หน้าแรก Amnovel
  • หน้าแรก
  • นิยายทั้งหมด
  • เติมเงิน
  • ติดต่อเรา
ค้นหา
ค้นหาขั้นสูง
เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก
  • หน้าแรก
  • นิยายทั้งหมด
  • เติมเงิน
  • ติดต่อเรา
  • เข้าสู่ระบบ
เข้าสู่ระบบ
Prev
Next

สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - บทที่ 413 : งานคุ้มกันขบวนพ่อค้า

  1. หน้าแรก
  2. สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์
  3. บทที่ 413 : งานคุ้มกันขบวนพ่อค้า
Prev
Next

บทที่ 413 : งานคุ้มกันขบวนพ่อค้า

 

 

ต้วนหลิงเทียนพยักหน้ารับคำ

เขารู้ดีว่าที่ฟงผิงให้เขามาอยู่บ้านลานหลังเล็กๆนี่เป็นเพราะอะไร…ไม่พ้นอีกฝ่ายมีเจตนามาคอยเฝ้าจับตาดูเขาเป็นแน่

นี่เพราะตัวตนของเขายังไม่ได้รับการยืนยัน..

"เอาล่ะ" ทันใดนั้นราวกับฟงผิงนึกอะไรออก มันมองไปยังต้วนหลิงเทียนด้วยแววตาสงสัย พร้อมกล่าวถาม "แล้วเจ้าไปมีเรื่องราวบาดหมางอะไรกับจ้าวเหล่ยมันเล่า?"

คำถามของฟงผิงทำให้ต้วนหลิงเทียนอดที่จะยิ้มขึ้นมาไม่ได้ หลังจากนั้นเขาก็เริ่มเล่าเหตุการณ์ที่จ้าวเหล่ยต้องอับอายออกมา โดยเขาเริ่มบอกถึงเรื่องที่เขาให้มันใส่ชุดวันเกิดเข้าเมืองก่อน

หลังจากนั้นเขาก็ค่อยๆเล่าเรื่องราวก่อนหน้า อันเป็นสาเหตุของเรื่องทั้งหมด

"จ้าวเหล่ยมันกระทำเกินไป!" ฟงผิงขมวดคิ้ว พร้อมระบายลมหายใจออกมา "ต้วนหลิงเทียน ถึงเจ้าจะเอาชนะมันได้ … แต่จะอย่างไรการที่เจ้าลงโทษมันเช่นนี้ก็ยังนับว่าเป็นเรื่องที่ร้ายแรงไม่น้อย เพราะจ้าวเหล่ยนั่นมันเป็นบุตรชายของอาวุโสจ้าวอวี่ แล้วบิดาหรือจะยอมให้บุตรชายอัปยศเช่นนี้ได้ อีกทั้งเรื่องนี้ก็นับว่าทำให้มันเสียหน้าไม่น้อย "

"ข้าเองก็ไม่แปลกใจเลยที่อาวุโสจ้าวอวี่ถึงได้กล่าววาจาเอาเรื่องเช่นนั้น…ดูเหมือนเมื่อครู่มันจะได้รู้เรื่องราวมาแล้ว" เมื่อกล่าวจบฟงผิงก็ส่ายหัวไปมา

ต้วนหลิงเทียนเพียงยักไหล่อย่างไม่แยแส “ข้าไม่เคยทำร้ายผู้อื่นโดยไม่มีเหตุผลหรือเพราะความสนุกสนานส่วนตัว… แต่ถ้ามีใครคิดจะมาก่อกวนกลั่นแกล้งข้าล่ะก็ พวกมันต้องได้รู้…ว่าข้าไม่ใช่ลูกพลับสุกนิ่มๆ ที่ผู้ใดคิดจะมาบีบเล่นได้สนุกมือเมื่อไหร่ก็ได้!” ในขณะที่กล่าวจบประกายแสงเย็นชาเสียดกระดูกพลันเรืองวูบขึ้นมาในแววตาของต้วนหลิงเทียน

ฟงผิงถอนหายใจออกมา

เขาก็ไม่แปลกใจสักเท่าไรที่ต้วนหลิงเทียนจะกระทำเช่นนี้

หากต้วนหลิงเทียนยินยอมเป็นฝ่ายถูกกระทำตามใจผู้คน ไม่ต่อต้านใดๆ เขาคงคิดว่าต้วนหลิงเทียนไม่คู่ควรกับพรสวรรค์ในเชิงยุทธ์ที่สูงส่งเช่นนี้…

ผู้ที่มีพรสวรรค์ในเชิงยุทธ์สูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสูงส่งอย่างต้วนหลิงเทียน สมควรมีความภาคภูมิใจและความทะนงตัวสูงพอสมควร!

“ว่าแต่เพราะเหตุใด ท่านประมุขถึงได้ส่งเจ้ามายังเมืองโบราณชั่วนิรันดร์แห่งนี้เสียเล่า?” ฟงผิงกล่าวถาม

ต้วนหลิงเทียนเพียงยิ้มบางๆ แล้วกล่าวตอบออกมา “ประมุขให้ข้ามาหาประสบการณ์ แล้วก็ฝึกฝนเคี่ยวกรำตัวเองน่ะ”

ฟงผิงพยักหน้ารับ “ที่แท้ก็เป็นเพราะเช่นนี้นี่เอง…เอาล่ะ เจ้าก็อยู่ที่นี่ไปก่อน ข้าจะส่งคนไปยังนิกายกระบี่ 7 ดาวเพื่อไถ่ถามยืนยันตัวตนของเจ้า…การเดินทางไปกลับสมควรใช้เวลาราวๆ 2 เดือน เจ้าเองก็รอไปก่อน ฝึกฝนบ่มเพาะพลังไป …มีอะไรต้องการก็มาหาข้า… อะไรที่เจ้าจัดการได้เอง ข้าก็จะไม่สอดมือ”

ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า

หลังจากนั้นฟงผิงก็จากไป ปล่อยให้เขาอยู่คนเดียว  แล้วเขาก็เดินเข้าไปดูในบ้านพัก

ต้วนหลิงเทียนที่เข้าบ้านมาชมดูอยู่เล็กน้อย ก่อนที่จะเดินเข้าไปยังห้องนอน… เมื่อเข้าห้องนอนแล้วปิดประตูได้ไม่ทันไร แสงสีทองก็พุ่งออกมาจากแขนเสื้อ

เป็นเสี่ยวจิน

"จี๊ด จี๊ด ~" เสี่ยวจินมองไปยังต้วนหลิงเทียน ก่อนที่จะเริ่มร้องออกมา

ตอนนี้เองเสี่ยวจินก็ส่งเสียงเจื้อยแจ้ว ของสาวน้อยวัยหัดพูดผ่านพลังงานต้นกำเนิดมาเข้าหูต้วนหลิงเทียน “พี่ใหญ่หลิงเทียน จ้าวเหล่ยนี่น่ารังเกียจนัก…บิดามันจ้าวอวี่นั่นอีกคน!  ข้ารู้ว่ามันต้องมิใช่ตัวดีอันใด ข้าจะไปฆ่ามันให้ท่านดีหรือไม่?” ในขณะที่เจ้าหนูตัวน้อยกล่าว ประกายตาของดวงเนตรหยกทั้งคู่ ก็เรืองวูบขึ้นมาขณะมองต้วนหลิงเทียน

มุมปากของต้วนหลิงเทียนกระตุกขึ้นมาทันที

ดูเหมือนว่า ‘บทเรียน’ ก่อนหน้านี้ ที่เขาสอนสั่งเจ้าหนูตัวน้อยนี่ไป…ล้มเหลวแล้วอย่างสิ้นเชิง มันไม่ได้จดจำอะไรเข้าหัวสักนิด!

“เสี่ยวจิน…จ้าวอวี่ผู้นั้นไม่ได้ง่ายดาย มันเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับแรกสัมผัสธรรมชาติขั้นที่ 3…ตอนนี้เจ้ายังไม่ใช่คู่มือมัน” ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกมาอย่างจริงจัง

อาศัยครึ่งก้าวพลังสายฟ้าขั้นสูงและอาวุธวิญญาณระดับ 6 เสี่ยวจินอาจจะมีความแข็งแกร่งมากพอที่จะจัดการสัตว์อสูรปีศาจ ระดับแรกสัมผัสธรรมชาติขั้นที่ 2

แต่ทว่าตัวตนระดับแรกสัมผัสธรรมชาติขั้นที่ 3 นั้น ต่อให้อีกฝ่ายไม่อาจทำความเข้าใจเรื่องของพลังได้ แต่ก็ไม่ใช่อะไรที่เจ้าเสี่ยวจินจะจัดการได้สักนิด  นอกจากนี้จ้าวอวี่ก็เป็นถึงผู้อาวุโสของนิกายกระบี่ 7 ดาวจึงเป็นไปไม่ได้เลย ที่มันจะยังไม่เข้าใจพลัง ทั้งๆ ที่อยู่ในระดับแรกสัมผัสธรรมชาติขั้นที่ 3 แล้ว

“แรกสัมผัสธรรมชาติขั้นที่ 3 ?” เจ้าตัวน้อยรู้สึกพ่ายแพ้ไม่น้อย มันทำได้เพียงนั่งแผละลงไปอย่างหมดอาลัยบนเตียง

“เอาหน่า…ไม่ช้าก็เร็วยังไงเจ้าก็ต้องฆ่ามันได้แน่ๆ… เจ้ายังพึ่งเกิดมาได้ไม่ทันไรเอง…เจ้าพึ่งมีอายุ 7 ปีเท่านั้นเองนะอย่าลืมสิ  ส่วนไอจ้าวอวี่นั่นมันฝึกฝนบ่มเพาะมากี่สิบปีแล้วกันเล่า” ต้วนหลิงเทียนเห็นท่าทางของเจ้าหนูน้อยที่หงอยลงไป ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเอ็นดูมัน จนต้องค่อยๆกล่าวปลอบใจมันออกมา “จะยังไงเจ้าก็มีสายเลือดของหนูสวรรค์นัยน์ตาหยก  การที่จะเหนือกว่ามันก็เป็นเรื่องของเวลาเท่านั้นล่ะ”

เจ้าหนูขนทองตัวน้อยรีบพยักหน้ารับคำออกมา เมื่อได้ยินเสียงปลอบใจจากต้วนหลิงเทียน นัยน์ตาหยกทั้งคู่เผยประกายออกมาอีกครั้ง

แล้วต้วนหลิงเทียนก็พักในบ้านลานของหอการค้ากู่เหอหลังเล็กนี่ไปในลักษณะนี้..

ตอนนี้เองนอกเมืองโบราณชั่วนิรันดร์ มีร่างสองร่างกำลังพุ่งทะยานขึ้นสู่ฟ้า ตามกันไปติดๆ แน่นอนพวกมันคือสัตว์อสูรบินได้ ระดับวิญญาณแรกก่อตั้งขั้นที่ 1 พร้อมคนขี่…

ทิศทางที่พวกมันมุ่งหน้าไป ก็คือนิกายกระบี่ 7 ดาว

เสื้อผ้าของคนทั้ง 2 นี้ก็มีสัญลักษณ์หอการค้ากู่เหอติดเอาไว้ แสดงให้เห็นว่าทั้งคู่เป็นคนของหอการค้ากู่เหอ

ในวันต่อมา ต้วนหลิงเทียนก็ได้รับรู้รายละเอียดของหอการค้ากู่เหอสาขาเมืองโบราณชั่วนิรันดร์แห่งนี้

ในด้านทรัพยากรและทรัพย์สิน รวมถึงกองทุนต่างๆ หอการค้ากู่เหอ ยังนับว่าเป็นกลุ่มการค้าระดับกลางๆ ในอาณาจักรพนาครามแห่งนี้เท่านั้น

ทางหอการค้ากู่เหอเองก็มีสัญญากับนิกายกระบี่ 7 ดาว คอยมอบทรัพย์สินและทรัพยากรให้แก่นิกายกระบี่ 7 ดาวทุกๆ ปี  ในขณะเดียวกัน ทางนิกายกระบี่ 7 ดาวก็จะดูแลคุ้มครองเรื่องความปลอดภัยให้แก่ หอการค้ากู่เหอ

สำหรับหอการค้ากู่เหอ สาขาเมืองโบราณชั่วนิรันดร์นี้ ก็เป็นอาวุโสฟงผิงแล้วจ้าวอวี่ที่รับผิดชอบทำหน้าที่ นั่นเอง

แน่นอนว่านอกเหนือจากการเฝ้าระวังความปลอดภัยที่หอการค้ากู่เหอนี่แล้ว ยังต้องมีการคุ้มกันขบวนคาราวานพ่อค้า ของหอการค้ากู่เหออีกด้วย

คาราวานพ่อค้านั้น มักไม่อาจหลีกเลี่ยงการกระทบกระทั่งกับโจรขณะเดินทางอยู่แล้ว นั่นทำให้อาวุโสของนิกายกระบี่ 7 ดาวมักจะรับหน้าที่เป็นหัวหน้าผู้คุ้มกันโดยมีลูกศิษย์ไปคอยช่วยเหลือต่างๆ  อันเป็นการหาประสบการณ์ไปในตัว….

…

ยามอัสดงเผยแสงแรกของวัน  ลำแสงสาดส่องอาบไล้มอบไออุ่นให้สรรพชีวิตทั่วหล้า ทั้งหลายต่างก็เริ่มออกจากนิทราคลายการหลับใหล ตอบรับวันใหม่อย่างแช่มชื่น

ต้วนหลิงเทียนที่นั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียง ก็ค่อยๆลืมตาขึ้นมา ประกายระยิบระยับส่องสว่างเรืองขึ้นมาวูบหนึ่ง…

“ยังอีกไกลกว่าข้าจะตัดผ่านระดับวิญญาณแรกก่อตั้งขั้นที่ 5 ได้” ต้วนหลิงเทียนระบายลมหายใจออกมา ก่อนที่จะออกจากบ้าน ไปยืดเส้นยืดสายที่ลานหน้าบ้าน

"ต้วนหลิงเทียน!" ทันใดนั้นมีเสียงดังขึ้นมาจากนอกลาน

“อาวุโสฟงผิง” เมื่อต้วนหลิงเทียนหันไปตามเสียงเรียกก็พบว่า อาวุโสฟงผิงกำลังเดินออกมาจากนอกลาน ตรงมาทางเขา “ท่านมีอะไรให้ข้าทำหรือ?”

หลังจากวันที่เข้ามาถึงหอการค้ากู่เหอนั้น เวลาก็ผ่านไป 7-8 วันแล้ว…

วันนี้เป็นวันแรกที่อาวุโสฟงผิงเดินมาหาเขา

ความคิดแรกของต้วนหลิงเทียนก็คือ ‘หรือ พวกเราจะต้องไปคุ้มกันขบวนพ่อค้า?’

อันที่จริงแล้ว สิ่งที่ต้วนหลิงเทียนเดานั้นก็ถูกต้อง..

“ต้วนหลิงเทียน หอการค้ากู่เหอ มีสินค้าที่จำเป็นต้องจัดส่ง ข้าจะเป็นผู้นำศิษย์นิกายกระบี่ 7 ดาวทั้ง 3 ไปคุ้มกันขบวนพ่อค้า ในอีก 3 วันหลังจากนี้ เจ้าเองก็ต้องมาด้วยเช่นกัน” ฟงผิงกล่าวเข้าเรื่องออกมา

"ย่อมได้" ต้วนหลิงเทียนย่อมตกลง ในที่สุดเอาก็จะได้ออกไปสูดอากาศข้างนอกเสียที

เขารู้ดีว่าก่อนที่ตัวตนของเขาจะได้รับการยืนยัน อาวุโสฟงผิงย่อมไม่คิดให้เขาคลาดสายตา หายตัวไปไหนแน่นอน

เขาไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้สักนิด เพราะเขาเป็นศิษย์สายในของนิกายกระบี่ 7 ดาวจริงๆ เขายังจะต้องกลัวอะไร

ต้วนหลิงเทียนไม่ได้บ่มเพาะพลังต่อแต่อย่างไร หลังจากที่อาวุโสฟงผิงจากไป เขาเพียงไปนอนในสนามหญ้าในลานอันสะอาดสะอ้าน… เขานอนหนุนมือไขว่ห้าง แหงนมองไปยังท้องฟ้ากว้างใหญ่ เฝ้าดูหมู่เมฆลิ้วล่อง เคลื่อนคล้อยลอยเลื่อนบนผืนนภาสีคราม อาบไล้ไปด้วยแสงตะวันอ่อนๆ

แสงแดดอ่อนๆยามเช้า ก็ทำให้ร่างต้วนหลิงเทียนรู้สึกอบอุ่นสบายตัวไม่น้อย

"จี๊ด จี๊ด ~" ตอนนี้เองเจ้าหนูสีทองตัวน้อยที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อของต้วนหลิงเทียน ก็ค่อยๆคลานออกมา และนอนข้างๆต้วนหลิงเทียน มันเองก็เลียนแบบท่านอนของต้วนหลิงเทียน  นอนไขว่ห้างกับเค้าด้วยเช่นกัน…

ดวงตาคู่หยกของมันทอประกายฉลาดเฉลียวออกมา ทั้งแฝงความหม่นหมองประการหนึ่ง

“พี่ใหญ่หลิงเทียน ข้าคิดถึงพี่สาวเค่อเอ๋อ” เสียงเจ้าหนูตัวน้อยดังขึ้นในหูต้วนหลิงเทียน

"ข้าเองก็คิดถึงเค่อเอ๋อเหมือนกัน … " ต้วนหลิงเทียนเอื้อมมือไปหยิบเจ้าหนูตัวน้อยมานอนในอุ้งมือก่อนที่จะลูบขนมันเบาๆ “แต่ยามนี้พวกเราก็มาถึงที่นี่แล้ว…อีกไม่นาน เมื่อข้าสามารถยืนยันตัวตนได้สำเร็จ ข้าจะพาเจ้าไปเที่ยวเล่นข้างนอกดีหรือไม่”

"ดีๆๆ ข้าไปๆ!" เจ้าหนูขนทองตัวน้อยเมื่อได้ยินคำของต้วนหลิงเทียนก็ลุกขึ้นมากระโดดโลดเต้นอย่างยินดี

ประกายแสงเรืองวูบขึ้นมาในดวงเนตรหยกทั้งคู่ของมัน  ทำให้นัยน์ตาของมันงดงามเหมือนดวงมณี

ตอนนี้มันได้โยนความคิดถึงเค่อเอ๋อไปไหนแล้วก็ไม่รู้…เรื่องเที่ยวเล่นช่างสำคัญนัก!

"เอาล่ะ แต่เจ้าก็ต้องฟังเงื่อนไขของข้าดีๆ … ถ้ามีคนนอกอยู่เจ้าไม่อาจปรากฏตัวออกมาได้ นี่เพื่อความปลอดภัยของเจ้าเอง เข้าใจหรือไม่?" ต้วนหลิงเทียนพลันเปลี่ยนเรื่อง แล้วกล่าวเงื่อนไขออกมา

เจ้าหนูสีทองตัวน้อย ที่ขี้ระแวงแน่นอนว่าย่อมต้องเห็นด้วยกับเงื่อนไขข้อนี้ของต้วนหลิงเทียน โดยไร้ซึ่งข้อโต้แย้งใดๆทั้งมวล

3 วันต่อมา

ต้วนหลิงเทียนควบขี่ม้าตัวหนึ่งติดตามอาวุโสฟงผิงมาไม่ห่าง  ตอนนี้เขากับคนอื่นๆ กำลังติดตามขบวนพ่อค้าของหอการค้ากู่เหอ ออกจากเมืองโบราณชั่วนิรันดร์

นอกจากเขาและอาวุโสฟงผิงแล้ว ยังมีศิษย์สายในนิกายกระบี่ 7 ดาวอีก 2 คน แล้วก็จ้าวเหล่ยที่ติดตามมาด้วยเช่นกัน

ศิษย์สายในทั้ง 2 คนนั่นก็มีอายุเท่าๆกับจ้าวเหล่ย และตอนนี้พวกมันก็ขี่ม้าตีคู่ไปกับจ้าวเหล่ย

ตอนนี้พวกมันก็มองมายังต้วนหลิงเทียนด้วยความสงสัยไม่น้อย

" จ้าวเหล่ย เจ้าหนุ่มนี่…เป็นศิษย์สายในจากนิกายเราจริงหรือ?" หนึ่งในศิษย์กระซิบถามจ้าวเหล่ยออกมา

"ฮึ่ม!" จ้าวเหล่ยเหลือบมองต้วนหลิงเทียนด้วยความเย็นชา ไม่คิดจะแยแสอะไร "มันยังไม่นับว่าเป็นศิษย์สายในของนิกายกระบี่ 7 ดาวเรา! เพราะมันยังไม่อาจยืนยันตัวตนของมันได้…พวกเราจะได้รู้เรื่องราวทุกอย่างหลังจากการเดินทางครั้งนี้"

“จ้าวเหล่ย…ว่าแต่เจ้าแก้ผ้า แล้ววิ่งเข้าเมืองด้วยชุดวันเกิด เพราะโดนเจ้าหนุ่มนี่บีบบังคับจริงๆหรือ?” ศิษย์อีกคนหันไปมองจ้าวเหล่ยพร้อมยิ้มออกมาอย่างสนุกสนาน

เรื่องนี้ทำให้จ้าวเหล่ยขุ่นเคืองนัก

ตอนนี้เหตุการณ์ในวันนั้นเป็นอันรู้กันไปทั่วแล้ว… นับว่าเป็นความด่างพร้อยอย่างหนักหนาในชีวิตของมัน!

ใบหน้าของจ้าวเหล่ยลดต่ำลงทั้งยังเริ่มมืดคล้ำเมื่อมันคิดถึงเรื่องนี้  สองตายังมองไปยังต้วนหลิงเทียนพร้อมเผยความชิงชังยะเยือกออกมา

ทั้งหมดเป็นเพราะต้วนหลิงเทียน!

"ต้วนหลิงเทียน ข้าจ้าวเหล่ยจะพยายามฆ่าเจ้าให้ตาย  ไม่ตายไม่เลิกรา!" ความชิงชังแค้นเคืองอันไร้สิ้นสุดปะทุอยู่ในจ้าวเหล่ย

แน่นอนว่าต้วนหลิงเทียนย่อมสัมผัสได้ถึงสายตาอาฆาตนี้ดี แต่เขาก็ไม่ได้แยแสมันแม้แต่น้อย เขาหันไปกล่าวกับฟงผิงด้านข้างอย่างสงสัย “อาวุโสฟงผิง แล้วอาวุโสจ้าวอวี่เล่า?”

"อาวุโสจ้าวอวี่จะรับหน้าที่ดูแลความปลอดภัยที่หอการค้ากู่เหอ…ส่วนหน้าที่คุ้มกันขบวนพ่อค้าวันนี้เป็นของพวกเรา 5 คน" ฟงผิงกล่าวตอบ

ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า ถามสืบต่อ "อาวุโสฟงผิง แล้วพวกเราต้องคุ้มกันขบวนพ่อค้านี้ไปนานเท่าไหร่หรือ?"

ฟงผิงคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะกล่าวตอบออกมา “ราวๆ 2 เดือนเห็นจะได้”

ครู่ต่อมาฟงผิงก็เหมือนกับนึกอะไรออก มันจึงกล่าวเพิ่มเติมออกมา "อาวุโสจ้าวอวี่กับข้าได้ส่งคนไปยังนิกายกระบี่ 7 ดาวแล้ว  อีก 2 เดือนพวกมันก็น่าจะกลับมาพอดี…ถึงตอนนั้นพวกเราก็จะได้รู้กันเสียทีว่าเจ้าเป็นศิษย์นิกายกระบี่ 7 ดาวจริงหรือไม่"

ต้วนหลิงเทียนพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้  แน่นอนว่าเขาไม่ได้รู้สึกอะไรเป็นพิเศษ

เพราะยังไงเขาก็เป็นศิษย์สายในนิกายกระบี่ 7 ดาวจริงๆ เรื่องนี้ไม่มีใครเปลี่ยนแปลงอะไรได้…

 

Prev
Next

ความคิดเห็นสำหรับ "บทที่ 413 : งานคุ้มกันขบวนพ่อค้า"

3.7 232 โหวต
คุณชอบเรื่องนี้ไหม?
ติดตาม
เข้าสู่ระบบ
แจ้งเตือนของ
กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่คุณอาจชอบ

ปกข้ามีดาวเทียมในยุคสามก๊ก
ข้ามีดาวเที่ยมในยุคสามก๊ก
กรกฎาคม 9, 2023
Tales of Herding Gods
Tales of Herding Gods
มีนาคม 12, 2022
มหายุทธทลายดารา!
มหายุทธทลายดารา!
มีนาคม 12, 2022
ไปเก็บสเตตัสที่ต่างโลก Picking Up Attributes From Today
ไปเก็บสเตตัสที่ต่างโลก Picking Up Attributes From Today
มีนาคม 12, 2022
Crazy  Leveling  System
Crazy Leveling System
พฤษภาคม 17, 2022
Divine Beast Adventures
Divine Beast Adventures
มีนาคม 12, 2022
Tags:
#ผจญภัย, กำลังภายใน, ต่อสู่, สงคราม
ประวัติการเข้าชม
You don't have anything in histories
หมวดหมู่นิยาย
  • sci-fi (24)
  • Video Games (11)
  • กำลังภายใน (36)
  • จีนกำลังภายใน (1)
  • ดราม่า (3)
  • ตลก (3)
  • นิยายลิขสิทธิ์ (18)
  • นิยายแต่ง (3)
  • ย้อนยุค อนาคต (7)
  • สยองขวัญ (2)
  • เกมส์ออนไลน์ (5)
  • แฟนตาซี (161)

© 2025 Madara Inc. All rights reserved

Premium Chapter

คุณจำเป็นต้องเข้าสู่ระบบก่อน

wpDiscuz