สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - บทที่ 229 : ลมหายใจสุดท้ายขององค์ราชามรรตัย!
บทที่ 229 : ลมหายใจสุดท้ายขององค์ราชามรรตัย!
องค์รักษ์ผีทั้ง 8 ล้วนเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับครึ่งก้าวธรรมชาติทั้งสิ้น และยามนี้พวกมันมิต่างอันใดไปกับหมาป่าหิวโหย ที่เห็นต้วนหลิงเทียนเป็นเหยื่ออันโอชะ พวกมันล้วนกระโจนร่างเข้าหากลุ่มของต้วนหลิงเทียนอย่างดุร้าย
"เหอะ!" น้ำเสียงเย็นชาสบทออกมาเบาๆ ประกายดาบสีเขียวพลันเรืองวูบขึ้นในอากาศ ว่องไวเสียจนไม่ทันได้กระพริบตา
สึบ!
เพียงประกายสีเขียวของดาบเรืองขึ้นมาวูบเดียวเป็นเส้นสายต่อเนื่องงดงามเส้นหนึ่ง เหล่าองครักษ์ผีทั้ง 8 ชีวิตก็จากโลกนี้ไป โดยที่พวกมันไม่มีใครทันได้สังเกตเห็นเคียวยมทูตที่ตวัดปลิดศีรษะมันด้วยซ้ำ
เงาร่างช้างแมมมอธโบราณ 3,000 ตัวกระพริบวูบขึ้นมาเพียงเสี้ยวพริบตาในอากาศ ก่อนที่จะสลายหายไป
นอกจากต้วนหลิงเทียนแล้ว ยามนี้กลุ่มองค์รักษ์ชุดแพรที่ยืนอยู่ด้านหลังของต้วนหลิงเทียน รวมทั้งคนอื่นๆที่อยู่ในท้องพระโรงล้วนจับจ้องมาทางฉงเฉวียนที่กลับมายืนด้านข้างต้วนหลิงเทียนอย่างสงบนิ่งกันหมด ความตกตะลึงฉายชัดอยู่บนดวงตาทุกคู่ เพราะพวกเขาล้วนไม่คาดคิดว่าคนที่ยืนเงียบข้างต้วนหลิงเทียนจะเป็นถึงผู้ฝึกยุทธ์ระดับแรกสัมผัสธรรมชาติ และแม้กระทั่งเป็นถึงผู้ฝึกยุทธ์ระดับธรรมชาติขั้นที่ 2!
"ผู้ฝึกยุทธ์ระดับแรกสัมผัสธรรมชาติขั้นที่ 2 จำนวน 3 คน กับผู้ฝึกยุทธ์ระดับแรกสัมผัสธรรมชาติขั้นแรกอีก 1 คนงั้นหรือ…ดี! เช่นนั้นก็ดาหน้ากันเข้ามา! ข้าจะฆ่าให้ตายพร้อมกันทั้งหมด!" องค์ราชามรรตัยหัวเราะออกมา น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยพลังอำนาจสะกดข่ม
"อาศัยเจ้า? ลำพังข้าก็เหลือเฟือ!" น้ำเสียงสงบนิ่งของฉงเฉวียนเจือไปด้วยความเย้ยหยัน เขาก้าวเพียงครั้ง ทว่าร่างกลับไปปรากฏตัวเบื้องหน้าองค์ราชามรรตัยในพริบตา ราวกับเขากำลังเคลื่อนย้ายข้ามผ่านมิติอย่างไรอย่างนั้น
"ลำพังเจ้า? อาศัยตัวเจ้าที่เป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับแรกสัมผัสธรรมชาติขั้นที่ 2 นี่น่ะหรือ?" องค์ราชามรรตัยหัวเราะเย้ยหยันออกมา ก่อนที่เขาจะพุ่งร่างออกไปด้วยความเร็วสูง พร้อมตวัดดาบอันเป็นอาวุธวิญญาณระดับ 7 ที่ฉาบไปด้วยสีน้ำเงินเข้มของเขา หมายสับร่างฉงเฉวียนให้เป็น 2 ส่วน โทษฐานกล่าววาจาโอหัง
ด้วยความสามารถในการเพิ่มพูนความแข็งแกร่งของอาวุธวิญญาณระดับ 7 เดิมองค์ราชามรรตัยที่มีความแข็งแกร่ง 4,000 ช้างแมมมอธโบราณนั้น ก็เพิ่มขึ้นมาเป็น 5,100 แมมมอธโบราณทันที….
และนั่นยังไม่ใช่ทั้งหมด
ด้วยกลิ่นอายลี้ลับลึกซึ้งที่ปกคลุมอยู่บนดาบ 3 ฉื่อจนชโลมตัวดาบเป็นสีน้ำเงินเข้มนั้น มันทำให้ เงาร่างช้างแมมมอธโบราณถูกเพิ่มเข้ามาอีก 500 ตัว …
กล่าวได้ว่ายามที่องค์ราชามรรตัยใช้ออกด้วยความสามารถและพลังทั้งหมด ตัวมันมีความแข็งแกร่งจน พลังงานฟ้าดินตอบรับ ก่อเกิดเป็นเงาร่างช้างแมมมอธโบราณเหนือศีรษะมันถึง 5,600 ตัว!!
ระทึกขวัญผู้คนยิ่งแล้ว!
"นอกเหนือจากการเพิ่มพูนของอาวุธวิญญาณ ความสามารถที่สามารถเพิ่มความแข็งแกร่งให้อีก 500 ช้างแมมมอธโบราณนั่นมัน?" เมื่อสงสัยต้วนหลิงเทียนก็อาศัยการค้นหาในความทรงจำของจักรพรรดิกลับชาติมาเกิด 2 ชาติภพทันที และในทันทีทันใด เขาก็รู้ได้ทันทีว่าความแข็งแกร่งที่เพิ่มมาอีก 500 ช้างแมมมอธโบราณขององค์ราชามรรตัยนั้น เกิดมาจากการรู้แจ้งวิถีแห่งพลังกระบี่ จนมีความสำเร็จอยู่ในระดับ ครึ่งก้าวพลังกระบี่ขั้นสูง
วิถีแห่งพลังนี้ มีเพียงตัวตนที่เยื้องย่างเข้ามาอยู่ในระดับแรกสัมผัสธรรมชาติขึ้นไปเท่านั้นที่จะสามารถค้นพบและสัมผัสถึงได้
เป็นเช่นนี้
เมื่อเข้าใจวิถีแห่งพลังจนมีความสำเร็จใน ระดับเบื้องต้น จะได้รับความแข็งแกร่งเพิ่มพูนขึ้นถึง 200 ช้างแมมมอธโบราณ!
หากเข้าใจ วิถีแห่งพลัง จนมีความสำเร็จในระดับ ครึ่งก้าวพลังขั้นสูง จะได้รับความแข็งแกร่งเพิ่มพูนขึ้น 500 ช้างแมมมอธโบราณ!
ส่วนเมื่อสามารถรู้แจ้งและเข้าใจวิถีแห่งพลังขั้นสูงได้นั้น …
ครืนน!
ฉงเฉวียนเมื่อเห็นองค์ราชามรรตัยฟาดฟันมา มันก็ลงมือป้อนกระบวนท่าทันที เขาไร้ซึ่งความหวาดกลัวแม้แต่เพียงนิดเมื่อเผชิญหน้ากับองค์ราชามรรตัยที่กำลังจู่โจมสวนกลับมาด้วยพลังที่เพิ่มพูนจากอาวุธวิญญาณและครึ่งก้าวพลังกระบี่ขั้นสูง เขาพุ่งร่างสวนออกไปพร้อมตวัดดาบทันที
ด้วยความสามารถในการเพิ่มพูนความแข็งแกร่งของอาวุธวิญญาณระดับ 7 ฉงเฉวียนที่มีความแข็งแกร่ง 3,000 ช้างแมมมอธโบราณจากระดับผู้ฝึกยุทธ์แรกสัมผัสธรรมชาติขั้นที่ 2 ก็เพิ่มพูนเป็น 3,900 ข้างแมมมอธโบราณทันที …
วู้มมมมมม!
และในทันใดนั้นเอง กลิ่นอายที่ลึกล้ำและน่าหวาดหวั่นยิ่งกว่ากลิ่นอายที่ฉายไว้บนดาบขององค์ราชามรรตัยก็เริ่มแผ่ซ่านออกมาปกคลุมดาบ 3 ฉื่อของฉงเฉวียน
พริบตานั้นเหนือศีรษะของฉงเฉวียน เงาร่างช้างแมมมอธโบราณจำนวน 2,000 ตัวพลันเพิ่มพูนขึ้นมาอย่างทันทีทันใด …
ในยามที่ฉงเฉวียนลงมือเต็มกำลัง เขาสามารถบรรลุถึงความแข็งแกร่งระดับ 5,900 ช้างแมมมอธโบราณ!
"พลังกระบี่ขั้นสูง!" องค์ราชามรรตัยที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจก่อนหน้านี้ เมื่อเขาเห็นซึ้งถึงกลิ่นอายและรังสีพลังลึกล้ำน่าหวาดหวั่นที่ฉาบอยู่บนดาบของฉงเฉวียน และเห็นเงาร่างช้างแมมมอธโบราณกว่า 5,900 ตัวเหนือศีรษะฉงเฉวียน สีหน้าของมันพลันซีดลงอย่างน่ากลัว
แล้วร่างของฉงเฉวียนกับองค์ราชามรรตัยก็พุ่งสวนกัน
สายโลหิตฉีดพุ่งออกมาอย่างสยดสยอง
ฉงเฉวียนเพียงยินนิ่งสงบปลอดภัยไร้เรื่องราว …ตั้งแต่ต้นจนจบยังไม่มีอารมณ์ใดๆแสดงออกมาทั้งสิ้น
ส่วนองค์ราชามรรตัยยามนี้บริเวณน่าอกของมันกลับเป็นรูโหว่อย่างน่าสยดสยอง ก้อนเนื้อที่เคยสั่นไหวกลางอกตั้งแต่เกิดหายไปอย่างลึกลับ… ดาบวิญญาณระดับ 7 ของมันตกลงบนพื้นเมื่อเจ้าของไร้กำลังหยิบจับ
ตุบ
ร่างของมันล้มลงไปกองบนพื้นราวหุ่นกระบอกไร้ด้าย
ความแข็งแกร่งกว่า 5,900 ช้างแมมมอธโบราณที่ฉงเฉวียนใช้ออก เหนือกว่าความแข็งแกร่งที่องค์ราชามีเพียง 5,600 ช้างแมมมอธโบราณอย่างชัดเจน ซ้ำกระบวนท่าดาบของทั้งคู่ยังห่างชั้นราวเด็กทารกกับผู้ใหญ่ ผลลัพธ์จึงเป็นเช่นนี้
"เจ้า … มันเป็นเช่นนี้ได้อย่างไร… พลังกระบี่ขั้นสูง … ?" องค์ราชามรรตัยพยายามหันศีรษะกลับมามองฉงเฉวียนเป็นครั้งสุดท้ายด้วยใบหน้าไม่ยอมรับความจริง เพราะเรื่องราวนี้ มันน่าเหลือเชื่อเกินกว่าที่ตัวมันจะเชื่อว่าเป็นเรื่องจริง
ตัวมันคิดว่า การที่ตนสามารถทำความเข้าใจวิถีแห่งพลังจนมีความสำเร็จระดับครึ่งก้าวพลังกระบี่ขั้นสูง นั้นเป็นอัจฉริยะที่หาได้ยากยิ่งแล้ว เพราส่วนมากของผู้ฝึกยุทธ์ระดับแรกสัมผัสธรรมชาติขั้นที่ 4 ลงมา ของอาณาจักรพนาครามยังไม่อาจมีความสำเร็จได้เท่ามัน…
แต่บุคคลที่อยู่เพียงระดับแรกสัมผัสธรรมชาติขั้นที่ 2 กลับสามารถทำความเข้าใจวิถีแห่งพลัง จนสามาระบรรลุ ระดับ พลังกระบี่ขั้นสูงที่มันใฝ่ฝันได้อย่างแท้จริง!
ครึ่งก้าวพลังกระบี่ขั้นสูง สามารถเพิ่มความแข็งแกร่งได้ 500 ช้างแมมมอธโบราณ …
ทว่าพลังกระบี่ขั้นสูง สามารถเพิ่มพูนความแข็งแกร่งได้ถึง 2,000 ช้างแมมมอธโบราณ!
ระดับพลังของทั้ง 2 ขีดขั้นนั้นหาได้อยู่ระดับเดียวกันอย่างสิ้นเชิง
มันทำได้เพียงตกตายลงอย่างโศกศัลย์อาลัย ไร้ซึ่งความเต็มใจอย่างถึงที่สุด …
"เสด็จพ่อ!" ฉู่ฉินกรีดร้องออกมาอย่างโหยหวน ม่านตาของมันขยายเบิกกว้าง ทั่วทั้งร่างสั่นระริก มันไม่อาจทำใจเชื่อได้ว่าเรื่องราวทั้งหมดตรงหน้าจะเป็นความจริง
ยามนี้มันรู้สึกราวกับท้องฟ้าถล่ม วิมานที่วาดฝันพังทลาย …
ปลายทางอันแสนสดใสสว่างรุ่งโรจน์พลันดับวูบลงเหลือเพียงความมืดมิด ซ้ำยังมีชะตากรรมแห่งความตายที่กวักมือรออยู่รำไร
ยามนี้เสียงเดียวที่ดังอยู่ในท้องพระโรงคงมีเพียงเสียงฉู่ฉินร้องคร่ำครวญเท่านั้น ส่วนทุกสายตาของผู้คนยกเว้นต้วนหลิงเทียน ยามนี้ล้วนจับจ้องมายังฉงเฉวียนทั้งสิ้น
หลังจากนั้นสักครู่ใหญ่ๆ
"ข้า … ข้าขอถามท่านสักหน่อยได้หรือไม่ พลังกระบี่ขององค์ราชามรรตัย มิได้อยู่ในระดับพลังกระบี่ขั้นสูงหรอกหรือ?" ซื่อหม่าฉางฟงมองไปยังฉงเฉวียนด้วยความหวาดกลัว ผู้เชี่ยวชาญเบื้องหน้าของมัน สามารถสังหารองค์ราชามรรตัยด้วยการลงดาบเพียงครั้งเดียวเท่านั้น…
"แน่นอนว่าย่อมมิใช่" ฉงเฉวียนเหลือบไปมองซื่อหม่าฉางฟงด้วยสายตานิ่งเฉย ก่อนที่จะกล่าวออกมาอย่างช้าๆ "พลังกระบี่ของมันเพียงอยู่ในระดับ ครึ่งก้าวพลังกระบี่ขั้นสูงเท่านั้น …และถึงแม้ว่าระดับครึ่งก้าวพลังขั้นสูงกับ ระดับพลังขั้นสูงจะห่างกันเพียงขีดขั้นเดียวเท่านั้น แต่ความแตกต่างของมันก็ไม่ได้ต่างอะไรไปจากโลกและสวรรค์ พลังกระบี่ที่ข้าใช้ออกเมื่อครู่ถึงจักเป็น พลังกระบี่ขั้นสูง ที่แท้จริง"
ซื่อหม่าฉางฟงพยักหน้าหลังจากได้รับความกระจ่าง
ความแตกต่างมันเปรียบดั่งสวรรค์และโลกโดยแท้จริง
เพราะมันแตกต่างกันถึง 1,500 ช้างแมมมอธโบราณ!
"นี่คือความแข็งแกร่งของระดับธรรมชาติ… " ถึงแม้ว่าทั้งหมดที่เขาพบเห็นวันนี้จะไม่ได้มีอะไรนอกเหนือไปจากความทรงจำของจักรพรรดิกลับชาติมาเกิดในหัว ที่ต้วนหลิงเทียนสามารถเข้าใจได้ดีอยู่แล้ว แต่เมื่อได้เห็นด้วย 2 ตาต่อหน้าเช่นนี้ ต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะตื่นเต้นเล็กน้อย
"เสด็จพ่อ!" ฉู่ฉินที่ซบศีรษะลงไปยังร่างไร้วิญญาณขององค์ราชามรรตัย ยังคงร่ำร้องโหยหวนออกมาอย่างน่าเวทนา
ต้วนหลิงเทียนเพียงเดินไปหามันโดยไม่สนใจผู้คนที่กำลังตกตะลึง ซ้ำเมื่อไปถึงร่าง 2 พ่อลูกที่หนึ่งตายหนึ่งร่ำร้อง ต้วนหลิงเทียนก็ไม่แยแส ก้มลงไปปลดแหวนมิติออกจากนิ้วศพราชามรรตัย ซ้ำยังหยิบดาบวิญญาณระดับ 7 ขึ้นมา ก่อนที่จะเดินข้ามหัวฉู่ฉินไป ปลดสมบัติจากศพขององครักษ์ผีทั้ง 8 คน ด้วยรอยยิ้มเบิกบาน
หลังจากที่เก็บสินสงครามทั้งหมดลงในแหวนมิติ ต้วนหลิงเทียนก็หัวเราะออกมาเล็กน้อย ก่อนที่จะมองไปทางองค์ราชาและซื่อหม่าฉางฟง "อาจารย์ซื่อหม่า องค์ราชา พวกท่านไม่ถือใช่หรือไม่ ที่ข้าจะเก็บสินสงครามเหล่านี้?"
ซื่อหม่าฉางฟงเพียงส่ายหน้าและกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงดุ "เด็กน้อย เจ้าเก็บพวกมันไปจนหมดสิ้นแล้ว ยังมีหน้ามาถามอีกรึว่า พวกเราถือหรือไม่?"
ต้วนหลิงเทียนหัวเราะออกมาอย่างเขินอาย
"สินสงครามเหล่านี้แน่นอว่าเจ้าสามารถเอาไปได้ เพราะทั้งหมดล้วนเป็นเพราะผู้เชี่ยวชาญที่อยู่ด้านข้างของเจ้าเป็นผู้ลงมือ เช่นนั้นมันย่อมเป็นของเจ้า"หลังจากที่องค์ราชาหายจากอากาตกตะลึง เขาก็มองไปยังร่างของฉงเฉวียนที่ยืนอยู่ด้านข้างต้วนหลิงเทียนด้วยสองตาที่ทอประกายเจิดจ้า
"ฮึ่ม!" หลังจากที่ฉงเฉวียนสบถออกมาพร้อมกวาดสายตาเย็นชาไปมององค์ราชา องค์ราชาก็ก้มหน้าลง พร้อมละอายเล็กน้อย
"ผู้บัญชาการต้วน ข้าอิจฉาเจ้านัก ที่มีผู้เชี่ยวชาญเช่นนี้เคียงข้าง" องค์ราชามองต้วนหลิงเทียนด้วยรอยยิ้มบางๆ
"ฝ่าบาทล้อเล่นแล้ว …จริงสิ แล้ว 2 คนนี่เล่าจะให้จัดการเช่นไรหรือ?"ต้วนหลิงเทียนเหลือบตามองไปยังฉู่ฉินที่ยังคงร่ำร้อง กับชายชราคิ้วขาวที่ยืนหน้าซีดปากสั่นอยู่
ฟุ่บ!
เกือบจะเป็นเวลาเดียวกันที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวจบ ร่างขององค์ราชาก็เคลื่อนไหววูบไป
เพียงพริบตาเดียวชายชราคิ้วขาวกับฉู่ฉินก็ถูกฟาดตกตาย ด้วยมือทั้งสองข้างขององค์ราชา
ม่านตาของต้วนหลิงเทียนหดแคบลงเล็กน้อย เขาไม่คิดเลยว่าองค์ราชาจะเป็นผู้ฝึกยุทธ์ครึ่งก้าวธรรมชาติด้วยเช่นกัน
ประกายตาของต้วนหลิงเทียนราวกับจะเรืองแสงได้ออกมา เมื่อเขาเห็นพระราชาเดินกลับไปนั่งบนบนบัลลังก์ และยามนี้เขาก็จับจ้องไปยังแหวนมิติของฉู่ฉินและชายชราคิ้วขาว "องค์ราชา … ของพวกเขา"
"เจ้าเอาไปเถอะ" องค์ราชาส่ายหัวออกมา "ผู้บัญชาการต้วน เจ้าร้อนเงินมากเลยหรือ?"
เมื่อได้รับคำอนุญาตต้วนหลิงเทียนก็ปราดร่างไปเก็บแหวนมิติของทั้ง 2 คนด้วยความเร็วสูง ก่อนจะกล่าวตอบคำพร้อมรอยยิ้ม "ไม่น้อยเลยล่ะท่าน"
องค์ราชาพยักหน้าตอบรับก่อนที่จะกล่าวออกมา "ผู้บัญชาการต้วน เรื่องราวในวันนี้ล้วนเป็นเพราะเจ้ายื่นมือช่วยเหลือ … หากไม่มีเจ้าอยู่ที่นี่ เกรงว่าตัวข้าองค์ราชาก็อาจไม่มีลมหายใจ เช่นนี้ข้าจะมอบรางวัลให้เจ้า 10,000,000 เหรียญทองเป็นไร?
10,000,000 เป็นไร?
เสียงสูดลมหายใจของต้วนหลิงเทียนดังขึ้นเล็กน้อย
10,000,000 เหรียญทอง มีค่าเท่ากับ 1,000,000,000 เหรียญเงิน … .
"ขอบคุณฝ่าบาท" ต้วนหลิงเทียนรีบพยักหน้ากล่าวขอบคุณด้วยรอยยิ้มทันที
"เจ้าตัวแสบ เจ้านี่มันตัวละโมบเงินทองนัก … ." เจ้าพระยาส่ายหัวออกมาพร้อมหัวเราะ สายตาของเขาเบนไปจับจ้องฉงเฉวียนเป็นระยะ เข้ารู้สึกประหลาดใจอย่างแท้จริง ที่ต้วนหลิงเทียนมีตัวตนท่าสะพรึงกลัวเช่นนี้คอยเคียงข้าง
ถึงแม้ว่านี่เหวี่ยจะไม่ได้กล่าวอะไรออกมา แต่เขาก็ตกตะลึงเช่นกัน
"เฮ่อ อนิจจา…." ทันใดนั้นองค์ราชาก็ระบายลมหายใจออกมาอย่างเหนื่อยล้า "จากเรื่องราวเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นวันนี้ ข้าก็ตระหนักได้เสียที ว่าถึงเวลาแล้วที่ตัวข้าควรสละราชบัลลังก์ …ท่านผู้อำนวยการซื่อหม่า ท่านเจ้าพระยา และท่านพระยา…พวกท่านคิดว่าข้าควรส่งมอบบัลลังก์ให้ผู้ใดสืบทอด และกลายเป็นองค์ราชาคนใหม่ของอาณาจักรนภาล่องดี? "
"ฝ่าบาท เรื่องนี้คงจะเป็นการดีกว่า หากท่านตัดสินใจด้วยตนเอง" ซื่อหม่าฉางฟงกล่าวออกมา
"ข้าเองก็คิดเช่นเดียวกับท่านผู้อำนายการซื่อหม่า ฝ่าบาททรงเลือกคนที่พระองค์มั่นใจและเห็นชอบเถิด หรือไม่พระองค์ก็จัดการทดสอบ ให้เหล่าองค์ชายทั้งหลายร่วมแข่งขันทดสอบกัน ผู้ที่สามารถผ่านการทดสอบ ก็จะได้รับมอบตำแหน่งราชาองค์สืบไป" เจ้าพระยากล่าวออกมา
"สำหรับข้าไม่ว่าผู้ใดขึ้นเป็นองค์ราชา ข้าพร้อมที่จะตายเพื่อเขา!" นี่เหวี่ยกล่าวระบุจุดยืนออกมาอย่างห้าวหาญ
"จริงสิท่านพระยา ข้าเองก็ยังไม่ทันได้แสดงความยินดีต่อท่าน ที่สามารถตัดผ่านไปยังระดับแรกสัมผัสธรรมชาติได้สำเร็จ… เฮ่อ ไม่รู้ว่าชีวิตนี้ของข้ายังมีหวังที่จะตัดผ่านไปยังระดับแรกสัมผัสธรรมชาติหรือไม่ เมื่อข้าส่งต่อบัลลังก์นี้แล้ว ข้าว่าจะลองเดินในเส้นทางของผู้ฝึกยุทธ์อีกสักครั้ง "
หลังจากผ่านเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นวันนี้ทั้งหมด องค์ราชาก็เหมือนได้รับการรู้แจ้งในหลายๆอย่าง และสุดท้ายเขาก็สามารถฟันฝ่าอุปสรรคไปได้
ไม่นานต้วนหลิงเทียนและองค์รักษ์เสื้อแพร รวมถึงคนทั้งหมดก็ออกจากท้องพระโรง
"อาจารย์ซื่อหม่า ข้าไม่คิดเลยว่าท่านจะเป็นผู้อำนวยการ" หลังจากที่ออกจากท้องพระโรงต้วนหลิงเทียนก็มองซื่อหม่าฉางฟงด้วยแววตาซับซ้อน
เท่าที่เขาล่วงรู้มา ดูเหมือนซื่อหม่าฉางฟงจะนับเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับแรกสัมผัสธรรมชาติคนที่ 4 ที่ปิดบังตัวตนอยู่ในอาณาจักรนภาล่อง
สำหรับพระยาเรืองฤทธิ์นี่เหวี่ยที่พึ่งตัดผ่านมาไม่นานนั้นไม่เกี่ยว
"ข้าเองก็คาดมิถึงเช่นกันว่าเจ้าจักมีผู้เชี่ยวชาญระดับนี้อยู่เคียงข้าง … วันนี้หากไม่ใช่เพราะเขาแล้ว เกรงว่าท่านเจ้าพระยากับท่านพระยา ยังมีองค์ราชารวมทั้งข้าด้วย คงต้องตกตายด้วยน้ำมือองค์ราชามรรตัยแล้ว" ซื่อหม่าฉางฟงเหลือบมองฉงเฉวียนก่อนที่จะถอนหายใจออกมาด้วยอารมณ์ซับซ้อน
"เทียนน้อย แล้วเขาเป็นผู้ใดรึ?" นี่เหวี่ยเหลือบมองไปยังฉงเฉวียนก่อนที่จะกล่าวถามต้วนหลิงเทียนออกมาด้วยความแปลกใจ
ไม่ทันที่ต้วนหลิงเทียนจะได้กล่าวตอบอะไร ฉงเฉวียนที่เงียบอยู่ตลอดทาง พลันเอ่ยปากออกมาก่อน "ข้าเป็นข้ารับใช้ของนายน้อย"
ข้ารับใช้?
นี่เหวี่ย ซื่อหม่าฉางฟง เจ้าพระยา รวมถึงองค์รักษ์ทั้งหมดล้วนตกตะลึงจนแสดงสีหน้าเหรอหรา ไม่ต่างอะไรจากคนเสียสติ เมื่อได้ยินว่าฉงเฉวียนพูดอะไร
ผู้ฝึกยุทธ์แรกสัมผัสธรรมชาติขั้นที่ 2 ที่สามารถเข้าใจวิถีแห่งพลังจนมีความสำเร็จสูงถึงระดับ พลังกระบี่ขั้นสูง ซ้ำยังสามารถลงดาบปลิดปลงสังหารผู้ฝึกยุทธ์ระดับแรกสัมผัสธรรมชาติขั้นที่ 3 ด้วยการตวัดดาบเพียงครั้ง เรียกตัวเองว่าเป็นคนรับใช้ของต้วนหลิงเทียน
โลกนี้มันเกิดเรื่องบ้าอันใดขึ้น?
กระทั่งกลุ่มองค์รักษ์เสื้อแพรยังอดไม่ได้ที่จะรู้สึกละอายเล็กน้อย
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะล่วงรู้ว่าฉงเฉวียนนั้นน่าสะพรึงกลัวเพียงใดตั้งแต่เรื่องราวที่เกิดขึ้นในวังขององค์ชาย 5 ก่อนหน้านี้ และพวกเขาก็ได้ยินคำเรียกขานต้วนหลิงเทียน ว่านายน้อยของฉงเฉวียนดี แต่พวกเขาก็ไม่เคยคิดจริงๆว่าฉงเฉวียนจะเป็นข้ารับใช้ของต้วนหลิงเทียน พวกเขานึกว่าเป็นเพียงผู้คุ้มกันหรือองครักษ์เท่านั้น
"อะไร เรื่องนี้มันจำเป็นต้องแปลกใจถึงขนาดนั้นเลยหรือ?" ต้วนหลิงเทียนมองท่าทางที่ทุกคนแสดงออกมา ก่อนที่จะกล่าวถามออกมาพร้อมลูบจมูก
นี่ทำให้ทั้งหมดไร้คำจะกล่าวอย่างแท้จริง