สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - บทที่ 281 : ความสงสัยของจ้าวหลิน
บทที่ 281 : ความสงสัยของจ้าวหลิน
นมผา 10,000 ปี?
หัวใจของต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะเต้นผิดจังหวะไปครู่หนึ่งเมื่อได้ยินคำกล่าวของจ้าวหลิน ทว่าสีหน้าของเขายังคงแสดงออกราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ความคิดแรกในใจของเขาก็คือ
จ้าวหลินมันรู้เรื่องนมผา 10,000 ปีของเขาได้อย่างไร?
นับตั้งแต่ที่เขาค้นพบนมผา 10,000 ปีนั้น นอกจากเขาและสตรีทั้ง 2 แล้วก็ไม่มีบุคคลที่ 4 ที่ล่วงรู้เรื่องนี้อีก
และแน่นอนว่าเขาย่อมมั่นใจว่าสตรีทั้ง 2 ของเขาย่อมไม่แพร่งพรายเรื่องนี้
แล้วตอนนี้มันเกิดเรื่องเช่นนี้ได้อย่างไร จ้าวหลินมันไปรู้มาจากไหน?
"ขออภัยด้วยอาวุโสจ้าวหลิน แต่ข้าไม่รู้จักนมผา 10,000 ปีอะไรนั่นของท่าน? และข้าก็ไม่เข้าใจ ว่าเหตุใดท่านจึงกล่าวเช่นนั้น? นี่ใช่ท่านเข้าใจอะไรผิดไปหรือไม่?" ท่าทางของต้วนหลิงเทียนไม่ได้เปลี่ยนอะไร ซ้ำยังเผยสีหน้างงงงวยออกมาได้อย่างแนบเนียน
ต้วนหลิงเทียนมั่นใจในการควบคุมสีหน้าและการแสดงท่าทางของเขามาก
ตอนนี้เขามั่นใจว่าถึงแม้จ้าวหลินจะจับจ้องเขามากแค่ไหน แต่มันก็ไม่มีวันค้นพบว่าการกระทำนี้เป็นการเสแสร้ง
"เหอะ เข้าใจผิดรึ?" มุมปากของจ้าวหลินยกขึ้นเผยยิ้มแสยะ ก่อนที่จะกล่าว "ต้วนหลิงเทียน ข้าต้องขอกล่าวว่าเจ้าเสแสร้งแสดงได้ยอดเยี่ยมยิ่งนัก ที่ทำเป็นมิรู้เรื่องนมผา 10,000 ปี… เจ้าอาจหลอกผู้อื่นได้แต่มิอาจหลอกข้าได้!"
"อาวุโส คำข้าเสแสร้งแสดงนี้ ท่านหมายความว่าอะไร?" ต้วนหลิงเทียนขมวดคิ้วพร้อมทำหน้าสับสน ราวกับเขาไม่ได้รู้สึกอะไรกับคำกล่าวของจ้าวหลิน
"ข้าหมายความว่าอะไร?" จ้าวหลินจับจ้องไปยังต้วนหลิงเทียนด้วยแววตาลึกซึ้ง "ต้วนหลิงเทียนร่างกายของเจ้านั้นบังเกิดความเปลี่ยนแปลงไปทั้งร่างขนาดนั้น …ข้าได้ยินมาจากอาวุโสหลู่ว่า ยามเมื่อเจ้าเข้ามาในนิกายกระบี่ 7 ดาววันแรก ผิวกายของเจ้ายังคงเป็นสีทองแดง … แต่เพียงชั่วข้ามคืนเท่านั้นร่างกายเจ้ากลับกลายแปรเปลี่ยนราวกับถือกำเนิดใหม่ จนมีผิวพรรณขาวเนียนละเอียดดั่งทารก! " เมื่อกล่าวถึงตรงนี้จ้าวหลินก็จับจ้องไปยังต้วนหลิงเทียนด้วยแววตาร้นแรง "ข้าเคยพบเจอเรื่องราวของโอสถมหัศจรรย์อย่างนมผา 10,000 ปีมาในบันทึกโบราณ ! ว่ามันจักเปลี่ยนแปลงร่างกายผู้ที่ดื่มกินราวกับกำเนิดใหม่ และการเปลี่ยนแปลงร่างกายของเจ้าก็เป็นตัวบ่งบอกอยู่ทนโท่ อย่าได้หมายที่จะตบตาข้า เพราะมันไม่มีวันที่เจ้าจะตบตาข้าได้สำเร็จ! "
คำที่จ้าวหลินกล่าวทำให้ต้วนหลิงเทียนประหวั่นในใจ
ในที่สุดเขาก็เข้าใจได้เสียทีว่าทำไมจ้าวหลินถึงรู้เรื่องราวนมผา 10,000 ปี ที่แท้เป็นเพราะความผิดของเขาเอง
จ้าวหลินอนุมานว่าเขามีนมผา 10,000 ปีจากการเห็นความเปลี่ยนแปลงบนร่างเขา!
ทว่าท่าทางการแสดงอออกและสีหน้าของต้วนหลิงเทียนยังไม่เผยความผิดปกติอะไร "อาวุโสจ้าวหลินเกรงว่าเรื่องนี้ท่านจะเข้าผิดไปแล้ว ….ข้าไม่เคยได้ล่วงรู้เรื่องราวของ นมผา 10,000 อะไรนั่นของท่านมาก่อนเลย แต่หากท่านสงสัยเรื่องความเปลี่ยนแปลงบนร่างกายข้า ทั้งหมดเป็นเพราะวิชาบ่มเพาะของข้า"
แน่นอนว่าต้วนหลิงเทียนย่อมไม่ยอมรับว่าเขามีนมผา 10,000 ปี
"เจ้ายังคิดว่าจักสามารถหลอกลวงข้าได้?" จ้าวหลินมองไปยังต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาไม่ลดละ มุมปากเขาเผยรอยยิ้มของผู้ชนะออกมา
ต้วนหลิงเทียนจ้องกลับไปยังจ้าวหลิน ด้วยสายตาเฉยช้า พร้อมกล่าวอย่างเหนื่อยหน่าย "อาวุโสจ้าวหลิน ท่านจะเชื่อข้าหรือไม่ก็ช่าง เพราะข้าเองก็ไม่คิดบังคับให้ท่านเชื่อ …แต่ข้าแค่อยากจะบอกอะไรอาวุโสจ้าวหลินไว้อย่างหนึ่ง ทวีปเมฆาล่องแห่งนี้กว้างใหญ่สุดไพศาล …แล้วท่านมั่นใจหรือว่าการกำเนิดร่างใหม่นั้น มีเพียงแต่ต้องใช้นมผา 10,000 ปีเท่านั้น? วิชาบ่มเพาะของข้าอย่าง วิชาเปลี่ยนเส้นเอ็นชำระไขกระดูก ก็สามารถทำให้ผู้ฝึกกำเนิดร่างใหม่ได้เช่นกัน!"
จ้าวหลินขมวดคิ้ว ก่อนที่จะจับจ้องไปยังแววตาของต้วนหลิงเทียนเขม็ง …
ตอนนี้ไม่ว่าต้วนหลิงเทียนจะบังเกิดความเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยอะไร ไม่มีทางหลีกหนีการสังเกตของเขาได้ โดยเฉพาะยามที่ต้องสบตากันเช่นนี้
ถึงแม้ว่าจ้าวหลินจะมั่นใจว่าตนเองถูก แต่หัวใจของมันก็อดไม่ได้ที่จะสั่นไหว
มันย่อมรู้ดีว่าคำกล่าวของต้วนหลิงเทียนไม่ได้เหลวไหล …ทวีปเมฆาล่องแห่งนี้กว้างใหญ่สุดไพศาล ดั่งคำกล่าวนั้นจริงๆ
กระทั่งนมผา 10,000 ปี ก็เป็นเขาที่บังเอิญไปค้นพบมันในบันทึกโบราณเท่านั้น ก่อนหน้านั้นเขาเองก็ไม่เคยล่วงรู้ถึงการคงอยู่ของมันมาก่อน
หัวใจของต้วนหลิงเทียนสั่นไหวอีกเล็กน้อยเมื่อเขาสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงในดวงตาของจ้าวหลิน ที่เริ่มเจือไปด้วยความลังเล
เป้าหมายของเขาสำเร็จแล้ว!
"เจ้า … ไม่รู้จักนมผา 10,000 ปีจริงๆ?" จ้าวหลินพลันจ้องไปยังต้วนหลิงเทียนด้วยแววตาที่เปลี่ยนไป ยามนี้กลิ่นอายและแรงกดดันของผู้ฝึกยุทธ์ระดับแรกสัมผัสธรรมชาติ เริ่มโถมทับกดดันไปยังร่างของต้วนหลิงเทียน
ถึงแม้ว่ากลิ่นอายและแรงกดดันเช่นนี้จะไม่อาจทำอะไรต้วนหลิงเทียนได้ แต่เขาก็ต้องแกล้งทำให้ร่างสั่นเล็กน้อย หลังจากนั้นเขาก็ควบคุมการหมุนเวียนของโลหิตทำให้หน้าขึ้นสีแดง พร้อมแสร้งหายใจออกมาอย่างยากลำบาก กล่าวคำด้วยน้ำเสียงสั่นสะท้าน "อะ อาวุโส … อาวุโสจ้าวหลิน… ทุกคำที่ข้ากล่าวเป็นความสัตย์จริง!"
จ้าวหลินไม่ได้สงสัยในคำกล่าวของต้วนหลิงเทียนในครั้งนี้ เพราะเขาเห็นชัดถึงความลำบากของต้วนหลิงเทียน และต้วนหลิงเทียนยังคงแสดงท่าทางไม่รู้เรื่องอะไรออกมา
ตัวมันเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่ง ว่าต่อให้ต้วนหลิงเทียนจะมีพรสวรรค์ในเรื่องการเสแสร้งดีขนาดไหนก็ตาม แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าแรงกดดันของผู้ฝึกยุทธ์ระดับแรกสัมผัสธรรมชาติ ย่อมต้องสยบ!
และเมื่อเห็นสภาพน่าอนาถของต้วนหลิงเทียน… ทำให้ความสงสัยในใจมันสลายไป
เหตุผลที่มันสามารถสลายความกังวลในใจต่อต้วนหลิงเทียนจนหมดนั้น ก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้
นั่นเพราะจ้าวหลินมั่นใจในแรงกดดันของผู้ฝึกยุทธ์ระดับแรกสัมผัสธรรมชาติของมันว่า มีอำนาจสะกดข่มขนาดไหน หรือตัวมันยังไม่อาจบีบบังคับเด็กน้อยผู้หนึ่งได้?
เช่นนั้นก็ประหลาดแล้ว!
"อาวุโสจ้าวหลิน หากท่านไม่มีอะไรแล้ว ข้าขอตัวลา" ต้วนหลิงเทียนพยักหน้ากล่าวคำกับจ้าวหลิน ก่อนที่จะเดินจากไป
ครานี้จ้าวหลินไม่ได้หยุดต้วนหลิงเทียนเอาไว้อีก เขาหันไปรอบๆ ก่อนที่จะจับจ้องไปยังแผ่นหลังของต้วนหลิงเทียน กล่าวคำพึมพำพร้อมมุมปากเริ่มเผยรอยยิ้มออกมา “วิชาเปลี่ยนเส้นเอ็นชำระไขกระดูก? วิชาบ่มเพาะที่ทำให้เกิดผลเหมือนกับการกำเนิดใหม่เช่นนั้นหรือ? ดูเหมือนข้าคงต้องจับตามองเด็กต้วนหลิงเทียนนี่เสียหน่อยแล้ว หากว่าวิชาบ่มเพาะของมันสามารถทำให้เกิดผลเช่นเดียวกันกับ นมผา 10,000 ปีแล้วล่ะก็…”
ประกายตาของจ้าวหลินเรืองวูบขึ้นมาด้วยความปรารถนาผสมผสานไปด้วยความโลภอย่างกระหาย
สายตาที่จ้าวหลินจับจ้องไปยังแผ่นหลังของต้วนหลิงเทียนนี้…ทำให้เหล่าศิษย์ของขุนเขาเทียนเฉวียนที่แอบชมดูอยู่ห่างๆถึงกับสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว พวกมันรีบเดินออกไปด้วยกลัวตกเป็นเป้าความสนใจ
"โอ้สวรรค์! อาวุโสจ้าวหลินนั่นปล่อยให้เด็กหนุ่มหน้าสวยนั่นเดินจากไปง่ายๆ หรือว่าทั้งคู่ตกลงปลงใจกันเรียบร้อยแล้ว"
"ฮายๆ พวกเจ้ามิได้สังเกตสายตาของอาวุโสจ้าวหลินหรือไร ข้าคิดว่าคงตกลงกันได้แล้วเป็นแน่"
"เด็กน้อยหน้าสวยนั่นช่างน่าเวทนานัก สุดท้ายมันก็มิอาจหลบหนีพ้นเงื้อมมือปีศาจของอาวุโสจ้าวหลิน"
…
เหล่าศิษย์ของขุนเขาเทียนเฉวียนล้วนจับกลุ่มสนทนาอย่างเผ็ดร้อน
แน่นอนว่าต้วนหลิงเทียนย่อมไม่รู้เรื่องนี้ หลังจากที่เขาเดินจากจ้าวหลินมา เขาก็เข้าไปเดินปะปนในฝูงชนก่อนที่จะ เดินวนในรูปแบบพิเศษอยู่ครึ่งชั่วโมง หลังจากยืนยันแล้ว ว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะมีใครสะกดรอยตามได้ เขาก็มุ่งหน้าไปยังยอดเขา
ในระหว่างทางต้วนหลิงเทียนอดระบายลมหายใจออกมาไม่ได้
"เกือบไปแล้ว!" ต้วนหลิงเทียนยังคงเหลือความหวาดหวั่นในใจกับเรื่องเมื่อครู่ …เขาเกือบถูกจับได้แล้ว
เขาไม่คิดเลยว่า…จ้าวหลินจะโยงการเปลี่ยนแปลงของร่างกายเขา เข้ากับนมผา 10,000 ปี! … นอกจากนี้จ้าวหลินมันยังคาดเดาได้ถูกต้องอีกด้วย!
โชคดีนักที่จ้าวหลินยังคงถูกเขาชักจูงให้หลงทางได้ในที่สุด ตอนนี้มันคงไม่มาวุ่นวายอะไรกับเขาอีกสักระยะ
ฟุ่บ!
ต้วนหลิงเทียนกระโดดหน้าผา ร่างตกฝ่าเมฆทะเลหมอกลงมายังต้นเฉียงอีกครั้ง ก่อนที่จะเดินเข้าถ้ำไป
หลังจากที่กลับเข้าไปด้านในของถ้ำ ต้วนหลิงเทียนก็หยิบวัตถุดิบต่างๆออกมาตั้งวางเรียงราย เตรียมการจารึกอาคม
อารมจารึกเพลิงผลาญนี้มีความสามารถในการสังหารผู้ฝึกยุทธ์ระดับครึ่งก้าวธรรมชาติ พลังวิญญาณและความเหนื่อยล้าทางจิตที่ต้องสูญเสียไปนั้น เทียบเท่ากับการจารึกอาคมกร่อนกระดูกถึง 3 ชิ้น …
เมื่อจารึกอาคมขั้นตอนสุดท้ายเสร็จสิ้น ต้วนหลิงเทียนก็ทิ้งตัวลงนอน ก่อนที่จะหลับใหลไปในทันที
ต้วนหลิงเทียนไม่รู้ว่าเขาหลับไปนานแค่ไหน
แต่ในช่วงที่เขาหลับสนิทไปนั้น เขาบังเกิดภาพฝันประการหนึ่ง …
ในความฝันเขาได้พบกับผู้เชี่ยวชาญแรกสัมผัสธรรมชาตินามซันเหล่ยที่เขาเจอในป่าหมอกมรณะอีกครั้ง …
และครั้งนี้หลังจากที่ซันเหล่ยย่ำยีศักดิ์ศรีเขาแล้ว มันก็ใช้พลังอันแข็งแกร่งเหนือชั้นระเบิดร่างของเขา…
"อ่า!" ต้วนหลิงเทียนสะดุ้งตื่นขึ้นมาในทันที ร่างกายของเขาท่วมไปด้วยเหงื่อเย็นจากความกลัว หลังจากนั้นครู่หนึ่งเขาก็ระบายลมหายใจออกมา "มันก็แค่ความฝัน"
ต้วนหลิงเทียนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ดวงตาของเขาทอประกายคมกล้าออกมาอย่างเหน็บหนาว "ซันเหล่ย … อีกไม่นานข้าจะไปหาเจ้าถึงนิกายอสูรทมิฬ!"
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ เขาฝันเช่นนี้นับ 10 ครั้งได้แล้ว.
ต้วนหลิงเทียนไม่คิดเลยว่าตัวตนของซันเหล่ยจะกลายมาเป็นฝันร้ายของเขา
ภาพในปีนั้นยังคงชัดเจนในใจเขา
เขารู้ดีว่าหากต้องการลบล้างฝันร้ายนี้ มีแต่ต้องเหยียบย่ำซันเหล่ยอยู่ภายใต้เท้าของเขาเท่านั้น เมื่อถึงตอนนั้นฝันร้ายนี้ก็จะหายไปอย่างสมบูรณ์และไม่ปรากฏให้เขาได้เห็นอีกต่อไป
สายตาของต้วนหลิงเทียนค่อยๆเบนมาจับจ้องแหวนมิติวงหนึ่งบนมือ
หากมองลึกลงไปในตัวแหวนแล้วล่ะก็ จะพบเห็นตราและสัญลักษณ์อาคมที่ก่อตัวขึ้นอย่างซับซ้อน เรียงกันคล้ายเปลวเพลิงขนาดเล็ก …
มันคืออาคมจารึกเพลิงผลาญ!
"ตอนนี้เมื่อไร้ฉงเฉวียนข้างกาย การจู่โจมที่รนแรงที่สุดของข้ามีเพยีงแค่อาคมเพลิงผลาญนี่เท่านั้น" ต้วนหลิงเทียนสูดหายใจเข้าลึกๆ สองตาของเขายังจับจ้องไปที่แหวน "แต่อาคมจารึกเพลิงผลาญนี่ก็ไม่อาจทำอะไรผู้ฝึกยุทธ์ระดับแรกสัมผัสธรรมชาติได้ จ้าวหลินนั่นก็ด้วยถึงแม้มันจะเป็นเพียงผู้ฝึกยุทธ์แรกสัมผัสธรรมชาติขั้นแรกก็ตาม อาคมเพลิงผลาญยังไม่รุนแรงพอที่จะทำอะไรมันได้"
ต้วนหลงิเทียนรู้สึกกดดัน
ถึงแม้ว่าเขาจะไขข้อสงสัยเรื่องนมผา 10,000 ปีกับจ้าวหลินไปแล้ว แต่แน่นอนว่าเขารู้ดีว่าจ้าวหลินยังไม่คิดวางมือจากเขาโดยง่าย
"เอาล่ะ คงไม่เป็นอะไร จะอย่างไรที่นี่ก็คือนิกายกระบี่ 7 ดาว ตราบใดที่ยังมีศิษย์นิกายกระบี่ 7 ดาวอยู่รอบๆ มันคงไม่กล้าทำอะไรโจ่งแจ้ง" ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวออกมา ที่เขาคิดมากเกินไป
จ้าวหลินเป็นผู้อาวุโสของขุนเขาเทียนเฉวียน แน่นอนว่าหากไม่มีเหตุผลใดเพียงพอมันย่อมไม่กล้าบุ่มบ่ามลงมือต่อต้วนหลิงเทียนโดยพลการ
"อา หิวจัง" ครู่ต่อมาต้วนหลิงเทียน ก็หยิบเนื้อสัตว์อสูรตัวหนึ่งออกมาย่างกิน
และนี่เป็นเนื้อสัตว์อสูรตัวสุดท้ายที่เขามี…
ถึงแม้ว่าต้วนหลิงเทียนจะมีแหวนมิติไว้ในครอบครองเป็นจำนวนมาก แต่ส่วนใหญ่เขาก็เก็บเงินและอาวุธวิญญาณระดับ 7 เอาไว้ พื้นที่ของแหวนเองก็มีจำกัด สามารถเก็บเนื้อไว้ได้แค่จำนวนหนึ่งเท่านั้น …
‘เหมือนว่าข้าต้องไปกักตุนอาหารไว้บ้างแล้ว’ ต้วนหลิงเทียนคิดในใจ
เขาไม่เคยกระทำลวกๆหากเป็นเรื่องอาหารการกิน เพราะเขารู้ดีว่าหากกินสิ่งดีๆมีประโยชน์ ย่อมส่งเสริมให้เขาแข็งแรง และเนื้อที่เปี่ยมไปด้วยพลังนั้นย่อมส่งผลดีอย่างมากในการฝึกฝนบ่มเพาะ
ถ้หากเขากินอาหารที่ไร้สารอาหารและพลังงาน ดั่งเช่นอาหารแห้ง มันก็ไม่มีประโยชน์อะไรซ้ำยังส่งผลเสียต่อร่างกายเขา
ดังนั้นหากเป็นเรื่องอาหารแล้วต้วนหลิงเทียนให้ความสำคัญอย่างมา