สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 238 : อัตลักษณ์เปิดเผย!
บทที่ 238 : อัตลักษณ์เปิดเผย!
รางของซื่อโหม่วที่กำลังทะยานไปหาต้วนหลิงเทียนถึงกับแข็งค้าง หยุดชะงักลงด้วยความตกตะลึง เมื่อได้เห็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นตรงหน้า
ผู้อาวุโสหลักของตระกูลจูที่เป็นหนึ่งในคนของตระกูลจูที่ตกตายไปนั้น เป็นถึงผู้ฝึกยุทธ์ระดับวิญญาณแรกก่อตั้งขั้นที่ 3!
อย่างไรก็ตามมันกลับต้องจบชีวิตลงโดยที่ไม่อาจตอบสนองอะไรได้ทันเหมือนคนอื่นๆ
ตกตายลงอย่างโง่งม!
แววตาของเขากระพริบวูบวาบฉายความซับซ้อนออกมา ในขณะที่มองไปยังชายหนุ่มในชุดสีม่วงที่กำลังยืนอยู่ด้วยท่วงท่าปลอดโปร่ง หัวใจของเขาสั่นสะท้านเล็กน้อย "ดูเหมือนว่าตัวข้าจักห่วงเกินความจำเป็นไปแล้วจริงๆ เจ้าหนูนั่นถึงกับมีตัวตนทรงพลังเช่นนี้ติดตามอยู่ข้างกาย "
คู่สามีภรรยาที่กำลังเดินมาทางต้วนหลิงเทียนเองก็ชะงักร่าง ตะลึงงัน แข็งค้างไปด้วยเช่นเดียวกัน
"เหยียน ชายวัยกลางคนที่ติดตามต้วนหลิงเทียนนั่น … ." สตรีที่งามสง่ากล่าววาจาไถ่ถามออกมา ใบหน้าสวยงามของนางที่แลดูปราศจากความกังวลของตั้งแต่แรก ยามนี้เริ่มแสดงถึงความตกตะลึงออกมา
"อวี้เอ๋อ เกรงว่าข้าจะด้อยกว่าเขามากนัก" ชายวัยกลางคนที่เดินเคียงข้างสตรีสวยสง่าเผยใบหน้าแววตาซับซ้อนออกมา ก่อนที่จะกล่าวพร้อมถอนหายใจ
ดวงตาคู่สวยของหญิงสาวเริ่มเลื่อนลอยไม่จดจ่อ เมื่อได้ยินวาจาของสามี
นางนั้นย่อมรู้ดีกว่าใครว่าสามีของนางที่เป็นถึงผู้ฝึกยุทธ์ระดับครึ่งก้าวธรรมชาตินั้นแข็งแกร่งขนาดไหน …
แต่ยามนี้สามีของนางกลับกล่าวว่าเขาด้อยกว่าชายวัยกลางคนผู้นั้นมาก นั่นย่อมหมายความว่าชายวัยกลางคนผู้นั้นเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับแรกสัมผัสธรรมชาติอย่างไม่ต้องสงสัย!
ระดับแรกสัมผัสธรรมชาติ!
ในห้องอาหาร ใบหน้าของผู้ว่าการประจำมณฑลผานางแอ่นเหินถึงกับตะลึงตาค้าง ม่านตาของมันหดแคบลง มือที่ถือถ้วยชาพลันออกแรงบีบด้วยความตื่นเต้น ทำให้ถ้วยชาในมือแตกละเอียด น้ำชาร้อนหกรดลวกมือ แต่อย่างไรก็ตามดูเหมือนมันจะไม่แยแสเลยสักนิด
"ชายหนุ่มในชุดสีม่วงนี้เป็นผู้ใดกันแน่?" หัวใจของเป่ยหยวนเต้นระรัวราวทัพม้าย่ำ เขารีบลุกขึ้นและรุดออกไปทันที
ไม่ว่าชายหนุ่มในชุดสีม่วงผู้นั้นจะเป็นใคร แต่อาศัยเพียงผู้ติดตามที่เป็นถึงระดับผู้ฝึกยุทธ์แรกสัมผัสธรรมชาติ นั่นก็เป็นเรื่องที่นับว่าคุ้มค่าแล้วที่ผู้ว่าการมณฑลอย่างเขาจะแสดงตัวออกไปคารวะ
ต้วนหลิงเทียนค่อยๆเดินไปหาจูเหลียงทีละก้าวๆ
ทุกๆก้าวของต้วนหลิงเทียนเสมือนค้อนใหญ่หวดทุบไปกลางอกของจูเหลียงอย่างรุนแรง ทำให้สีหน้าของจูเหลียงแปรเปลี่ยน …
ความสิ้นหวังอย่างถึงขีดสุดบังเกิดขึ้นในหัวใจของจูเหลียง เขาทำได้เพียงจ้องมองชายหนุ่มชุดสีม่วงเบื้องหน้า
เขาไม่เคยคิดเลยว่าผู้ติดตามของชายหนุ่มที่สวมชุดสีม่วงจะน่าหวาดหวั่นถึงขั้นนี้ เพียงเสี้ยวพริบตาเท่านั้น …มันว่องไวเกินกว่าตัวเขาจะทันได้รู้สึกตัวด้วยซ้ำ! พริบตาเดียวคนของตระกูลจูที่มาทั้งหมดก็ถูกสังหารลงจนไม่เหลือแล้ว!!
ในหมู่ผู้คนที่ถูกสังหารนั้น มีตัวตนที่อยู่ในระดับที่แข็งแกร่งกว่าเขาด้วยซ้ำ
"เจ้า … เจ้าฆ่าพวกเขาทำไม?" น้ำเสียงของจูเหลียงสั่นเครือออกมา เขามองไปยังต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาเต็มไปด้วยโทสะ
"ข้าฆ่าพวกเขาทำไมน่ะเหรอ?" ต้วนหลิงเทียนระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างช่วยไม่ได้ ก่อนที่จะมองไปยังจูเหลียงแล้วกล่าวคำออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ "ข้าเองก็ได้ให้โอกาสเจ้าไปก่อนหน้านี้แล้วไม่ใช่หรือไง? พวกเขาตายเพราะพวกเขามีส่วนเกี่ยวข้องกับเจ้า … "
ร่างของจูเหลียงสั่นสะท้าน มาถึงตอนนี้ ตัวเขาเองก็กระจ่างแจ้งแล้วว่าคำกล่าวของชายหนุ่มก่อนหน้านี้ที่ว่า "เจ้าใช่แน่ใจแล้วหรือไม่ ว่าเจ้าต้องการกลับคำพูดของเจ้า? เจ้าแน่ใจแล้วใช่หรือไม่ที่เจ้าคิดจะนำทั้งตระกูลจูล่มจมไปพร้อมกับเจ้า ? เพียงเพราะความกลัวตายของเจ้า? ข้าจะให้โอกาสเจ้าปลิดชีวิตตัวเองตอนนี้ มิฉะนั้นทุกคนในตระกูลจูของเจ้า ข้าจะฆ่าพวกมันให้สิ้น!! "
ที่แท้ชายหนุ่มสวมชุดสีม่วงผู้นี้ หาได้จงใจกล่าววาจาข่มขู่ตัวมัน เขาไม่ได้กล่าวเหลวไหลแม้เพียงครึ่งคำ
เขามีความสามารถมากพอที่จะกระทำได้จริงๆ!
ทันใดนั้นภายในใจของจูเหลียงก็เต็มไปด้วยความเสียใจอย่างถึงที่สุด
เป็นเพราะเขา…ทำให้คนของตระกูลจูถูกสังหารหมู่!
จะตายช้าตายเร็วสุดท้ายทุกคนก็ต้องตาย แต่ตอนนี้ถึงแม้ตัวเขาจะสามารถมีชีวิตอยู่รอดไปได้ ทว่าตระกูลจูกลับต้องจ่ายราคาออกไปอย่างมหาศาล
"เจ้า … เจ้าเป็นผู้ใดกันแน่?" จูเหลียงจับจ้องไปยังต้วนหลิงเทียน ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความไม่ยินยอม
เมื่อจูเหลียงกล่าวจบคำ ผู้คนทั้งหมดล้วนหันไปมองต้วนหลิงเทียนเป็นสายตาเดียวกันทันที
พวกเขาเองย่อมอยากรู้อยากเห็นไม่น้อยว่าชายหนุ่มชุดสีม่วงที่มีผู้ติดตามที่ฝีมือเลิศล้ำถึงเพียงนี้เป็นใครกันแน่
"อาวุโส 2 จู เจ้าไม่แม้แต่จะรู้จักเขาด้วยซ้ำ แต่เจ้ายังกล้ากลับคำพูดของเจ้าต่อหน้าเขา?" ทันใดนั้นเองมีเสียงชราเสียงหนึ่งดังขึ้น และมีร่างของชายชราคนหนึ่งก้าวผ่านฝูงชนออกมาอย่างไหลลื่น ราวกับว่าชายชราคนนั้นเป็นปลาไหล ที่ไร้ผู้ใดหยิบจับได้
เพียงพริบตาชายชราคนนี้ก็เดินมาถึงหน้าต้วนหลิงเทียน
"เฮ่ ตาแก่!" ก่อนหน้านี้ต้วนหลิงเทียนเองก็รู้สึกคุ้นหูน้ำเสียงผู้ที่กล่าวคำไม่น้อย และตอนนี้เมื่อต้วนหลิงเทียนเห็นร่างชายชราคนหนึ่งปรากฏตัว ต้วนหลิงเทียนก็เบิกตากว้างพร้อมกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้มกว้างๆ บนใบหน้า
เขาไม่คิดเลยว่าเขาจะเจอสหายเก่าแถมแก่คนนี้ที่เมืองประจำมณฑลเช่นนี้
ชายชราตรงหน้าเขาตอนนี้ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นอดีตหัวหน้าสมาคมผู้หลอมโอสถประจำเมืองออโรร่า ซื่อโหม่ว! เขานับเป็นสหายต่างวัยคนหนึ่งของหลิงเทียนสมัยที่ยังอยู่ที่เมืองออโรร่า
ในตอนนั้นซื่อโหม่วได้ยกระดับเปลวเพลิงหลอมโอสถจนกลายเป็นผู้หลอมโอสถระดับ 7 ได้เพราะความช่วยเหลือจากเขา แล้วก็จากเมืองออโรร่าไป
รูปลักษณ์ของซื่อโหม่วทำให้ผู้คนระเบิดคำสนทาออกมา
"ข้ารู้จักเขา เขาคือรองหัวหน้าสมาคมผู้หลอมโอสถแห่งเมืองประจำมณฑล ซื่อโหม่ว"
"เป็นรองหัวหน้า ซื่อโหม่วจริงๆ!"
"ชายหนุ่มคนนี้แลดูจะคุ้นเคยกับ ท่านรองซื่อโหม่วไม่น้อย เพราะเมื่อครู่ข้าได้ยินเขาเรียก ท่านรองว่า ตาแก่ … "
"ดูเหมือนตัวตนของชายหนุ่มผู้นี้จะมิง่ายดายเสียแล้ว"
…
ผู้คนที่ล้อมรอบอยู่ล้วนบังเกิดความประหลาดใจออกมาไม่น้อยเมื่อเห็นเรื่องราวตรงหน้า
ซื่อโหม่ว ผู้หลอมโอสถระดับ 7 ซ้ำยังดำรงตำแหน่งรองหัวหน้าสมาคมผู้หลอมโอสถประจำเมืองประจำมณฑล สถานะนี้ของเขาในเมืองประจำมณฑลนั้นนับว่าไม่ธรรมดา กระทั่งผู้ว่าการประจำมณฑลผานางแอ่นเหิน ยังต้องทำความเคารพเมื่อพบเขา
ใบหน้าของจูเหลียงเริ่มซีดเผือด ดูเหมือนว่าที่เขาเดาเอาไว้ว่าเบื้องหลังชายหนุ่มผู้นี้ไม่ง่าย จะไม่ผิดแล้ว
"ซื่อโหม่ว เจ้านับว่าเคลื่อนไหวได้รวดเร็วว่องไวนัก" ทันใดนั้นเอง คู่สามีภรรยาที่เหมาะกันราวกับสวรรค์สร้าง พลันเดินเคียงคู่เข้ามาด้วยความรวดเร็ว ในยามที่ทั้งคู่ก้าวเดินดูเหมือนผู้คนจะรีบเปิดทางให้
"นั่นเป็นหัวหน้ากลุ่มการค้าทิวลิปม่วงสาขาเมืองประจำมณฑลผานางแอ่นเหิน หลินอวี้!"
"นอกจากนี้สามีของนางเองก็เป็นถึงผู้บัญชาการกองกำลังคุ้มกันของกลุ่มการค้าทิวลิปม่วงประจำมณฑลผานางแอ่นเหินนี้เช่นกัน"
"ผู้บัญชาการคนนี้กล่าวได้ว่าเป็นถึงผู้ฝึกยุทธ์ระดับธรรมชาติเหมือนท่านผู้ว่าการประจำมณฑล!"
…
ผู้คนรีบหลบออกไปจากทางทันที เพื่อไม่ให้ตัวยืนขวางแล้วพลาดไปกระทบไหล่ ล่วงเกินตัวตนระดับนี้
"หัวหน้าหลิน ผู้บัญชาการ จี้" ซื่อโหม่วยิ้มให้ทั้ง 2 คน
จูเหลียงรู้สึกราวกับท้องฟ้าแปรเปลี่ยนกลับกลายเป็นมืดมน เมื่อเห็นหลินอวี้และจี้เหยียนปรากฏตัว …
โอ้สวรรค์ หรือว่าทั้ง 2 คนนี้เป็นคนรู้จักของชายหนุ่มชุดสีม่วงด้วยเช่นกัน?
ผู้ใดสามารถบอกเขาได้บ้างว่า ชายหนุ่มชุดสีม่วงผู้นี้เป็นผู้ใดกันแน่?!
สายตาของต้วนหลิงเทียนจับจ้องไปยังสตรีเบื้องหน้า เขาตะลึงไปเล็กน้อยเมื่อพบเห็นความงามของนาง หลังจากนั้นสายตาของเขาก็เบนไปมองชายวัยกลางคนด้านข้าง และเพียงแค่มองเขาก็รู้ได้ทันทีว่าชายวัยกลังคนผู้นี้สมควรเป็นผู้ฝึกยุทธ์ครึ่งก้าวธรรมชาติ
เมื่อนึกถึงคำเรียงที่ซื่อโหม่วกล่าวทักพวกเขา ต้วนหลิงเทียนก็เดาอัตลักษณ์ของทั้ง 2 คนได้ออกทันที
"หัวหน้าหลิน ข้าเองก็กะว่าจัดการเรื่องราวตรงนี้เสร็จสิ้น และจะไปกล่าวขอบคุณพวกท่านด้วยตัวเอง แต่ไม่คิดเลยว่าท่านกับผู้บัญชาการจี้ จะมาหาข้าเองเช่นนี้" ต้วนหลิงเทียนยิ้มให้หลินอวี้และจี้เหยียนอย่างสุภาพ พร้อมกล่าวคำออกมาด้วยน้ำเสียงเคารพ
"ผู้บัญชาการต้วน เกรงใจไปแล้ว การที่พวกเราสามารถช่วยเหลือท่านได้เช่นนี้ นับว่าหลินอวี้ได้รับเกียรติมากนัก และกลุ่มการค้าทิวลิปม่วงของพวกเราเองก็รู้สึกเป็นเกียรติไม่น้อยที่ได้รับใช้ท่าน" ในขณะที่หลินอวี้กล่าวคำ เอวของนางโยกย้ายเล็กน้อยตามจังหวะหายใจ เผยให้เห็นเสน่ห์ความงามของนางที่นับว่ามากพอที่จะทำให้บุรุษหลงใหล จนคิดใช้กำลังกดนางลงกับพื้น
แม้ในสายตาเขาหลินอวี้ผู้นี้สมควรมีอายุไม่น้อย แต่นับว่าเสน่ห์ของนางนั้นยังมีมากพอจะดึงดูดความสนใจอย่างแท้จริง
"หากผู้บัญชาการยังต้องการกระทำสิ่งใด โปรดบอกกล่าว ทางกลุ่มการค้าทิวลิปม่วงของพวกเราจะจัดการให้อย่างดี!" จี้เหยียนกล่าวออกมาเช่นกัน ต่อหน้าต้วนหลิงเทียน ตัวเขาที่เป็นบัญชาการนั้นก้มหัวให้อย่างไม่ละอาย
ไม่ต้องกล่าวถึงอัตลักษณ์ของต้วนหลิงเทียนด้วยซ้ำ อาศัยผู้เชี่ยวชายที่อยู่ด้านข้างต้วนหลิงเทียน ก็เพียงพอที่เขาจะนอบน้อมแล้ว
ต้วนหลิงเทียนยิ้มพร้อมกล่าวคำ ว่า "หัวหน้าหลิน ผู้บัญชาการจี้ พวกท่านก็ให้เกียรติข้ามากไปแล้ว หลินฉีกับข้าเป็นสหายกัน ท่านทั้งสองก็กล่าวได้ว่าเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ของสหายข้า เช่นนั้นก็เป็นผู้ใหญ่ของข้าด้วยเช่นกัน … ในอนาคตพวกท่านอย่าได้เรียกข้า ผู้บัญชาการต้วนแล้ว สามารถเรียกนามของข้าได้โดยตรง " ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกมาอย่างจริงใจ กล่าวได้ว่าครั้งนี้เขาได้ 2 สามีภรรยาช่วยเหลืออย่างแท้จริง
หากไม่ใช่เพราะพวกเขาแล้วล่ะก็ ต้วนหลิงเทียนคงไม่มีวันล่วงรู้ตัวผู้ที่มีส่วนกระทำให้ท่านปู่ของเสี่ยวเฟยตกตายได้รวดเร็วถึงเพียงนี้
ต้วนหลิงเทียน หลินอวี้ และจี้เหยียนกล่าวออกมาอย่างไร้เรื่องราว แต่เนื้อหาและบทสนทนาของพวกเขานั้นทำให้ผู้คนรอบๆ ถึงกับตื่นตะลึงขึ้นมาอีกครั้ง …
"ผู้บัญชาการต้วน?"
"หัวหน้าหลินอวี้และผู้บัญชาการจี้ เป็นคนที่เรียกได้ว่ามีสถานะสูงส่งที่สุดในกลุ่มการค้าทิวลิปม่วงสาขาเมืองประจำมณฑลผานางแอ่นเหิน แต่เมื่อพวกเขากล่าววาจากับชายหนุ่มคนนี้แลดูมีความนอบน้อมสุภาพนัก"
แม้กระทั่งยามพวกเขาพบกับผู้ว่าการมณฑลมันยังไม่ถึงขนาดนี้เลยไม่ใช่หรือ?
"ผู้บัญชาการต้วน… . แซ่ต้วน…. ชายหนุ่ม… นิ..นี่จะเป็นไปได้หรือไม่… เป็นไปได้หรือไม่ว่าเขาคือผู้บัญชาการกองกำลังองครักษ์เสื้อแพร ต้วนหลิงเทียน?"
…
ไม่นานในกลุ่มผู้คนโดยรอบก็เริ่มอื้ออึงกันขึ้น และเมื่อมีคนคาดเดาถึงอัตลักษณ์ต้วนหลิงเทียนได้ออกมา ทันใดนั้นฝูงชนพลันเดือดพล่านขึ้นมา
"เขาคือต้วนหลิงเทียนงั้นหรือ?"
"บัดซบ ข้าควรจะนึกถึงเรื่องเช่นนี้ได้ตั้งนานแล้ว ในอาณาจักรนภาล่องของเรา นอกจากผู้บัญชาการกองกำลังองครักษ์เสื้อแพรต้วนหลิงเทียนแล้ว ยังจะมีผู้ใดที่สามารถตัดผ่านไปยังระดับกำเนิดแก่นแท้ ก่อนวัย 20เช่นนี้เล่า? แต่ข้าเองก็คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าผู้บัญชาการต้วนจะเป็นถึงผู้หลอมศาสตราระดับ 8 ด้วย "
"กล่าวให้ถูก ผู้บัญชาการต้วนเป็นผู้หลอมศาสตราระดับ 8 ที่สามารถเพิ่มพูนความแข็งแกรงได้มากมายถึง 20%!"
"คราวนี้พวกตระกูลจูได้กัดลงไปในชิ้นเนื้อเหนียวยากเคี้ยวแล้ว อย่างแท้จริง!"
"พวกเจ้าลองชมดูสีหน้าอาวุโส 2 ของตระกูลจูดูซี่ ยามนี้ใบหน้ามันหมองคล้ำ ซ้ำยังแลดูราวกับมีตัวอักษรเสียใจ เขียนเอาไว้อย่างไรอย่างนั้น ในใจของมันยามนี้คงเสียใจอย่างไร้สิ้นสุดแล้ว น่าขบขันยิ่ง สะใจข้านัก!"
…
ฝูงชนกล่าวออกมาอย่างสนุกสนาน ไม่นานสายตามากมายของผู้คนก็ล้วนจับจ้องไปยังจูเหลียงที่เต็มไปด้วยความเสียใจอย่างสนุกสนาน บางคนถึงขั้นระเบิดเสียงหัวเราะเย้ยหยันมันออกมา
นี่เพราะการกระทำไร้ศักดิ์ศรีกลับกลอกวาจาก่อนหน้านี้ของมัน นับว่าเหลือเกินขีดจำกัดล่างของพวกเขาอย่างแท้จริง!
ดังนั้นไม่ว่ายามนี้จู้เหลียงจะเผชิญความเศร้าโศก และมีปัญหาน่าเวทนาเพียงใด พวกเขาก็ไม่บังเกิดความรู้สึกเห็นใจมันแม้แต่น้อย
“ต้วนหลิงเทียน … ต้วนหลิงเทียน … ” ความคิดในหัวของจู้เหลียงยามนี้เต็มไปด้วยความหวาดกลัว ในขณะที่มองไปยังชายหนุ่มชุดสีม่วงซึ่งกำลังกล่าววาจาสนทนากับซื่อโหม่ว หลินอวี้จี้เหยียนอย่างสนุกสนาน ความเสียใจอันไร้สิ้นสุดบังเกิดขึ้นภายในใจของเขา
หากเขารู้ก่อนหน้านี้ว่าชายหนุ่มสวยชุดสีม่วงผู้นี้เป็น ผู้บัญชาการกองกำลังองครักษ์เสื้อแพรที่มีชื่อเสียงขจรขจายทั่วทั้งอาณาจักรนภาล่องแล้วล่ะก็ ให้เขามีความกล้ามากกว่านี้สักร้อยเท่า เขาก็คงไม่กล้ากลับคำพูดของเขา!
ยามเขามองไปยังร่างไร้วิญญาณที่ทอดกายตกตายก่อเกิดแอ่งโลหิตบนพื้น เขาทำได้เพียงรู้สึกเสียใจเท่านั้น และยามนี้ความรู้สึกเสียใจนี้มันกำลังจะฉีกร่างเขาเป็นชิ้นๆ
"ไม่ …ผู้คนมากมายของตระกูลจูได้ตกตายเพื่อข้า ข้าต้องรอด … ข้าต้องมีชีวิตอยู่!" ความปรารถนาที่จะมีชีวิตรอดของจูเหลียงเริ่มบังเกิดขึ้นในหัวใจจูเหลียง เขาเหลือบมองไปยังต้วนหลิงเทียนอย่างระมัดระวัง หลังจากนั้นขาของเขาก็ขยับ พร้อมพลังงานต้นกำเนิดที่ปะทุออกมา ใช้วิชาท่าร่างพุ่งร่างหมายปะปนไปกับฝูงชนเพื่ออาศัยจังหวะหลบหนีทันที
"เจ้าคิดหลบหนี?" สายตาของต้วนหลิงเทียนเริ่มเย็นชาลง
"ฮึ่ม!" ฉงเฉวียนสบทออกมาอย่างเย็นชาร่างกายของเขาขยับเล็กน้อย เขากำลังจะพุ่งไปจับร่างจูเหลียงกลับมา
เป็นไปไม่ได้ที่จูเหลียงจะหนีไปต่อหน้าต่อตาเขา
อย่างไรก็ตามฉงเฉวียนไม่ได้พุ่งร่างออกไป เพราะเขาสังเกตเห็นร่างที่พุ่งไปด้วยความเร็วสูงแหวกฝ่าอากาศจนส่งเสียงหวีดหวิว และจับร่างจูเหลียงเอาไว้
ผู้ที่ปรากตัวออกมาใหม่นี้ สวมเสื้อผ้าหรูหราลักษณะภูมิฐาน
"ผู้ว่าการมณฑล!" ซื่อโหม่วแปลกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าผู้มาเป็นใคร
‘ผู้ว่าการประจำมณฑลผานางแอ่นเหิน งั้นหรือ?’
สายตาของต้วนหลิงเทียนจับจ้องไปยังร่างชายวัยกลางคนในเสื้อผ้าหรูหราเช่นกัน