หน้าแรก Amnovel
  • หน้าแรก
  • นิยายทั้งหมด
  • เติมเงิน
  • ติดต่อเรา
ค้นหา
ค้นหาขั้นสูง
เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก
  • หน้าแรก
  • นิยายทั้งหมด
  • เติมเงิน
  • ติดต่อเรา
  • เข้าสู่ระบบ
เข้าสู่ระบบ
Prev
Next

สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - บทที่ 261 : กฏแห่งป่า

  1. หน้าแรก
  2. สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์
  3. บทที่ 261 : กฏแห่งป่า
Prev
Next

บทที่ 261 : กฏแห่งป่า

 

 

เมื่อได้ฟัง ต้วนหลิงเทียนก็พอจะเข้าใจได้ทันที ว่าบางทีเรื่องนี้คงไม่พ้นการแข่งขันอะไรสักอย่างระหว่างขุนเขา

และในไม่ช้าคำกล่าวต่อมาของผู้อาวุโสหลู่ ก็พิสูจน์ได้ว่าการคาดเดาของต้วนหลิงเทียนนั้นถูกต้อง

หลู่ชิวค่อยๆกล่าวออกมาอย่างช้าๆว่า  "ภายในนิกายกระบี่ 7 ดาวของเรานั้น ทุกๆปีจะมีการแข่งขันประลองฝีมือศิษย์สายนอก ซึ่งการแข่งขันจะแบ่งออกเป็น 2 ขั้น…ขั้นตอนแรกก็คือคัดเลือกศิษย์สายนอกที่เก่งกล้า ฝีมือสูงที่สุด 10 ลำดับแรกของแต่ละขุนเขา”

"และ 10 คนนี้จะได้ไปแข่งขันประลองยุทธ์ต่อในขั้นที่ 2 ของการประลองศิษย์สายนอก ! ในขั้นที่ 2 นั้นจะเป็นการแข่งขันระหว่างขุนเขาทั้ง 6!  ศิษย์สายนอกที่โดดเด่นทั้ง 60 คน จะทำการประลองแข่งขันกัน เพื่อช่วงชิงความเป็นที่หนึ่ง!"

และเมื่อกล่าวจบมุมปากของหลู่ชิวเองก็ปรากฏรอยยิ้มขื่นขมออกมา

เพราะมันเป็นเวลาที่กล่าวได้ว่า เนินนานมาแล้ว …ที่ขุนเขาเทียนเฉวียนได้รับอันดับที่ 1

"การประลองของศิษย์สายนอกเช่นนั้นหรือ?" หลายคนเมื่อได้ฟังก็ตาเป็นประกาย บางคนก็ส่ายศีรษะ

"พวกเราพึ่งเข้าร่วมนิกายกระบี่ 7 ดาว หากพวกเราเข้าร่วมการประลองศิษย์สายนอก มิแคล้วคงได้ถูกผู้อื่นทุบตี ขายขี้หน้าเท่านั้น "

"กว่าที่พวกเราจะเข้าร่วมการประลองเช่นนี้ได้เกรงว่าต้องรอให้เวลาผ่านไปสัก 2-3 ปีเสียก่อน"

…

เหล่าศิษย์ที่ส่ายหน้าล้วนจับกลุ่มคุยกัน

"ฮึ่ม!" หลู่ชิวแค่นเสียงสบถเย็นชาออกมาเมื่อได้ยินเสียงคนกลุ่มนี้คุยกัน "พวกเจ้าทั้งหมดฟังคำข้าเอาไว้ให้ดี มิใช่ว่าศิษย์สายนอกทุกคนจักสามารถเข้าร่วมการประลองแข่งขันศิษย์สายนี้ได้!  อีกทั้งผู้ใดที่เป็นศิษย์สายนอกเกินกว่า 3  ปีแล้วย่อมหมดสิทธิ์เข้าร่วมการแข่งขันประลองศิษย์สายนอก! "

เป็นศิษย์สายนอกเกิน 3 ปีแล้วหมดสิทธิ์?

บางส่วนของศิษย์สายนอกที่ได้ฟังคำกล่าวของผู้อาวุโสหลู่พลันกล่าวออกมาอย่างแบ่งรับแบ่งสู้ "ถึงจะเป็นเช่นนั้นก็เถอะ เกรงว่าในการประลองย่อมไม่ขาดศิษย์ที่ตัดผ่านระดับบ่มเพาะ กำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 5 กระทั่งขั้นที่ 6 ขั้นที่ 7 เองก็น่าจักมี"

"เฮ่อ สำหรับพวกเราตอนนี้จักพบเจอผู้ฝึกยุทธ์ระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 5 หรือขั้นที่ 6 มันก็หาได้ต่างอันใดกับระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 7 ไม่ เพราะจะอย่างไรก็มิมีหนทางชนะ"

"ก็นั่นน่ะสิ แต่ด้วยวิธีนี้ อีก 2 ปีข้างหน้าพวกเราสมควรได้เวลาแสดงความสามารถกันอยู่บ้าง"

"เจ้ากล่าวถูก"

…

เหล่าศิษย์สายนอกบางส่วนก็คิดว่ารอให้ตัวปีกกล้าขาแข็ง และแข็งแกร่งที่สุดก่อนค่อยลงประลอง บ้างก็เริ่มเผยสีหน้าเพ้อฝันราวกับกำลังจินตนาการถึงความสำเร็จในการประลองศิษย์สายนอก

"ผู้อาวุโสหลู่ แล้วตอนนี้ยังเหลือเวลาอีกเท่าไรหรือ การประลองศิษย์สายนอกถึงจะเริ่มอีกครั้ง?" ต้วนหลิงเทียนมองไปยังผู้อาวุโสหลู่ชิวด้วยแววตาลึกซึ้งก่อนที่จะกล่าวถามออกมา

แน่นอนว่าตัวเขาย่อมสนใจการประลองของศิษย์สายนอกนี่ไม่น้อย  ในฐานะที่นิกายกระบี่ 7 ดาวเป็นถึงนิกายระดับสูงสุดแห่งอาณาจักรพนาคราม  สมควรที่พวกมันจะไม่ขี้เหนียวของรางวัลกระมัง?

ใบหน้าของหลู่ชิวที่หมองลงหลังจากได้ยินคำกล่าวราวคนใจเสาะของศิษย์สายนอกเข้าใหม่ ทว่าเมื่อได้ยินคำถามของต้วนหลิงเทียนสองตาพลันเบิกกว้างเป็นประกาย  สีหน้าเองก็เริ่มดีขึ้นฉับพลัน ก่อนที่จะหันตามเสียงไปมองต้วนหลิงเทียน "การประลองแข่งขันของศิษย์สายนอก จะมีขึ้นในอีก 6 เดือนหลังจากนี้"

ต้วนหลิงเทียนพยักหน้ารับคำ

เมื่อกล่าวจบหลู่ชิวเองก็ถอนสายตาที่มองต้วนหลิงเทียนกลับมาพร้อมส่ายหน้า เขาคิดว่าคนที่กล่าวถามคำถามนี้จะเป็นคนที่มีความมั่นใจในตัวเองและคิดว่ามีฝีมือสูงพอที่จะเข้าร่วมการประลองในอีก 6 เดือนหลังจากนี้

แต่เมื่อเขาเห็นอายุต้วนหลิงเทียน เขาก็ล้มเลิกความคิดนี้ทันที

ตราบที่เขากังวลไม่ว่าพรสวรรค์ของต้วนหลิงเทียนจะสูงส่งมากมายถึงขนาดไหน แต่อายุของเขาสมควรไม่เกิน 20 ปี  เช่นนี้เต็มที่ก็คงเป็นได้แค่ผู้ฝึกยุทธ์ระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 1 ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าหลังจากผ่านไป 6 เดือนแล้วจะสามารถตัดผ่านไปยังระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 2 ได้แล้วหรือยัง…

และมันย่อมเป็นไปไม่ได้ที่บุคคลระดับนี้จะได้รับผลเลิศล้ำอะไรในการแข่งขันประลองศิษย์สายนอก  แม้กระทั่งเรื่องที่จะติดอันดับผู้เข้มแข็ง 1 ใน 10 ของขุนเขาเทียนเฉวียนนี้ยังเป็นเรื่องเพ้อฝันด้วยซ้ำ

"การที่มีความมั่นใจในตัวเองมันก็ดี  แต่หากมากมายเกินไปนั่นจักเรียกยโสโอหัง" ฮั่วชินอดไม่ได้ที่จะตะลึงงันเมื่อได้ยินต้วนหลิงเทียนกล่าวถามคำถามนี้ต่อผู้อาวุโส  และเมื่อเขาหายจากการตะลึงเขาก็เริ่มหัวเราะเยาะต้วนหลิงเทียนออกมา

แต่ต้วนหลิงเทียนนั้นไม่แยแสและไม่สนใจอะไรที่ฮั่วชินกล่าวมาสักนิด  ราวกับเขาไม่ได้ฟังมันอยู่ด้วยซ้ำ

อีกครึ่งปี?

ตอนนั้นตัวเขาสมควรตัดผ่านไปยังระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 5!

ต้วนหลิงเทียนและคนอื่นๆที่เดินตามหลังผู้อาวุโสหลู่ชิวมานั้น ในที่สุดก็เดินมาถึง ลานหินที่ยกระดับขึ้นมาของขุนเขาเทียนชู

ลานหินที่ยกระดับขึ้นมานี้ แลดูเล็กและแคบเกินกว่าที่จะให้คน 20 คนมายืนรวมกัน

ทว่าเลยลานหินยกระดับนี้ไปกลับเป็นสะพานโซ่ ที่เกิดมาจากการถักโซ่ร้อยควั่นไว้ด้วยกัน  มันนำไปสู่ขุนเขากระบี่ทางด้านทิศใต้

"เช่นนั้น นั่นก็คงเป็นขุนเขาเทียนเฉวียน?" ต้วนหลิงเทียนมองไปยังขุนเขาสูงชัน ที่ถูกปกคลุมด้วยเมฆหมอกที่อยู่ห่างไกล ประกายตาของเขาก็เรืองวูบขึ้นมาเล็กน้อย

ขุนเขานี้มันตั้งตระหง่านมั่นคง แลดูไปคล้ายกระบี่แหลมคมเล่มหนึ่งที่ห้าวหาญทะลวงชั้นฟ้า ให้ความรู้สึกเข้มแข็งดุดัน ไร้ผู้ต้านและน่าหลงใหลนัก

"ตามข้ามา!" หลู่ชิวเริ่มก้าวนำเหล่าศิษย์สายนอกทั้งหลายก้าวผ่านสะพานโซ่นี้ไป

เมื่อมีผู้คนก้าวเดิน ตัวสะพานโซ่ก็เริ่มสั่นไหวระริก

"ช่างสูงยิ่งนัก!"

"สวรรค์ช่วย หากพวกเราพลัดตกลงไปเกรงว่าแม้แต่ซากก็คงจะมิเหลือ!"

"เพ้ย! ยังจะกล่าววาจาเหลวไหลอันใด! เรื่องเช่นนั้นมันย่อมแน่นอนอยู่แล้ว!"

…

ตอนนี้เองเหล่าศิษย์สายนอกคนใหม่ของนิกายกระบี่ 7 ดาวทุกคนยกเว้นต้วนหลิงเทียนก็เริ่มบังเกิดความประหวั่น และส่งเสียงโห่ร้องออกมาด้วยความตกตะลึง กระทั่งคนที่แลดูจะหวาดกลัวก็ยังมี แต่เป็นจำนวนเล็กน้อย

"หืม? โลกนี้ยังจะมีคนกลัวความสูงด้วยงั้นรึ?" ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวเล็กน้อย ก่อนที่จะทอดสายตามองไปยังภาพทิวทัศน์ขุนเขาอันสวยงาม ที่อยู่อีกฟากฝั่งของสะพานโซ่ …

จากสายตาสะพานโซ่นี้สมควรมีความยาว 3-400 เมตร  การที่จะเชื่อมต่อโซ่ระหว่างขุนเขาเทียนชู และขุนเขาเทียนเฉวียนนี่ไม่ต้องบอกก็รู้ ว่าเป็นงานที่หนักหนานัก

‘สะพานโซ่นี้สมควรถูกสร้างขึ้นด้วยฝีมือผู้ฝึกยุทธ์ระดับแรกสัมผัสธรรมชาติขึ้นไปเท่านั้น’ ต้วนหลิงเทียนคิดในใจ ก่อนที่จะเหม่อมองไปมาระหว่าง 2 ขุนเขา ราวกับว่ากำลังจินตนาการภาพผู้ฝึกยุทธ์ระดับแรกสัมผัสธรรมชาติเหินบินไปมาโดยมีโซ่เหล็กถือไว้ในมือ เพื่อทำการสร้างสะพานนี้

คนรุ่นก่อนหมั่นเพียรเพาะปลูกต้นกล้า เวลาเลยผ่านรุ่นหลังอิงแอบไม้ใหญ่อาศัยร่มเงา

ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะระบายลมหายใจออกมา

หลู่ชิวที่เฝ้าจับตาดูเหล่าศิษย์สายนอกทั้งหมดอยู่ พลันเบนสายตามาหยุดไว้ที่ชายหนุ่มในชุดสีม่วง ก่อนที่จะค้างไว้

ในบรรดาศิษย์สายนอกที่รับเข้าขุนเขามาทั้ง 20 คนชายหนุ่มในชุดสีม่วงนี้ย่อมมีอายุที่เยาว์วัยที่สุด  แต่ทว่ายามที่อยู่บนสะพานโซ่นี้ คนที่สามารถสงบสติอารมณ์และก้าวเดินอย่างไม่หวั่นไหวมีเพียงชายหนุ่มวัยเยาว์คนนี้เท่านั้น

หากชายหนุ่มในชุดสีม่วงนี่เป็นศิษย์ของนิกายกระบี่ 7 ดาวอยู่ก่อนแล้ว ยังสามารถสงบสติและเผยท่วงท่าสบายๆเช่นนี้ได้ก็คงจะไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร

แต่ทว่าชายหนุ่มในชุดสีม่วงนี่พึ่งก้าวขึ้นมาบนสะพานโซ่เช่นนี้ครั้งแรก แต่ทว่าท่วงท่าอิริยาบถกลับเป็นธรรมชาติ  ร่างกายบังเกิดความสมดุลอย่างถึงขีดสุด แทบไม่ต่างอันใดจากการเดินบนพื้นราบเช่นนี้…

และจะอย่างไรด้านล่างโซ่นี้ก็เป็นหุบเหวลึกไม่เห็นก้น!

แม้กระทั่งตัวเขาเองยามที่เข้ามายังนิกายกระบี่ 7 ดาวครั้งแรก และได้มีโอกาสเดินก้าวข้ามสะพานโซ่นี้ครั้งแรกเมื่อหลายปีที่ผ่านมานั้น  ยังอดไม่ได้ที่จะบังเกิดอาการใจสั่น เมื่อต้องก้าวเดินข้ามสะพานโซ่

ในที่สุดหลู่ชิวก็ไม่อาจละเลยต้วนหลิงเทียนไปได้ รีบกล่าวถามชื่อออกมาทันที "เด็กน้อย เจ้าเรียกว่าอะไรรึ?"

ชายหนุ่มผู้นี้ให้ความรู้สึกยากหยั่งถึงยามที่เขามอง  ตัวเขาเองก็อยู่ในนิกายกระบี่ 7 ดาวมาหลายปี  แต่ชายหนุ่มที่สร้างความรู้สึกเช่นนี้ให้แก่เขา มีชายหนุ่มในขุดสีม่วงคนนี้เป็นคนแรก

"ผู้อาวุโสหลู่ ท่านถามถึงชื่อข้าหรือ?" ต้วนหลิงเทียนแปลกใจเล็กน้อยก่อนที่จะหันไปมองผู้อาวุโสหลู่ เมื่อเห็นผู้อาวุโสหลู่พยักหน้าเขาก็กล่าวตอบออกมา "ข้ามีนามว่า ต้วนหลิงเทียน!"

"ต้วนหลิงเทียน?  หลิงเทียน งั้นรึ นามเจ้าช่างโอหังฟังดูยิ่งใหญ่นัก!" ใบหน้าของอาวุโสหลู่พลันเผยรอยยิ้ม ที่หาดูได้ยากออกมา 

"อาวุโสหลู่ท่านล้อข้าเล่นแล้ว " ต้วนหลิงเทียนเพียงยิ้มรับบางๆ แลดูไม่หยิ่งหรือนอบน้อมจนเกินไป

"ฮึ่ม!" เมื่อฮั่วชินเห็นผู้อาวุโสหลู่เริ่มสนใจต้วนหลิงเทียนมันก็สบถออกมา  ความเกลียดชังและความไม่พอใจ ระคนไปด้วยความอิจฉา เริ่มทอออกมาในแววตาของมันอย่างปิดไม่มิด  ขนาดตัวมันเป็นศิษย์สายนอกที่เข้าร่วมนิกายกระบี่ 7 ดาวมาตั้งแต่ 2 ปีก่อน แต่หลู่ชิวยังไม่เคยกล่าวกับมันอย่างเป็นมิตรเช่นนี้มาก่อนเลย

"ข้าสังเกตเห็นว่าเจ้าแลคล้ายมีความคิดประการหนึ่งยามข้ามสะพานโซ่  เจ้าจักช่วยบอกข้าได้หรือไม่ว่ากำลังคิดอ่านอันใดอยู่?" หลู่ชิวมองไปยังต้วนหลิงเทียนด้วยแววตาลึกซึ้ง กล่าวถามออกมาพร้อมลูบเคราแพะของตัว

สายตาของต้วนหลิงเทียนพลันเบนลงไปมองสะพานโซ่อีกครั้ง เมื่อได้ยินคำกล่าวถามของผู้อาวุโสหลู่ "จริงๆแล้วก็ไม่ได้มีอะไรมากมายนัก …ข้าแค่คิดว่าสะพานโซ่นี้สมควรมีความยาว 300-400 เมตร  การที่จะเชื่อมต่อโซ่ระหว่างขุนเขาเทียนชู และขุนเขาเทียนเฉวียนนี่  สมควรถูกสร้างขึ้นด้วยฝีมือผู้ฝึกยุทธ์ระดับแรกสัมผัสธรรมชาติขึ้นไป มิฉะนั้นคงเป็นไปไม่ได้ที่จะสร้างออกมาได้สมบูรณ์แบบเช่นนี้ นับว่าเป็นงานที่ยากเย็นไม่น้อย"

"อุฟ ฮ่าๆๆ!" หลู่ชิวนั้นไม่ได้กล่าวอะไร ทว่าฮั่วชินที่อยู่ด้านหน้าพลันหัวเราะเย้ยหยันออกมา "สะพานเชื่อมทั้ง 7 ขุนเขาของนิกายกระบี่ 7 ดาว เป็นสิ่งที่มีชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่วทั้งอาณาจักรพนาคราม … ยังจะมีผู้ใดไม่ทราบอีกว่าสะพานโซ่ของพวกเรา มันถูกสร้างขึ้นมาด้วยกลุ่มผู้เชี่ยวชาญแรกสัมผัสธรรมชาติ?"

คนอื่นๆ ตอนนี้เองก็หันมามองที่ต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาดูแคลนเล็กน้อย

ทว่าต้วนหลิงเทียนหาได้แยแสอะไรเพียงแย้มยิ้มออกมาเท่านั้น

ทว่ามีเพียงหลู่ชิวที่จับจ้องไปยังต้วนหลิงเทียนด้วยแววตาลึกซึ้งก่อนที่จะกล่าวถามออกมาว่า  "เด็กน้อย เจ้ายังดมิเคยล่วงรู้เรื่องสะพานโซ่ของนิกายเรามาก่อนใช่หรือไม่"

ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวออกมา "แน่นอนว่าข้าย่อมไม่รู้  เอาเป็นว่าข้าขอบอกท่านผู้อาวุโสหลู่ตรงๆเลยแล้วกัน  ตัวข้านั้นหาใช่คนที่มาจากอาณาจักรพนาครามไม่  ข้าเป็นแค่คนที่มาจากอาณาจักรที่อยู่ภายใต้การปกครองของอาณาจักรพนาครามอีกที … และก่อนหน้านี้ตัวข้าเองก็ไม่เคยได้ยินเรื่องราวสะพานโซ่อันยิ่งใหญ่ของนิกาย 7 ดาวนี่มาก่อน"

"หากเป็นเช่นนี้จริงๆ นับว่าความสามารถในการสังเกตการณ์ของเจ้า มีไม่น้อยเลยทีเดียว" หลู่ชิวพยักหน้าอย่างเรียบๆ ทว่าในใจเขาสะท้านราวถูกคลื่นซัดสาด

ชายหนุ่มที่อายุไม่ถึง 20 ปี คนนี้มาจากอาณาจักรที่อยู่ภายใต้การปกครองของอาณาจักรพนาครามเช่นนั้นหรือ?

ตั้งแต่เมื่อใดกัน ที่อาณาจักรเล็กๆ จักให้กำเนิดผู้ฝึกยุทธ์อัจฉริยะเช่นนี้ออกมาได้?

‘เฮอะ! ที่แท้เจ้าก็เป็นพวกบ้านนอก โผล่มาจากอาณาจักรเล็กกระจ้อย’ มุมปากของฮั่วชินแสยะยิ้มออกมาอย่างดูแคลน พร้อมเหยียดหยามต้วนหลิงเทียนอยู่ในใจ

ต่อให้เขาจะกังวลมากไปสักหน่อย  แต่ความสามารถของผู้ฝึกยุทธ์จากอาณาจักรเกระจ้อยร่อยจะมีสักเท่าไรเชียว?

ต้วนหลิงเทียนแน่นอนว่าย่อมสังเกตเห็น สายตาและรอยยิ้มดูแคลนจากฮั่วชิว  แต่เขาเองก็ยังเฉยๆ เพราะเขาไม่ได้คิดจะแยแสอะไรสุนัขข้างทางอยู่แล้ว

ส่วนทางด้านฮั่วชิน ยิ่งมายิ่งได้ใจบังเกิดความคึกคักอักโข  เมื่อสังเกตเห็นว่าต้วนหลิงเทียนเบนสีหน้าออกไปมองทางอื่นไม่กล้าสบตา มันก็คิดว่าต้วนหลิงเทียนทำไปเพราะกลัวตัวมัน!

ไม่นานกลุ่มคนทั้งหมดก็เดินข้ามสะพานโซ่มาจนถึงขุนเขาเทียนเฉวียน

หลังจากที่ข้ามสะพานโซ่มาได้ สิ่งที่อยู่ตรงหน้าของพวกเขาก็คือลานหินที่กว้างใหญ่  ซ้ำด้านหน้ายังมีอาคารที่ก่อตั้งอยู่บนลานหินแห่งนี้

หลังจากที่ได้ยินคำอธิบายของหลู่ชิว ต้วนหลิงเทียนก็เข้าใจได้ในทันที  ที่แท้อาคารแห่งนี้คือสถานที่ๆ เหล่าศิษย์ของนิกายเทียนเฉวียนมักมาแลกเปลี่ยนซื้อขาย โอสถสมุนไพรและอาวุธวิญญาณ

ที่นี่มีไว้ให้ผู้ที่จับจ่ายใช้เงินทองซื้อโอสถสมุนไพร หรืออาวุธวิญญาณ  อีกทั้งหากไม่มีเงินก็สามารถใช้สิ่งของต่างๆที่มีคุณค่ามาแลกเปลี่ยนกันก็ได้ แล้วแต่ความพอใจทั้งสองฝ่าย

ส่วนทางตอนเหนือของนิกายกระบี่ 7 ดาวนั้น จะมีป่าโบราณที่น่าจะคงอยู่มาตั้งแต่สมัยยุคดึกดำบรรพ์แรกเริ่ม ขนาดกว้างใหญ่สุดไพศาล ด้านในจะมีสมุนไพรล้ำค่า และแร่ธาตุต่างๆมากมายที่ยังไม่ถูกผู้คนค้นพบ …

เหล่าศิษย์ที่ไม่ได้เกิดหรือมาจากครอบครัวหรือตระกูลที่ร่ำรวยอะไรก็มักจะพึ่งพาการเข้าไปในป่านี้ เพื่อค้นหาสมุนไพรล้ำค่า เอาไว้แลกกับโอสถหรืออาวุธวิญญาณต่างๆ ช่วยเหลือในการฝึกฝนบ่มเพาะ เสริมสร้างความแข็งแกร่งของตัว

แน่นอนว่าภายในป่าใหญ่แห่งนี้ย่อมเต็มไปด้วยสัตว์อสูรดุร้ายมากมาย

อีกทั้งยังมีคำร่ำลือกันว่า ในป่าแห่งนี้ยังมีสัตว์อสูรปีศาจปกครองอยู่จำนวนหนึ่ง!

ดังนั้นป่าโบราณจากยุคแรกเริ่มนี้จึงกลายเป็นสถานที่เหล่าศิษย์ของนิกายกระบี่ 7 ดาวมักจะเข้าไปฝึกฝน และค้นหาประสบการณ์ต่างๆ

"เอาล่ะ พวกเจ้าทุกคนสามารถใช้ตราประทับประจำตัวของขุนเขาเทียนเฉวียน เข้าไปรับชุดเครื่องแต่งกายของศิษย์สายนอกนิกายได้ … และหลังจากที่เจ้าได้รับชุดเครื่องแต่งกายแล้ว แต่ละคนสามารถค้นหาสถานที่ส่วนตัวเพื่อใช้ในการฝึกฝนบ่มเพาะพลังรอบขุนเขาเทียนเฉวียนนี่ได้ตามใจชอบ และหากสถานที่ๆเจ้าต้องตาพึงใจมีผู้อยู่อาศัยอยู่ก่อนแล้ว เจ้าก็สามารถท้าประลองแย่งชิงได้  แต่จำไว้อย่าได้สังหารผู้อื่นเด็ดขาด!" เมื่อกล่าวใกล้จบน้ำเสียงของหลู่ชิวก็แปรเปลี่ยนเป็นดุร้ายและจริงจัง

"อะไร ยังสามารถแย่งชิงสถานที่ฝึกฝนบ่มเพาะของผู้อื่นได้?"

เหล่าศิษย์สายนอกหน้าใหม่ต่างตกตะลึง

"ดูเหมือนว่านิกายกระบี่ 7 ดาวนี้จะส่งเสริมให้ศิษย์ในนิกายเติบโตด้วยการแข่งขันสินะ… " ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาด้วยอารมณ์  สภาพแวดล้อมของนิกายกระบี่ 7 ดาวแห่งนี้กล่าวไปกลับละม้ายคล้ายกฎแห่งป่าไม่น้อย เข้มแข็งคงอยู่อ่อนแอก็แพ้ไป!

 

Prev
Next

ความคิดเห็นสำหรับ "บทที่ 261 : กฏแห่งป่า"

3.7 227 โหวต
คุณชอบเรื่องนี้ไหม?
ติดตาม
เข้าสู่ระบบ
แจ้งเตือนของ
กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่คุณอาจชอบ

The Demon God Pesters : The Ninth Lady of the Doctor
The Demon God Pesters : The Ninth Lady of the Doctor
มีนาคม 12, 2022
The favored son of heaven
The favored son of heaven
มกราคม 31, 2024
พ่อบ้านจักรพรรดิปีศาจ
พ่อบ้านจักรพรรดิปีศาจ
มีนาคม 12, 2022
อัจฉริยะข้ามยุทธภพออนไลน์ (Cultivation Online)
อัจฉริยะข้ามยุทธภพออนไลน์ (Cultivation Online)
เมษายน 24, 2023
ดาบจอมราชัน
ดาบจอมราชัน
มีนาคม 12, 2022
หมื่นกระบี่ทะลวงสวรรค์ I Have Countless Legendary Swords !
หมื่นกระบี่ทะลวงสวรรค์ I Have Countless Legendary Swords !
มีนาคม 12, 2022
Tags:
#ผจญภัย, กำลังภายใน, ต่อสู่, สงคราม
ประวัติการเข้าชม
You don't have anything in histories
หมวดหมู่นิยาย
  • sci-fi (24)
  • Video Games (11)
  • กำลังภายใน (36)
  • จีนกำลังภายใน (1)
  • ดราม่า (3)
  • ตลก (3)
  • นิยายลิขสิทธิ์ (18)
  • นิยายแต่ง (3)
  • ย้อนยุค อนาคต (7)
  • สยองขวัญ (2)
  • เกมส์ออนไลน์ (5)
  • แฟนตาซี (161)

© 2025 Madara Inc. All rights reserved

Premium Chapter

คุณจำเป็นต้องเข้าสู่ระบบก่อน

wpDiscuz