สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - บทที่ 271 : จ้าวหลินแตกตื่น!
บทที่ 271 : จ้าวหลินแตกตื่น!
ในที่สุดต้วนหลิงเทียนก็สงบสติอารมณ์ลงได้ หลังจากที่ตื่นเต้นดีใจอย่างมาก
"เอาล่ะไหนๆก็ยังพอมีเวลา ไปลองใช้พลังสั่นสะเทือนนี่ดูดีกว่า!" ต้วนหลิงเทียนลุกขึ้นยืน พร้อมประกายตาเรืองวูบ
หลังจากนั้นเขาก็มองไปยังอสรพิษน้อยทั้ง 2 และเมื่อสังเกตว่าพวกมันยังไม่มีทีท่าว่าจะตื่น เขาก็ส่ายหัวก่อนที่จะออกจากถ้ำหินย้อยไป…
ต้วนหลิงเทียนไปหยุดยืนบนต้นไม้เฉียงๆ ที่ที่ผนังผาครู่หนึ่ง ก่อนที่จะเริ่มแผ่พลังวิญญาณใช้จิตสัมผัสผู้คนรอบๆ
หลังจากที่ต้วนหลิงเทียนยืนยันได้แล้วว่าไม่มีใครอยู่ เขาก็กระโดดขึ้นไปทันที
ไม่นานต้วนหลิงเทียนก็เดินลงเขาไปโดยใช้เส้นทางที่ห่างไกลและอ้อมที่สุด
และในไม่ช้าเขาก็ลงมาถึงลานหินสะพาน แล้วเขาก็ข้ามสะพานโซ่ไปยังขุนเขาเทียนชู โดยไม่แยแสสายตาผู้ใดทั้งสิ้น
ต้วนหลิงเทียนเมื่อข้ามมายังขุนเขาเทียนชูแล้ว เขาก็ไม่ได้รั้งรออะไร รีบมุ่งหน้าเดินไปตามเส้นทางที่ลงไปยังตีนเขาทันที เนื่องจากจุดหมายปลายทางของเขาครั้งนี้เป็น ป่าดึกดำบรรพ์ที่คงอยู่มาตั้งแต่สมัยโบราณในยุคแรกเริ่ม บริเวณทิศเหนือของนิกายกระบี่ 7 ดาว …
เพราะจะอย่างไรเขาคงไม่อาจไปทดสอบพลังสั่นสะเทือนนี้กับศิษย์ของนิกายกระบี่ 7 ดาวได้ เขาจึงต้องอาศัยสัตว์อสูรในการทดสอบพลังทำลายของคลื่นความถี่สูง อันเกิดจากพลังสั่นสะเทือนในรูปแบบนาคาพิโรธนี้
ต้วนหลิงเทียนเคลื่อนร่างด้วยความเร็วสูงราวกับเหินบินออกจากนิกาย มุ่งหน้ายังป่าโบราณยุคแรกเริ่ม
ในขณะเดียวกันกับที่ต้วนหลิงเทียนเดินทางออกจากนิกายไปนั้น บนสะพานโซ่ที่เชื่อมระหว่างขุนเขาเทียนชูไปยังขุนเขาเทียนเฉวียน ก็มีร่างศิษย์สายนอก 2 คนเดินเคียงบ่าเคียงไหล่กันมา
ใบหน้าศิษย์ชายสายนอกคนหนึ่งจมลงเล็กน้อย ก่อนที่จะกล่าวคำขึ้นมาต่อสหายของมัน "ฮั่วชิน ดูเหมือนไอเด็กนั่นจะหายตัวไปเสียแล้ว ไม่พ้นคงไปหาสถานที่ลับตา เพื่อซ่อนตัว"
"ฮึ่ม ขุนเขาเทียนเฉวียนก็กว้างไม่น้อย หาใช่เรื่องง่ายที่พวกเราจะหาตัวมันพบ…ยิ่งไปกว่านั้นข้าเองก็ไปถามเหล่าศิษย์สายนอกคนใหม่อีก 19 คนที่เหลือแล้ว …แต่หามีผู้ใดล่วงรู้ไม่ว่ามันอยู่ที่ใด” แน่นอนว่าคนที่กล่าวคำนี้ย่อมเป็นฮั่วชิน และตอนนี้ท่าทางของมันก็แย่นักในขณะที่กล่าวคำ
“บัดซบ! ข้าไม่เชื่อว่ามันจักสามารถหลบซ่อนได้โดยไม่โผล่หัวออกมา! เรื่องที่เกิดขึ้นในเหลาอาหารกลางเมืองไผ่ดำนั่น ข้าไม่มีวันลืมเด็ดขาด! ข้าจะให้มันชดใช้ 100 เท่า โทษฐานที่มันกล้าให้คนรับใช้โยนข้าออกมาให้อับอาย…” แววตาของศิษย์สายนอกข้างๆ ฮั่วชินเย็นชาลงเล็กน้อยเมื่อย้อนนึกถึงเรื่องอดีต
“เหวียนหวู่ เจ้าอย่าได้กังวลไป ไม่ช้าก็เร็วพวกเราต้องลากหัวมันออกมาได้แน่" ฮั่วชินกล่าวออกมาอย่างช้าๆ ประกายตาของเขาก็เย็นชาไม่แพ้กัน
เมื่อทั้ง 2 เดินมาถึงขุนเขาเทียนชูไมนาน ก็พบกับอาวุโสหลู่ และจ้าวหลินที่เดินสวนมา
“คำนับท่านผู้อาวุโสหลู่ ท่านผู้อาวุโสจ้าว" ฮั่วชินและเหวียนหวู่ รีบคำนับผู้อาวุโสทั้ง 2 ทันที
ชายชราพยักหน้ารับคารวะเล็กน้อย ทว่าจ้าวหลินนั้น กระทั่งเหลือบมองยังไม่มี … บางทีสำหรับมันแล้ว…ศิษย์สายนอกอย่างฮั่วชิน และ เหวียนหวู่ คงไม่ได้อยู่ในสายตาแม้แต่น้อย
ฮั่วชินและเหวียนหวู่อดไม่ได้ที่จะรู้สึกหน้าชาไปเล็กน้อย…
แต่พวกมันทั้ง 2 ก็ได้ยินเรื่องความหยิ่งยโสของผู้อาวุโสจ้าวหลินมานานแล้ว จึงไม่ค่อยแปลกใจเท่าไร
ส่วนชายชรานั้นแน่นอนว่าย่อมเป็นผู้อาวุโสของขุนเขาเทียนเฉวียน หลู่ชิว
ตอนนี้หลู่ชิวกับจ้าวหลินก็กำลังเดินตีคู่ ข้ามสะพานโซ่ไปยังขุนเขาเทียนเฉวียน อย่างรวดเร็ว
"จ้าวหลิน เมื่อข้าเห็นฮั่วชินเมื่อครู่ ข้าก็อดนึกถึงต้วนหลิงเทียนไม่ได้ …จริงสิ เจ้ายังจำชายหนุ่มที่พวกเราพบเมื่อช่วงบ่ายที่ขุนเขาเทียนเฉวียนได้หรือไม่? แล้วเจ้าประทับใจอันใดต่อเขาหรือไม่" หลู่ชิวกล่าวถามจ้าวหลิง
จ้าวหลิงเพียงส่ายหัว ก่อนที่จะเผยความเย้ยหยันออกมาด้วยรอยยิ้มที่มุมปาก
เท่าที่จำได้มันเป็นบุรุษหน้าหวานเท่านั้น
ซ้ำผิวของมันยังขาว กระจ่างยิ่งกว่าสตรีเสียอีก ทั้งๆที่มันเป็นบุรุษแท้ๆ
"เด็กคนนั้นมีนามว่าต้วนหลิงเทียน…นับว่ามีความสามารถไม่น้อย แต่ข้าสงสัยนักว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทั้งๆที่เมื่อวันก่อนหน้ายามที่ข้าไปรับมันที่ขุนเขาเทียนชู สีผิวของมันยังเป็นสีทองแดงสมกับเป็นบุรุษอยู่ … แต่เพียงผ่านพ้นไปวันเดียว สีผิวของมันกลับบังเกิดความเปลี่ยนแปลงยิ่งใหญ่ไม่ต่างจากหน้ามือเป็นหลังมือเช่นนี้ ซ้ำยังกลับกลายเป็นขาวอมชมพูราวกุหลาบ แลไปไม่ได้ต่างจากทารกแม้แต่นิด " เมื่อกล่าวจบอาวุโสหลู่ก็ถอนหายใจออกมาด้วยอารมณ์และใบหน้าประหลาดใจ
"หืม?" เมื่อได้ยินคำกล่าวของหลู่ชิวสายตาของจ้าวหลิน ซึ่งแต่เดิมยังมีเพียงความเรียบสงบ กลับเบิกกว้างทอประกายออกมาทันใด ลมหายใจมันปั่นป่วนเล็กน้อย
"อาวุโสหลู่ ท่านมั่นใจหรือ…ว่าสีผิวของมันหาได้เป็นเช่นนี้ตั้งแต่แรก?" จ้าวหลินหันไปมองหลู่ชิวก่อนที่จะกล่าวถามออกมา ด้วยความไม่เชื่อเล็กน้อย
ถึงแม้ว่าหลู่ชิวจะไม่รู้ว่าเพราะอะไรอยู่จ้าวหลินถึงสนใจต้วนหลิงเทียนออกมา แต่เขาก็พยักหน้าตอบไป "เรื่องนี้ข้าย่อมแน่ใจ นั่นเพราะเมื่อ 2 วันก่อนเป็นข้าที่ไปรับศิษย์สายนอกชุดใหม่ที่ผ่านการทดสอบทั้ง 20 คนจากขุนเขาเทียนชูด้วยตัวเอง …และต้วนหลิงเทียนผู้นี้ก็เป็นหนึ่งในนั้น มันเป็นคนที่ถูกฮั่วชินเมื่อครูเลือกมาอย่างไรเล่า …ข้าจดจำได้อย่างแม่นยำว่ายามนั้นผิวของมันเป็นสีทองแดง "
"แล้วเจ้าว่ามีอันใดผิดปกติหรือ?" หลู่ชิวกล่าวถามจ้าวหลิน เขาสงสัยว่าที่จ้าวหลินบังเกิดทีท่าแปลกไป เพราะจ้าวหลินค้นพบอะไรบางอย่าง
เพราะจากที่เขารู้มา จ้าวหลินไม่สมควรสนใจผู้ใดเช่นนี้
ทว่าวันนี้พฤติกรรมนี้กลับต่างออกไป…
"อ่า ไม่มีอันใดหรอก" จ้าวหลินส่ายศีรษะ แต่ลึกลงไปในแววตาที่ยากจะมีคนสังเกต จะพบว่ายามนี้มันบังเกิดประกายแสงเรืองวูบขึ้นมา "ข้าแค่อยากจะรู้เช่นกัน ว่ามันไปเปลี่ยนแปลงสีผิวจนเป็นเช่นนี้ได้อย่างไร"
หลู่ชิวพยักหน้าตัวเขาเองก็คิดไม่ต่างกัน และทั้งคู่ก็เดินไปอย่างเงียบๆ
ทว่ายามนี้จ้าวหลินที่เดินข้างหลู่ชิวนั้นกำลังตื่นเต้นสุดประมาณ …
กำเนิดใหม่!
เขามั่นใจอย่างมากว่า ต้วนหลิงเทียนผู้นั้นต้องผ่านการกำเนิดใหม่ตามตำนานแน่นอน
นับว่าเขาโชคดีนักที่ได้พานพบ ประวัติที่เกี่ยวกับการกำเนิดใหม่ ในบันทึกโบราณ…
ในบันทึกนั้นกล่าวไว้ว่า ในทวีปเมฆาล่องแห่งนี้ มีของเหลวมหัศจรรย์ชนิดหนึ่ง ที่หากผู้ใดได้ใช้มันแล้วล่ะก็ ผู้นั้นจะผ่านขั้นตอนชำระล้างเส้นพลัง,เลือดเนื้รวมถึง ไขกระดูก เสมือนกำเนิดใหม่
อีกทั้งพรสวรรค์และศักยภาพในเชิงยุทธ์ยังเพิ่มพูนอย่างมาก!
กระทั่งเพิ่มพูนจนบรรลุถึงขีดสุดยังเป็นไปได้!
หัวใจของจ้าวหลินเต้นระรั่วสั่นสะท้าน เขาจดจำได้อย่างชัดเจนว่าของเหลวมหัศจรรย์นั่นเรียกว่า นมผา 10,000 ปี
เมื่อผู้ใดได้บริโภคนมผา 10,000 ปีแล้ว ผ่านการกำเนิดใหม่ล่ะก็ ผิวของมันจะบริสุทธิ์ เรียบเนียนประดุจทารก …
เขาจำข้อความนี้ในบันทึกโบราณได้อย่างชัดเจน!
‘เป็นนมผา 10,000 ปี ไม่ผิดแน่! แม้ไม่รู้มันทำได้อย่างไร แต่ไอเด็กหน้าสวยนั่นมันต้องได้รับ นมผา 10,000 ปีมาแน่นอน!! … " อารมณ์ความรู้สึกในใจของจ้าวหลินพุ่งปรี๊ดเป็นเวลานานยากระงับ
แต่เขาก็ไม่กล้าที่จะแสดงออกมาตอนนี้ เพราะหลู่ชิวยังอยู่ข้างๆ
‘จะอย่างไร ข้าก็ต้องเอานมผา 10,000 ปี จากไอเด็กนั่นมาให้ได้! ข้าต้องได้!!’ ความปรารถนา เริ่มเกิดก่อท่วมท้นในใจจ้าวหลิง
‘ข้าหวังว่าไอเด็กนั่นจะรู้ว่าอะไรควรไม่ควร …ไม่ว่าข้าจะต้องทำอะไรกับมันก็ตาม ข้าต้องทำให้มันส่งมอบนมผา 10,000 ปีมาให้ได้!’ ร่องรอยเย็นชาเริ่มปรากฏในแววตาของจ้าวหลิน
นมผา 10,000 ปี นั้นมีค่ามากพอ ที่จะเปลี่ยนชีวิตของเขาไปทั้งชีวิต …
ไม่ว่าต้องแลกด้วยอะไร…เขาต้องเอามันมาให้ได้!
แน่นอนว่าต้วนหลิงเทียนย่อมไม่รู้เรื่องราว ที่มีคนค้นพบว่าตัวเขาได้รับนมผา 10,000 ปีสักนิด
ตอนนี้ต้วนหลิงเทียน ก็ออกจากนิกายกระบี่ 7 ดาวและเดินทางมาจนเห็นป่าแรกเริ่มอยู่ด้านหน้าแล้ว
ฟุ่บ!
ร่างของต้วนหลิงเทียนสั่นไหวเล็กน้อยก่อนที่จะพุ่งเข้าไปยังป่าแรกเริ่มด้วยความเร็วสูง!
วิชาท่าร่างวิญญาณอสรพิษเคลื่อนกายถูกต้วนหลิงเทียนใช้ออกมาเต็มกำลัง
"โฮกกกกกกกกกกกก!"
เสียงคำรามดังก้องเสียงหนึ่งพลันดังขึ้นมาเบื้องหน้า ทำให้ต้วนหลิงเทียนจำต้องหยุดการเคลื่อนไหว
ครู่ต่อมาต้วนหลิงเทียนก็พบตัวเจ้าของเสียงคำราม มันคือเสือหลังหนาม ที่มีระดับบ่มเพาะเทียบเท่ากับผู้ฝึกยุทธ์ระดับก่อกำเนิดขั้นที่ 9 เขี้ยวทั้งคู่อันแข็งแกร่งบวกกับหนามที่อยู่บนหลังมันนั้น นับว่าเป็นอันตรายต่อผู้ฝึกยุทธ์อย่างถึงที่สุด
ฟุ่บ!
เสือหลังหนามจับจ้องหลิงเทียนตาเขม็ง ก่อนที่มันจะสลับเท้า ปราดร่างกระโจนเข้ามาด้วยความเร็วสูง
"เข้ามา!!" สายตาของต้วนหลิงเทียนเย็นชาขึ้นเล็กน้อย ก่อนที่จะพุ่งร่างสวนออกไป
ยามนี้เหนือศีรษะของเสือหลังหนามบังเกิดเงาร่างช้างแมมมอธโบราณออกมา 12 ตัว …
เมื่อต้วนหลิงเทียนเห็นดังนั้น ก็จำกัดความแข็งแกร่งไว้ที่ 12 ช้างแมมมอธโบราณบ้างเช่นกัน!
เขาไม่คิดใช้กำลังทั้งหมดเพียงเพราะพบเจอสัตว์อสูรระดับก่อกำเนิดขั้นที่ 9 อย่างเสือหลังหนามนี่…หากเขาทำเช่นนั้น เรื่องที่เขาคิดมาทดสอบพลังสั่นสะเทือนก็ต้องกลายเป็นหมันไปโดยปริยาย และการเดินทางนี้คงไร้ความหมาย
แน่นอนว่าเหตุผลหลักที่เขาดั้นด้นมาถึงป่าแรกเริ่มนี่ เพราะเขาต้องการทดสอบพลังสั่นสะเทือน!
"โฮกกกกกกกก!" เสือหลังหนามที่กระโจนมาหาต้วนหลิงเทียนด้วยความเร็วสูง …ยามที่มันอ้าปากกู่ร้องคำรามนี้ กลับมีกลิ่นคาวโลหิตมากมายฟุ้งกระจายในอากาศ… นี่ทำให้ต้วนหลิงเทียนรู้สึกรังเกียจเล็กน้อย
เมื่อร่างเสือใกล้ประชิดตัวเขา ต้วนหลิงเทียนก็พลันลงมือเคลื่อนไหวทันที
วิชาท่าร่าง วิญญาณอสรพิษเคลื่อนกาย!
พริบตานั้นร่างของต้วนหลิงเทียนพลันโอนอ่อน ราวกับเป็นอสรพิษ เคลื่อนไหวอย่างปราดเปรียวเอนหลบหลีกกรงเล็บของเสือหลังหนาม พร้อมสลับเท้าก้าวย่างฉับไวเคลื่อนย้ายร่างอย่างฉับพลันไปอยู่ด้านหลังของเสือหลังหนามในพริบตา …
เสือหลังหนามที่พุ่งจู่โจมมาสุดตัว ย่อมไม่อาจตอบสนองต่อการก้าวเท้าระดับสูงเช่นนี้ของต้วนหลิงเทียนได้ทัน และต้วนหลิงเทียนก็ไม่คิดรีรอจนเสียโอกาสอะไร เขาสะบัดฝ่ามือป้อนกระบวนท่าจู่โจมออกไปทันที
ฝ่ามือพิชิตมังกร!
ต้วนหลิงเทียนไม่คิดเสียเวลาใช้ฝ่ามือลวงตาวาดร่างมังกรกลางอากาศ เขาเพียงจี้ออกด้วยดัชนีรวมศูนย์ออกมาโดยตรงทันที
สึบ!
นิ้วของต้วนหลิงเทียนที่ควบแน่นไปด้วยพลังงานต้นกำเนิด เสียบทะลวงผิวหนังที่หนาไม่น้อยของเสือหลังหนามเข้าไปอย่างง่ายดาย ซ้ำร้ายยังทะลวงลึกจนถึงกระดูก
"โฮกกกกกกก ~" เสือหลังหนามที่ถูกดัชนีทะลวงร่างพลันกรีดร้องโหยหวนออกมา น้ำเสียงของมันเจือไปด้วยโทสะระคนความสิ้นหวัง
พลังสั่นสะเทือน!
ทันใดนั้นเองพลังงานต้นกำเนิดที่ควบแน่นที่ปลายนิ้วของต้วนหลิงเทียน พลันสั่นสะเทือนด้วยความถี่ที่สูงล้ำ
"ฮรออออ… " ทันใดนั้นร่างของเสือหลังหนามพลันกระตุก สั่นสะท้านดิ้นพล่าน ส่งเสียงกู่ร้องอย่างเจ็บปวด …ไม่นานร่างทั้งร่างของมันก็ทรุดล้มลงไปกองบนพื้น เสียงกระดูกทั่วร่างแตกระเบิดดังออกมาในอากาศ
"อะไร! พลังสั่นสะเทือน กลับน่าสะพรึงกลัวถึงเพียงนี้! นับว่าข้ายังประเมินมันต่ำไปแล้ว!"ต้วนหลิงเทียน พลันระงับพลังงานต้นกำเนิดที่ปลายนิ้ว แล้วยืนนิ่งมองร่างเสือหลังหนามอยู่ตรงหน้า … เขามองเสือหลังหนามที่ทรุดตัวลงบนพื้นด้วยความเหน็บหนาวจับขั้วหัวใจ
เมื่อครู่เขารู้สึกได้อย่างชัดเจน ในตอนที่เขาทะลวงดัชนีทะลุร่างของเสือหลังหนามและเริ่มใช้พลังสั่นสะเทือนนั้น กระดูกทั่วทั้งร่างของเสือหลังหนามก็พลอยถูกสั่นสะเทือนไปพร้อมๆกันด้วย หลังจากนั้นพวกมันก็เริ่มแตกอย่างพร้อมเพรียงไปทั่วทั้งร่าง…
สุดท้ายกระดูกทั่วทั้งร่างของเสือหลังหนามก็ป่นเป็นผง! อีกทั้งอวัยวะภายในของมันก็แหลกเหลวไม่มีชิ้นดี กล่าวได้ว่าเสือหลังหนามตัวนี้ตกตายจนไม่รู้จักตกตายได้มากกว่านี้ยังไงแล้ว
ต้วนหลิงเทียนระบายลมหายใจเย็นวูบออกมา มวลอารมณ์ตื่นเต้นเริ่มเผยให้เห็นบนใบหน้าเขา
ฟุ่บ!
ต้วนหลิงเทียนที่กำลังตื่นเต้นไม่คิดหยุดยั้ง ยามนี้เขากระหายการล่า พุ่งร่างปราดวูบเข้าไปในป่าแรกเริ่มด้วยความเร็วสูง
คราวนี้เขาวางแผนที่จะจำกัดระดับพลังและความแข็งแกร่งเอาไว้ให้อ่อนด้อยกว่าสัตว์อสูรสัก 1 ระดับขั้น เพื่อดูว่าเขายังจะสามารถสังหารสัตว์อสูรได้อยู่หรือไม่… หากเขายังสามารถกระทำได้ คงต้องกล่าวว่าพลังงานสั่นสะเทือน และพลังทำลายของคลื่นความถี่สูง น่าสะพรึงเกินไปแล้ว!
และไม่นานต้วนหลิงเทียนที่เผยแววตากระหายเลือดดั่งตอนที่เป็นหน่วยรบพิเศษ ก็พบสัตว์อสูรผู้โชคดี
สัตว์อสูรตัวนี้ เป็นสัตว์อสูรที่มีระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 2 … เสือดาววายุ!
เสือดาววายุนั้นกล่าวได้ว่าเป็นสัตว์อสูรที่ขึ้นชื่อเรื่องความว่องไวปราดเปรียว และหากวัดกันในแง่ของความเร็วแล้ว นับว่ามันเป็นสัตว์อสูรที่โดดเด่นอย่างมากในหมู่สัตว์อสูรระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 2
ต้วนหลิงเทียนนั้นเผยรอยยิ้มแสยะออกมาไม่ได้ครั่นคร้ามอะไรสักนิด เมื่อเห็นเสือดาววายุ อ้าปากเผยให้เห็นคมเขี้ยว กับน้ำลายที่หลั่งไหลเต็มไปด้วยความปรารถนาคิดกลืนกินเขา
เหนือร่างของเสือดาววายุปรากฏเงาร่างช้างแมมมอธโบราณ 30 ตัว!
ชุดคลุมอันเป็นเอกลักษณ์ของศิษย์สายนอกนิกายกระบี่ 7 ดาวบนร่างต้วนหลิงเทียนพลันปลิวไสว เหนือศีรษะเขาบังเกิดเงาร่างช้างแมมมอธโบราณ 20 ตัว …
เขาต้องการทดลองดูว่าตัวเขาจะสามารถฆ่าเสือดาวายุตัวนี้ โดยอาศัยระดับบมเพาะเพียงระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 1 ได้หรือไม่