สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - บทที่ 287 : เจ้ากล้าหรือไม่?
บทที่ 287 : เจ้ากล้าหรือไม่?
หลังจากไปที่ค้นหาในป่าแรกเริ่ม ในที่สุดต้วนหลิงเทียนก็เดินทางกลับมายังนิกายกระบี่ 7 ดาว
เมื่อเขากลับเข้ามาถึงนิกาย เขาก็เดินมุ่งหน้าไปตามเส้นทางขึ้นเขาเทียนชู เพื่อกลับไปยังยอดเขาเทียนเฉวียน ในขณะที่เดินต้วนหลิงเทียนก็ได้ยินบทสนทนาของคนที่เดินผ่าน
"เฮ่ เจ้าได้ยินเรื่องนี้มาหรือไม่? ยามนี้บังเกิดปีศาจขึ้นในขุนเขาเทียนเฉวียนแล้ว" หนึ่งในศิษย์สายนอกคนหนึ่งกำลังกล่าวกับสหายข้างมัน
"เรื่องนี้หรือไม่? ข้าได้ยินมาว่า มีศิษย์คนหนึ่ง ซ้ำเขาเป็นเพียงศิษย์สายนอกที่พึ่งเข้ามาในนิกายกระบี่ 7 เราหมาดๆ … ทว่าเขากลับมีระดับบ่มเพาะสูงถึงระดับกำเนิดแก่นแท้ ทั้งๆ ที่มีอายุราวๆ 20 ปีเท่านั้น! พรสวรรค์เช่นนี้นับว่าเหนือยิ่งกว่าคนรุ่นใหม่ของนิกายกระบี่ 7 ดาวพวกเราทั้งหมดเสียอีก " ศิษย์สายนอกอีกคนพยักหน้าพร้อมกล่าว
"พึ่งเข้ามานิกายกระบี่ 7 ดาวเราเท่านั้น แต่ขึ้นไปต่อสู้บนเวทีประลองเป็นตายแล้ว…ซ้ำยังสังหารผู้ฝึกยุทธ์ระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 4 พร้อมกันทั้ง 2 คนอีก น่าหวาดกลัวนัก" ศิษย์คนแรกกล่าวยกย่องออกมา
คิ้วของต้วนหลิงเทียนโค้งขึ้นเล็กน้อย ไม่คิดเลยว่าเขาพึ่งสังหารฮั่วซิน กับเหวียนหวู่ไปเมื่อวานหยกๆ แต่มาวันนี้เรื่องราวกับแพร่ไปทั่วนิกายกระบี่ 7 ดาวแล้ว
และในระหว่างทางต้วนหลิงเทียนก็พบว่า ส่วนมากแล้วเหล่าศิษย์ล้วนกล่าวสนทนาถึงเรื่องราวที่เขากระทำไว้เมื่อวานทั้งสิ้น
โชคดีที่เหล่าศิษย์ของนิกายกระบี่ 7 ดาว ส่วนใหญ่ยังไม่รู้จักใบหน้าของเขา หาไม่แล้วคงถูกผู้คนรุมมองราวกับเขาเป็นสัตว์หายากแน่นอน
ต้วนหลิงเทียนเดินบนสะพานโซ่อีกครั้ง เพื่อมุ่งหน้าไปยังขุนเขาเทียนเฉวียน
ทว่าเมื่อต้วนหลิงเทียนพึ่งก้าวขึ้นมาที่ฐานศิลาของขุนเขาเทียนเฉวียน เขาก็พบกับชายหนุ่มคนหนึ่งที่อายุราวๆ 23-24 ปี
ชายหนุ่มคนนี้กล่าวได้ว่าหน้าตาธรรมดา หากโยนมันไปปะปนกับฝูงชนล่ะก็ คงยากจะแยกแยะ แต่ต้วนหลิงเทียนก็ไม่กล้าดูถูกมัน …
เพราะด้วยพลังวิญญาณที่โดดเด่น ต้วนหลิงเทียนสามารถสัมผัสได้ว่า ระดับบ่มเพาะของชายหนุ่มตรงหน้าแข็งแกร่งกว่าฮั่วซินและเหวียนหวู่มาก
"มีเรื่องอะไรสำคัญหรือไม่?" ต้วนหลิงเทียนขมวดคิ้วพร้อมกล่าวถาม เขาไม่รู้จักชายตรงหน้า และไม่รู้ว่าทำไมมันถึงมาขวางเขา
หรือชายผู้นี้จะเป็นสหายสนิทของฮั่วซินและเหวียนหวู่
ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะคิดในใจ
“ต้วนหลิงเทียน ผู้อาวุโสจ้าวหลินไหว้วานให้ข้ามาหาเจ้า เขาฝากมาบอกว่าหากเจ้ายังรู้ว่าอะไรดีต่อเจ้า ก็ให้ส่งมอบสิ่งของที่เขาต้องการมาเสีย…หาไม่แล้วเจ้าจักมิเหลือที่ให้ยืนบนขุนเขาเทียนเฉวียนแห่งนี้อีกต่อไป!” ชายหนุ่มคนนั้นมองไปยังต้วนหลิงเทียนพร้อมกล่าวด้วยน้ำเสียงต่ำ ท่าทางข่มขวัญผู้คนไม่น้อย
แม้ว่ามันจะได้เห็นสิ่งที่ต้วนหลิงเทียนกระทำเมื่อวาน แต่มันก็ไม่ได้หวาดกลัว หรือใส่ใจ
เพราะเมื่อวานหากเป็นตัวมัน มันก็ฆ่าฮั่วซินกับเวียนหวู่ที่ร่วมมือกันได้
เพราะมันมีความมั่นใจในฐานะผู้ฝึกยุทธ์ระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 5 !
ต้วนหลิงเทียนพลันเข้าใจได้ทันที ที่แท้มันมาเพราะจ้าวหลินส่งมา
ต้วนหลิงเทียนเริ่มหัวเราะออกมา ซ้ำยังหัวเราะอย่างหนัก
"เจ้าหัวเราะอะไร?" ใบหน้าของชายหนุ่มจมลง มันเริ่มขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจ
"ไสหัวไป!" ต้วนหลิงเทียนระงับการหัวเราะ ก่อนที่จะตะโกนไล่มันออกมาดังก้องดั่งสนั่นราวฟ้าลั่น และนั่นทำให้ชายหนุ่มตรงหน้าเขาสะดุ้ง ตะลึงงันไปครู่หนึ่ง กว่าจะคืนสติได้ก็นานไม่น้อย
"เจ้า….บอกให้ข้าไสหัวไป?" ชายหนุ่มตกตะลึงเมื่อได้ฟังคำต้วนหลิงเทียน ราวกับมันพึ่งพบเจอเรื่องสุดประหลาด
ด้วยเสียงตะโกนขับไล่ดังก้องของต้วนหลิงเทียน ศิษย์ของขุนเขาเทียนเฉวียนรอบๆ เริ่มให้ความสนใจในทันที และเริ่มมามุงดูรอบๆ
การสอดรู้สอดเห็นเป็นเรื่องธรรมชาติของมนุษย์
"เฮ่ นั่นต้วนหลิงเทียนนี่!"
"อะไร มีคนกล้ารุกรานต้วนหลิงเทียนหรือ?"
"เอ๊ะ นั้นมันหลิวอวี่ไม่ใช่รึ? แล้วมันไปมีปัญหาอันใดกับต้วนหลิงเทียนกัน?"
"ศิษย์พี่หลิวอวี่เป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 5 ถึงแม้ว่าต้วนหลิงเทียนจักสังหารศิษย์สายนอกระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 4 พร้อมกันได้ แต่เขาอาจไม่ใช่คู่มือของศิษย์พี่หลิวอวี่ …แต่เขายังกล้าทำให้ศิษย์พี่หลิวอวี่โกรธอีกรึ! "
“บนเวทีประลองเป็นตาย เมื่อวานก็มิใช่ฮั่วซินกับเหวียนหวู่ มีความกำลังแข็งแกร่งกว่าต้วนหลิงเทียนไม่ใช่หรือไร แต่สุดท้ายเป็นอย่างไรเล่า มิใช่พวกมันเป็นฝ่ายตกตายในกระบวนท่าเดียวหรอกหรือ?”
"ถูกแล้ว ความแข็งแกร่งของต้วนหลิงเทียน พวกเรามิอาจใช้ตรรกะปกติหยั่งถึงได้"
"ข้าเองก็คิดเช่นนั้น ในเมื่อเขากล้าต่อต้านศิษย์พี่หลิวอวี่ นั่นหมายความว่าเขาไม่กลัวศิษย์พี่หลิวอวี่"
…
ผู้คนของขุนเขาเทียนเฉวียนที่มุงรอบๆ แน่นอนว่าต้องจดจำต้วนหลิงเทียนได้ และพวกมันก็รู้จักคนที่ขวางต้วนหลิงเทียนดี
"หลิวอวี่ระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 5?" ต้วนหลิงเทียนมองไปยังชายหนุ่มตรงหน้า พร้อมยักคิ้วขึ้นเล็กน้อย หลังจากได้ยินบทสนทนารอบๆ
ไม่ต้องสงสัยเลย ว่าทำไมมันถึงกล้าขวางทางเขา ที่แท้มันเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 5
แต่ใช่จ้าวหลินดูแคลนเขาไปหรือไม่? มันคิดจริงๆหรือว่าใช้ศิษย์ที่มีระดับบ่มเพาะ แค่ระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 5 จะสามารถบีบบังคับให้เขาส่งมอบวิชาบ่มเพาะให้มันได้?
นอกจากนี้ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่เขาไม่มีวิชาอะไรนั่น ถึงเขาจะมีเขาก็ไม่มีทางมอบให้มัน!
หลิวอวี่นั้นโกรธไม่น้อยที่ถูกเด็กคนหนึ่งกล่าวไล่ให้เขาไสหัวไป แต่เมื่อเขาได้ยินคำกล่าวโดยรอบของศิษย์คนอื่นๆ ท่าทางของเขาก็เริ่มเปลี่ยนจากกำแหงเป็นหวาดหวั่นเล็กน้อย เขาพยายามใช้สายตาที่เย็นชาจับจ้องไปยังต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง "ต้วนหลิงเทียนข้าให้โอกาสเจ้าอีกครั้ง! มอบสิ่งที่ข้าต้องการออกมาแต่โดยดี หาไม่แล้วเจ้าจักต้องเสียใจ"
ศิษย์ขุนเขาเทียนเฉวียนโดยรอบเข้าใจได้โดยพลัน
ที่แท้หลิวอวี่คิดแย่งชิงของบางสิ่งจากต้วนหลิงเทียน
"หืม? ข้าต้องเสียใจจริงหรือ?" ต้วนหลิงเทียนหัวเราะออกมา เมื่อได้ยินคำขู่ของหลิวอวี่ มุมปากเขาเผยรอยยิ้มที่แฝงความชั่วร้ายออกมา "ข้าเองก็อยากรู้จริงๆ ว่าเจ้าจะทำให้ข้าเสียใจอย่างไร?"
"เจ้า… เจ้ารนหาที่ตาย!" หลิวอวี่ไม่คิดเลย ว่าต้วนหลิงเทียนจะมีนิสัยดุร้ายเช่นนี้ ใบหน้าของเขาม้านลงเล็กน้อยเต็มไปด้วยความโกรธและความไม่พอใจ
"ข้ารนหาที่ตายหรอ?" ต้วนหลิงเทียนพลันก้าวไปข้างหน้าพร้อมใช้สายตาคมกล้าจ้องไปยังหลิวอวี่อย่างไม่หวั่นเกรง พร้อมกล่าวถามออกมาด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น "ในเมื่อเจ้ากล้าพูดกับข้าเช่นนี้ นั่นหมายความว่าเจ้ามั่นใจในความแข็งแกร่งของตัวเองมากใช่หรือไม่… ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าต้วนหลิงเทียนขอท้าเจ้าขึ้นเวทีประลองเป็นตายกับข้า…ว่าไงเล่า เจ้ากล้าหรือไม่? !"
เจ้ากล้าหรือไม่
เสียงของต้วนหลิงเทียนดังราวกับเสียงปรบมือดังฉาดใหญ่ ได้ยินกันโดยทั่ว
ก่อนหน้านี้ไม่นานเหล่าศิษย์ของขุนเขเทียนเฉวียนคนอื่นๆ ที่หอแลกเปลี่ยนก็เริ่มมารวมกันมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะเห็นว่าตรงนี้มีผู้คนรุมล้อม และเมื่อมาถึงก็พบว่าเรื่องราวน่าสนุกยิ่งนัก
พวกมันย่อมจดจำต้วนหลิงเทียนและหลิวอวี่ได้…
และเมื่อมาชมดูได้ไม่นานพวกมันก็ได้พบกับเรื่องราวน่าสนุกสนาน จริงๆ…ทันใดนั้นทั้งหมดก็ล้วนจับจ้องไปยังหลิวอวี่ เพื่อรอฟังคำตอบ
เมื่อได้ยินคำท้าของต้วนหลิงเทียน สีหน้าของหลิวอวี่ก็แดงขึ้น
คำ "เจ้ากล้าหรือไม่?" ที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวนยังคงดังก้องวนเวียนอยู่ในหัวของมัน
มันย้อนคิดไปถึงสิ่งที่ต้วนหลิงเทียนกระทำเมื่อวานนี้ และพอมาวันนี้ เมื่อมันเห็นต้วนหลิงเทียนกล่าวคำด้วยความมั่นใจ นั่นทำให้มันบังเกิดความหวั่นวิตกในใจ
หากเป็นเพียงการประลองธรรมดา มันยอมรับแล้วจะเป็นอะไรไป?
แต่นี่ต้วนหลิงเทียนท้าให้มันขึ้นประลองบนเวทีประลองเป็นตาย!
เมื่อศิษย์ของนิกายกระบี่ 7 ดาวก้าวเท้าขึ้นเวทีประลองเป็นตาย นั่นหมายความว่า…พวกมันพร้อมประลองโดยมีชีวิตเป็นเดิมพัน …!
มันกับต้วนหลิงเทียนไม่ได้มีเรื่องราวบาดหมางถึงขั้นไร้หนทางประนีประนอม
นอกจากนี้ที่มันมาหาต้วนหลิงเทียนวันนี้ ยังเป็นเพราะผู้อาวุโสไหว้วานมาเท่านั้น … เท่าที่มันกังวล มันไม่มีความจำเป็นที่เขาจ้ะตองเอาชีวิตมาเสี่ยงเพราะเรื่องของผู้อื่น
แน่นอนที่สุดคือ ต้วนหลิงเทียนนั้น น่าพิศวงเกินไป!
ถึงแม้เมื่อวานตัวมันจะไม่ได้ไปชมดูเรื่องราวที่เวทีประลองเป็นตาย แต่รายละเอียดการประลองทั้งหมดมันย่อมได้รับฟังมาไม่ตกหล่น เพราะผู้คนมากมายล้วนกล่าวถึงแต่เรื่องนี้
ต้วนหลิงเทียนเพียงลำพัง ทั้งยังลงมือด้วยกระบี่ระดับ 8 เพียงกระบวนท่าเดียว เพื่อสังหารศิษย์สายนอก 2 คนที่ถืออาวุธวิญญาณระดับ 7 โดยที่ทั้งคู่มีระดับบ่มเพาะเท่าเทียมกับต้วนหลิงเทียน
ความสามารถดังกล่าวนั้น ทำให้มันตกใจ!
ต้วนหลิงเทียนไม่อาจใช้ตรรกะปกติหยั่งวัดได้!
ดังนั้นถึงมันจะมีความมั่นใจในความแข็งแกร่งของตัวเอง และรู้สึกว่าตัวเองไม่น่าแพ้ต้วนหลิงเทียน …แต่มันก็ยังไม่กล้ารับคำท้าขึ้นเวทีประลองเป็นตายกับต้วนหลิงเทียนอยู่ดี
"ฮึ่ม!" มีหรือที่ต้วนหลิงเทียนจะไม่รู้ว่า หลินอวี่นี้คิดอ่านอะไรอยู่ เพียงแค่เขาเห็นสีหน้าหลิวอวี่ที่แปรเปลี่ยนเป็นซับซ้อนทั้งยังซีดลง ทั้งยังไม่กล้าตอบคำหลังจากผ่านไปนานสองนานราวกับลังเล ต้วนหลิงเทียนก็กล่าวคำออกมาด้วยท่าทางดูแคลนทันที "ไสหัวไป!"
หลิวอวี่ที่กำลังครุ่นคิดอย่างหนัก อยู่ดีๆมาได้ยินเสียงตะโกนดังลั่นของต้วนหลิงเทียน ทำให้มันผงะถอยหลังไป 2-3 ก้าวด้วยความตกใจ และนั่นทำให้มันละอายไม่น้อย
"ระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 5 ก็ไม่ได้วิเศษวิโสอะไร!" ต้วนหลิงเทียนเหลือบมองหลิวอวี่ด้วยสายตาเย็นชา กล่าวคำออกมาอย่างไม่แยแส ซ้ำยังหัวเราะเย้ยหยันหลิวอวี่โดยไม่ไว้หน้ามันแม้แต่น้อย
สำหรับเขาเองก็รู้ดี ว่าหลิวอวี่นี้เป็นเพียงจ้าวหลินที่ต้องการวิชาบ่มเพาะส่งมาเท่านั้น มันไม่ได้มีความขัดแย้งอะไรกับเขาสักนิด แต่เขาก็ไม่ได้คิดสงสารอะไรมัน…
หลังจากต้วนหลิงเทียนจากไปแล้ว หลิวอวี่ถึงจะฟื้นตัวจากอาการตกตะลึง และมันทำได้เพียงยิ้มออกมาอย่างขื่นขม …
ก่อนหน้านี้มันบังเกิดความกลัวไม่น้อย ว่ามันจะถูกต้วนหลิงเทียนฆ่าตาย
หากเรื่องมันร้ายแรงถึงชีวิตแล้วล่ะก็ จะขายหน้าอะไรก็ไม่สำคัญแล้ว …
…ถึงแม้ตอนนี้หลิวอวี่จะขายหน้า แต่หลังจากนี้ไม่นาน มันจะรู้สึกยินดี เพราะการตัดสินใจครั้งนี้ของมัน นับว่าฉลาดและประเสริฐแล้ว…
เหล่าผู้คนที่มุงดูรอบๆ เริ่มโห่ร้องออกมาอย่างไม่หยุด
ใบหน้าของพวกมันเผยให้เห็นถึงความเย้ยหยัน เมื่อเห็นหลิวอวี่อยู่ในท่าทางละอายใจ “ตั้งแต่ที่ หลิวอวี่มันไม่กล้ารับคำท้าประลองเป็นตาย นั่นหมายความว่ามันไม่กล้าเผชิญหน้ากับต้วนหลิงเทียน …ระดับก็มากกว่าผู้อื่นแท้ๆ เช่นนี้มันคงถูกผู้คนดูแคลนหนักแล้ว”
"แน่นอนว่าสมควรถูกดูแคลน!"
"แต่ต้วนหลิงเทียนนี่ช่างน่าเกรงขามนัก เพียงประโยคเดียวก็เอาชนะหลิวอวี่ได้แล้ว!"
“นั่นย่อมแน่นอนอยู่แล้ว ต้วนหลิงเทียนนี่เป็นปีศาจตัวประหลาดของขุนเขาเทียนเฉวียนเราอย่างแท้จริง คนอย่างเขาพวกเราไม่อาจใช้สามัญสำนึกไปวัดได้ … ตอนนี้ถึงแม้เขาจักลงมือสังหารผู้ฝึกยุทธ์ระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 5 ข้าเองก็มิแปลกใจอันใด”
…
ต้วนหลิงเทียนเดินวกไปวนมา เมื่อมั่นใจเขาก็กลับมาที่ยอดเขาเทียนเฉวียน แล้วก็เข้าไปในถ้ำ เพื่อบ่มเพาะพลัง
วิชา 9 มังกรจักรพรรดิสงคราม รูปแบบนาคาพิโรธ!
ตอนนี้เรื่องที่สำคัญอันดับแรกของต้วนหลิงเทียนคือ ตัดผ่านไปยังระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 5!
ถึงตอนนั้นไม่เพียงความแข็งแกร่งของเขาจะเพิ่มพูนขึ้นอีกขั้น กระทั่งพลังสั่นสะเทือนก็จะแข็งแกร่งขึ้นเช่นกัน
เขานั้นบังเกิดความอยากรู้อยากเห็นอย่างมาก ว่าหากเขาตัดผ่านไปยังระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 5 แล้ว จะเกิดอะไรขึ้นกับพลังสั่นสะเทือน มันจะยกระดับไปถึงขีดขั้นใด…
บนขุนเขาเทยีนเฉวียน สถานที่หนึ่งที่มีแสงส่องถึง
มีร่างชายวัยกลางคนๆหนึ่งกำลังเผชิญหน้ากับชายหนุ่ม
“อาวุโสจ้าวหลิน ข้าขอภัยท่านด้วย แต่ท่านไปหาผู้อื่นช่วยเถอะ…” หลิวอวี่มองไปยังจ้าวหลินพร้อมรอยยิ้มขมขื่น
"หืม? อะไร มันปฏิเสธเจ้า?" ดวงตาของจ้าวหลินเปล่งประกายคมกล้า จับจ้องมาพร้อมกล่าวถาม
"ขอรับ" หลิวอวี่พยักหน้า
"แล้วเจ้าไม่ได้ สั่งสอนบทเรียนให้มันหรือไร?" จ้าวหลินถามต่อ
หลิวอวี่เพียงยิ้มเจื่อนๆ พร้อมส่ายหน้า
"เพราะเหตุใด?" จ้าวหลินขมวดคิ้ว เท่าที่มันคิดถึงแม้เมื่อวานต้วนหลิงเทียนจะฆ่าผู้ฝึกยุทธ์ระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 4 มาได้ แต่หลิวอวี่ก็เป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 5 มันน่าจะสะกดข่มต้วนหลิงเทียนได้ไม่ยาก
แต่ตอนนี้ดูเหมือนเรื่องราวกลับไม่ได้เป็นเช่นนั้น
"เขาท้าข้าไปขึ้นเวทีประลองเป็นตายขอรับ… ข้าไม่มีความกล้าพอที่จะเอาชีวิตไปเสี่ยง …ต้องขออภัยด้วย อาวุโสจ้าวหลิน" หลินอวี่ทำได้เพียงกล่าวออกมาอย่างละอาย มันเผยรอยยิ้มขื่นขมก่อนที่จะเดินคอตกกลับไป
ปัง!!
ฝ่ามือที่อัดแน่นไปด้วยพลังงานต้นกำเนิดที่พุ่งพล่านราวกับเผยให้เห็นอารมณ์ขุนเคืองของจ้าวหลิน ฟาดตบไปยังศิลาแกร่งด้านข้างจนแหลกสลายเป็นผุยผง เขากล่าวบ่นขึ้นมาอย่างไม่พอใจด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “ต้วนหลิงเทียน ในเมื่อผู้ฝึกยุทธ์ระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 5 ไม่อาจทำอันใดเจ้าได้ เช่นนั้นข้าจะไปหาผู้ฝึกยุทธ์ระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 6!… ไม่ว่าต้องทำอย่างไร ข้าต้องได้วิชาบ่มเพาะนั่น!!”