หน้าแรก Amnovel
  • หน้าแรก
  • นิยายทั้งหมด
  • เติมเงิน
  • ติดต่อเรา
ค้นหา
ค้นหาขั้นสูง
เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก
  • หน้าแรก
  • นิยายทั้งหมด
  • เติมเงิน
  • ติดต่อเรา
  • เข้าสู่ระบบ
เข้าสู่ระบบ
Prev
Next

สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 245 : เมืองวายุทมิฬ

  1. หน้าแรก
  2. สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์
  3. ตอนที่ 245 : เมืองวายุทมิฬ
Prev
Next

บทที่ 245 : เมืองวายุทมิฬ

ฉงเฉวียนคิดคำนวณอยู่ครู่หนึ่งค่อยกล่าวตอบต้วนหลิงเทียนออกมา  "น่าจักใช้เวลาประมาณครึ่งปี ขอรับ"

ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า คำตอบนี้เขาเองก็คาดเอาไว้บ้างแล้ว

การเดินทางออกจากอาณาจักรนภาล่องนั้น กินเวลากว่า 3 เดือน ถึงจะเริ่มบรรลุถึงเมืองชายแดนอาณาจักรพนาคราม และระยะทางจากเมืองชายแดนไปถึงนิกายกระบี่ 7 ดาวก็นับว่ายังเหลืออีกไกล

กลุ่มของต้วนหลิงเทียนนั้นได้รับการคุ้มครองจากฉงเฉวียน  ซึ่งเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับแรกสัมผัสธรรมชาติขั้นที่ 2 ซ้ำยังรู้แจ้งวิถีแห่งพลังจนบรรลุพลังกระบี่ระดับสูงไปแล้ว ทำให้ การเดินทางระหว่างอาณาจักรนภาล่องไปยังอาณาจักรพนาครามเป็นไปด้วยความราบรื่น ไร้เรื่องราวใดๆให้กังวล

บางครั้งก็มีกลุ่มโจรออกมาปล้นชิงอยู่บ้าง ทว่าน่าเสียดาย พวกมันยังกล่าววาจาไม่ทันจบ ก็ต้องอ้าปากพะงาบๆเมื่อเห็นร่างไร้หัวของพวกมันเอง

เป็นดั่งที่ต้วนหลิงเทียนคาดการณ์เอาไว้ไม่ผิด หลังจากผ่านไป 3 เดือน พวกเขาก็มาถึงเมืองที่ตั้งอยู่ระหว่างอาณาจักรนภาล่องกับอาณาจักรพนาคราม

แม้ว่าเมืองนี้จะไม่อาจถึงขั้นเมืองประจำมณฑลของอาณาจักรนภาล่อง แต่ทว่าในด้านของขนาดแล้วมันก็ไม่ได้เล็กกว่าแม้แต่นิดเดียว

"ฉงเฉวียนเจ้าเคยผ่านมาที่เมืองนี้บ้างหรือไม่?" ต้วนหลิงเทียนกล่าวถามออกมา

ฉงเฉวียนส่ายหัว

"เช่นนั้นข้าไปกันก่อนเถอะ" คิ้วของต้วนหลิงเทียนขมวดขึ้นเล็กน้อย ก่อนที่จะเข้าเมืองไปพร้อมสตรีคลุมหน้า 2 คน

เมืองนี้แลดูคึกคักไม่เบา มีผู้คนสัญจรไม่น้อย ห้างร้านมากมายมีผู้คนเข้าออกแน่นขนัด …

จากการคาดการณ์ของต้วนหลิงเทียน พ่อค้าเหล่านี้ สมควรเป็นพ่อค้าที่ทำการค้าขายระหว่างอาณาจักรนภาล่องและอาณาจักรพนาคราม

หลังจากที่เข้าเมืองมาแล้ว อาชาเหงื่อโลหิตล้วนเห็นได้ทั่วไปในเมือง ดังนั้นกลุ่มของต้วนหลิงเทียนที่ควบขี่อาชาเหงื่อโลหิตมาถึง 4 ตัวจึงไม่ได้เป็นจุดสนใจอะไร

ภายใต้การนำของต้วนหลิงเทียนสุดท้าย ทั้ง 4 คนก็มาถึงเหลาอาหารแห่งหนึ่ง

ทว่าก่อนที่จะสั่งอาหาร ต้วนหลิงเทียนก็หยิบตั๋วเงินออกมาเล็กน้อยมอบให้เสี่ยวเอ้อก่อนที่จะกล่าวถามออกมา "เจ้าช่วยแนะนำเมืองนี้ให้ข้าฟังคร่าวๆได้หรือไม่"

เสี่ยวเอ้อแน่นอนว่าย่อมบอกกล่าวทุกสิ่งที่ต้วนหลิงเทียนอยากรู้จนหมดสิ้น เพราะเห็นต้วนหลิงเทียนใจกว้างมีน้ำใจให้เงินมันมากมายเช่นนี้  "ท่านลูกค้า พวกท่านมาเยือนเมือง วายุทมิฬ นี้เป็นครั้งแรกหรือขอรับ"

"เมืองวายุทมิฬ?" คิ้วของต้วนหลิงเทียนโค้งขึ้นเล็กน้อย ก่อนที่จะฟังเสี่ยวเอ้อกล่าวต่อ

"เรียนท่านลูกค้า  เมืองวายุทมิฬของพวกเรากล่าวได้ว่าเป็นเมืองการค้าตามชายแดน  ที่อยู่ด้านล่างของอาณาจักรพนาคราม  ตำแหน่งที่ตั้งของมันก็เรียกได้ว่าจะอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของอาณาจักรนภาล่อง…โดยปกติแล้วผู้คนที่คิดสัญจรไปมาระหว่างอาณาจักรพนาครามและอาณาจักรนภาล่อง จะเข้าพักที่เมืองวายุทมิฬของพวกเรา" เสี่ยเอ้อกล่าวออกมาอย่างช้าๆ

ต้วนหลิงเทียนพยักหน้ารับคำ นี่เป็นเรื่องที่เขาเองก็สังเกตได้ก่อนหน้านี้

เสี่ยวเอ้อยังคงกล่าวต่อไป "ท่านลูกค้า ในเมื่อท่านมาเยือนยังเมืองวายุทมิฬ ท่านต้องจดจำเอาไว้ให้ดีว่า …ห้ามไปล่วงเกินผู้ที่มีแซ่ หวง จง และหม่า จักเป็นการดีที่สุด" ในขณะที่กล่าวถึงจุดนี้สีหน้าของเสี่ยวเอ้อซีดลงเล็กน้อย แววตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว

"แล้ว ผู้ที่มี แซ่ 3 แซ่นี้มันมีอันใดพิเศษหรือ?" ต้วนหลิงเทียนกล่าวถามออกมา

เสี่ยวเอ้อส่ายหัวไปมา  "ที่ 3 แซ่นี้พิเศษ เพราะมันเป็นแซ่ ของตระกูลใหญ่ทั้ง 3 ที่มีอำนาจในเมืองนี้อย่างยิ่ง… ท่านลูกค้า นี่ใช่ท่านมาจากอาณาจักรนภาล่องใช่หรือไม่?"

"หืม แล้วนี่เจ้ารู้ได้อย่างไร?" ต้วนหลิงเทียนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย

"เพราหากเป็นคนที่คิดเดินทางจากอาณาจักรพนาครามไปยังอาณาจักรนภาล่องแล้ว…ส่วนมากจะมักจะเป็นพวกพ่อค้าที่หวังไปทำกำไรจากการค้าขาย และแทบจะมิมีนักเดินทางอันใดไปยังอาณาจักรนั้น … ดังนั้นข้าจึงเดาได้ว่าท่านลูกค้าเป็นนักเดินทางจากอาณาจักรนภาล่อง  …แล้วนี่ท่านลูกค้าคิดเดินทางไปยังอาณาจักรพนาครามหรือขอรับ? "

"ใช่แล้ว" ต้วนหลิงเทียนพยักหน้ารับคำ

"ท่านลูกค้า เรื่องที่ข้าบอกก่อนหน้านี้โปรดจำเอาไว้ให้มั่น … ถึงแม้ว่าตระกูลทั้ง 3 ในเมืองวายุทมิฬแห่งนี้จะไม่ได้นับว่ามีอำนาจอะไรในอาณาจักรพนาคราม   แต่พวกเขาก็ยังแข็งแกร่งกวาตระกูลมากมายในอาณาจักรนภาล่อง และกล่าวได้ว่าพวกเขาเพียงด้อยกว่า ตระกูลใหญ่ทั้ง 3 ของอาณาจักรนภาล่องเพียงเล็กน้อยเท่านั้น" เสี่ยวเอ้อยังคงกล่าวเตือนออกมาอีกครั้ง

"ข้าเข้าใจแล้ว" ต้วนหลิงเทียนพยักหน้ารับ มุมปากของเขายกขึ้นเผยรอยยิ้มเล็กน้อย

แน่นอนว่าเขาย่อมรู้ดี ว่าตระกุลใหญ่ทั้ง 3 ของอาณาจักรนภาล่องที่เสี่ยวเอ้อกล่าวนั้น คือตระกูลต้วน ตระกูลซู และตระกูลเซี่ยว

ไม่ต้องกล่าวถึงตระกูลที่ด้อยกว่า 3 ตระกูลใหญ่นั่นด้วยซ้ำ เพราะฉงเฉวียนที่นั่งอยู่ตอนนี้ ทำให้ต้วนหลิงเทียนนั้นไม่ได้หวาดกลัว 3 ตระกูลใหญ่อะไรนั่นแม้แต่น้อย

"แล้วท่านลูกค้าจะรับอะไรดีขอรับ?" เสี่ยวเอ้อยังคงกล่าวถามด้วยความเคารพ

"เจ้าช่วยเลือกของขึ้นชื่อให้พวกเราสักหน่อยแล้วกัน  พวกเราไม่มีอาหารอะไรที่รับประทานไม่ได้" ต้วนหลิงเทียนกล่าวบอกต่อเสี่ยวเอ้อ

ต้วนหลิงเทียนหันไปมองสตรีทั้ง 2 ด้วยรอยยิ้มบางๆ พร้อมกล่าวคำออกมา "เอาล่ะตอนนี้ถึงเวลากินอาหารแล้ว พวกเจ้าก็ถอดผ้าคลุมหน้าออกก่อนเถอะ"

สาวน้อยทั้ง 2 กระพริบตาคู่สวยของพวกนาง หลังจากนั้นก็ถอดหมวกที่มีผ้าคลุมหน้าอกจากศีรษะ …

ตอนนี้เสียงสนทนาในเหลาอาหารเงียบลงโดยพลัน

ลูกค้าบุรุษบางส่วนถึงกับตกตะลึงในความงามของลี่เฟยและเค่อเอ๋อจนเผลอเคี้ยวตะเกียบ  บางคนก็ถือชามค้างไว้อยู่อย่างนั้น ที่ย่ำแย่หน่อยก็พวกที่มากับภรรยา…ถูกหยิกหูแทบฉีก

ในเวลาต่อมาอาหารของพวกเขาก็มาถึง

"ฉงเฉวียนเจ้าก็นั่งลงและกินด้วยกันสิ" ต้วนหลิงเทียนกล่าวบอกฉงเฉวียน มันก็พยักหน้ารับคำก่อนที่จะนั่งลง

ทั้ง 4 คนที่ไม่ได้กินอะไรมาทั้งวันแน่นอนว่าย่อมหิวไม่น้อย ทั้งหมดล้วนกินกันราวกับพายุพัดผ่าน  ตอนนี้ฟ้าด้านนอกก็เริ่มมืดลงแล้ว  ทว่าเหลาอาหารยังคงส่องสว่างไปด้วยเทียนโคม

"ข้าได้ยินมาว่า โรงประมูลหม่าวันนี้  จะนำทาสมาเข้าร่วมการประมูลใช่หรือไม่"

"ข้าก็ได้ยินมาเช่นกัน แต่ว่า มิได้มีเพียงแต่ทาสเท่านั้น ข้ายังได้ยินมาว่าโรงประมูลของตระกูลหม่าจักมีสิ้นค้าที่ยอดเยี่ยมมาร่วมประมูลด้วย"

"เช่นนั้นพวกเรารีบกินแล้วไปดูชมกันเถิด"

…

ตอนนี้เองบทสนทนาขงชายวัยกลางคนจากโต๊ะใกล้ๆ ก็ดังขึ้นเข้าหูของต้วนหลิงเทียน

โรงประมูล ตระกูลหม่า?

การประมูล?

ต้วนหลิงเทียนรู้สึกสนใจขึ้นมาโดยพลัน

เมืองแห่งนี้เป็นเมืองพรหมแดนที่ตั้งอยู่ระหว่างอาณาจักรพนาคราม และอาณาจักรนภาล่อง  ดังนั้นจึงมีสินค้าแปลกๆมากมาย  ดังนั้นแน่นอนว่าผู้คนที่ตาถึงบางส่วนก็ย่อมได้รับสิ้นค้าดีๆ จากที่นี่

และบางสิ่งที่น่าสนใจอย่างมากก็หาพบได้ในโรงประมูลเท่านั้น

หลังจากที่รับประทานอาหารเสร็จ ต้วนหลิงเทียนก็กวักมือเรียกเสี่ยวเอ้อมาอีกครั้ง

“ท่านลูกค้า ท่านต้องการอันใดอีกหรือไม่” เสี่ยวเอ้กล่าวถามต้วนหลิงเทียนอย่างสุภาพ

"ข้ามีอะไรจะกล่าวถามเจ้าเพิ่มเติมสักหน่อย  หากข้าต้องการเข้าร่วมการประมูลที่โรงประมูลของตระกุลหม่าข้าต้องทำอย่างไร?" ต้วนหลิงเทียนกล่าวถามออกมาทันที พร้อมหยิบตั๋วเงินเล็กน้อยขึ้นมาวางบนโต๊ะอีกครั้ง

"ดวงตาของเสี่ยวเอ้อทอประกายเจิดจ้า มันรีบคว้าเก็บตั๋วเงินเก็บเข้าไปในอกเสื้อทันที" ท่านลูกค้า เมืองแห่งนี้นั้นจะมีโรงประมูลทั้งหมด 3 แห่ง ซึ่งถูกควบคุมดูแลโดยตระกูลใหญ่ทั้ง 3 ของเมืองนี้ แต่ละตระกูลจะเปิดโรงประมูลขึ้น 1 ครั้ง ในรอบ 3 เดือน …โดยที่เมื่อมีตระกูลใดตระกูลหนึ่งเปิดประมูลไปแล้ว  ระยะเวลาระหว่างรออีก 2 เดือนก็จะถึงคราวของอีก 2 ตระกูลที่เหลือ… กล่าวได้ว่าที่เมืองแห่งนี้จะมีการประมูลเกิดขึ้นทุกๆเดือน”

“ส่วนค่ำคืนนี้ ก็เป็นรอบของตระกูลหม่า หากท่านลูกค้าต้องการเข้าร่วมการประมูล ก็ย่อมต้องไปที่โรงประมูลของตระกูลหม่า ในเวลาที่กำหนด”

“ส่วนการเดินทางหลังจากลูกค้าเดินออกประตูเหลาอาหารแห่งนี้ไปแล้ว ให้ท่านเลี้ยวซ้ายแล้วเดินตามถนนนี่ไปจนสุด หลังจากนั้นค่อยเลี้ยวขวา แล้วเมื่อท่านเดินไปอีกเล็กน้อยก็จะเห็นโรงประมูลของตระกูลหม่า ….”

“ส่วนการเข้าร่วมโรงประมูลนั้นจะมี 2 ระดับให้ท่านลูกค้าได้เลือก โดยระดับแรกนั้น เพียงเข้าร่วมการประมูลด้วยที่นั่งทั่วไป ซึ่งจะเก็บค่าเข้าร่วม 1,000 เหรียญเงิน … ส่วนระดับที่ 2 นั้น ท่านจะได้เข้าร่วมประมูล โดยที่ทางโรงประมูลจะจัดห้องส่วนตัวให้ท่าน สนนราคาอยู่ที่ 100,000 เหรียญเงิน แล้วท่านจักได้รับบริการที่ดีที่สุดของพวกมัน” ในขณะที่กล่าวถึงตอนนี้ประกายตาของเสี่ยวเอ้อก็อดหม่นหมองขึ้นมาไม่ได้

เพราะสำหรับมันแล้ว โรงประมูลเป็นสถานที่ๆมันคงไม่มีโอกาสได้เข้าไปเยี่ยมชมตลอดชีวิต

เพราะเพียงแค่ที่นั่งปกติก็ต้องจ่ายออกถึง 1,000 เหรียญเงินแล้ว

ประกายตาของต้วนหลิงเทียนเรืองวูบขึ้นมา

ห้องส่วนตัวราคาถึง 100,000 เหรียญเงิน …

หลังจากออกจากอาณาจักรนภาล่องมา มูลค่าของเหรียญเงินมันลดลงรวดเร็วเกินไปหรือไม่?

ต้วนหลิงเทียนพยักหน้าก่อนที่จะพาสตรีทั้ง 2 ที่สวมหมวกผ้าคลุมหน้าไว้เรียบร้อยแล้วไปตามทางที่เสี่ยวเอ้อบออกกล่าว

ฉงเฉวียนก็ควบม้าติดตามมาติดๆ

ใช้เวลาไม่นานกลุ่มของต้วนหลิงเทียนก็มุ่งหน้ามาถึงโรงประมูล

ในขณะเดียวกันถึงแม้การประมูลจะยังเหลือเวลาอีกนานกว่าจะเริ่ม ทว่าโรงประมูลก็เริมเปิดให้แขกได้เข้ามาจับจองที่นั่งกันแล้ว ซ้ำยังมีผู้คนมากมายที่เดินทางมาก่อนเวลาอีกด้วย

ที่หน้าโรงประมูลมี พนักงานยืนเรียงรายราวกับคนเฝ้าประตู

เมื่อกลุ่มของต้วนหลิงเทียนมาถึงหน้าโรงประมูล เหล่าพนักงานต้อนรับก็เดินเข้ามา คอยต้อนรับพวกเขา พนักงานต้อนรับคนหนึ่งรับบังเหียนอาชาเหงื่อโลหิตทั้ง 4 จากฉงเฉวียนก่อนที่จะลากจูงไป

ส่วนพนักงานต้อนรับอีกคนหนึ่งกล่าวถามขึ้นมาด้วยความสุภาพ  "แขกผู้มีเกียรติ ขอเรียนถามท่านว่าต้องการที่นั่งในห้องโถง หรือต้องการห้องส่วนตัว"

"ข้าเอาห้องส่วนตัวแล้วกัน" ต้วนหลิงเทียนกล่าวกับพนังงานต้อนรับ

"นายท่านโปรดตามข้ามาทางนี้" ท่าทีของพนักงานต้อนรับยิ่งสุภาพนอบน้อมมากขึ้นไปอีกเมื่อได้ยินคำกล่าวของต้วนหลิงเทียน เขานำกลุ่มองต้วนหลิงเทียน เข้าโรงประมูลก่อนที่จะพาเดินขึ้นบันใดไปชั้น 2 เพื่อนำไปยังห้องส่วนตัว

ห้องส่วนตัวนั้นเป็นห้องที่สะอาดสะอ้านแลดูมีระเบียบให้ความรู้สึกเรียบๆ

และห้องก็กว้างใหญ่มากพอให้กลุ่มของต้วนหลิงเทียนอยู่อาศัยได้ไม่แออัด

ต้วนหลิงเทียนเดินดูไปทั่วๆ ห้อง และเมื่อมองผ่านกระจกด้านหน้าไป ก็จะเห็นเวทีประมูลอย่างชัดเจน นับว่าสะดวกไม่น้อย

หลังจากนั้นพนักงานก็เริ่มเข้ามารินน้ำชาอุ่นๆ พร้อมนำอาหารว่างออกมาจัดวาง สำหรับต้วนหลิงเทียนและสตรีทั้งสองด้วยความเคารพก่อนที่จะไปยืนข้างๆ

หลังจากนั้นไม่นานเสียงเคาะประตูห้องก็ดังออกมา ก่อนที่ร่างของชายวัยกลางคนใบหน้าเต็มไปด้วยหนวดเคราสั้นๆ จะเข้ามา พร้อมมองไปยังต้วนหลิงเทียนด้วยรอยยิ้ม “ท่านลูกค้าผู้มีเกียรติข้าเป็นผู้ดูแลโรงประมูลของตระกูลหม่า หม่าฉิน” แน่นอนว่าต้วนหลิงเทียนย่อมคาดเดาถึงการมาของผู้จัดการคนนี้ได้เป็นอย่างดี

เขาหยิบตั๋วเงินจำนวน 100,000 เหรียญเงินออกมาจากอากาศที่ว่างเปล่า ก่อนที่จะส่งมอบไปยังมือซื่อหม่า

เมื่อหม่าฉินได้รับเงินไป ตาของเขาก็ทอประกายเรืองวูบขึ้นมา!

ความคิดแรกที่อยู่ในใจของเขาก็คือ ชายหนุ่มที่แลดูอายุไม่ถึง 20 คนนี้ หาได้ง่ายดายไม่!

เพียงแค่มีแหวนมิติ ไว้ใช้งานด้วยอายุเพียงเท่านี้ ก็หาใช่ตัวตนธรรมดาแล้ว

"ขอบคุณแขกผู้มีเกียรติ" หลังจากที่หม่าฉินรับเงินไปแล้ว เขาก็เหลือบมองไปยังฉงเฉวียนที่ยืนอยู่ด้านหลังต้วนหลิงเทียน หลังจากนั้นเขาก็จากไป

"นายท่าน หากท่านมีธุระอันใด เรียกข้าได้ตลอดเวลา ตัวข้าจะยืนเฝ้าอยู่ด้านหน้าประตู” พนักงานต้อนรับกล่าวอย่างสุภาพก่อนที่จะเดินออกไปแล้วปิดประตู

ตอนนี้เองลี่เฟยกับเค่อเอ๋อก็ถอดหมวก ที่มีผ้าคลุมหน้าออกมา

"นี่พวกเราต้องเสียเงินถึง 100,000 เหรียญเงิน เพื่ออยู่ในห้องโกโรโกโสนี่ไม่กี่ชั่วโมงงั้นหรือ?"ลี่เฟยส่ายหัวออกมา นางยากจะรับความจริงข้อนี้ได้จริงๆ

แม้เค่อเอ๋อจะไม่ได้กล่าวอะไรออกมา แต่ใบหน้าของนางเองก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจ

ต้วนหลิงเทียนเพียงยิ้มบางๆออกมาด้วยความเข้าใจ

เพราะจะอย่างไรสถานที่เช่นนี้ ก็ไม่ได้ดูหรูหราและสวยงามเหมือนดั่งสถานที่ต่างๆในเมืองหลวงของอาณาจักรนภาล่อง

เมืองแห่งนี้กล่าวได้ว่าเป็นเมืองที่อยู่ภายใต้การปกครองของอาณาจักรพนาคราม แต่จะอย่างไรก็ตามเมืองแห่งนี้ก็เป็นเพียงมองห่างไกลที่มีแต่เหล่าพ่อค้าเท่านั้นที่จะสัญจรเดินผ่านบ่อยๆ… นั่นทำให้มาตรฐานการจับจ่ายใช้สอยเงินตราของเมืองแห่งนี้ไม่ค่อยแตกต่างจากในตัวเมืองอื่นๆ ของอาณาจักรพนาครามมากนัก …

นี่เป็นสิ่งที่ต้วนหลิงเทียนสังเกตได้ทันที เมื่อเขาได้ชำระค่าอาหารที่เหลาอาหารเมื่อครู่

"นี่มันยังไม่เริ่มอีกหรือ?" หลังจากครึ่งชั่วโมงผ่านไป คิ้วสวยงามของลี่เฟยก็เริ่มขมวดเป็นปม นางเองก็รู้สึกใจร้อนขึ้นมาเล็กน้อยแล้ว หลังจากนั่งรออยู่ตั้งนาน…

Prev
Next

ความคิดเห็นสำหรับ "ตอนที่ 245 : เมืองวายุทมิฬ"

3.7 229 โหวต
คุณชอบเรื่องนี้ไหม?
ติดตาม
เข้าสู่ระบบ
แจ้งเตือนของ
กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่คุณอาจชอบ

Gate of God
Gate of God
พฤษภาคม 17, 2022
นักล่าปีศาจ
นักล่าปีศาจ
พฤศจิกายน 12, 2023
จอมดาบพิฆาตสวรรค์
จอมดาบพิฆาตสวรรค์
มีนาคม 12, 2022
ปกข้ามีดาวเทียมในยุคสามก๊ก
ข้ามีดาวเที่ยมในยุคสามก๊ก
กรกฎาคม 9, 2023
Divine Beast Adventures
Divine Beast Adventures
มีนาคม 12, 2022
INVINCIBLE โลกอมตะ
INVINCIBLE โลกอมตะ
มีนาคม 12, 2022
Tags:
#ผจญภัย, กำลังภายใน, ต่อสู่, สงคราม
ประวัติการเข้าชม
You don't have anything in histories
หมวดหมู่นิยาย
  • sci-fi (24)
  • Video Games (11)
  • กำลังภายใน (36)
  • จีนกำลังภายใน (1)
  • ดราม่า (3)
  • ตลก (3)
  • นิยายลิขสิทธิ์ (18)
  • นิยายแต่ง (3)
  • ย้อนยุค อนาคต (7)
  • สยองขวัญ (2)
  • เกมส์ออนไลน์ (5)
  • แฟนตาซี (161)

© 2025 Madara Inc. All rights reserved

Premium Chapter

คุณจำเป็นต้องเข้าสู่ระบบก่อน

wpDiscuz