู้ดีว่าจ้าวเหล่ยได้ละเมิดกฎแล้ว…
“อาวุโสฟงผิง มันเป็นเพียงแค่ขยะไร้ค่าสิ้นไร้ระดับบ่มเพาะ! อยู่ต่อไปยังจะมีประโยชน์อันใด ข้าเพียงกำจัดขยะรกโลกก็เท่านั้น” จ้าวเหล่ยกล่าวออกมาอย่างหยาบคาบ ไม่แยแสหรือรู้สึกผิดอะไร
"เจ้า …เจ้ากล้าฆ่าหัวหน้าพวกเราเช่นนี้ได้อย่างไร!!" โจรที่สวมชุดสีเทา เมื่อฟื้นตัวจากอาการตกตะลึง ก็มองไปยังจ้าวเหล่ยด้วยความโกรธแค้น "ศิษย์นิกายกระบี 7 ดาวกลับกลายเป็นคนไร้ยางอาย มิรักษากฎเกณฑ์ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?"
“ท่าไม่ดีแล้ว!” ต้วนหลิงเทียนที่เฝ้ามองสถานการณ์รอบๆอย่างระวังมาตลอด สัมผัสได้ถึงจิตฆ่าฟันของเหล่าโจรที่เหลือกำลังพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ ราวกับจะทะลุไปถึงชั้นฟ้า
“พี่น้องทั้งหลาย พวกมันมิได้ทำตามกติกาและกฎของทะเลทรายไร้สิ้นสุด! มันกล้าสังหารหัวหน้าของพวกเรา วันนี้ต่อให้พวกเราต้องตายก็ต้องแก้แค้นให้หัวหน้า!! ไปเอาเลือดพวกมันมา! เซ่นสรวงดวงวิญญาณหัวหน้า!!” ทันใดนั้นโจรในชุดสีเทาก็ระเบิดเสียงคำรามออกมาอย่างเกรี้ยวกราด
"ล้างแค้นให้หัวหน้า!"
"ฆ่า!"
"ฆ่าพวกมันให้หมด!"
…
ตอนนี้พวกโจรไร้ซึ่งความยั้งคิดใดๆความแค้นเข้าครอบงำ และเมื่อได้รับการกระตุ้นชี้นำ พวกมันต่างระเบิดความบ้าคลั่งออกมา ควบขี่อาชาพุ่งทะยานเข้ามาเตรียมรบให้ตายตกกันไปข้างอย่างไร้ความกลัว คุ้มคลั่งกันไปหมดแล้ว!
พลังงานต้นกำเนิดของเหล่าโจรแผ่ซ่านทะลักล้นออกมาอย่างพร้อมเพรียง กองทัพช้างแมมมอธโบราณ บนฟ้า ราวกับจะถาโถมทับทำลายอย่างเกรี้ยวกราด พวกมันเสือกอาวุธขึ้นมา หมายโถมทะลวงจ้วงแทงต้วนหลิงเทียนและคนอื่นๆให้สิ้น
วู้ม! วู้ม! วู้ม! วู้ม! วู้ม! วู้ม!
…
แสงดาบกระบี่หอกขวาน เรืองวูบขึ้นมา
เมื่อพบพานกลุ่มโจรกว่าร้อยทุ่มกำลังทั้งหมดถาโถมเข้ามาอย่างไม่กลัวตาย อาวุโสฟงผิงเองก็มือไม้ปั่นป่วนอยู่บ้าง ถึงแม้การสังหารพวกมันจะไม่ได้ลำบากอะไร แต่เจอมันล้อมกรอบเข้ามาแบบนี้ ก็ยากที่จะดูแลคนอื่นได้ทั่วถึงแล้ว
ไม่นานกลุ่มของต้วนหลิงเทียนและคนอื่นๆ ก็ถูกเหล่าโจรห้อมล้อม พุ่งเข้าปะทะกันชุลมุนวุ่นวาย
จิตสังหารกระหายเลือดรวมถึงความดุร้ายเกรี้ยวกราดของโจรทั้งหมด ต่างระเบิดออกมาอย่างไม่มีกักเก็บ
ต้วนหลิงเทียนยังคงนั่งอยู่บนหลังม้า ใช้มือข้างหนึ่งกดหัวม้าคอยคุมเอาไว้ไม่ให้มันเตลิด ส่วนอีกมือตวัดกระบี่อ่อนว่องไว ก่อเกิดเป็นรัศมีกระบี่สังหารรอบๆตัวอย่างน่ากลัว
ต้วนหลิงเทียนไม่ได้พุ่งไปสังหารผู้ใดก่อน…
แต่เหล่าโจรทุกคนที่เข้ามาในรัศมีกระบี่ของเขา ตัวกับหัวล้วนแยกจากกันทั้งสิ้น…
เพียงเวลาไม่นาน เหล่าโจรก็สัมผัสได้ว่า การเข้าไปลงมือต่อต้วนหลิงเทียนไม่ต่างอะไรกับวิ่งไปตาย พวกมันจึงเริ่มเว้นระยะเอาไว้ หลีกเลี่ยงการปะทะกับต้วนหลิงเทียน
เพียงไม่กี่ลมหายใจ รอบๆตัวต้วนหลิงเทียนก็เสมือนพื้นที่ว่างเปล่า ไร้ผู้ใดเฉียดกรายเข้ามา…
หัวหน้าโจรที่ตายตกลงไปนั้น เป็นกำลังรบที่แข็งแกร่งที่สุดของกลุ่มโจรแล้ว..
ส่วนในบรรดากลุ่มโจรตอนนี้ มีชนชั้นรองหัวหน้าอีก 10 คน ซึ่งนับรวมโจรชุดสีเทาคนนั้นไปแล้วด้วย เป็นพวกที่แข็งแกร่งรองลงมา!
ซึ่งโจรทั้ง 10 คนนี้ อาวุโสฟงผิงสามารถย่อมระบุตัวตนได้ทันที และเฝ้าระวังพวกมันเอาไว้เป็นพิเศษ รีบเร่งไล่สังหารพวกมันก่อนผู้ใด
อย่างไรก็ตามยังมีปลาที่เล็ดรอดร่างแหไปได้!
"เจ้ากล้าฆ่าหัวหน้าของข้า ข้าจะฆ่าเจ้าให้ตาย!!!" ต้วนหลิงเทียนพลันได้ยินเสียงคำรามออกมาอย่างเกรี้ยวกราดดังขึ้น และเมื่อเขาหันไปดูตามเสียงก็พบว่า ร่างโจรที่สวมชุดสีเทากับลังพุ่งไปหมายสังหารจ้าวเหล่ย
…