สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 250 : หนูสวรรค์เนตรหยก!
บทที่ 250 : หนูสวรรค์เนตรหยก!
หลังจากที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวเกทับราคาออกมาอีกครั้ง…
เงียบกริบ
ทั้งโถงประมูลตกอยู่ในความเงียบงัน
ไม่มีใครคิดเลยเลยว่า ไม่เพียงผู้ที่อยู่ในห้องส่วนตัวหมายเลข 1 จะกล่าวสู้ราคาออกมาอีกครั้ง! ทว่าครั้งนี้ก็ยังคงเพิ่มราคามาอีกเพียง 10,000 เหรียญทองเหมือนเดิม!
"ฮึ่ม!" เสียงจากห้องส่วนตัวหมายเลข 7 ดังขึ้นมาอีกครั้ง และครานี้ดูเหมือนภายในน้ำเสียงจะเต็มไปด้วยโทสะ "3,800,000 เหรียญทอง!"
"3,810,000 เหรียญทอง" ต้วนหลิงเทียนกล่าวตามออกมาโดยไม่รีรอ
คราวนี้คนในห้องโถงล้วนไร้คำจะกล่าวแล้ว
อย่างไรก็ตามคนที่อยู่ในห้องส่วนตัวหมายเลข 7 ไม่ได้กล่าวขานราคาออกมาอีกครั้ง นั่นย่อมหมายความว่าขีดจำกัดของมันอยู่ที่ 3,800,000 เหรียญทองเท่านั้น
ชายชราที่อยู่บนเวทีประมูลพลันกล่าวคำออกมาด้วยความตื่นเต้น "แขกผู้มีเกียรติในห้องที่ 1 ได้เสนอราคา 3,810,000 เหรียญทอง มิทราบว่ายังมีแขกผู้มีเกียรติท่านใดคิดเสนอราคาอีกหรือไม่? หากมิมีแล้วข้าจะเริ่มนับ… 3,810,000 เหรียญทองครั้งที่หนึ่ง … 3,810,000 เหรียญทองครั้งที่สอง! …. 3,810,000 เหรียญทองครั้งที่สาม! ขาย!!"
"ดียิ่ง!" ในห้องส่วนตัวหมายเลข 1 ยามนี้ ใบหน้าของลี่เฟยและเค่อเอ๋อเต็มไปด้วยความยินดีอย่างถึงที่สุด ลี่เฟย ผู้กล้าหาญปราดมาตรงหน้าต้วนหลิงเทียน ก่อนที่จะจัดการหอมแก้มมันไปฟอดใหญ่ๆทั้งซ้ายทั้งขวา
ถึงแม้ว่าใบหน้าของต้วนหลิงเทียนจะแย้มยิ้มอย่างยินดี ทว่าในใจกลับลอบหลั่งโลหิต
องค์ราชาของอาณาจักรนภาล่องได้ให้เงินเขามา 10,000,000 เหรียญทอง ทว่าเพียงระยะเวลาสั้นๆไม่ทันได้ทำอะไร เขาก็ใช้จ่ายออกไปกว่าครึ่งแล้ว!!
และกล่าวได้ว่าเงินจำนวนนี้ มันมากเกือบๆ 1 ใน 4 ของเงินที่เขามีทั้งหมด
"ขออนุญาตขอรับ ท่านแขกผู้มีเกียรติ!" ในเวลาครู่ต่อมาเสียงของพนักงานโรงประมูลก็ดังขึ้นหน้าประตูห้องอีกครั้ง
และเป็นหม่าฉินผู้ดูแลโรงประมูลแห่งนี้มาหาต้วนหลิงเทียนด้วยตัวเอง เขามามอบกรงเล็กๆพร้อมกับโอสถถอนพิษมาทันที
ในขณะที่ส่งมอบสินค้า หม่าฉินก็จับจ้องต้วนหลิงเทียนด้วยแววตาซับซ้อน เขาไม่คิดเลยว่าชายหนุ่มผู้นี้จะร่ำรวยถึงเพียงนี้
เขาหยิบจ่ายออกไปเกือบ 4,000,000 ทองเพื่อหนูนี่!
หลังจากที่หม่าฉินส่งมอบโอสถถอนพิษและกรงหนูขนทองให้แล้ว ต้วนหลิงเทียนก็หยิบเงิน 3,810,000 เหรียญทองออกมาจากแหวนมิติ ก่อนที่จะส่งไปให้หม่าฉิน
"ขอบคุณท่านแขกผู้มีเกียรติ!" หม่าฉินจ้องไปยังต้วนหลิงเทียนด้วยแววตาลึกซึ้งก่อนที่จะจากไป
หลังจากที่ประตูห้องปิดลง ต้วนหลิงเทียนก็เปิดกรงและหยิบหนูขนทองออกมาดู
"จี๊ด จี๊ด!" ดวงตาสีสวยราวดั่งหยกคู่หนึ่งจับจ้องมายังต้วนหลิงเทียนด้วยแววตาคมกล้าเป็นประกาย มันต้องการที่จะระเบิดพลังทั้งหมดจู่โจมซัดร่างต้วนหลิงเทียน
อย่างไรก็ตามความแข็งแกร่งของมันยามนี้เหลือเพียง ระดับบ่มเพาะร่างกายขั้นที่ 9 เท่านั้น ซึ่งนับว่าไม่ได้อยู่ในสายตาของต้วนหลิงเทียนแม้แต่น้อย เขาสามารถจับมันเอาไว้ให้นิ่งๆได้อย่างง่ายดาย หลังจากนั้นเขาก็กล่าวออกมาพร้อมรอยยิ้มว่า "เจ้าหนูน้อยเชื่อฟังข้าเสียแต่โดยดี … มิฉะนั้นข้าจะปล่อยให้พวกเขากินเจ้าซะ!"
ต้วนหลิงเทียนวางเจ้าหนูน้อยลงบนโต๊ะก่อนที่จะเหลือบไปมองอสรพิษน้อยทั้ง 2 ตัว
ฟุ่บ!ฟุ่บ!
อสรพิษน้อยทั้ง 2 ย่อมรู้งาน มันกระพริบวูบไหวร่างมาหยุดตรงหน้าหนูขนทอง ก่อนที่จะจับจ้องไปยังหนูขนทองตาเขม็ง ราวกับว่าพบเจอศัตรูคู่ฟ้าตามธรรมชาติ พวกมันทั้งคูจับจ้องตาเขม็งไม่มีทีท่าอ่อนข้อให้แม้แต่นิด "ฟ่อ ฟ่อ ~"
"จี๊ด จี๊ด ~" ผิดคาด เจ้าหนูน้อยขนทองไม่หวาดหวั่นสักนิด มันใช้ดวงตาเขียวดั่งหยกจับจ้องมองสวนปะทะกับอสรพิษน้อยทั้ง 2 ตัวสลับไปมาอย่างไม่ครั่นคร้าม ราวกับยินยอมตกตายไม่ยินยอมสยบ
"หืม ดวงตา…เขียวดั่งหยก … "อยู่ดีๆต้วนหลิงเทียนก็รู้สึกไม่ชอบมาพากล ดูเหมือนว่ามันจะไม่ใช่หนูขนทองซะแล้ว
สีดวงตาของหนูขนทองนั้นปกติแล้วต้องมีสีแดงชาด และนั่นเป็นเอกลักษณ์ประจำตัวของหนูขนทอง! … ต้วนหลิงเทียนที่สืบทอดความทรงจำของจักรพรรดิกลับชาติมาเกิดที่เห็นหนูขนทองมาแล้วมั่นใจในเรื่องนี้มาก…
ทว่าแม้กระทั่งโรงประมูลตระกูลหม่าก็ดูเหมือนจะพลาดซะแล้ว…
"ดวงตาเขียวดั่งหยกๆ ขนสีทอง … ." ต้วนหลิงเทียนได้ย้อนค้นไปในความทรงจำของจักรพรรดิกลับชาติมาเกิดอีกครั้ง และครั้งนี้เขาดิ่งลงไปหารายละเอียดจนจมลงสู่ห้วงลึกของความทรงจำ หลังจากนั้นครู่หนึ่งเขาก็พบว่า หนูสีทองตัวเล็กๆตัวนี้ มีรูปพรรณสัณฐานตรงกับหนูชนิดหนึ่งที่จักรพรรดิกลับชาติมาเกิดรู้จัก
“บัดซบ! เจ้าหนูนี่แท้จริงแล้วเป็นสัตว์อสูรปีศาจ!”
ยิ่งไปกว่านั้นมันยังเป็นสัตว์อสูรปีศาจ ที่สืบทอดสายเลือดของ สัตว์อสูรปีศาจ ระดับ จักรพรรดิอีกด้วย!
ในทวีปเมฆาล่องแห่งนี้ ตัวตนที่สามารถก้มลงมามอง เหยียดได้ทั้งทั่วหล้านอกจากจะมีจ้าวยุทธ์ระดับจักรพรรดิของมนุษย์แล้ว ยังมีจักรพรรดิของเหล่าสัตว์อสูรปีศาจอีกด้วย!
ความแรงของสัตว์อสูรปีศาจระดับจักรพรรดินั้น…กล่าวได้ว่าไม่ได้ด้อยไปกว่าจ้าวยุทธ์ระดับจักรพรรดิของมนุษย์ กระทั่งยังเหนือกว่าด้วยในบางด้าน!
"หนูสวรรค์เนตรหยก! มิผิดแน่!" ในที่สุดต้วนหลิงเทียนก็สามารถยืนยันได้เสียที หนูสีทองตัวเล็กๆนี่ดูไม่ต่างไปจาก สัตว์อสูรปีศาจอย่างหนูสวรรค์เนตรหยกที่มีศักยภาพและพรสวรรค์สูงล้ำ พอที่จะเป็นสัตว์อสูรปีศาจระดับจักรพรรดิ …สัตว์อสูรปีศาจที่ยืนอยู่เหนือสุดในใต้หล้า!
หมับ!
ต้วนหลิงเทียนหยิบเจ้าหนูน้อยขึ้นมาและจ้องมองในระยะใกล้ๆ เขาจับจ้องไปยังดวงตาของมันอย่างเขม็ง
สุดท้ายเขาก็สามารถยืนยันได้ว่า
เจ้าหนูสีทองนี่ยังเกิดมาได้ไม่ถึง 5 ปีเสียด้วยซ้ำ และมองดูแล้วมันคงเกิดมาได้เพียงแค่ปีกว่าๆ ไม่ต่างอะไรไปจากเสี่ยวเฮยและเสี่ยวไป๋
ตอนนี้…ต้วนหลิงเทียน อดไม่ได้ที่จะมีมวลอารมณ์เอ่อล้นออกมา
หนูสวรรค์เนตรหยก!
มันเป็นตัวตนที่คงอยู่แต่ในตำนานเท่านั้น!
แม้กระทั่งจักรพรรดิกลับชาติมาเกิดก็มีเพียงข้อมูลของมันเท่านั้น ไม่เคยได้พบเห็นตัวมันเป็นๆมาก่อน
ตราบใดที่หนูสวรรค์เนตรหยกไม่ตกตายก่อนวัยอันควร หนทางของมันนั้นย่อมไม่ธรรมดา…ด้วยสายโลหิตอันน่าพรั่นพรึงของมันที่สืบทอดต่อกันมา การที่มันจะก้าวไปสู่สัตว์อสูรปีศาจระดับจักรพรรดิ ย่อมเป็นเพียงเรื่องของเวลาเท่านั้น
ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนรู้สึกว่าการมาร่วมงานประมูลของตระกูลหม่าเป็นเรื่องที่ตัดสินใจได้ถูกต้องที่สุด …
การมาครั้งนี้คุ้มค่านัก!
ตอนนี้ไม่เพียงแต่เขาจะได้หญ้าเปลวเงินมา กระทั่งหนูสวรรค์เนตรหยกในตำนานยังเป็นของเขา
"นายน้อย ท่านอย่าจับมันอย่างนั้นสิเจ้าคะ มันน่าจะเจ็บแล้วเจ้าค่ะ!" เค่อเออรู้สึกเจ็บปวดในใจเมื่อเห็นต้วนหลิงเทียนจับหนูสีทองอย่างแรง นางแย่งหนูสีทองมาจากมือของต้วนหลิงเทียนก่อนที่จะลูบหัวมันอย่างอ่อนโยน "ไม่เจ็บแล้ว … ไม่เจ็บแล้วนะ … "
ต้วนหลิงเทียนสังเกตได้ว่าดวงตาเขียวดั่งหยกคู่น้อยของเจ้าหนูตัวจ้อยถลึงมองมทางเขาอย่างดุร้าย ก่อนที่จะหันไปมองเค่อเอ๋ออย่างอ่อนโยน กระทั่งตอนนี้มันยังเอาหัวถูมือเค่อเอ๋ออย่างน่าเอ็นดู
"อ๊า! ช่างน่ารักยิ่งนัก" ลี่เฟยเองก็นำมือไปลูบไล้เจ้าหนูสีทองตัวน้อยนี่เช่นกัน เจ้าหนูตัวน้อยก็พลันนอนแผ่ให้ลี่เฟยลูบท้องอย่างสบายตัว
"ฟ่อ ฟ่อ ~" อสรพิษตัวเล็กที่อยู่ใกล้ๆ จ้องมองภาพตรงหน้าอย่างอิจฉา
"ฮึ่ม ขี้ประจบสตรีขนาดนี้ เจ้าหนูขนทองนี่ คงไม่ใช่ตัวผู้หรอกนะ?" ต้วนหลิงเทียนเอื้อมมือออกมา ก่อนที่จะจับเจ้าหนูขึ้นมาอีกครั้ง! ก่อนที่จะแหวกขามันดูด้วยความอยากรู้อยากเห็น
"จี๊ด จี๊ด~" หนูสีทองตัวน้อย ร่ำร้องออกมามันจ้องไปยังต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาขุ่นเคือง
"ที่แท้เจ้าหนูน้อยนี่เป็นตัวเมีย " ต้วนหลิงเทียนยิ้มเมื่อไม่พบอาวุธประจำกายบุรุษ เขาส่งมันคืนให้กับลี่เฟยที่จ้องมาอย่างดุร้าย ก่อนที่จะเอื้อมมือไปคว้าเสี่ยวเฮยกับเสี่ยวไป๋ขึ้นมา "เสี่ยวเฮย เสี่ยวไป๋…. ถ้าหากในอนาคตพวกเจ้าเชื่อฟังวาจาข้าให้มากเข้าไว้ ข้าจะให้อาหารอร่อยๆแก่พวกเจ้าทั้งสอง รวมทั้งจะหาอะไรเพิ่มความแข็งแกร่งให้พวกเจ้าในเร็วๆนี้ เมื่อถึงตอนนั้นพวกเจ้าจะได้ล้างแค้นศัตรูของพวกเจ้าได้”
"ฟ่อ ฟ่อ ~" อสรพิษน้อยเลื้อยไปพันแขนต้วนหลิงเทียนอย่างออดอ้อน เมื่อได้ยินว่าต้วนหลิงเทียนพูดอะไร พวกมันเองก็รู้สึกตื่นเต้นไม่น้อย มันอยากล้างแค้นเจ้าหนูตัวแสบนี่นัก!
"ตัวเลวร้าย เจ้าจะพาอสรพิษน้อยเสียนิสัยงั้นหรือ!" ลี่เฟยอดไม่ได้ที่จะหันมาถลึงตามองต้วนหลิงเทียน เมื่อได้ยินคำกล่าวของเขา
เค่อเอ๋อมองโอสถถอนพาบนโต๊ะ ก่อนที่จะกล่าวออกมา "นายน้อย ข้าเอาโอสถถอนพิษให้ เสี่ยวจินกินได้หรือไม่?"
(เสี่ยวจิน = ทองน้อย ,เสี่ยวเฮย = ดำน้อย ,เสี่ยวไป๋ = ขาวน้อย)
"เสี่ยวจิน?" ต้วนหลิงเทียนแปลกใจเล็กน้อย แต่จะอย่างไรในเมื่อเค่อเออตั้งชื่อให้มันไปแล้วก็ดี เพราะเป็นเขาเอง ก็เรียกมันเช่นนี้เหมือนกัน ต้วนหลิงเทียนพยักหน้าเล็กน้อย "เอาล่ะจะให้ยาถอนพิษกับมันก็ได้ … แต่หากเจ้าให้โอสถถอนพิษมัน เจ้าแน่ใจหรือว่ามันจะไม่ทำร้ายเจ้า?" เมื่อกล่าวจบต้วนหลิงเทียนก็จ้องไปยังหนูสีทองตาเขม็งอย่างระมัดระวัง
หนูสีทองตัวน้อยนี่มันเป็นถึง หนูสวรรค์เนตรหยก! ในอนาคตมันจะเป็นจักรพรรดิของเหล่าสัตว์อสูรปีศาจทั้งมวล หากมันบันดาลโทสะทำอะไรเลวร้ายขึ้นมาหาใช่เรื่องตลกไม่!
เพราะถึงยามนั้นแม้กระทั่ง ฉงเฉวียนที่กล่าวได้ว่าแข็งแกร่งที่สุด ยังอาจลงมือไม่ทัน
เค่อเอ๋อได้จับหนูสีทองตัวน้อยขึ้นมามอง ดวงตาใสดั่งธาราไร้ระลอกของเค่อเอ๋อจับจ้องไปยังหนูน้อยด้วยสายตาอบอุ่น ก่อนที่นางจะกล่าวว่า "อย่างกังวลเลยเจ้าค่ะนายน้อย เสี่ยวจินไม่ทำร้ายพวกเราหรอก … ใช่มั้ยเสี่ยวจิน?"
เมื่อได้ยินคำกล่าวของเค่อเอ๋อ หนูสีทองผงกหัวน้อยๆของมันราวกับมนุษย์คนหนึ่งอย่างน่าเอ็นดู และต่อมามันก็เหลือบมองต้วนหลิงเทียนด้วยดวงตาใสแจ๋ว ทำให้ต้วนหลิงเทียนรู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย
ครู่ต่อมาเค่อเอ๋อก็ป้อนโอสถถอนพิษ ให้แก่มัน
หลังจากที่กินโอสถถอนพิษลงไปแล้ว กลิ่นอายหนูน้อยน่ารักก็หายไป มันแผ่กลิ่นอายทรงพลังดุร้ายออกมา ราวกับมันกำลังจะล้างแค้นผู้คนแล้ว …
"ฟ่อ ฟ่อ ~" อสรพิษน้อย 2 ตัวที่พันแขนต้วนหลิงเทียนอยู่จับจ้องไปยังหนูสีทองตัวน้อย นัยน์ตาสีเงินและสีทองของพวกมันเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
"จี๊ด จี๊ด ~" หนูสีทองตัวน้อยตอนนี้มันชักกรงเล็บของมันออกมา ก่อนที่จะแผ่กลิ่นอายอันตราย พร้อมแผ่ซ่านไปกดดันเจ้าอสรพิษน้อยทั้ง 2 ที่กลั่นแกล้งมันเมื่อครู่
เหนือศีรษะเจ้าหนูตัวน้อย บังเกิดเงาร่างช้างแมมมอธโบราณ ฉายชัดออกมา 1,000 ตัว! ….
ราวกับจะย้ำเตือนให้ทุกคนรับรู้ว่า ร่างกายเล็กๆเท่าฝ่ามือของมัน ทรงพลังถึงเพียงไหน!
สีหน้าของต้วนหลิงเทียนมืดลงเล็กน้อยเมื่อเห็นภาพนี้ "ฉงเฉวียน!"
ฉงเฉวียนพลันก้าวออกมาทันที เมื่อได้ยินเสียงเรียกของต้วนหลิงเทียน และกลิ่นอายน่าสะพรึงกลัวของผู้เชี่ยวชาญระดับแรกสัมผัสธรรมชาติขั้นที่ 2 ก็แผ่ซ่านกดดันสภาวะดุร้ายเจ้าหนูสีทองตัวจ้อยเอาไว้
"จี๊ด จี๊ด ~" ทันใดนั้นเงาร่างช้างแมมมอธโบราณ 1,000 ตัวเหนือหัวเจ้าหนูน้อยก็หายไป มันวิ่งไปหาเค่อเอ๋อด้วยความหวาดกลัว ก่อนที่จะมุดเข้าไปหลบในมือของเค่อเอ๋อ ทั้งร่างของมันสั่นระริก
"นายน้อยให้ฉงเฉวียนหยุดขู่มันได้หรือไม่เจ้าคะ?" เค่อเอ๋อมองไปยังต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาอ้อนวอน ก่อนที่จะเอื้อมมืออีกข้างมาลูบขนนุ่มๆของเจ้าหนูน้อยและกล่าวคำปลอบโยนมัน “ไม่เป็นไรแล้วนะ เสี่ยวจิน ไม่ต้องกลัวนะ ไม่มีผู้ใดรังแกเจ้าแล้ว”
"ตัวเลวร้ายหยุดเร็วเข้า มันเป็นแค่ทารกหนูเท่านั้นเองนะ!" ลี่เฟยกล่าวออกมาเช่นกัน ก่อนที่นางจะไปช่วยเค่อเอ๋อปลอบโยนเจ้าหนูน้อย
ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวพร้อมยิ้มออกมาอย่างขมขื่น เขารู้ว่ายามนี้สัญชาติญาณความเป็นแม่ของสาวน้อยบังเกิดขึ้นมาอีกแล้ว
อย่างไรก็ตามตอนนี้สิ่งที่เขาต้องกระทำก็คือ เขาต้องจัดการให้เจ้าหนูน้อยสวรรค์เนตรหยกไม่ประสาตัวนี้รับรู้ว่า ใครเป็นเจ้านาย เพื่อไม่ให้มันเหิมเกริม กระทำตัวก้าวร้าว และแสดงนิสัยเสียในอนาคต
"ฟ่อ ฟ่อ ~"อสรพิษน้อยทั้ง 2 ตัวก็เฮโลขึ้นมาชูคออย่างยินดี เมื่อเห็นเจ้าหนูน้อยถูกข่มขู่จนหวาดกลัว ซ้ำยังถูกบีบบังคับให้ยอมจำนน พวกมันก็เลื้อยไปรอบๆแขนของต้วนหลิงเทียน ก่อนที่จะชูคอส่ายไปส่ายมา เอาหัวไปถูๆแก้มของต้วนหลิงเทียนอย่างออดอ้อน
"อา…เสี่ยวเฮย เสี่ยวไป๋ …. โชคดียิ่งนักที่ข้ายังมีพวกเจ้าทั้ง 2 ตัว”ต้วนหลิงเทียนแกล้งถอนหายใจออกมา ก่อนที่จะจ้องไปยังอสรพิษน้อยทั้ง 2 แล้วกล่าวออกมาอย่างน่าสงสาร "ต่อไปข้าคงมีแต่พวกเจ้าทั้ง 2 ตัวแล้วที่คอยเคียงข้าง ผู้อื่นเค้าทิ้งข้าไปมีใหม่หมดแล้ว"
น้ำเสียงของเขาเจือไว้ด้วยความอิจฉาอย่างเห็นได้ชัด
"นายน้อยท่านกล่าวอันใดของท่านกันเล่าเจ้าคะ?"
"ตัวเลวร้าย อย่าได้เลอะเทอะ!"
เค่อเอ๋อกับลี่เฟยหันมาถลึงตามองต้วนหลิงเทียนอย่างเหลือเชื่อ พวกนางไม่คิดเลยว่า ต้วนหลิงเทียนจะอิจฉาได้กระทั่งหนูสีทองตัวน้อยนี่
ส่วนทางด้านเจ้าหนูสีทองตัวจ้อย หลังจากที่ถูกฉงเฉวียนข่มขู่ มันก็หวาดกลัวไม่กล้าหือกับต้วนหลิงเทียนอีก กระทั่งต้วนหลิงเทียนยื่นนิ้วมือมาเคาะหัวมันเล่น มันก็ต้องทำตัวนิ่งๆฝืนอดทนเอาไว้ ไม่วิ่งหนีไปไหน …
ทว่ากับ 2 สาวแล้วดูเหมือนเจ้าหนูน้อยสีทองนี่จะเข้ากันได้ดี ซ้ำมันยังแลดูมีความสุขที่ได้อยู่กับพวกนางนัก
ราวรับลูกสาวตัวน้อยออดอ้อนมารดาทั้ง 2 ไม่มีผิด
จากการประเมินของต้วนหลิงเทียน ดูเหมือนว่าถึงแม้ว่าตอนนี้เขาจะปล่อยเจ้าหนูสวรรค์เนตรหยกให้เป็นอิสระ มันก็คงไม่ยินยอมจากพวกนางไปไหนเป็นแน่
นี่เป็นสิ่งที่เขาเองก็คิดไม่ถึงจริงๆ
"1,000,000 เหรียญทอง!" ทันใดนั้นเองเสียงตะโกนดังล่นอย่างดุเดือดจากโถงประมูลด้านล่างก็ดังก้องเข้ามาในโสตประสาทการรับฟังของต้วนหลิงเทียน เรียกสติเขากลับมาอีกครั้ง
ครู่ต่อมาเขาก็หันไปมองยังเวทีประมูลด้านล่าง ก็พบว่ายามนี้ผู้คนกำลังประมูลแย่งชิงสิ่งของกันอย่างครึกครื้น
มันเป็นอาคมจารึก ประเภทจู่โจมชิ้นหนึ่ง
อาคมดาบแสงทะลวง
อาคมดาบแสงทะลวงนี้ก็ไม่ใช่อาคมจารึกระดับต่ำๆ มันเป็นอาคมจารึกที่สามารถดับชีวิตของผู้ฝึกยุทธ์ระดับวิญญาณแรกก่อตั้งได้! แม้กระทั่งผู้ฝึกยุทธ์ระดับวิญญาณแรกก่อตั้งระดับ 9 หากไม่ทันระวังตัวและประมาทเผลอไผลล่ะก็! ก็มีสิทธิ์ถูกสังหารได้เช่นกัน!!
ทว่าอาคมดาบแสงทะลวงนี้หากกล่าวไปแล้ว ยังนับว่าอ่อนด้อยกว่าอาคมกร่อนกระดูกของต้วนหลิงเทียนไม่น้อย สำหรับเขาอาคมดาบแสงทะลวงก็ไม่ได้มีค่าอะไรให้เขาแยแส
อย่างไรก็ตามสำหรับผู้อื่นแล้ว มันมีค่ามหาศาล ด้านนอกถึงได้ครึกครื้นกันเพียงนั้น