สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - บทที่ 273 : เช่าเฟย ตัวสารเลวชั่วช้า
บทที่ 273 : เช่าเฟย ตัวสารเลวชั่วช้า
เมื่อต้องเปลี่ยนวิชาเดิมที่เคยฝึกฝนมาเรียนรู้วิชากระบี่ ส่วนมากเหล่าศิษย์ของนิกายกระบี่ 7 ดาว จะเลือกวิชากระบี่ที่มีแนวทางคล้ายๆวิชาเดิมที่ตนเคยฝึก
และส่วนมากก็ไม่มีใครที่มีปัญหาอะไร เว้นเสียแต่ว่าความเข้าใจของผู้นั้นจะต่ำกว่ามาตรฐาน ถึงจะพบว่าเรื่องเช่นนี้เป็นเรื่องยาก …แต่ในความเป็นจริงแล้ว ผู้ที่ฝึกฝนบ่มเพาะมาถึงขั้นระดับกำเนิดแก่นแท้ ย่อมฝึกฝนวิชาระดับห้วงมหรรณพขั้นสูงจนบรรลุขั้นตอนแก่นแท้กันหมดสิ้นแล้ว จึงมีความเข้าใจในวิชาอย่างลึกล้ำ
ในฐานะที่เป็นนิกายใหญ่ของอาณาจักรพนาคราม แน่นอนว่าวิชากระบี่ ของนิกายกระบี่ 7 ดาวนี้ ย่อมเป็นระดับห้วงมหรรณพขั้นสูงเป็นอย่างน้อย หากใครเข้าร่วมนิกาย ก็จำเป็นต้องมีวิชากระบี่ระดับนี้ติดตัวเอาไว้
เพราะวิชากระบี่นั้น เป็นวิชาที่ทรงพลังในแง่ของการจู่โจมอย่างมาก ผู้ใดที่สามารถเชี่ยวชาญกระบี่มักจะมีความได้เปรียบผู้ที่ฝึกฝนในวิชาอื่นๆ
"ไปกันต่อได้แล้ว" เช่าเฟยขมวดคิ้วพร้อมกล่าวออกมา เมื่อเห็นชี่หลันและหูลี่เริ่มคุยกัน จนทำให้กลุ่มเริ่มเดินทางล่าช้า เขาพลันเดินนำไปด้วยความเร็ว
"ต้วนหลิงเทียน รีบตามเขาไปเร็วเข้า" ชีหลันและหูลี่กล่าวต่อต้วนหลิงเทียน ก่อนที่ทั้ง 3 จะเร่งความเร็วติดตามเช่าเฟยไป
การเดินทางหลังจากนั้นพวกเขาก็พบเจอสัตว์อสูรเรื่อยๆ
สัตว์อสูรที่แข็งแกร่งที่สุดที่พวกเขาได้พบเจอก็เป็นสัตว์อสูรที่มีระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 3 และทุกๆครั้งที่มีสัตว์อสูรโผล่มา พวกมันก็จะถูกหูลี่กับชีหลันพุ่งสังหารด้วยความรวดเร็ว
"อ่า วันนี้รายได้ของพวกเราไม่เลวนัก แกนสัตว์อสูรระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 3 ได้มาถึง 7 ชิ้น ส่วนแกนสัตว์อสูรระดับที่ 2 ก็ได้มา 15 ชิ้น" หูลี่ที่รับผิดชอบเก็บสิ่งของที่ล่าได้กล่าวออกมารพ้อมรอยยิ้ม
"ระวังด้วย หลังจากนี้สัตว์อสูรจะเริ่มแข็งแกร่งขึ้นแล้ว" ชีหลันมองไปข้างหน้าด้วยสายตาระแวดระวัง ด้วยสายตาที่มีความกลัวแฝงอยู่เล็กน้อย และคำเตือนส่วนมากของนางจะเอ่ยขึ้นเพื่อเตือนต้วนหลิงเทียน
ต้วนหลิงเทียนยิ้มให้ชีหลัน เพื่อแสดงว่าเขาเข้าใจ
"ฮู่มมม!" ทันใดนั้นเองเสียงคำรามทรงพลังหนึ่งดังขึ้น สัตว์อสูรที่มีความปราดเปรียวคล่องแคล่วสูง ซ้ำยังมีขนาดใหญ่โตปรากฏร่างขึ้น เพียงพริบตามันก็พุ่งร่างมาขวางทางด้านหน้ากลุ่ม 4 คนของต้วนหลิงเทียนเอาไว้
ในขณะที่ร่างของสัตว์อสูรตัวนี้ปรากฏขึ้น ต้วนหลิงเทียนก็สัมผัสได้ถึงผืนดินที่สั่นสะเทือน ราวกับว่าสัตว์อสูรตัวนี้มันก่อให้เกิดแผ่นดินไหวได้ก็ไม่ปาน
และยามที่สัตว์อสูรตัวนี้กระโจนเงาร่างช้างแมมมอธโบราณก็ปรากฏเหนือศีรษะมันถึง 60 ตัว …
สัตว์อสูรขนาดใหญ่ก็จับจ้องมายังกลุ่ม 4 คนของต้วนหลิงเทียน ด้วยสายตาที่ราวกับมันกำลังมอง…อาหาร
หูลี่กลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงคอ เมื่อเห็นสัตว์อสูรตัวนี้ เขากล่าวออกมาด้วยความหวาดหวั่นว่า “สัตว์อสูรระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 4 แรดคชสาร”
แรดคชสารนับว่าเป็นสัตว์อสูรที่น่ากลัวไม่น้อย ด้วยความที่ว่ามันมีร่างกายที่แข็งแกร่งซ้ำความเร็วก็ไม่ได้น้อย มันสามารถกำราบสัตว์อสูรระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 4 ด้วยกันได้โดยการพุ่งกระแทกเพียงครั้งเดียวเท่านั้น
"เช่าเฟย ต้องพึ่งเจ้าแล้ว" เมื่อชีหลันเห็นสัตว์อสูรแรดคชสารปรากฏตัวขึ้น ดวงตาคู่สวยของนางพลันจับจ้องมายังเช่าเฟยทันที
แรดคชสารเป็นสัตว์อสูรระดับกำเนิด่นแท้ขั้นที่ 4 มันมีความแข็งแกร่ง 60 ช้างแมมมอธโบราณ …
ในด้านความเร็วนั้น นางและหูลี่นับว่าห่างไกลหากจะนำไปเปรียบกับแรดคชสาร
ส่วนในแง่ของพลังนั้น แม้ว่านางและหูลี่จะใช้อาวุธวิญญาณ จนมีความแข็งแกร่งเพิ่มพูนขึ้นมา แต่จะอย่างไรทั้ง 2 คนก็มีระดับเพียงกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 3 เท่านั้น เพราะยามที่นางและหูลี่จะใช้อาวุธวิญญาณระดับ 8 ความแข็งแกร่งก็ยังคงมีเพียง 46 ช้างแมมมอธโบราณ…ซึ่งยังต่างจากแรดคลชารไม่น้อย
และถึงแม้ว่านางกับหูลี่จะผนึกกำลังกัน ก็ยังเป็นไปไม่ได้ที่จะต่อกรกับแรดคชสารนี่ได้
ส่วนต้วนหลิงเทียนนั้น เท่าที่นางรู้จะอย่างไรเขาก็ยังเป็นเพียงศิษย์ชั้นนอกที่พึ่งเข้าร่วมนิกาย และยังมีระดับบ่มเพาะเพียงกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 1 เท่านั้น คงไม่อาจทำอะไรได้
ดังนั้นในความเห็นของนางแล้ว มีเพียงเช่าเฟยเท่านั้นในบรรดา 4 คนที่สามารถต่อกรกับแรดคชสารได้
คิ้วของเช่าเฟยโค้งขึ้นเล็กน้อย เมื่อได้ยินคำกล่าวของชี่หลัน มุมปากมันบังเกิดรอยยิ้มแสยะออกมา
หลังจากนั้นมันก็หันไปจ้องยังร่างของต้วนหลิงเทียนด้วยประกายตาเรืองวูบ "ถ้าหากว่าความจำของข้ายังไม่บกพร่อง ดูเหมือนว่าตั้งแต่พวกเราเดินทางเข้าป่ามา ยังมีคนผู้หนึ่งที่มิได้ลงมือทำอะไรเลยใช่หรือไม่? และเมื่อยังไม่ได้ทำผลงานอันใด ยังจักกล้าแบ่งปันรายได้อย่างเท่าเทียม? … เจ้าคงไม่คิดที่จะเดินไปเรื่อยๆ โดยที่ไม่ได้ทำอะไรแต่ยังหน้าด้านรับผลประโยชน์ใช่หรือไม่? "
น้ำเสียงของเช่าเฟยนี้เสียดสีจนหูแสบนัก
มุมปากของต้วนหลิงเทียนพลันกระตุกก่อนที่จะเผยยิ้มออกมาเมื่อได้ยินคำกล่าวเช่าเฟย
นี่ใช่เช่าเฟยผู้นี้กำลังต่อว่าเขาเดินเล่นไปเรื่อย และเพลิดเพลินกับการกินแรงผู้อื่นใช่หรือไม่ ?
ตลอดทางที่ผ่านมานั้นเหตุผลเดียวที่เขาไม่ได้ลงมือทำอะไร เพราะชีหลันและหูลี่รีบพุ่งไปจัดการอย่างสนุกสนาน ไม่เปิดโอกาสให้เขาลงมือสักนิด …
หากทั้ง 2 พบเจออันตรายขึ้นมาจริงๆ มีหรือที่คนอย่างเขาจะดูอยู่เฉยๆและไม่ทำอะไร?
อย่างไรก็ตามตอนนี้ในสายตาของเช่าเฟย ตัวเขาก็เป็นเพียงผู้ฝึกยุทธ์ระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นแรกเท่านั้น …
แต่ภายใต้สถานการณ์ร้ายแรงเช่นนี้ เช่าเฟยยังคิดผลักไสไล่ส่ง เขาไปเผชิญหน้ากับแรดคชสารที่มีระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 4 จิตใจที่คับแคบชั่วร้ายสารเลวของเช่าเฟยเผยออกมาให้เห็นอย่างเด่นชัด!
ตัวบัดซบเช่าเฟยนี่คิดให้เขาตาย!
"อะไร หรือเจ้ามิกล้า?" เห็นต้วนหลิงเทียนยืนนิ่งไม่ขยับ เช่าเฟยพลันกล่าวเย้ยหยันพร้อมหัวเราะเยาะ "เด็กหน้าสวยอย่างเจ้า สุดท้ายนอกจากการหลบอยู่หลังอิสตรีแล้ว ก็หาได้มีความสามารถอันใด"
ในขณะที่กล่าวถึงตอนนี้ เช่าเฟยยังเหลือบมองไปยังชีหลันด้วยเช่นกัน
ใบหน้าของชีหลันกลับกลายเป็นน่าเกลียดทันที "เช่าเฟย เหตุใดเจ้าถึงกล่าวเช่นนี้ ต้วนหลิงเทียนเป็นเพียงผู้ฝึกยุทธ์ระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นแรก แต่แรดคชสารเป็นถึงสัตว์อสูรระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 4 ในบรรดาพวกเราก็มีเพียงแต่เจ้าเท่านั้นที่รับมือมันได้ … เจ้ากล่าวบอกให้ต้วนหลิงเทียนออกไปเช่นนี้ มิใช่เป็นการให้เขาออกไปตายหรอกหรือ? "
"ฮึ่ม!"เช่าเฟยเหลือบมองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาเย็นชาไม่แยแส พร้อมกล่าวเย้ยหยัน "เพียงเด็กหน้าสวยที่เดินติดสอยห้อยตามมาเปล่าๆ โดยมิได้ทำอันใด แต่ยังกล้าหวังผลตอบแทนอย่างเท่าเทียม … ในโลกนี้มีเรื่องง่ายดายเชนนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน? ไม่ใช่ว่า หากมันตายไปพวกเราจักได้ผลกำไรเพิ่มขึ้นหรอกหรือ แล้วมันไม่ดีหรือไร? "
"เจ้า…." ชีหลันโมโหเช่าเฟยจนใบหน้าที่ขาวของนางเริ่มขึ้นสี ร่างบอบบางสั่นสะท้านเล็กน้อย ไม่อาจกล่าวอันมดออกมาได้
"เช่าเฟย เจ้าก็เกินไปแล้ว!" หูลี่ที่อยู่ข้างๆ ไม่อาจยืนมองเฉยๆโดยไม่กล่าวอันใดได้อีก เขาขมวดคิ้วพร้อมกล่าวออกมา "ตั้งแต่ต้วนหลิงเทียนเข้าร่วมกลุ่มกับพวกเรา ตอนนี้กับได้ว่าเขาเป็นสหายพวกเราคนหนึ่ง เจ้าจะทำเช่นนี้ได้อย่างไร?"
"หูลี่!" เช่าเฟยหัวเราะออกมา "หากเจ้ากับชีหลันคิดปกป้องมันนักหนา เช่นนั้นพวกเจ้าก็สู้ด้วยตัวเองแล้วกัน ข้าไม่เต็มใจที่จะต่อสู้ ทั้งๆที่มีคนงอมืองอเท้ารอคอยผลประโยชน์โดยไม่คิดทำอันใด "
เมื่อเช่าเฟยกล่าวจบเขาก็ถอยหลังออกไปหลายก้าว
และเมื่อชีหลันกับหูลี่เริ่มเผยสีหน้าซีดเผือด เขาก็กล่าวอกมาพร้อมเย้ยหยันว่า "จริงสิ หากพวกเจ้าคิดขับไล่มันออกจากกลุ่มไป หรือบางทีมันสำเหนียกจนต้องออกไปเอง ..ข้าอาจจะลงมือช่วยเหลือพวกเจ้า 2 คน"
น้ำเสียงของเช่าเฟยเต็มไปด้วยความพังพอใจ ราวกับเขามั่นใจนักหนาว่า หากเขาไม่ลงมือ ต้วนหลิงเทียนและอีก 2 คนก็ไม่มีปัญญาทำอะไรกับแรดคชสารได้
"เช่าเฟย เจ้ามัน … " หูลี่และชีหลัน โมโหเช่าเฟยจนถึงจุดที่ใบหน้าของทั้ง 2 หมองคล้ำดวงตาแดงก่ำ ทั้งตอนนี้พวกเขายังสังเกตเห็นแรดคชสารที่เร่งพลังงานต้นกำเนิดออกมาทั่วร่าง พร้อมลงมือจู่โจมได้ทุกเมื่อ
หากเช่าเฟยไม่ลงมือช่วยเหลือ หนทางที่เหลือให้ทั้ง 3 ก้าวเดินมีเพียงหนทางแห่งความตายเท่านั้น!
อย่างไรก็ตามการขอให้ขับไล่ต้วนหลิงเทียนออกจากกลุ่ม ตามใจเช่าเฟยนี่ ก็นับว่าผิดต่อมโนธรรมในใจของทั้ง 2 คนอย่างแรง …ก้นบึ้งของหัวใจทั้ง 2 ไม่เต็มใจที่จะกระทำเช่นนั้นอย่างเด็ดขาด!
"ต้วนหลิงเทียนเจ้ามาหลบด้านหลัง ข้ากับหูลี่จะร่วมมือกันจัดการแรดคชสารนี่ … หากสถานการณ์มิค่อยสู้ดี เจ้ารีบหนีไปทันทีอย่าได้รีรอ!" ชีหลันมองไปยังต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาจริงจัง
"ใช่แล้วต้วนหลิงเทียน เจ้ายังอยู่ในระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 1 นับว่าห่างไกลกับการเป็นคู่ต่อสู้ของแรดคชสารระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 4 เพียงแค่หลบอยู่หลังพวกเราและดูพวกเราจัดการกับมัน… หากสถานการณ์เลวร้ายขึ้นมาให้เชื่อฟังชีหลัน เจ้าต้องรีบหนี! " หูลี่กล่าวกับต้วนหลิงเทียนด้วยใบหน้าลูกผู้ชายที่เต็มไปด้วยความแข็งแกร่งพร้อมต่อสู้แลกชีวิต
ประกายตาต้วนหลิงเทียนเรืองวูบออกมา เขาจ้องไปยังหูลี่และชีหลันด้วยแววตาซับซ้อนเปี่ยมไปด้วยอารมณ์ ยามนี้ในหัวใจเขารู้สึกอุ่นร้อนประการหนึ่ง
"ฮึ่ม!" เช่าเฟยที่อยู่ด้านหลังไม่ไกลย่อมได้ยินทุกสิ่ง กล่าวออกมาพร้อมหัวเราะ "ช่างเป็นอะไรที่น่าประทับใจนัก … ชีหลัน,หูลี่ข้าต้องกล่าวบอกพวกเจ้าทั้ง 2 ก่อน หากต้วนหลิงเทียนเลือกที่จะหลบหนีจากกลุ่มเล็กๆของพวกเราไป โดยที่ไม่ได้ถูกขับไล่จากปากพวกเจ้า ต่อให้พวกเจ้าต้องตายข้าก็ไม่คิดลงมือช่วยเหลือ! "
คำที่เช่าเฟยกล่าว ทำให้ใบหน้าต้วนหลิงเทียนดิ่งวูบลงทันที
ตัวบัดซบเช่าเฟยนี่ มันยังจองเวรเขาไม่เลิก!
นอกจากนั้น ในสถานการณ์เป็นตายเช่นนี้ มันยังมองชีวิตของชีหลันและหูลี่เป็นเพียงของเล่นเทานั้น!
เพลิงโทสะเริ่มลุกโชนขึ้นในใจของต้วนหลิงเทียน …
"เช่าเฟย!" หูลี่พลันมองไปยังเช่าเฟย ด้วยสายตาหนาวเหน็บ พร้อมกล่าวคำออกมาอย่างไม่แยแส การมองครั้งนี้ช่างแตกต่างไม่คุ้นเคยโดยสิ้นเชิง "ข้าไม่คิดขับไล่ต้วนหลิงเทียน และต่อให้ข้าตายเขาก็ยังเป็นสหายข้า"
"ข้าด้วย" ใบหน้าหมดจดสวยงามของชีหลันไร้ความลังเล น้ำเสียงเองก็มั่นคง
"ดี! ดียิ่ง! …แล้วข้าจักคอยดู ว่าพวกเจ้าจักจัดการกับแรดคชสารนี่อย่างไร!" เช่าเฟยรู้ดีว่ายามนี้แผนคิดเฉดหัวต้วนหลิงเทียนของเขาล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงแล้ว เพราะลี่เฟยกับหูลี่ยืนกรานยอมตายไม่ยินยอมสยบ เขาบังเกิดความขุ่นเคือง ไม่น้อย ก่อนที่จะหัวเราะออกมาอย่างเกรี้ยวกราด
ต่อมาเขาก็มองไปยังต้วนหลิงเทียนด้วยความเย็นชาในสายตา
ต้วนหลิงเทียนรู้ดีว่าเช่าเฟยนี่คิดเป็นศัตรูกับเขาให้ถึงที่สุด
เขาเข้าใจดีว่าเช่าเฟยนี้บังเกิดความไม่พอใจ เพราะตัวเขานั้นเป็นเพียงผู้ฝึกยุทธ์ระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 1 แต่กล้ามาเข้ากลุ่มของมัน และคิดอาศัยเกาะกินเปล่าเช่นนี้
บางทีในสายตาของเช่าเฟย ตัวเขาอาจจะเป็นแค่เพียงภาระ
แต่ต้วนหลิงเทียนไม่คิดเลยว่า ด้วยเหตุผลแค่นี้ เช่าเฟยยังกล่าววาจาออกมา ราวกับตัดสินความตายให้สหายอย่างง่ายดาย …
การกระทำที่ชั่วช้าสารเลวของเช่าเฟยนี้ ทำให้ต้วนหลิงเทียนบังเกิดความรังเกียจขยะแขยงจากส่วนลึกของหัวใจ!
"ชีหลัน หูลี่ ข้าต้องขอขอบคุณในความปรารถนาดีที่มีต่อข้า… แต่คราวนี้ข้าไปเอง" ต้วนหลิงเทียนยิ้มบางๆ ออกมาพร้อมกล่าวกับหูลี่และชีหลัน
"ตวนหลิงเทียนเจ้ากล่าวอะไร เจ้าเป็นสหายของพวกเรา ไม่ว่าเจ้ากล่าวอะไรพวกเราไม่คิดให้เจ้าออกจากกลุ่มพวกเรา"
"ใช่แล้วต้วนหลิงเทียน พวกเราเป็นสหายกันแล้วก็ย่อมเป็นไปตลอด!"หูลี่และชีหลันคิดว่าต้วนหลิงเทียนคิดกล่าวคำอำลา เพื่อออกจากกลุ่มไปด้วยตัวเอง ใบหน้าของทั้ง 2 ก็เริ่มหมองลง รีบกล่าวคำออกมาทันที
"ฮึ่ม! ยังนับว่าเจ้ามีเหตุผล" เช่าเฟยเองก็คิดว่าต้วนหลิงเทียนคิดจากไป รอยยิ้มแห่งชัยชนะพลันปรากฏขึ้นที่มุมปากของเขา
โดยไม่คาดคิด การกระทำต่อมาของต้วนหลิงเทียน ถึงกับทำให้รอยยิ้มของเขาต้องค้างเติ่ง
"ชีหลัน หูลี่ พวกเจ้ากล่าวอะไร ข้าไม่ได้คิดจะจากไป …ข้าแค่จะบอกให้พวกเจ้า ปล่อยแรดคชสารนี่ให้ข้าจัดการ" ต้วนหลิงเทียนรู้ว่าชีหลันและหูลี่กำลังเข้าใจผิด เขาจึงรีบกล่าวอธิบายพร้อมรอยยิ้ม
และในขณะที่กล่าวเขา เขาก็ย่างสามขุมไปยังแรดคชสารเบื้องหน้า ไหนๆก็ไหนๆแล้ว อุตส่าห์มีเหยื่อมาให้ลองถึงที่ ก็ได้เวลาที่เขาจะทดสอบพลังสั่นสะเทือน ของรูปแบบนาคาพิโรธให้กระจ่างเสียที
‘ข้าคงต้องระงับกำลังเอาไว้ให้อยู่ในระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 3 อืมไม่สิ…ต้องใช้กำลังเพียงแค่ 40 ช้างแมมมอธโบราณ แล้วก็ใช้อาวุธวิญญาณระดับ 7 …ไม่ได้ ข้าใช้เพียงแค่อาวุธวิญญาณระดับ 8 จะดีกว่า เช่นนี้ความแข็งแกร่งของข้าคงเท่ากับ 48 ช้างแมมมอธโบราณ’ ในขณะที่ก้าวเดินออกไปต้วนหลิงเทียนก็ครุ่นคิดใจ
‘แรดคชสารนี่เป็นสัตว์อสูรระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 4 มันมีความแข็งแกร่ง 60 ช้างแมมมอธโบราณ … ข้าจะทดลองดูว่าหากอาศัยความแข็งแกร่งแค่เพียง 48 ช้างแมมมอธโบราณ และใช้พลังสั่นสะเทือนจักเพียงพอสำหรับฆ่ามันได้หรือไม่!’ ในขณะที่คิดถึงตรงนี้ ในใจต้วนหลิงเทียนก็บังเกิดความตื่นเต้นไม่น้อย
ทันใดนั้นเอง
"ไม่! สัตว์อสูรระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 4 ไม่ใช่อันใดที่เจ้าจักรับมือได้ ต้วนหลิงเทียน เจ้ารีบกลับมาเร็วเข้า!!" ชีหลันที่เห็นการกระทำของต้วนหลิงเทียนนั้น ใบหน้าสวยงามของนางกลับกลายเป็นซีดเซียวไร้สีเลือดทันที