สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 254 : เบื้องหลังของ เซี่ยกวง
บทที่ 254 : เบื้องหลังของ เซี่ยกวง
เรื่องที่หม่าฉินกระทำความผิดในครั้งนี้…
ต้วนหลิงเทียนย่อมสามารถคิดถึงเรื่องราวที่จะเกิดขึ้นได้โดยง่าย หากว่าวันนี้ตัวเขาไร้ฉงเฉวียนอยู่เคียงข้าง…
มิแคล้วว่าวันนี้ของปีหน้าคงเป็นวันครบรอบวันตายของเขาและสตรีคู่กายทั้ง 2 แล้ว!
ถึงแม้ว่าต้วนหลิงเทียนจะต้องการค่าชดเชยจากตระกูลหม่า หรืออะไรก็ตาม … แต่หม่าฉินต้องตาย!
และแทบจะเป็นพริบตาเดียวกับที่หม่าฉินคร่ำครวญวิงวอนร้องขอชีวิตออกมา ร่างในชุดสีฟ้าพลันเคลื่อนวูบวาบออกมาราวภูตผี
ปงงงง!!
ชายชราในชุดคลุมสีฟ้า หนึ่งในชายชราที่มีฐานะเป็นถึง ผู้อาวุโสสูงสุดของตระกูลหม่า ลงมือสำเร็จโทษหม่าฉิน ฟาดมันตกตายภายในฝ่ามือเดียว
ชายชราชุดสีฟ้ายังมองไปที่ต้วนหลิงเทียนพร้อมกล่าวออกมาอย่างช้าๆ "ถึงแม้เรื่องนี้ท่านแขกผู้มีเกียรติจะมิกล่าวคำอันใดออกมา แต่ทางตระกุลหม่าของเราก็มิคิดปล่อยปลาเน่าตัวนี้ให้เน่าหมองไปทั้งบ่อ เราจะมิยินยอมให้คนที่นำความละอายมาสู่ตระกูลรอดไปได้เด็ดขาด!"
"อ่า ดีแล้ว… เช่นนั้น เพื่อไม่ให้เสียเวลา พวกเรามาพูดคุยถึงเรื่องค่าชดเชยกันเลยเถอะ" มุมปากของต้วนหลิงเทียนฉีกยิ้มกว้างแทบจะถึงรูหู สายตาของเขากวาดมองไปยังชายชราของตระกูลหม่าที่ยืนอยู่ทั้ง 4 คน ทำให้ชายชราทั้งหมดล้วนไร้คำจะกล่าว
หลังจากที่ได้กล่าวถึงที่มาที่ไปทั้งหมดแล้ว ล้วนสรุปได้ว่า ตระกูลหม่าผิดเต็มประตู!
"เชิญท่านแขกผู้มีเกียรติกล่าววาจา" หูจวิ้นสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เขาได้เตรียมใจพร้อมรับราคาเรียกร้องจากต้วนหลิงเทียนแล้ว
"เอาแค่ 10,000,000 เหรียญทองก็แล้วกัน" ต้วนหลิงเทียนกล่าวคำออกมาอย่างไม่แยแสสักเท่าไร ราวกับว่า 10,000,000 เหรียญทองที่เขากล่าวมาเป็นเพียงเงินจำนวนเล็กน้อย ไม่ได้อยู่ในสายตา
ทว่าหูจวิ้นและชายชราคนอื่นนั้น หนังศีรษะแทบชาด้านแล้ว
พวกเขาไม่คิดมาก่อนเลยว่าชายหนุ่มชุดสีม่วงตรงหน้าจะเรียกร้อง ราคาที่ไร้น้ำใจถึงเพียงนี้!
"ท่านแขกผู้มีเกียรติ … 10,000,000 นี่ มิใช่ว่ามัน…. " หูจวิ้นตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก สำหรับตระกูลหม่าแล้ว 10,000,000 เหรียญทองนี้หาใช่เงินจำนวนเล็กน้อยแต่อย่างไร
หากพวกเขาหยิบเหรียญทองจำนวนมากมายขนาดนี้จับจ่ายออกไปล่ะก็… สถานะทางการเงินของพวกเขาจะตกต่ำลงอย่างมาก!
"หืม? เจ้าคิดว่ามันมากไปหรือ" ต้วนหลิงเทียนจับจ้องไปยังหูจวิ้นด้วยท่าทางสงบไร้อารมณ์ "อย่าได้ลืมเสียล่ะว่าเหตุการณ์ในวันนี้ล้วนเป็นตระกูลหม่าของท่านสร้างขึ้นทั้งสิ้น … .10,000,000 เหรียญทอง ส่งมอบไปยังโรงเตี๊ยมเหินเมฆาภายในคืนนี้ มิฉะนั้นแล้ว ตระกูลหม่าต้องยินยอมรับผลการกระทำครั้งนี้!"
หลังจากกล่าวจบต้วนหลิงเทียนก็เดินจากมา โดยไม่คิดแยแสสีหน้าท่าทางของชายชราทั้ง 4 แม้แต่น้อย
และคราวนี้กลุ่มของต้วนหลิงเทียนก็เดินออกจากโรงประมูลด้วยประตูหน้า
ยามนี้นับว่าเป็นยามดึกแล้ว บนถนนนั้นพบเพียงผู้คนไม่กี่คนที่ยังเดินสัญจรไปมา
โรงเตี๊ยมเหินเมฆาก็นับว่าอยู่ไม่ห่างจากโรงประมูลสักเท่าไร เพียงเดินเลยออกมาด้านหน้าเล็กน้อยก็ถึงแล้ว ต้วนหลิงเทียนได้พบเจอโรงเตี๊ยมนี้ในขณะที่เดินทางมายังโรงประมูลตระกูลหม่า
แล้วกลุ่มของต้วนหลิงเทียนเดินเข้าไปพักในโรงเตี๊ยม…
….
ส่วนห้องโถงหลักของตระกูลหม่ายามนี้ กลับจุดเทียนโคมสว่างไสว
ชายชราทั้ง 4 คนยังคงยืนสนทนากัน
และยามนี้ใบหน้าของชายวัยกลางคนๆหนึ่งแลดูบิดเบี้ยวอย่างมาก "มิคิดเลยว่า ตัวบัดซบหม่าฉินกลับสร้างภัยพิบัติเช่นนี้ …มันสมควรตายนัก!"
"ตัวบัดซบหม่าฉินนี่สมควรตายจริงๆ แต่จะอย่างไรเรื่องที่เจ้าหนุ่มชุดสีม่วงเรียกร้องค่าชดใช้สูงถึง 10,000,000 เหรียญทองนี่มันก็….ตระกูลหม่าเราจะสงมอบไปให้มันจริงหรือ? น้ำเสียงของชายชราในชุดสีเหลืองนั้นเอ่ยออกมาเบาๆ ทว่ามันเจือไปด้วยความขุ่นเคืองไม่น้อย
"ผู้อาวุโสหลัก แล้วหากพวกเรามิส่งมอบเหรียญทอง 10,000,000 เหรียญ ท่านยังมีวิธีอื่นใดอีกหรือไม่?" ชายวัยกลางคนที่เป็นประมุขของตระกูลหม่ากล่าวถามออกมา
ชายชราที่สวมชุดสีเหลืองไร้คำจะกล่าว
เขามีวิธีอันใดอีกหรือไม่?
แน่นอนว่าไม่
เขาไม่คิดว่าตัวเองสามารถรองรับโทสะอารมณ์ ของผู้ฝึกยุทธ์ระดับแรกสัมผัสธรรมชาติ ที่เป็นผู้ติดตามของชายหนุ่มในชุดสีม่วงนั่นได้
"ข้าจะให้คนนำ 10,000,000 เหรียญทองไปส่งมอบให้มัน …แต่อย่างไรก็ตาม เงินของตระกูลหม่าเรา ข้าย่อมมิคิดให้มันได้ใช้อย่างสงบสุข เมื่อมันได้รับเหรียญทองไปแล้ว ข้ายังจะใช้ให้คนของเรานำศพของเซี่ยกวงไปส่งให้ทางกลุ่มการค้าอวี้หลัน สาขาเมืองวายุทมิฬด้วย" เมื่อชายวัยกลางคนกล่าวจบคำ ประกายตาของมันก็เรืองวูบออกมาด้วยแสงแหงความเจ้าเล่ห์เต็มไปด้วยแผนการ
"ท่านประมุขเฉลียวฉลาดยิ่ง" ทันใดนั้นประกายตาของชายชราที่เหลือรวมถึงหูจวิ้น ก็ทอประกายวาวโรจน์ออกมา
กลุ่มการค้าอวี้หลัน นับว่าเป็นกลุ่มการค้าที่ยิ่งใหญ่และมีอำนาจไม่น้อยภายในอาณาจักรพนาครามแห่งนี้ และที่สำคัญกลุ่มการค้าอวี้หลันก็หาได้ขาดแคลนผู้ฝึกยุทธ์ระดับแรกสัมผัสธรรมชาติ
เซี่ยวกวงนี้เป็นผู้ดูแลกลุ่มการค้าสาขาประจำเมืองวายุทมิฬ
และเรื่องที่สำคัญที่สุดก็คือ บิดาของเซี่ยกวงนั้น คือรองหัวหน้ากลุ่มการค้าประจำอาณาจักรพนาคราม และนอกเหนือไปจากนี้บิดาของมันยังเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับแรกสัมผัสธรรมชาติ อันเป็นกำลังสำคัญของกลุ่มการค้าอวี้หลันอีกด้วย
ในค่ำคืนนั้น ต้วนหลิงเทียนก็ได้รับเหรียญทอง 10,000,000 เหรียญทองจากข้ารับใช้ของตระกูลหม่าที่นำมาส่งมอบ เขาอดไม่ได้ที่จะตื่นเต้นเล็กน้อย เหรียญทองนี้ช่างมาได้รวดเร็วนัก!
ยามกลางดึก ต้วนหลิงเทียนก็ทำการบ่มเพาะพลังตามปกติ … .
วิชา 9 มังกรจักรพรรดิสงคราม รูปแบบ นาคาพิโรธ!
ปัจจุบันต้วนหลิงเทียนนั้นติดคอขวดของระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 3 ที่กำลังจะทลายไปยังระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 4 กล่าวได้ว่ายามนี้เขาอยู่ห่างจากระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 4 เพียงแค่ครึ่งก้าวเท่านั้น
"ข้าต้องตัดผ่านระดับให้ได้ ก่อนที่จะเข้าร่วมนิกายกระบี่ 7 ดาว" ต้วนหลิงเทียนบ่มเพาะเพิ่มพูนพลังงานต้นกำเนิดจนถึงดึกดื่นค่อนคืนตามปกติ ก่อนที่จะหลับลงไปในที่สุด
ตอนเช้าตรู่ในวันรุ่งขึ้นหลังจากที่ต้วนหลิงเทียนรับประทานอาหารกับสาวน้อยทั้ง 2 และฉงเฉวียนแล้ว กลุ่มของเขาทั้งหมด ก็ควบขี่อาชาเหงื่อโลหิต ห้อทะยานออกจากเมืองวายุทมิฬ
และไม่นานหลังจากที่ต้วนหลิงเทียนออกเดินทางไป ก็มีอาชาเหงื่อโลหิต 2 ตัว ลอบควบติดตามมาห่างๆ
"เหอะ!" หลังจากที่ควบขี่อาชาออกห่างจากเมืองวายุทมิฬมา แล้วพบว่าอาชาทั้ง 2 ยังติดตามไม่เลิก สายตาของต้วนหลิงเทียนพลันเย็นชาลง
ก่อนหน้านี้ในยามที่พวกเขาออกจากโรงเตี๊ยมเขาก็สัมผัสได้ว่ามีผู้ที่จับตาดูเขาอยู่
ในตอนแรกเขาเองก็ไม่ได้ใส่ใจกับเรื่องนี้สักเท่าไร
แต่ทว่ามายามนี้เมื่อเขาพบว่ายังมีคนควบขี่อาชาลอบติดตามมาห่างๆ อย่างไม่ลดละ สีหน้าของต้วนหลิงเทียนก็เคร่งขึ้นไม่น้อย
ต้วนหลิงเทียนหันไปแจ้งเรื่องราวแก่สตรีทั้ง 2 รวมทั้งฉงเฉวียน หลังจากนั้นทั้งหมดก็ลงแส้ไปยังอาชาเหงื่อโลหิต เร่งความเร็วในการห้อทะยานขึ้นมาอีกขีดขั้นหนึ่ง
และในพริบตาระยะห่างระหว่างกลุ่มของเขาและผู้ที่ลอบติดตามก็ฉีกห่างมากขึ้น
ส่วนคนสองคนอันเป็นชายวัยกลางคนที่ควบขี่อาชาติดตามกลุ่มของต้วนหลิงเทียนมา เมื่อพวกเขาเห็นกลุ่มของต้วนหลิงเทียนอยู่ๆ ก็เร่งความเร็ว พวกเขาเองก็เริ่มแสดงความกระวนกระวายใจออกมา ก่อนที่จะกระตุ้นอาชาเหงื่อโลหิตของพวกเขาให้เร่งความเร็วติดตามขึ้นไป
อย่างไรก็ตามเพียงไม่นานพวกเขาก็สามารถสังเกตได้อย่างรวดเร็วว่า ถนนเบื้องหน้านั้นไร้วี่แววของกลุ่มต้วนหลิงเทียนเสียแล้ว มันเงียบสงบมองไม่เห็นผู้ใดสักนิด
"พวกมันไปที่ใดกันแล้วเล่า?" ชายวัยกลางคนทั้ง 2 ได้แต่หันมาจ้องมองกันด้วยความสับสน
อาชาของพวกมันเองก็เป็นอาชาเหงื่อโลหิตไม่ต่างจากของกลุ่มต้วนหลิงเทียนทั้ง 4 เช่นนั้นความเร็วไม่สมควรแตกต่างกันมากมายนัก
"พวกเจ้าทั้ง 2 คนใช่กำลังมองหาพวกเราอยู่หรือไม่?" ทันใดนั้นเองพลันมีเสียงหนึ่งดังขึ้นจากด้านหลังทำให้สีหน้าของพวกมันพลันเปลี่ยนสีทันที
เมื่อพวกมันทั้งคู่หันหลังมา ก็พบว่ายามนี้มีอาชาเหงื่อโลหิต 4 ตัวที่พวกมันเฝ้าติดตาม กำลังควบเหยาะๆออกมาจากข้างทางด้านหลัง ก่อนที่จะย่ำเท้ากุบกับมาขวางทางพวกมันเอาไว้ …
พวกมันยังสังเกตเห็นถึงประกายตาเย็นชาของชายวัยกลางคนในกลุ่ม 4 คนด้านหน้า กวาดมองมายังพวกมันอย่างไม่แยแส ทำให้พวกมันอดไม่ได้ที่จะบังเกิดความเหน็บหนาวสะท้านทรวงขึ้นมา
พวกมันสามารถรับรู้ถึงความร้ายกาจของชายวัยกลางคนนี้ได้ทันที ว่ามากมายขนาดไหน
ร่างของพวกมันสั่นระริกเบาๆ แววตาเริ่มฉายชัดถึงความหวาดกลัวออกมา
ต้วนหลิงเทียนมองพวกมัน 2คนด้วยสายตาเรียบเฉย "พูด ทำไมพวกเจ้าถึงติดตามพวกเรามา?"
สายตาของต้วนหลิงเทียนพลันเย็นชาลงเล็กน้อยเมื่อเห็นกว่า ทั้ง 2 คนยังไม่คิดกล่าวตอบออกมา "หากพวกเจ้าทั้ง 2 ไม่กล่าวตอบอะไร งั้นก็ตายมันที่นี่วันนี้แล้วกัน"
ทันใดนั้นเองภายใต้สายตาเย็นชาของต้วนหลิงเทียน ชายวัยกลางคนทั้งสองก็บังเกิดความหวาดกลัว มันรีบกล่าวออกมาอย่างร้อนรน "นายท่านผู้ยิ่งใหญ่ ข้าพูดแล้ว ข้าพูดแล้ว … พวกเรามาจากกลุ่มการค้าอวี้หลัน ตามคำสั่งของรองหัวหน้ากลุ่มการค้าขอรับ"
"กลุ่มการค้าอวี้หลัน งั้นรึ?" คิ้วของต้วนหลิงเทียนขมวดขึ้นเล็กน้อย ตอนนี้เขาจำได้ว่าเมื่อวานหม่าฉิน ของโรงประมูลยามกล่าวสารภาพความผิดนั้น มันก็มีกล่าวถึงกลุ่มการค้าอวี้หลันอยู่บ้าง
ดูเหมือนว่าชายวัยกลางคนที่ต้องการหนูสวรรค์เนตรหยก จะเป็นคนของกลุ่มการค้าอวี้หลัน!
ชายวัยกลางคนนั้นยังอยู่ในระดับผู้ฝึกยุทธ์ครึ่งก้าวธรรมชาติอีกด้วย เช่นนั้นหมายความว่าฐานะในกลุ่มการค้าของมันย่อมไม่ได้ต่ำต้อย
"แล้วทำไม มันต้องสั่งให้พวกเจ้าติดตามเราด้วย?" ต้วนหลิงเทียนถามออกมาด้วยน้ำเสียงบีบคั้น
"นายท่านผู้สูงส่ง เรื่องนี้พวกเราก็หาได้ล่วงรู้ไม่ พวกเราเป็นเพียงข้ารับใช้ต่ำต้อย ที่ทำตามคำสั่งที่ได้รับมาเท่านั้นขอรับ" ทั้ง 2 คนได้แต่ส่ายหัวออกมา
สายตาของต้วนหลิงเทียนยังคงจับจ้องไปยังชายวัยกลางคนทั้ง 2 อย่างไม่ลดละตั้งแต่ต้นจนจบ และสุดท้ายเขาก็รู้ว่าทั้ง 2 คนนี่ไม่ได้กล่าววาจาโกหก คราวนี้ต้วนหลิงเทียนก็นึกย้อนไปถึงอัตลักษณ์ของชายวัยกลางคนเมื่อวานเล็กน้อย "แล้วพวกเจ้ารู้หรือไม่ ว่าเซี่ยกวงคือผู้ใด?"
"เซี่ยกวง?" ทั้ง 2 รีบพยักหน้าทันทีหลังจากได้ยินนามนี้ "หัวหน้ากลุ่มการค้าอวี้หลันสาขาประจำเมืองวายุทมิฬแห่งนี้ คือเซี่ยกวงต้าเหรินนี่ล่ะขอรับ"
"หัวหน้ากลุ่มการค้าอวี้หลันสาขาประจำเมืองวายุทมิฬ?" ตาของต้วนหลิงเทียนหรี่ลงเล็กน้อย เข้าไม่คิดว่าชายวัยกลางคนเมื่อวานจะมีพื้นหลังเช่นนี้
ดูเหมือนว่าภายในแหวนมิติของเซี่ยกวงที่เขาแย่งชิงมาแล้วยังไม่ได้ตรวจสอบ จะมีความทรัพย์สมบัติอยู่ไม่น้อย
ตอนนี้เองฉงเฉวียนที่จับจ้องชายวัยกลางคนทั้ง 2 อยู่พลันกล่าวถามออกมา "แล้วเซี่ยกวงที่เป็นหัวหน้ากลุ่มการค้าสาขาประจำเมืองวายุทมิฬนี่ มีความสัมพันธ์อันใดกับ รองหัวหน้ากลุ่มการค้าอวี้หลันสาขาหลัก เซี่ยโต้ว?"
ชายวัยกลางคนทั้ง 2 รีบกล่าวตอบคำฉงเฉวียนทันที "เรียนนายท่านผู้สูงส่ง เซี่ยกวงต้าเหริน เป็นบุตรชายคนเดียวของ เซี่ยโต้วตาเหริน"
ต้วนหลิงเทียนสังเกตได้ทันทีว่ายามที่ฉงเฉวียนได้ฟังคำตอบของชายวัยกลางคนทั้ง 2 คิ้วของมันพลันขมวดขึ้นเป็นปม
"ฮึ่ม! พวกเจ้าไสหัวไปซะ! หากข้ายังพบว่าพวกเจ้าลอบติดตามมาอีกละก็ ตาย!" สายตาเย็นชาของต้วนหลิงเทียนจับจ้องไปยังชายวัยกลางคนทั้ง 2 แต่ทว่าชายวัยกลางคนทั้ง 2 กลับรู้สึกโล่งใจอย่างมากเมื่อได้ฟังคำกล่าวราวมัจจุราชอภัยโทษ พวกมันเผยสีหน้าแสดงความดีใจและพึงพอใจออกมา ก่อนที่จะรีบหันหลังกลับแล้วควบอาชาเหงื่อโลหิตจากไปเร็วจี๋โดยไม่เหลียวมองกลับมา
ต้วนหลิงเทียนที่สังเกตเห็นถึงท่าทางผิดปกติของฉงเฉวียนได้อย่างชัดเจน ดังนั้นเขาจึงกล่าวถามฉงเฉวียนออกมาโดยพลัน "ฉงเฉวียน เจ้ารู้จัก เซี่ยโต้วอะไรนั่นรึ?"
"เรียนนายน้อย เซี่ยโต้วผู้นี้เป็นรองหัวหน้ากลุ่มการค้าอวี้หลัน …ในสมัยที่ตัวข้าเคยติดต่อกับเขา…ความแข็งแกร่งของเขาแทบไม่ต่างอันใดกับข้า ยามที่อยู่ในสภาพสมบูรณ์และมีความแข็งแกร่งสูงสุด" ฉงเฉวียนกล่าวออกมาด้วยความเคารพ
“ระดับแรกสัมผัสธรรมชาติขั้นที่ 6?” ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า ในปีนั้นที่เขาได้พบเจอฉงเฉวียน เขาก็นึกถึงคำที่ฉงเฉวียนกล่าวออกมา ว่าแต่ก่อนนั้น ฉงเฉวียนเคยมีระดับบ่มเพาะอยู่ที่ระดับแรกสัมผัสธรรมชาติขั้นที่ 6
"นายน้อย ข้าว่าคนจากกลุ่มการค้าอวี้หลัน ต้องตามรอยท่านมาจากตระกูลหม่ามาเป็นแน่ เช่นนี้พวกเราควรจะ?" ฉงเฉวียนยกมือขึ้นมาปาดคอแสดงสัญลักษณ์ ฆ่า
"ตระกูลเล็กจ้อยอย่างตระกูลหม่า เราไม่ต้องไปเสียเวลาสนใจพวกมันให้มาก จะอย่างไรยามนี้กลุ่มการค้าอวี้หลันก็รู้ตัวพวกเราแล้ว … การรีบเร่งเดินทางยามนี้นับเป็นเรื่องสำคัญที่ควรกระทำมากที่สุด พวกเราต้องไปให้ถึงนิกายกระบี่ 7 ดาวโดยเร็วที่สุด หากพวกเราล่าช้า จนพลาดการคัดเลือกศิษย์เข้าร่วมนิกายในอีก 3 เดือนหลังจากนี้ พวกเรางต้องเสียเวลารออีกถึง 6 เดือน" ต้วนหลิงเทียนส่ายหัว แล้วมันก็เป็นดังเช่นคำกล่าวของเขาที่ดูแคลนตระกูลหม่า
หากพวกเขาหันหลังย้อนกลับไปแล้วกวาดล้างตระกูลหม่า มันก็เป็นแค่เรื่องเสียเวลาโดยใช่เหตุเท่านั้น…
จากที่เขากังวล หากเขามามัวเสียเวลาไปกับตระกูลหม่าจนทำให้การเดินทางล่าช้า ย่อมก่อให้เกิดปัญหามากกว่า
"ขอรับ" ฉงเฉวียนพยักหน้า ไม่ว่านายน้อยกล่าวอะไรเขาย่อมกระทำตามนั้น
เพราะเขาเป็นเพียงข้ารับใช้ของนายน้อยเท่านั้น
ทั้ง 4 คนจึงเร่งรีบเดินทางต่อไป
หลังจากนั้นพักใหญ่ๆ เจ้าหนูขนทองก็ตื่นจากการหลับใหล และเมื่อมันสังเกตว่ายามนี้มันและเค่อเอ๋อกำลังอยู่บนอาชาเหงื่อโลหิตที่กำลังห้อทะยานมันก็ตื่นเต้นอย่างมาก มันกระโดดไปนั่งบนหัวของอาชาเหงื่อโลหิตก่อนที่จะหยักหน้าให้เค่อเอ๋อราวกับมนุษย์ ท่าทางมันดูมีความสุขไม่น้อย
“ฟ่อ ฟ่อ”ดูเหมือนการที่หนูขนทองตื่นขึ้นมา จะไปปลุกอสรพิษน้อยทั้ง 2 ด้วยเช่นกัน พวกมันรีบโผล่หัวออกมาจากแขนเสื้อของต้วนหลิงเทียน ก่อนที่จะจับจ้องไปยังหนูขนทอง ประกายตาของพวกมันเรืองวูบขึ้นมากอย่างก้าวร้าว
“จี๊ดๆ!” หนูขนทองตัวน้อย จ้องตาสวนไปไปยังอสรพิษน้อยทั้ง 2 เช่นกัน มันจ้องตอบโต้อยู่ครู่หนึ่งก่อนที่มันจะหันหลังให้ แล้วทำการส่ายตูดเล็กๆของมันไปมา ใส่อสรพิษน้อยทั้ง 2…