สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 235 : การเดิมพันเริ่มต้นขึ้น!
บทที่ 235 : การเดิมพันเริ่มต้นขึ้น!
ต้วนหลิงเทียนกุมมือลี่เฟยเอาไว้ ยามนี้เขาสัมผัสได้ดีถึงอารมณ์ของลี่เฟยที่เต็มไปด้วยความกังวล
"เจ้าอย่าได้กังวล ข้าจะแก้แค้นให้ท่านปู่เอง" ต้วนหลิงเทียนจ้องไปลี่เฟยด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ "เรื่องนี้เจ้าเชื่อข้าได้เลย"
"ข้าเชื่อเจ้า" ลี่เฟยพยักหน้ารับคำเบาๆ แน่นอนว่านางย่อมเชื่อบุรุษคนนี้โดยไม่มีเงื่อนไขใดๆ …ไร้ท่านปู่แล้วบนโลกนี้คนที่นางไว้ใจมากที่สุดย่อมเป็นเขา
ในอนาคตนางจะใช้ชีวิตเพื่อบุรุษผู้นี้เท่านั้น
"หืม พวกเขามากันแล้ว!" ทันใดนั้นเองต้วนหลิงเทียนเหมือนจะสังเกตเห็นถึงบางสิ่ง คิ้วของเขายกขึ้นเล็กน้อย
ฝูงชนที่กำลังจับกลุ่มสนทนากันอย่างเนืองแน่น ค่อยๆเบียดเสียดจนแทบจะขี่คอ เพื่อเปิดทางเดินสายหนึ่งให้คนกลุ่มใหญ่เดินผ่าน
"นั่นคืออาวุโส 2 ของตระกูลจู!"
"อาวุโส 2 ของตระกูลจูมาแล้ว!"
"นั่นประมุขตระกูลจู , ผู้อาวุโสหลัก ผู้อาวุโส 3 … สวรรค์! ผู้อาวุโส และคนใหญ่คนโตในตระกูลจูล้วนมากันหมดทั้งสิ้น !"
…
ผู้คนล้วนอื้ออึงขึ้นมาอย่างตกตะลึง
ยามนี้คนกลุ่มใหญ่กำลังเดินมาตามที่ที่ฝูงชนแหวกออก อย่างน่าเกรงขาม
ในหมู่คนเหล่านี้ต้วนหลิงเทียนให้ความสนใจแค่ จูชี่ และ อาวุโส 2 เท่านั้น
ไม่นาน ต้วนหลิงเทียนกับตระกูลจูทั้งหมด ก็ได้เผชิญหน้ากันตรงกลางที่เว้นว่างเอาไว้
ต้วนหลิงเทียนหาได้หวาดหวั่นแม้แต่น้อยเมื่อต้องเผชิญหน้ากับเหล่าผู้ฝึกยุทธ์ระดับวิญญาณแรกก่อตั้ง และระดับกำเนิดแก่นแท้ สายตาของเขาสงบนิ่ง ราวกับเขากำลังมองกลุ่มคนธรรมดาสามัญเท่านั้น
นอกจากนี้ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนมองกลุ่มคนของตระกูลจู เหล่าผู้คนจากตระกูลจูก็สำรวจต้วนหลิงเทียนด้วยเช่นกัน
ความคิดแรกของพวกเขาย่อมเป็นความประหลาดใจ
ชายหนุ่มคนนี้ยังมีอายุไม่ถึง 20 ปีดีด้วยซ้ำ แต่เขากลับประสบความสำเร็จสูงถึงขนาดนี้ ช่างน่าตกตะลึงนัก!
จูชี่ก้าวออกมาด้านหน้า เขาจ้องมองมายังต้วนหลิงเทียนพร้อมกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง "น้องชายท่านนี้ ยามนี้ข้านำผู้อาวุโส 2 ของตระกูลจูมาแล้ว เจ้าจักปล่อยตัวบุตรชายของข้าได้หรือยัง ?"
"ใครเป็นอาวุโส 2 ของตระกูลจู?" สายตาของต้วนหลิงเทียนกวาดผ่านไปยังกลุ่มคนของตระกูลชู ด้านหลังจูชี่
"ผู้อาวุโสลำดับที่ 2 ของตระกูลจู คือข้า จูเหลียงผู้นี้ " ชายชราคนหนึ่งก้าวออกมาจากกลุ่มคนของตระกูลจู ก่อนที่จะเดินมาหยุดเคียงข้างกับจูชี่
เขามองมายังต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาที่เจือไปด้วยความดูแคลน "เด็กน้อย หากมันไม่หนักหนาอะไร ก็เลิกแล้วต่อกันเถอะ … ."
หากมันไม่หนักหนาอะไร ก็เลิกแล้วต่อกันเถอะ?
ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะระเบิดเสียงหัวเราะออกมาเมื่อได้ยินคำกล่าวของจูเหลียง
เมื่อจูเหลียงเริ่มขมวดคิ้วหงุดหงิดกับเสียงหัวเราะ ต้วนหลิงเทียนก็หยุดหัวเราะลงกะทันหันก่อนที่จะใช้สายตาไม่แยแสเต็มไปด้วยความเย็นชาจับจ้องไปยังจูเหลียง "อาวุโส 2 ตระกูลจู ข้าไม่คิดเสียเวลาอะไรอีก…ตอนนี้พวกเรามาทำข้อตกลงในการประลองหลอมศาสตราโดยมีชีวิตเป็นเดิมพันกันเถอะ ผู้ใดหลอมอาวุธวิญญาณระดับ 8 ได้ยอดเยี่ยมกว่าจะเป็นผู้ชนะ ผู้แพ้ตกตาย!"
"เจ้า …กล้าพอไหม?" ต้วนหลิงเทียนมองไปยังจูเหลียงก่อนที่จะแสยะยิ้มออกมา รอยยิ้มเย้ยหันปรากฏขึ้น
"ฮึ่ม!" น้ำเสียงของจูเหลียงก็เย็นชาไม่แพ้กัน "ทำไมข้าจะไม่เห็นด้วย? คำท้าประหลองหลอมศาสตราโดยใช้ชีวิตเป็นเดิมพันครั้งนี้ ข้ารับ!"
หากเขาไม่กล้าเขาคงไม่มาปรากฏตัวที่นี่แต่แรก
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า "เช่นนี้ก็ดี เพียงคำพูดนี้ก็พอแล้ว! ฉงเฉวียนปล่อยมันไป"
เมื่อต้วนหลิงเทียนกล่าวคำจบ ฉงเฉวียนก็โยนร่างจูจ้าวออกไปราวกับมันเป็นเพียงขยะชิ้นหนึ่ง
จูชี่เหลือบมองฉงเฉวียนด้วยแววตาเคืองแค้น ก่อนที่จะยื่นมือไปรับบุตรชาย
"ท่านพ่อ" ใบหน้าของจูจ้าวเต็มไปด้วยความละอาย
จูชี่แค่นเสียงเย็นชาออกมา "เจ้าไปหลบด้านหลัง กลับไปตระกูลเมื่อไหร่ข้าค่อยจัดการกับเจ้า"
ตอนนี้ผู้คนที่ล้อมรอบอยู่เงียบเสียงลงทันที ทุกสายตาจับจ้องไปยังชายหนุ่มในชุดสีม่วงกับชายชราในชุดคลุมสีเขียว
พวกเขาแทบจะหยุดหายใจ ในที่สุดพวกเขาก็รู้ว่า ช่วงเวลาที่ตื่นเต้นสนุกสนานที่สุดของเรื่องราวครั้งนี้ มาถึงแล้ว!
จูเหลียงมองไปยังต้วนหลิงเทียน และกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบเจือความหมายยกตนข่มท่านเล็กน้อย "เจ้าเป็นผู้เยาว์ เช่นนั้นให้เจ้าสามารถกำหนดหัวข้อแล้วกัน …ว่าพวกเราจักหลอมสร้างอาวุธอะไรแข่งกัน?"
น้ำเสียงของจูเหลียงยามนี้ไม่ต่างอะไรกับน้ำเสียงอาจารย์กล่าวต่อลูกศิษย์ตัวน้อยแม้แต่นิด
ผู้คนที่เฝ้าดูเริ่มกล่าวออกมาด้วยความตื่นเต้น
"อย่างที่คิดเอาไว้มิผิด ผู้อาวุโส 2 ของตระกูลจู ที่ผู้คนยอมรับนับถือกันทั่วว่าเป็น อันดับ 1 ในหมู่ผู้หลอมศาสตราระดับ 8 ด้วยกันในมณฑลผานางแอ่นเหินนี้ บุคลิกของเขาแลดูช่างเหนือชั้นนัก "
"มิผิด ถึงแม้ว่าพรสวรรค์ตามธรรมชาติของชายหนุ่มในเรื่องหลอมศาสตราจะสูงล้ำ แต่ในแง่ของประสบการณ์แล้วเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเอาไปเทียบกับผู้อาวุโส 2 ของตระกูลจู!"
"การประลองหลอมสร้างอาวุธโดยเดิมพันด้วยชีวิต กับอาวุโส 2 ของเขาครั้งนี้ คงเป็นการรนหาที่ตายแน่แล้ว"
"ลูกวัวไม่กลัวพยัคฆ์โดยแท้ วันนี้เกรงว่าดาวอัจฉริยะจักต้องร่วงหล่นอีกดวงแล้ว"
…
ไม่มีใครในหมู่ผู้คนโดยรอบ มองเรื่องนี้ว่าเป็นเรื่องดีสำหรับต้วนหลิงเทียนสักนิด
ต้วนหลิงเทียนแน่นอนว่าย่อมต้องได้ยินคำกล่าวโดยรอบ
ร่องรอยแห่งความกังวลเริ่มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของลี่เฟย มือที่กุมต้วนหลิงเทียนอยู่ออกแรงบีบแน่นขึ้นเล็กน้อย … .
"เจ้าไม่ต้องกังวล" ต้วนหลิงเทียนบีบมือลี่เฟยเบาๆ ก่อนที่จะปล่อยมือนาง แล้วเดินออกมาเผชิญหน้ากับจูเหลียง "ข้าก็ไม่ได้คิดมาก่อนด้วยสิ เอาเป็นว่า หลอมสร้างกระบี่สักเล่มแล้วกัน"
กระบี่?
รอยยิ้มเย้ยหยันเริ่มปรากฏขึ้นที่มุมปากของจูเหลียง
ชั่วชีวิตนี้อาวุธที่เขาหลอมสร้างมากครั้งที่สุดคือ กระบี่!
หากให้มีการหลอมสร้างอาวุธวิญญาณประเภทกระบี่ เขามีความมั่นใจไม่น้อยไปกว่า 90% ว่าจะสามารถหลอมสร้างกระบี่วิญญาณระดับ 8 ที่เพิ่มพูนความแข็งแกร่งได้ถึง 19%
"เช่นนั้นพวกเราก็มาเริ่มกันเถอะ" จูเหลียงจ้องมองด้วยสายตามุ่งมั่น หลังจากนั้นเขาก็หยิบวัตถุดิบออกจากแหวนมิติ และเริ่มลงมือหลอมศาสตราวิญญาณระดับ 8 ทันที
ทักษะและเทคนิคของจูเหลียงนับว่าฝึกฝนมาอย่างเชี่ยวชาญและช่ำชองเปิดหูเปิดตาให้แก่ผู้ที่ชมดูอยู่ทุกคนล้วนตกตะลึงกับความว่องไวในการลงมือของเขา "พวกเจ้าดู เป็นการลงมือที่ว่องไวแม่นยำนัก ฝีมือของผู้อาวุโส 2 นับว่าเลิศล้ำยิ่ง นับเป็นผู้หลอมศาสตราที่มีความสามารถแท้จริง!"
หลังจากนั้นครู่หนึ่งทุกคนก็ลองหันไปมองทางด้านต้วนหลิงเทียนบ้าง แต่พวกเขาก็สังเกตเห็นได้อย่างรวดเร็วว่าต้วนหลิงเทียนยังยืนนิ่งเฉยไม่ได้ลงมือเริ่มทำอะไรทั้งสิ้น
"เป็นไปได้หรือไม่ ที่เขาจะยอมแพ้แล้วเช่นนี้?"
"นี่เป็นการจงใจ แสวงหาความตายงั้นหรือ?"
…
หลายคนไร้คำจะกล่าว
เวลาผ่านไปไวดั่งเหินบิน 2 ชั่วโมงพ้นผ่าน
กองวัตถุดิบที่ถูกหลอมเหลวลอยล่องอยู่เหนือฝ่ามือของจูเหลียง เปลวเพลิงหลอมศาสตราปะทุ ฟู่ฟู่ เริ่มหลอมรวมเปลี่ยนสภาพวัตถุดิบเข้าด้วยกัน จนเริ่มก่อร่างกระบี่ขึ้นมาแล้ว
ด้วยความรวดเร็วเช่นนี้ คาดว่าเขาจะหลอมศาสตราเล่มนี้เสร็จสิ้นหลังจากพ้นผ่านไปอีก 1 ชั่วโมง
ต้วนหลิงเทียนยังไม่ได้ลงมือทำอะไรทั้งสิ้น…
ในเหลาอาหารใกล้ๆกับสถานที่ๆมีการประลองหลอมศาสตราเดิมพันด้วยชีวิต ภายในห้องสองห้องที่อยู่ติดกัน คนที่อยู่ภายในห้องทั้ง 2 ห้องล้วนใช้ดวงตาทั้งคู่จับจ้องไปยังต้วนหลิงเทียน
"เป็นไปได้หรือไม่ ที่ชายหนุ่มผู้นั้นจักยอมแพ้แล้ว?" ภายในห้องหนึ่งในนั้นเป่ยหยวนผู้ว่าการมณฑลกล่าวคำออกมาพร้อมขมวดคิ้ว ด้วยความสงสัย
ส่วนอีกห้องหนึ่งซื่อโหม่วกำลังแสยะยิ้มออกมา "เจ้าหนูนั่นแลดูมั่นใจยิ่งนัก… ข้าไม่คาดคิดเลย ว่านอกจากผู้หลอมโอสถแล้วเขายังเป็นผู้หลอมศาสตราอีกด้วย!"
เมื่อซื่อโหม่วมาถึงห้องนี้เพื่อชมดูการประลองหลอมสร้างศาสตรา เขาก็ต้องตกตะลึงเมื่อเห็นร่างของชายหนุ่มในชุดสีม่วงที่ทำการท้าทายผู้อาวุโส 2 จูเหลียง ที่แท้กลับเป็นชายหนุ่มคนเดิมที่เขาเคยเจอ ต้วนหลิงเทียน
หลังจากที่ได้รับรู้เรื่องนี้ภายในหัวใจของเขาก็เต็มไปด้วยความตกตะลึง
ในเวลาต่อมาเขาก็พอทำใจรับได้ ต้วนหลิงเทียนนี้มันเป็นตัวประหลาดน้อยโดยแท้! ทุกๆความมหัศจรรย์ใดๆก็ตามที่เขากระทำ ไม่นับว่าเป็นเรื่องประหลาดอันใด…
"ข้าล่ะสงสัยนักว่าอาวุโส 2 ไปทำอันใดให้เจ้าหนูประหลาดนั่นไม่พอใจ …ข้าอยากรู้นักว่ามันจะจัดการอย่างไร" มุกมปากของซื่อโหม่วเริ่มแสยะยิ้มออกมา เขามั่นใจกับความสามารถของต้วนหลิงเทียนอย่างมาก
ถึงแม้ว่าเขาจะรู้ดีว่าผู้อาวุโส 2 ของตระกูลจู จูเหลียงคนนี้จะสามารถหลอมศาสตราวิญญาณที่สามารถเพิ่มพูนความแข็งแกร่งได้ 19% แต่เมื่อเขาย้อนคิดกลับไปว่า ในวันนั้นต้วนหลิงเทียนผู้นี้สามารถหลอมกลั่นโอสถที่มีความบริสุทธิ์ได้สูงถึง 90%! ตัวเขาก็เต็มไปด้วยความเชื่อมั่นในตัวต้วนหลิงเทียน
นอกจากนี้เขารู้ว่าตั้งแต่ที่ต้วนหลิงเทียนกล้าแสดงความหยิ่งยโส ท้าประลองเดิมพันด้วยชีวิตกับอาวุโส 2ของตระกูลจู นั่นแสดงว่าเขาเต็มไปด้วยความมั่นใจ!
ต้วนหลิงเทียนไม่ใช่คนวู่วาม!
ภายในศาลาชมทิวทัศน์หรูหราด้านบนสุดของอาคารที่สวยงามหลังหนึ่ง
"อวี้เอ๋อ เจ้าคิดว่าเพราะเหตุใดเขาจึงยังไม่เริ่มหลอมสร้างอาวุธ?" ชายวัยกลางคนที่มีท่วงท่าสง่างามแย้มยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน ในขณะที่เขากล่าวถามหญิงสาวด้านข้างด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนราวกับสายธารา
สตรีที่สวยงามสง่า ใช้ดวงตาเรียบนิ่งดั่งทะเลสาบไร้ระลอกจับจ้องไปยังร่างชายหนุ่มชุดสีม่วงด้วยประกายตาเจิดจ้า "บางทีตัวเขาอาจจะไม่จำเป็นต้องใช้เวลาในการหลอมสร้างศาสตราวิญญาณระดับ 8 มากนัก … อย่าได้ลืมว่าเขาคือต้วนหลิงเทียน! "
"อ่า เขาคือต้วนหลิงเทียน" ชายวัยกลางคนพยักหน้ารับเบาๆ และพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนใจ "คำพูดที่เจ้ากล่าวกับเขาเมื่อ 3 ปีที่แล้ว ข้ายังไม่ค่อยเห็นด้วยเล็กน้อย …ถึงแม้เขาจะปฏิเสธความหวังดีของเจ้าด้วยดี ราวกับเขาไม่รู้ว่าอะไรที่ดีต่อตัวเขา! แต่ผู้ใดจะไปรู้กันเล่า… "
สตรีสวยสง่ากล่าววาจาสืบต่อ “ผู้ใดจะไปล่วงรู้ว่าในระยะเวลาเพียงแค่ไม่กี่ปีที่ผ่าน ตัวเขาจะกลายเป็นตัวตนที่ทั่วทั้งอาณาจักรนภาล่องต้องแหงนมองขึ้นไป ตอนนี้ดูเหมือนจะไม่ใช่แค่กลุ่มการค้าทิวลิปม่วงของพวกเราแล้ว กระทั่ง อาณาจักรนภาล่องแห่งนี้ยังไม่อาจรั้งตัวเขาเอาไว้ได้”
"เช่นนั้นพวกเรามาเฝ้าดูกัน ว่าเขาจักสร้างปาฏิหาริย์อันใดขึ้นมาอีก" ชายวัยกลางคนพยักหน้ารับคำอย่างอ่อนโยน และในขณะที่เขาพยักหน้าสายตาของเขาก็จับจ้องไปยังชายหนุ่มที่สวมใส่ชุดสีม่วง
กลุ่มผู้อาวุโสของตระกูลจู อดไม่ได้ที่จะเริ่มเผยความยโสโอหังออกมาบนใบหน้า เมื่อพวกเขาเห็นว่าต้วนหลิงเทียน ยังไม่ได้เริ่มลงมือทำอะไร
"หรือจริงๆแล้วที่มันยังมิเริ่มลงมือหลอมสร้างศาสตราวิญญาณระดับ 8 เป็นเพราะว่ามันตั้งใจที่จะยอมรับความพ่ายแพ้?" อาวุโสของตระกูลจู เริ่มหัวเราะเยาะ ออกมา
"อาจจะมิใช่เช่นนั้น" จูล่งประมุขของตระกูลจูส่ายหน้าออกมา "นับตั้งแต่ที่มันหาญกล้าท้าทายอาวุโส 2 เดิมพันด้วยชีวิต ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่มันคิดจะยอมแพ้… ยามนี้ข้าเริ่มบังเกิดความรู้สึก …ว่ามิใช่เรื่องดีเลยที่พวกเราตัดสินใจวู่วามให้ผู้อาวุโส 2 กล่าวรับคำท้า พวกเราใช่ด่วนตัดสินใจวู่วามเกินไปหรือไม่?" ในขณะที่กล่าวจบจูล่งก็เผยความไม่มั่นใจออกมา
กระทั่งเขาเองก็ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด แต่ในยามที่ขาจ้องมองไปยังชายหนุ่มในชุดสีม่วง ที่ยืนอยู่ด้วยท่าทางผ่อนคลายไร้กังวลและสงบนิ่ง ความรู้สึกไม่มั่นใจเริ่มบังเกิดขึ้นในใจของเขา
"ท่านประมุข ท่านคิดว่าเขาจะเอาชนะผู้อาวุโสที่ 2 ได้หรือ?" ผู้อาวุโสในตระกูลจูคนหนึ่งส่ายหัว พร้อมใบหน้าที่เต็มไปด้วยความไม่เชื่อ
"ท่านลุงอย่าได้กังวล ท่านผู้อาวุโส 2 เป็นที่ยอมรับนับถือว่าเป็นอันดับ 1 ในหมู่ผู้หลอมศาสตราระดับ 8 ในเมืองประจำมณฑลผานางแอ่นเหิน ไม่สิกระทั่งทั่วทั้งมณฑลผานางแอ่นเหินอีกด้วยซ้ำ เขาเป็นถึงผู้หลอมศาสตราที่สามารถหลอมศาสตราที่เพิ่มพูนพลังให้แก่ผู้ถือครอง 19% ซึ่งเป็นระดับที่ไม่เคยมีผู้ใดได้ยินมาก่อน " จูจ้าวที่ฟื้นตัวขึ้นมาบ้างแล้วมองไปยังต้วนหลิงเทียนด้วยสายตามืดมนอย่างถึงที่สุด "ตอนนี้ ข้าอยากเห็นมันตกตายนัก!"
จูชี่เหลือบมองบุตรชายตัวเองและกล่าวออกมาอย่างไม่แยแส "หากเป็นเรื่องนั้นข้าเกรงว่าเจ้าจะต้องผิดหวัง … ทางตระกูลได้ตัดสินใจแล้วว่า ถึงแม้ผู้อาวุโส 2 จะเอาชนะเขาได้ ก็ต้องละเว้นชีวิตของเขาเอาไว้ "
"ทำไมกันเล่าท่านพ่อ?" จูเจ้าสงสัยและไม่เต็มใจอย่างยิ่ง
จูล่งกล่าวเพิ่มเติมออกมา "หลานจ้าว เบื้องหลังของชายหนุ่มผู้นี้สมควรไม่ธรรมดา เพื่อป้องกันปัญหาที่ยากแก้ไข และป้องกันไม่ให้ทั้งตระกูลต้องแบกรับความเสี่ยงอันใด พวกเรามีเพียงกระทำเช่นนี้เท่านั้น"
สีหน้าของจูจ้าวหมองคล้ำลง "เช่นนั้นท่านลุงจักทำเช่นไร หากมันมิมีพื้นหลังอันใดเล่า?"
ดวงตาทั้งคู่ของจูล่งเต็มไปด้วยประกายฆ่าฟันทันที "หากพวกเราสามารถยืนยันได้แล้วว่ามันมิมีพื้นหลังอันใด เช่นนั้นมันก็ไม่อาจรอดพ้นชะตากรรมของคนตายไปได้! เรื่องนี้ผู้อาวุโส 2 กับข้า ได้หารือกันมาก่อนแล้ว …หลังจากที่ผลการประหลองหลอมศาสตราครั้งนี้ปรากฏขึ้น ผู้อาวุโส 2 จะพยายามค้นหาเกี่ยวกับความเป็นมาของมัน หากมันไม่มีพื้นหลังอันใด ผู้อาวุโส 2 จะไม่ปล่อยให้มันมีลมหายใจกลับไป"