สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - บทที่ 266 : สตรีแล้วจะอย่างไร?
บทที่ 266 : สตรีแล้วจะอย่างไร?
มุมปากจองต้วนหลิงเทียนกระตุกเล็กน้อย ก่อนที่จะเริ่มเผยยิ้มขมขื่นออกมาเมื่อเห็นสายตาและท่าทางของสาวน้อยทั้ง 2 ที่มองเขา
"อะไร นี่พวกเจ้าจำสามีไม่ได้หรือ?" ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวไปมาพร้อมหัวเราะ ทว่าในเสียงหัวเราะนี้แฝงความจนใจขื่นขมประการหนึ่งเอาไว้
ตัวเขาไม่ได้ต้องการให้เป็นเช่นนี้สักกะนิด…
ตอนนี้เอง ลี่เฟยและเค่อเอ๋อพลันหายจากอาการตกตะลึง พวกนางรีบปราดร่างไปคนละข้างของต้วนหลิงเทียนทันที คำกล่าวเมื่อครู่อดทำให้พวกนางขวยเขินจนแทบอายม้วนไม่ได้
ครู่ต่อมา ดวงตากลมโตคู่สวยของลี่เฟยกระพริบปริบๆ นางกล่าวถามออกมาพร้อมใบหน้าที่เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นถึงขีดสุด "นี่ตัวเลวร้าย! เจ้ารีบบอกข้ามาเลยนะ เจ้ากลายเป็นเช่นนี้ได้อย่างไร?!"
"นั่นสิเจ้าคะนายน้อย! ยามนี้ผิวของท่านขาวเนียนกระจ่างใส ยิ่งกว่าผิวของข้ากับพี่หญิงเฟยอีกนะเจ้าคะ ข้าอยากมีผิวเช่นนี้บ้างจังเจ้าค่ะ" เค่อเอ๋อเองก็กล่าวถามออกมาด้วยความจริงจังอย่างถึงขีดสุด
อันที่จริงแล้วในบรรดาที่ต้วนหลิงเทียนพบพานมา มีเพียงองค์หญิงปี้เหยา และก็เซี่ยวหลันเท่านั้น ที่กล่าวได้ว่ามีผิวที่งดงามจนสามารถนำมาเทียบกับเค่อเอ๋อและลี่เฟยได้ … แต่เมื่อนำผิวของพวกนางมาเทียบกับตัวเขา ที่ชำระไขกระดูกผลัดเปลี่ยนเส้นเอ็นเกิดใหม่ด้วยผลอันเลิศล้ำของนมผา 10,000 ปีแล้วเช่นนี้…ก็ยังนับว่าด้อยกว่ามาก!!
เพราะจะอะไรยังไงตอนนี้ผิวของเขาก็ไม่ต่างอันใดไปจากผิวของเด็กทารก!!
ฉีเยี่ยนที่ยืนอยู่ด้านข้าง ยามนี้ใบหน้าของนางพลันบิดเบี้ยว ซ้ำยังเริ่มเต็มไปด้วยโทสะอารมณ์แล้ว …ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ที่มีคนกล้าไม่เห็นหัวนางเช่นนี้?
ตอนนี้สีหน้าของฉีเยี่ยนเริ่มหมองลง นางมองไปยังต้วนหลิงเทียน,ลี่เฟย และเค่อเอ๋อที่กำลังสนทนากันอย่างมีความสุข ก่อนที่จะกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงแหลมเล็กระคายหูเจือไปด้วยความเย็นชาจับใจ "ไอเด็กหน้าหวาน! ข้ากำลังกล่าวถามเจ้าอยู่… ว่าเจ้าเป็นตัวบัดซบอันใด?"
น้ำเสียงน่ารำคาญของฉีเยี่ยนนั้นกล่าวแทรก บทสนทนาระหว่างต้วนหลิงเทียนและสาวน้อยทั้ง 2 ทำให้สีหน้าของต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะมืดครึ้มลง
อย่างไรก็ตามเมื่อเขาหันไปมองลี่เฟยและเค่อเอ๋อ สีหน้าของเขาก็กลับกลายเป็นอ่อนโยนอบอุ่น
"เฮ่อ…ข้าก็ดันลืมไปซะได้ ว่ายามนี้ยังมีอีกาน่ารำคาญมาคอยรังควานพวกเจ้าอยู่" ต้วนหลิงเทียนยิ้มบางๆให้กับเค่อเอ๋อและลี่เฟย ก่อนที่จะหันกลับมามองฉีเยี่ยนด้วยใบหน้าที่มืดครึ้มลง ทั้งประกายตาของเขายังเรืองวูบออกมาด้วยความดุร้าย
อีกา?
ทั้งเค่อเอ๋อและลี่เฟย ที่ได้ยินคำเรียกหาฉีเยี่ยนว่าอีกาของต้วนหลิงเทียนนั้น พวกนางพลันเข้าใจได้ทันที ว่าต้วนหลิงเทียนหมายถึงอะไร! พวกนางจึงระเบิดเสียงหัวเราะออกมาทันที ทวงท่ากริยาน่ารักน่าเอ็นดู น้ำเสียงไพเราะทรงเสน่ห์ ช่างมีความสามารถในการดึงดูดสรรพชีวิตให้รักใคร่นัก
"เจ้า!…เจ้ากล้าเรียกข้าว่าอีกา?" ฉีเยี่ยนนั้นบันดาลโทสะอย่างมาก นางหันไปถลึงตามองต้วนหลิงเทียนด้วยแววตายากเหลือเชื่อ "เจ้า …เมื่อครู่เจ้าเรียกข้าว่าอีกา เช่นนั้นหรือ?" ฉีเยี่ยนไม่อาจเชื่อหูตัวเองจึงกล่าวซ้ำออกมา
ต้วนหลิงเทียนขมวดคิ้วเล็กน้อย เขานึกไปถึงเรื่องราวก่อนหน้านี้ ก่อนที่จะกล่าวออกมาอย่างไม่ไว้หน้าฉีเยี่ยน "สมองเจ้าไม่ดีก็ทีนึงแล้วนี่หูของเจ้ามีปัญหาอีกหรือ? ถูกแล้วข้าเรียกเจ้าว่าอีกา อ่อ…แต่เป็นเพียงแค่เสียงเจ้าเท่านั้นนะ ที่เหมือนอีกา รูปร่างหน้าตาเจ้า …ยังไม่ดีพอที่จะนำไปเทียบกับอีกาได้!"
รูปร่างหน้าตายังไม่ดีพอที่จะนำไปเทียบกับอีกา?
ฉีเยี่ยนตะลึงค้างราวตัวโง่งมอยู่ครู่หนึ่ง ดวงตาดั่งอสรพิษร้ายเรืองวูบออกมาอย่างดุร้าย "ไอเด็กบัดซบ เจ้ากล้ากล่าวดูหมิ่นเหยียดหยามข้าเช่นนี้ หรือเจ้าไม่รู้หรือว่าข้าเป็นใคร!?"
ตัวนางนั้นอยู่ในนิกายกระบี่ 7 ดาวมากว่า 2 ปีแล้ว… แต่นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนกล้ากล่าววาจาว่าร้ายดูหมิ่นเหยียดหยามอะไรนางเช่นนี้! … ยิ่งไปกว่านั้น ยังกล่าวว่านางต่อหน้าต่อตาด้วย!!
"อ่าว แล้วนี่เจ้าไม่ใช่ฉีเยี่ยนหรอกรึ?" ต้วนหลิงเทียนกล่าวถามออกมาพร้อมจับจ้องไปอย่างสงสัย
"เจ้ารู้จักข้า? แต่นี่เจ้ายังกล้าพูดจาดูหมิ่น ลูบคมข้าอีกงั้นรึ!?" ชิฉีเยี่ยนมองต้วนหลิงเทียนด้วยโทสะ
"ฮ่าๆๆๆ ดูหมิ่นลูบคมเจ้า?" ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะหัวร่องอหายออกมา หลังจากที่เขาหัวเราะจนพอใจแล้ว สีหน้าของเขาก็ครึ้มลงก่อนที่จะกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชาไม่แยแส "ข้าแค่บอกว่าเจ้าเป็นอีกาเท่านั้น เจ้ากลับบอกว่าข้าดูหมิ่นลูบคมเจ้า? แล้วเจ้าไม่คิดบ้างหรือไร ว่ายามที่เจ้าดูหมิ่นสตรีของข้า พวกนางจะรู้สึกอย่างไร? "
"อะไร? สตรีของเจ้า?" ฉีเยี่ยนจับจ้องไปยังสตรีทั้ง 2 ที่ยืนเคียงข้างต้วนหลิงเทียน "พวกนางเป็นสตรีของเจ้างั้นรึ?"
"เหอะ!" ต้วนหลิงเทียนมองไปยังฉีเยี่ยนด้วยสายตาเย็นชา พร้อมสีหน้าไม่แยแส แต่เขาไม่คิดจะตอบคำถามอะไรนาง
ฉีเยี่ยนเองก็จ้องต้วนหลิงเทียนกลับมาเช่นกัน ประกายตาของนางก็เย็นเยือกไมแพ้กัน กล่าวด้วยน้ำเสียงระคายหู "เช่นนั้นกล่าวได้ว่า เจ้าเองก็เป็นศิษย์สายนอกที่พึ่งเข้านิกายมาพร้อมกับพวกนางเมื่อวาน?"
"ก็ใช่ แล้วจะอย่างไร?" น้ำเสียงของต้วนหลิงเทียนนั้นเรียบนิ่งอย่างมาก แต่คงมีเพียงคนที่รู้จักเขาดีพอเท่านั้น ว่านี่มันเป็นเพียงความสงบก่อนที่พายุจะบังเกิด …
"ฮ่า ๆ ๆ ๆ…." ฉีเยี่ยนเริ่มหัวเราะออกมาเสียงดัง ด้วยใบหน้าที่เริ่มแปรเปลี่ยนเป็นบิดเบี้ยว มืดมนและน่ากลัวขึ้นเรื่อยๆ ดวงตา 3 เหลี่ยม แลไปคล้ายดั่งอสรพิษนั้น ราวกับมันจะบ่งบอกได้ถึง จิตใจของนางว่ามันวิปริตบิดเบี้ยวเพียงใด
"นายน้อยเจ้าคะ"เค่อเอ๋อนั้นรู้สึกหวาดกลัวสตรีที่แลดูดั่งปีศาจผู้นี้ไม่น้อย นางเขยิบกายเข้ามาแนบชิดต้วนหลิงเทียนก่อนที่จะกอดแขนเขาเอาไว้
ต้วนหลิงเทียนยิ้มบางๆ ก่อนที่จะจับไปที่มือน้อยๆของเค่อเอ๋อ ทำให้นางรู้สึกพึ่งพิงได้
เมื่อเค่อเอ๋อโดนกระทำเช่นนี้ ใบหน้าของนางก็เริ่มเผยยิ้มสดใสออกมา
ลี่เฟยเองก็ขมวดคิ้วและสะท้านในใจไม่น้อย เมื่อเห็นใบหน้าอัปลักษณ์ของฉีเยี่ยนที่กำลังหัวเราะอย่างน่ารังเกียจ
ในที่สุดฉีเยี่ยนก็หยุดหัวเราะ ก่อนที่จะใช้ดวงตา 3 เหลี่ยมจับจ้องไปยังต้วนหลิงเทียนเขม็ง “เด็กน้อยที่พึ่งเข้ามาเป็นศิษย์สายนอกได้หยกๆ กลับกล้ายโสโอหังต่อหน้าข้า ฉีเยี่ยนผู้นี้! …ฮึ! ข้ารู้ดี ที่เจ้ากระทำเช่นนี้ ล้วนเพียงเพื่อโอ้อวดอีนางจิ้งจอกทั้ง 2 นั่นสินะ”
"ช่างน่าเสียดายนัก! ที่เจ้ากลับเลือกเป้าหมายในการหาเรื่องโอ้อวดผิดคน!..วันนี้ข้าฉีเยี่ยนจักทำให้เจ้าสำนึก ว่าหากแตะต้องผู้คนที่มิอาจล่วงเกินได้แล้วจักเป็นอย่างไร! และเมื่อเจ้ากล้าล่วงเกินบุคคลเช่นนั้น แล้วเจ้าจักต้องจ่ายราคาด้วยความเสียใจไปตลอดชีวิต!"
ฉีเยี่ยนก้าวเดินออกมาอย่างช้าๆ ท่าทางของนางเผยความเย็นชาออกมา ดวงตา 3 เหลี่ยมดั่งอสรพิษจับจ้องต้วนหลิงเทียนมาอย่างเย้ยหยัน "ข้าอยากรู้นัก หากระดับบ่มเพาะของเจ้าถูกทำลาย! จนต้องกลับกลายเป็นตัวง่อยไร้ค่า ! อีนางจิ้งจอกแพศยาทั้ง 2 นี่ ยังจักยังเต็มใจอยู่กับเจ้าหรือไม่ ฮ่าๆๆๆ … "
ในขณะที่กล่าวคำฉีเยี่ยนก็เผยรอยยิ้มหยามหยัน ซ้ำเมื่อกล่าวจบก็หัวเราะร่าออกมา ราวกับนางได้เห็นภาพต้วนหลิงเทียนถูกนายทำลายตันเถียน พร้อมต้องทนทุกข์ทรมานกับความเศร้าเมื่อสตรีทั้ง 2 ทิ้งมันไป….
ต้วนหลิงเทียนขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย
ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนพลันเข้าใจแล้วว่า …คำกล่าวของศิษย์สตรีขุนเขาเหยากวงทั้ง 2 คนที่เขาเจอก่อนหน้านี้ นี่กล่าวถึงฉีเยี่ยน มันหมายความว่าอะไร
ฉีเยี่ยนผู้นี้เป็นคนจิตใจคับแคบ ขี้อิจฉา ไม่อาจทนเห็นผู้อื่นได้ดีกว่าตัว…
แม้ว่าตัวเขาเองจะอยู่มาจนชีวิตนี้เป็นชีวิตที่ 2 แต่นี่ก็ยังคงเป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นสตรีนิสัยโรคจิตเช่นนี้
และนี่มันทำให้เขาบังเกิดความรังเกียจขยะแขยงนางจากก้นบึ้งของหัวใจ!
ใบหน้าของต้วนหลิงเทียนลดลงเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำขู่ของฉีเยี่ยน "เจ้าต้องการทำลายระดับบ่มเพาะของข้างั้นเหรอ? ถ้างั้นข้าเองก็มีเรื่องที่อยากจะกล่าวถามเจ้านัก …ว่าอย่างเจ้าจะอาศัยอะไรในการทำเช่นนั้น?"
"หึหึ อาศัยอะไรงั้นรึ?" ฉีเยี่ยนแสยะยิ้มก่อนที่จะมองต้วนหลิงเทียน “เจ้าไม่รู้หรอกหรือว่าพี่ใหญ่ของข้านั้นเป็นศิษย์สายนอกอันดับ 1 ? และตราบใดที่ข้าไม่ฆ่าเจ้า ทางนิกายก็มิคิดจะเอาโทษอันใดข้าหรอก! อ่อ..จริงสิ! ข้าลืมบอกเจ้าไปอีกเรื่อง! เมื่อพี่ใหญ่ของข้ากลับมาจากการเดินทางฝึกฝนหาประสบการณ์ด้านนอกเมื่อใด พี่ใหญ่ของข้าจะได้เลื่อนระดับกลายเป็นศิษย์สายใน!”
"ข้าฉีเยี่ยนผู้นี้กำลังจักมีพี่ชายเป็นถึงศิษย์สายใน! … ถึงแม้วันนี้ข้าจักทำลายระดับบ่มเพาะเจ้า จนเจ้าต้องกลับกลายเป็นตัวพิการ ทางนิกายก็มิมีวันลงโทษอันใดข้า หากข้ายังไม่ได้สังหารเจ้า …นี่เพราะนิกายย่อมเห็นแก่หน้าพี่ใหญ่ของข้า ส่วนตัวเจ้ามันเป็นเพียงศิษย์สายนอกที่พึ่งมาใหม่เท่านั้น! ต่อหน้าข้า เจ้าก็ไม่ต่างอันใดกับหญ้าไร้ราคาริมทาง! " กระบี่ใบแคบเล่มหนึ่งพลันปรากฏขึ้นในอากาศที่ว่างเปล่า ก่อนที่ฉีเยี่ยนจะหยิบมันมาถือไว้ พลังงานต้นกำเนิดของนางแผ่ซ่านออกมาอย่างเย็นยะเยือก …
เหนือศีรษะของนางฉายเงาร่างช้างแมมมอธโบราณออกมา 75 ตัว!
"หืม ระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 4 ? กับอาวุธวิญญาณระดับ 7 งั้นรึ?" คิ้วต้วนหลิงเทียนโค้งขึ้นมาเล็กน้อย เมื่อเห็นความแข็งแกร่งของฉีเยี่ยน เขาก็สามารถบอกระดับบ่มเพาะ รวมถึงระดับอาวุธวิญญาณออกมาได้ทันที
"เจ้าว่าชีวิตข้านั้นต่ำต้อยไร้ราคาดั่งหญ้าใช่หรือไม่!?" ต้วนหลิงเทียนจ้องไปยังฉีเยี่ยนก่อนที่สีหน้าจะเคร่งขึ้นเล็กน้อย ประกายตาของเขาเริ่มฉายประกายยะเยือกออกมา "แล้วเจ้าคิดว่า…ชีวิตของเจ้านั้นมันมีราคามากนักหรือ?"
"เฮอะ! จะอย่างไรก็มีค่ามากกว่าเจ้าแล้วกัน!" น้ำเสียงของฉีเยี่ยนเย็นชาไม่แยแส ตา 3 เหลี่ยมราวงูพิษของนางจ้องไปยังต้วนหลิงเทียนอย่างเย็นชา ก่อนที่จะโน้มตัวมาด้านหน้าและขยับเท้าทันที
ร่างฉีเยี่ยนพลันพุ่งมาทางต้วนหลิงเทียน ด้วยความเร็วดั่งสายลมกรรโชก
ฟุ่บ!
กระบี่ใบแคบในมือของนางตวัดออกมา พร้อมกับเงากระบี่นับ 10 พร่างพราวไปทั่ว! นับว่าเป็นเรื่องยากเย็นไม่น้อยหากจะแยกแยะว่า เงากระบี่ใดเป็นเงากระบี่ที่แท้จริงของนาง …
ภาพเงากระบี่พร่างพราวปิดล้อมต้วนหลิงเทียนเอาไว้ก่อนที่จะถาโถมเข้ามา แลดูไปน่าหวาดกลัวนัก
ทั้งตอนนี้เอง ต้นไม้ใบ้หญ้ารอบๆร่างของต้วนหลิงเทียน ก็พลันปลิดปลิวลอยขึ้นมาดั่งถูกพายุกระหน่ำ
ลมนั้นยังพัดกรรมโชกจนชายเสื้อคลุมชุดประจำตัวของศิษย์สายนอกนิกายกระบี่ 7 ดาว จนกระพือโต้ลมขึ้นมา
"เหอะ!" ใบหน้าของต้วนหลิงเทียนลดต่ำลงเล็กน้อย เมื่อเผชิญกับเงากระบี่ของฉีเยี่ยนที่พุ่งเข้ามาปิดล้อมไว้รอบด้าน …ทันใดนั้นประกายตาของเขาพลันเจิดจ้าออกมาด้วยแสงเย็นชา ในมือปรากฏดาบเล่มนึ่งผุดออกมาจากอากาศที่ว่างเปล่า
หากยังจำได้ ดาบเล่มนี้เป็นของชวีอวิ๋น จากหน่วยองค์รักษ์ผีที่ตกตายในวันนั้น
ชวีอวิ๋นผู้นี้ เป็นบิดาของผู้บัญชาการกองกำลังองครักษ์ประจำเมืองหลวงของอาณาจักรนภาล่อง ชวีลู่
ตัวชวีอวิ๋นนั้นดั้นด้นมาหาต้วนหลิงเทียนถึงศูนย์บัญชาการกองกำลังองครักษ์เสื้อแพร เพื่อสังหารต้วนหลิงเทียนกับมือแก้แค้นให้บุตรและหลานชาย … แต่น่าเสียดายที่สุดท้ายมันก็ต้องถูกสังหารโดยผู้เฒ่าทั้ง 2 ที่มีระดับบ่มเพาะ ครึ่งก้าวธรรมชาติ ที่คอยอยู่เคียงข้างต้วนหลิงเทียน!
และสุดท้าย ดาบวิญญาณระดับ 7 นี้ของมัน ก็เลยตกมาอยู่ในการครอบครองของต้วนหลิงเทียน
"ตาย!" น้ำเสียงฉีเยี่ยนดังเสียดหูราวกับจะทะลุไปถึงเมฆ เงากระบี่ที่พร่างพราวถาโถมเข้ามา พลันเปลี่ยนทิศทางมุ่งมายังจุดตันเถียนของต้วนหลิงเทียน ราวกับว่าการจู่โจมทั้งหมดนี้หมายแทงทะลวงไปที่ตันเถียนต้วนหลิงเทียนเท่านั้น!
มุมปากของต้วนหลิงเทียนพลันแสยะยิ้มออกมา
อีอัปลักษณ์ฉีเยี่ยนนี่นับว่าชั่วร้ายนัก!
ต้วนหลิงเทียนพลันลงมือทันที ทว่ามีเพียงมือของเขาเท่านั้นที่ขยับ ส่วนร่างของเขายังปักหลักอยู่กับที่ไม่ได้เคลื่อนย้ายอะไร!
และทันใดนั้นเองพลังงานต้นกำเนิดพลันระเบิดพวยพุ่งออกมาจากร่างต้วนหลิงเทียนก่อนที่จะถ่ายทอดไปยังดาบ 3 ฉื่อ!
พริบตาต่อมาไอฟ้าดินพลันตอบสนองต่อพลังงานต้นกำเนิด มันก่อเกิดเงาร่างเหนือศีรษะ บ่งบอกความแข็งแกร่งออกมาถึง 90 ช้างแมมมอธโบราณ …
"อะไร ระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 5! ซ้ำยังมีอาวุธวิญญาณระดับ 7!" น้ำเสียงเล็กแหลมระคายหูของฉีเยี่ยนดังขึ้นมาอีกครั้ง แต่ทว่าคราวนี้ในน้ำเสียงกลับแฝงไปด้วยความหวาดกลัว ที่ผุดออกมาจากห้วงลึกของหัวใจ
นางไม่คิดเลยว่าศิษย์สายนอกเข้าใหม่ที่ดูมีอายุประมาณ 20 ปี และบางทีอาจจะแม้กระทั่ง 20 ปีด้วยซ้ำ จะมีระดับบ่มเพาะที่น่าหวาดหวั่นถึงเพียงนี้
นางต้องการรั้งกระบี่ถอนกระบวนท่ายกเลิกการโจมตี และหลีกหนีไปให้ไกลแสนไกล …แต่น่าเสียดาย…มันสายไปแล้ว
ความรู้สึกเสียใจค่อยๆก่อเกิด ท่วมท้นขึ้นมาภายในหัวใจนาง!
"นี่เป็นเจ้าที่ขุดหลุมฝังตัวเอง !" ต้วนหลิงเทียนหัวเราะเย้ยหยันออกมาดาบ 3 ฉื่อในมือราวกับเป็นนกหวีด มันบังเกิดเสียงดังหวีดหวิวเพราะพลังงานต้นกำเนิดถ่ายเทไปควบรวมอัดแน่น
วิชาวาดกระบี่!
เพียงดาบเดียวที่วาดออกไปอย่างแยบยลและมีความว่องไวเลิศล้ำปานลำแสงอัสนี ก็สามารถฟาดปะทะ 1 ในเงากระบี่ที่พร่างพราวมา ซ้ำเงานั่นมันกลับเป็นเงากระบี่ที่แท้จริงอีกด้วย!
เคร๊ง!!
เสียงปะทะกันดังสนั่นขึ้น
ความแข็งแกร่งระดับ 90 ช้างแมมมอธโบราณของต้วนหลิงเทียน แน่นอนว่ามันสะกดข่มและกำราบ ความแข็งแกร่งของฉีเยี่ยนที่มีเพียง 75 ช้างแมมมอธโบราณได้อย่างง่ายดาย
มือที่กุมกระบี่ของฉีเยี่ยนสั่นสะท้าน ก่อนที่ง่ามมือนางจะฉีกขาดจนหยาดโลหิตหลั่งไหล กระบี่ใบแคบถูกปัดกระเด็นจนหลุดมือลอยละลิ่วปลิวออกไปไกล
"ไม่!" ม่านตาของฉีเยี่ยนหดแคบลง เมื่อเห็นดาบ 3 ฉื่อของต้วนหลิงเทียน ยังคงวาดมายังลำคอนางด้วยความเร็วสูง ทำให้นางกรีดร้องออกมาด้วยน้ำเสียงแหลมเสียดสะท้านแก้วหูด้วยความหวาดกลัว
ขวับ!
ทว่าต้วนหลิงเทียนกลับพลิกมือเบนขึ้น เปลี่ยนทิศทางกระบี่ในพริบตาสุดท้าย ให้มันเบนเฉียดปลายผมฉีเยี่ยนออกไป
ฉีเยี่ยนพลันถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก นางจ้องไปยังต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาหวาดกลัว ก่อนที่จะกล่าวออกมา "เจ้ากระทำเช่นนี้นับว่าถูกต้องแล้ว"
แต่ในพริบตาต่อมาสีหน้าของนางก็ต้องกลับกลายเป็นซีดเผือดโดยพลัน!
เพราะนางสังเกตเห็นว่าแม้ศิษย์สายนอกตรงหน้าจะเบนกระบี่ที่หมายคร่าชีวิตของนางออกไปแล้ว แต่เขายังคงเตะหวดขาออกมาด้วยความเร็วที่น่าพรั่นพรึง ซ้ำยังมุ่งไปยังจุดตันเถียนของนางอีกด้วย
และพริบตาที่ตวัดขาเตะออกมา แววตาของต้วนหลิงเทียนก็กลายเป็นไร้อารมณ์ ทั้งร่างแผ่กลิ่นอายหนาวยะเยือกออกมา
ไม่ใช่ว่าฉีเยี่ยนคิดเล่นงานตันเถียนทำลายระดับบ่มเพาะเขาหรอกหรือ?
ตอนนี้เขาจะให้นางได้ลิ้มรสชาติของการเป็นคนพิการถูกทำลายระดับบ่มเพาะดูบ้าง!
"ไม่นะ ผลัก!!" ดวงตา3เหลี่ยมดั่งอสรพิษเบิกกว้าง นางบังเกิดความหวาดกลัวจับขั้วหัวใจเมื่อเห็นขาที่เตะมารวดเร็วดั่งสายฟ้าของต้วนหลิงเทียน มันเป็นเวลาเพียงเสี้ยวพริบตาเท่านั้น นางยังไม่ทันได้ร้องออกมาจบคำด้วยซ้ำ ร่างนางก็ถูกต้วนหลิงเทียนเตะหวดจนลอยละลิ่วดั่งว่าวสายป่านขาด