สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - บทที่ 228 : ปะทะเดือด หน้าบัลลังก์!
บทที่ 228 : ปะทะเดือด หน้าบัลลังก์!
"อย่างที่คิดเอาไว้ไม่มีผิด" ประกายตาของของต้วนหลิงเทียนเรืองวูบออกมา เขาสามารถเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดได้ในเสี้ยวพริบตา
ตอนแรกที่องค์ราชามรรตัยปรากฏตัว ต้วนหลิงเทียนก็สัมผัสได้ถึงว่าบรรยากาศมันเคร่งเครียดและอึมครึมขึ้นในทันใด
ประการแรก องค์ราชามรรตัย ดูเหมือนจะมีความไม่พอใจในตัวองค์ราชาไม่น้อย
ประการที่สอง องค์ชาย 5 ที่มีนามว่าฉู่ฉิน ตอนแรกนั้นมันยังคุกเข่าอ้อนวอนเพื่อขออภัยโทษอยู่ดีๆ แต่ทว่าพอองค์ราชามรรตัยปรากฏตัว มันก็ถอนหายใจโล่งอกออกมาราวกับได้เห็นผู้ที่สามารถช่วยชีวิตมันได้อย่างไรอย่างนั้น
แต่จะอย่างไรก็ตาม ตัวต้วนหลิงเทียนเองก็คิดไม่ถึงเช่นกันว่าความสัมพันธ์ระหว่างองค์ชาย 5 กับองค์ราชามรรตัยฉู่จะเป็นถึงบุตรบิดาเช่นนี้ !
นี่ไม่ได้หมายความว่า องค์ชาย 5 เกิดจาก การที่องค์ราชามรรตัยไปเล่นชู้กับสนมขององค์ราชาหรอกหรือ?
สวรรค์ เรื่องเช่นนี้….
แลดูเหมือนเรื่องนี้จะซับซ้อนไม่น้อย..
"เจ้า… พวกเจ้าสองคน … " องค์ราชาพิโรธอย่างถึงทีสุด ม่านตาของเขาหดแคบลง มือสลับชี้ออกมายังองค์ราชามรรตัยฉู่ และฉู่ฉิน ลมหายใจเริ่มปั่นป่วน
"เสด็จพี่ เดิมทีฉินเอ๋อนั้นมิได้ล่วงรู้เรื่องราวอันใดเกี่ยวกับยาพิษหรอก …ยาพิษที่เขานำไปลอบวางให้ท่านนั้น เป็นข้าที่มอบสูตรโอสถให้แก่เขาเอง " องค์ราชามรรตัยฉู่มองไปยังองค์ราชาด้วยสายตาเรียบเฉย ราวกับเขากล่าวเรื่องราวธรรมดา "ในปีนั้น ตัวข้าได้ตัดสินใจว่าจะอยู่ปกป้องราชวงศ์ให้ดี และความหวังเพียงหนึ่งเดียวที่เหลืออยู่ของข้าก็คือ การได้เห็นบุตรชายคนเดียวได้ขึ้นครองบัลลังก์ … แต่โชคชะตาช่างเล่นตลกนัก เป็นท่านเอง…เสด็จพี่ ตัวท่านนั้นกระหายในอำนาจมากจนเกินไป แม้วัยท่านจะล่วงเลยไป 60 กว่าแล้ว แต่ตัวท่านยังไม่ยินยอมที่จะสละบัลลังก์ของท่าน "
บุตรชายคนเดียว!
เรื่องที่องค์ราชามรรตัยกล่าวออกมา ทำให้สีหน้าขององค์ราชาซีดราวกับศพ "บัดซบ เช่นนั้นสารเลวน้อยนี่ก็เกิดจากเจ้ากับอีนังแพศยานั่น?!" องค์ราชารู้สึกแน่นหน้าอกจนแทบหายใจไม่ออก เมื่อได้รู้ว่าตัวเขากลับโง่งมสวมหมวกเขียวมาตลอดหลายปีที่ผ่าน
"ไอแก่ เจ้าอย่าได้ว่าร้ายท่านแม่ของข้า!" ฉู่ฉินลึกขึ้นยืนก่อนที่จะชี้หน้าด่าองค์ราชาด้วยแววตาดุร้าย เมื่อเรื่องราวมันมาถึงขั้นนี้แล้วก็ไม่จำเป็นต้องแสดงละครปิดบังอะไรอีก
"ฮ่า ๆ … .ฮ่าๆ ๆ ๆ ๆ … ." องค์ราชาระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง ครู่หนึ่งหลังจากนั้นองค์ราชาก็มองไปยังองค์ราชามรรตัยฉู่ด้วยสายตาเย็นชา "น้องสี่ ที่เจ้าเลือกออกมาเผชิญหน้าและแตกหักกับข้าในวันนี้เช่นนี้ คงไม่ใช่แค่เพราะเจ้าคิดมาช่วยชีวิตมันอย่างเดียวใช่หรือไม่ ?"
องค์ราชามรรตัยฉู่มองไปยังองค์ราชาด้วยสายตาลึกซึ้ง "เสด็จพี่ …ที่ข้ามาวันนี้ ยังหวังให้ท่านสละบัลลังก์ ส่งมอบให้รุ่นเยาว์ที่มีความสามารถเสีย"
ให้สละบัลลังก์?
อะไรที่องค์ราชามรรตัยกล่าว ล้วนทำให้ผู้คนเลอะเลือนอีกครั้ง
แม้แต่ตัวต้วนหลิงเทียนเองก็ไม่คิดเลยว่าองค์ราชามรรตัยจะไร้ยางอายถึงเพียงนี้! …
"แล้วหากข้าไม่เต็มใจ เจ้าจักทำเช่นไร?" องค์ราชากล่าวถามออกมาด้วยน้ำเสียงต่ำ ประกายตาเรืองวูบออกมาด้วยความเย็นชา
"เสด็จพี่ ท่านเองก็มิใช่คนเขลา" องค์ราชามรรตัยฉู่กล่าววาจาออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ทว่าวาจาที่กล่าวออกด้วยน้ำเสียงเรียบๆนี้กลับแฝงคำขู่เอาไว้ไม่น้อย
"เช่นนั้นน้องสี่ คิดบีบบังคับให้ข้าสละบัลลังก์?" องค์ราชาเริ่มหัวเราะออกมาอีกครั้ง ใบหน้าของเขาแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชา ดูไปคล้ายถูกน้ำแข็งเคลือบปกคลุมเอาไว้
"แล้วหากข้าคิดทำเช่นนั้น จะเป็นอย่างไรเล่า?" ท่าทางขององค์ราชามรรตัยแลดูไม่ได้ทุกข์ร้อนแม้แต่น้อย ราวกับเขาไม่ได้เห็นองค์ราชาอยู่ในสายตา
"บังอาจ" สีหน้าขององค์ราชามืดลง ก่อนที่จะตะโกนออกมา
ทว่าตอนนี้องค์ราชามรรตัยดูเหมือนจะไม่ได้สนใจอะไรองค์ราชา ดูเหมือนเขาจะสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง เลยหันมองออกไปนอกท้องพระโรง
ตอนนี้เองจะสังเกตได้ว่าฉงเฉวียนที่อยู่ด้านข้างต้วนหลิงเทียนก็หันไปมองด้านนอกเช่นกัน
ต่อมาทั้งเจ้าพระยาและพระยาเรืองฤทธิ์ก็หันไปมองด้วยเช่นกัน
ร่างหนึ่งกำลังเยื้องย่างมาอย่างช้าๆ
ร่างนี้สวมชุดคลุมสง่างาม ในมือถือพัดขนนกสีขาวเอาไว้
ร่างนั้นเป็นชายวัยกลางคนผู้หนึ่ง และตอนนี้เขาเองก็เดินไปยืนอยู่ด้านหลังองค์ราชา
องค์ราชาพลันถอนหายใจออกมา เมื่อเห็นชายวัยกลางคนที่มีท่างท่าราวกับนักปราชญ์มาถึง
"ผู้อำนวยการซื่อหม่า สำหรับคนที่ฉลาดเฉลียวเช่นท่านควรรู้ว่า…ยามนี้อะไรดีต่อท่าน เป็นไปได้หรือไม่ที่ท่านคิดว่าอาศัยตัวท่านจะหยุดข้าได้?" องค์ราชามรรตัยหันไปจับจ้องชายวัยกลางคนผู้มาใหม่ ก่อนที่จะกล่าวคำออกมาด้วยน้ำเสียงมืดมน
"ผู้อำนวยการซื่อหม่า?" สีหน้าของต้วนหลิงเทียนเผยความตกตะลึงออกมา
ชายวัยกลางคนที่ปรากฏตัวขึ้นมาตอนนี้ ไม่ใช่ใครอื่น นอกจากอาจารย์ฝ่ายดาวกุนซือของสถาบันบ่มเพาะขุนพล ซื่อหม่าฉางฟง!
เมื่อครู่เขาได้ยินคำกล่าวขององค์ราชามรรตัยว่า "ผู้อำนวยการ … ."
เป็นไปได้งั้นหรือที่อาจารย์ประจำชั้นเรียนของเขาคนนี้กลับเป็นถึงผู้อำนวยการของสถาบันบ่มเพาะขุนพล
เช่นนั้นกล่าวได้ว่าชายผู้นี้ปกปิดตัวเองได้ดีนัก
"องค์ราชามรรตัยฉู่ ท่านยอมแพ้เสียเถิด " ซื่อหม่าฉางฟงมองไปยังองค์ราชามรรตัยฉู่ ก่อนที่จะกล่าวคำออกมาอย่างเฉยเมย “ฝ่าบาทเป็นองค์ราชาที่ถูกต้องตามขนบธรรมเนียมและมีอำนาจโดยชอบธรรมตามกฎหมายของอาณาจักรนภาล่อง หากท่านคิดต้องการให้ฝ่าบาทสละราชบัลลังก์ อย่าได้กล่าวถึงข้าเลย แม้กระทั่งท่านเจ้าพระยาก็คงไม่ยืนชมดูอยู่เฉยๆเป็นแน่”
"เจ้าพระยา?" สายตาขององค์ราชามรรตัยฉู่เบนไปตกที่ชายชราที่นั่งอยู่ด้านข้างองค์ราชา ก่อนที่จะแย้มยิ้มออกมาอย่างไม่แยแส "เรื่องนี้ไม่ต้องกล่าวถึงความจริงที่ว่า ยามนี้เจ้าพระยาต้องพิษพังพอนทมิฬไร้ลักษณ์จนสูญเสียระดับบ่มเพาะด้วยซ้ำ …ถึงแม้ว่าเข้าจะไม่ได้ถูกพิษอันใด แต่เจ้าคิดจริงๆหรือว่าอาศัยพวกเจ้าเพียง 2 คนร่วมมือกันแล้วจะเอาชนะข้าได้? " ในขณะที่กล่าวคำถึงประโยคนี้ องค์ราชามรรตัยฉู่ก็เผยให้เห็นถึงน้ำเสียงและท่าทางหยิ่งผยอง
"ฮ่า ๆ ๆ ๆ … องค์ราชามรรตัย สมแล้วที่ท่านเคยเป็นถึงความหวังของตระกูลราชวงศ์ และถูกกล่าวขานว่าเป็นอัจฉริยะมากพรสวรรค์ที่หาได้ยากยิ่ง" ชายชราที่นั่งอยู่ด้านข้างองค์ราชากล่าวคำออกมาพร้อมหัวเราะเยาะ
"เจ้าพระยา ข้าขอเตือนว่าเรื่องนี้ จวนเจ้าพระยาอย่าได้สอดมือเข้ามาแทรกเสียจักประเสริฐกว่า หาไม่แล้วอย่าได้ตำหนิข้าองค์ราชามรรตัยไร้เมตตา" องค์ราชามรรตัยฉู่หันไปมองเจ้าพระยาพร้อมกล่าววาจาด้วยน้ำเสียงที่ไม่ขาดเจตนาข่มขู่
"ฮึ่ม!" เจ้าพระยายังไม่ทันได้กล่าววาจาอะไร นี่เหวี่ยที่อยู่ด้านข้างพลันแค่นเสียงสบถและก้าวออกมา "องค์ราชามรรตัย ทางจวนเจ้าพระยาจะยอมรับใช้ และให้ความเคารพต่อราชาที่ถูกต้องตามกฎมณเฑียรบาลประจำราชวงศ์เท่านั้น … หากท่านคิดบีบบังคับให้องค์ราชาสละบัลลังก์เช่นนั้น ตัวเจ้าก็ไม่ต่างอันใดกับกบฏ ข้านี่เหวี่ยจะเป็นคนแรกที่ยืนหยัดเคียงข้างฝ่าบาท เพื่อช่วยเหลือพระองค์ให้พ้นจากความยากลำบากครั้งนี้ และตัดหัวคนทรยศ! "
"ประเสริฐนัก! ท่านพระยา! ไม่เสียทีที่ข้าไว้ใจท่านมาตลอด ช่างประเสริฐนัก!"องค์ราชาอดไม่ได้ที่จะเผยรอยยิ้มออกมา เมื่อได้เห็นพระยาเรืองฤทธิ์ยืนหยัดเคียงข้างไม่หวาดหวั่น
"ถึงแม้ว่าข้าต้วนหลิงเทียนคงทำอะไรท่านไม่ได้ แต่ก็นับได้ว่าข้าเป็นหนี้บุญคุณขององค์ราชาอยู่ไม่น้อย เช่นนี้ข้าเองก็ยินดีจะให้ความช่วยเหลือองค์ราชาด้วยเช่นกัน" ต้วนหลิงเทียนก็กล่าวแสดงจุดยืนออกมาด้วยเช่นกัน
"เจ้าน่ะหรือต้วนหลิงเทียน?" องค์ราชามรรตัยเบนสายตามามองต้วนหลิงเทียนด้วยความดูแคลน มุมปากแสยะยิ้มเย้ยหยันพร้อมกล่าว "เจ้าหาได้มีคุณสมบัติที่จะเลือก!"
“ข้าคงไม่ลำบากให้ท่านองค์ราชามรรตัยมากังวลเรื่องคุณสมบัติในการเลือกของข้าหรอก”ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกมาอย่างไม่แยแส
"ต้วนหลิงเทียน เจ้าอย่าอวดดีให้มันมากนัก!" สีหน้าของฉู่ฉินมืดลงก่อนที่จะกล่าวคำออกมา
"หืม?" ต้วนหลิงเทียนมองไปยังฉู่ฉินก่อนที่จะหัวเราะออกมา "องค์ชาย 5 … โอ้ ข้าลืมไป เจ้าไม่ใช่องค์ชายแล้วสิ"
"เจ้า!" สีหน้าของฉู่ฉินเต็มไปด้วยโทสะ แววตาเขาเต็มไปด้วยจิตสังหาร "ต้วนหลิงเทียน วันนี้เจ้าไม่รอดแน่ ข้าจะจับตัวเจ้า และส่งไปให้ลูกพี่ลูกน้องของข้าจัดการ ข้าจะให้นางสนุกกับการฉีกร่างเจ้าเป็นพันๆชิ้น!"
"อะไร? องค์ชาย 5 เจ้าแน่ใจแล้วงั้นหรือว่าพวกเจ้า 2 คนจะชนะ" ต้วนหลิงเทียนหรี่ตาลงเล็กน้อย ก่อนที่จะกล่าวคำออกมาพร้อมรอยยิ้มบางๆ
"เจ้าจักได้รู้เร็วๆนี้… หลังจากวันนี้ไป ข้าฉู่ฉิน! จักเป็นองค์ราชาแห่งอาณาจักรนภาล่อง!" สายตาของฉู่ฉินเต็มไปด้วยความเพ้อฝัน มันทำราวกับว่าตัวมันเห็นฉากที่ขึ้นนั่งบัลลังก์ครอบครองแผ่นดินอย่างไรอย่างนั้น
"ช่างเพ้อฝันนัก!" องค์ราชาเย้ยหยันออกมา
"เสด็จพี่ ท่านเองก็จะได้รู้ในอีกไม่ช้า ว่ามันจักเป็นแค่เรื่องเพ้อฝันหรือไม่"กล่าวจบองค์ราชามรรตัยก็กวาดสายตามองทุกคนทั่วทั้งห้อง สุดท้ายเขาก็หยุดมองไปยังอัครมหาเสนาบดีกู้โหย่วถิง "อัครมหาเสนากู้ ข้ารู้ว่าท่านเป็นคนฉลาด เช่นนั้นข้าจะให้ทางเลือกแก่ท่าน 2 ทาง… ประการแรกตกตายไปพร้อมๆกันกับไอแก่นี่ หรือเลือกที่จะเป็นอัครมหาเสนาบดีเช่นนี้ต่อไปแล้วช่วยเหลือบุตรชายข้าปกครองอาณาจักรนภาล่อง"
เมื่อกู้โหย่วถิงเห็นสายตาไม่แยแสขององค์ราชามรรตัย เขารู้ดีว่าถึงเวลาที่เขาต้องตัดสินใจเลือกข้างแล้ว
ทั้งตอนนี้เขาก็ยังสังเกตเห็นว่า องค์ราชาจับจ้องเขามาอยู่เช่นกัน
เขาตกอยู่ในสถานการณ์ยากลำบากในพริบตา
ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!
…
ทันใดนั้นเองร่างเงาสีดำพลันกระพริบวูบวาบพุ่งเข้ามายังท้องพระโรงทีละคนๆ ก่อนที่จะไปยืนทางฝั่งองค์ราชามรรตัยฉู่
ทั้งสิ้นมี 8 คน ทั้งหมดล้วนเป็นชายชราสวมใส่ชุดคลุมลมดำ แต่ละคนแลดูเย็นชาไม่แยแส
แน่นอนว่ามันย่อมเป็น หน่วยองค์รักษ์ผีขององค์ราชามรรตัย
"เรียนองค์ราชา องครักษ์ระดับผู้ฝึกยุทธ์ครึ่งก้าวธรรมชาติขององค์ราชา ถูกพวกเราจัดการเรียบร้อยหมดแล้วขอรับ" องครักษ์ผีคนหนึ่งกล่าวคำรายงานต่อองค์ราชามรรตัยฉู่
"อัครมหาเสนาบดีกู้ ตกลงท่านคิดเลือกหนทางใด?"องค์ราชามรรตัยมองไปยังกู้โหย่วถิงก่อนที่จะกล่าวถามออกมาอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่เริ่มหมดความอดทน
กู้โหย่วถิงเองไม่กล้าลังเลอีกต่อไปเมื่อได้ฟังคำรายงานขององค์รักษ์ผีที่ถึงมาถึง "องค์ราชา ข้ากระหม่อมต้องขออภัยท่านด้วย" เขากล่าววาจาขออภัยต่อองค์ราชาก่อนที่จะ เหินร่างไปยังฝั่งขององค์ราชามรรตัย
ความเร็วในการเหินร่างของมันแม้รวดเร็ว ทว่ามีคนที่รวดเร็วฉับไวเสียกว่า!
โผละ!!
ซื่อหม่าฉางฟงที่ยืนอยู่ด้านหลังองค์ราชา พลันยกมือขึ้นมาก่อนที่จะควบรวมพลังงานต้นกำเนิดอย่างฉับพลัน แผ่กลิ่นอายทรงพลังน่าพรั่นพรึงออกมา ก่อนที่จะซัดคลื่นพลังไร้สภาพใส่กู้โหย่วถิงที่เหินร่างอยู่กลางอากาศ จนร่างมันระเบิดแหลกเหลว ตกตายลงต่อหน้าองค์ราชามรรตัย
"ซื่อหม่าฉางฟง!" สีหน้าขององค์ราชามรรตัยหมองคล้ำลง เสื้อคลุมสีขาวของเขาเริ่มโหมกระพือขึ้นโดยไม่มีแม้แต่สายลม ผมยาวโบกสะบัดพลิ้ว ยามนี้เขาบันดาลโทสะแล้ว
ฟุ่บ!
ซื่อหม่าฉางฟงทะยานร่างไปหาองค์ราชามรรตัยด้วยท่วงท่าอหังการราวกับจะทะยานผ่านผืนฟ้า
เหนือศีรษะซื่อหม่าฉางฟงฉายชัดออกมาถึงเงาร่างช้างแมมมอธโบราณ 3,000 ตัว อย่างทรงพลัง! …
"ระดับแรกสัมผัสธรรมชาติขั้นที่ 2!" ต้วนหลิงเทียนรู้สึกประหลาดใจไม่น้อย เขาไม่คิดเลยว่าอาจารย์ประจำชั้นของเขาอย่างซื่อหม่าฉางฟงจะแข็งแกร่งขนาดนี้
"เฮอะ!" สีหน้าขององค์ราชามรรตัยเผยความหยิ่งยโสออกมาไม่น้อยเมื่อเผชิญหน้ากับซื่อหม่าฉางฟงที่ทะยานร่างมาด้วยความว่องไว ร่างกายของเขาสั่นไหวเล็กน้อย พลังงานต้นกำเนิดเริ่มเอ่อทะลักล้นออกมากดดันในบรรยากาศ เหนือศีรษะของเขาปรากฏเงาร่างช้างแมมมอธโบราณออกมาถึง 4,000 ตัวอย่างน่าเกรงขาม!
ระดับแรกสัมผัสธรรมชาติขั้นที่ 3!
ม่านตาของต้วนหลิงเทียนหดแคบลงโดยพลันเมื่อเห็นภาพนี้!
ไม่คิดเลยว่าผู้ฝึกยุทธ์ที่ผู้คนกล่าวขานกันว่าเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับธรรมชาติที่แข็งแกร่งที่สุดในอาณาจักรนภาล่องอย่างองค์ราชามรรตัย จะเป็นถึงผู้ฝึกยุทธ์ระดับแรกสัมผัสธรรมชาติขั้นที่ 3!
"ผู้อำนวยการซื่อหม่า เราผู้ชราจะช่วยเหลือท่านอีกแรง!" ชายชราที่นั่งอยู่ด้านข้างขององค์ราชาพลันลุกขึ้นก่อนที่จะทะยานร่างไปราวพยัคฆ์ร้าย ระดับบ่มเพาะแรกสัมผัสธรรมชาติขั้นที่ 2 ถูกเผยออกมาให้ทุกคนได้รับรู้!
"ท่านพ่อระวัง!" ร่างของนี่เหวี่ยพลันกระพริบวูบไหว พุ่งเข้าไปร่วมรบด้วยทันที เหนือศีรษะของเขาฉายเงาร่างช้างแมมมอธโบราณออกมา 2,000 ตัว!
เห็นได้อย่างชัดเจนว่ายามนี้นี่เหวี่ยตัดผ่านไปยังระดับแรกสัมผัสธรรมชาติขั้นแรก สำเร็จแล้ว!
เวลานี้เสมือนมีภูผาสะเทือนปฐพีเลือนลั่นแลฟ้าถล่มลงมาในท้องพระโรงนี้อย่างแท้จริง ความเร็วของผู้ฝึกยุทธ์ระดับแรกสัมผัสธรรมชาติทั้ง 4 คนที่พุ่งวูบวาบไปวูบวาบมาด้วยความเร็วสูงล้ำจนเห็นเพียงภาพติดตา ก่อให้เกิดแรงอัดอากาศกระแทกทำลายออกมาอย่างน่าครั่นคร้าม
อย่างน้อยๆต้วนหลิงเทียนก็ไม่อาจมองเห็นภาพการสับประยุทธ์ได้กระจ่าง…
แต่มีเพียงเรื่องเดียวที่เขาค่อนข้างมั่นใจ หลังจากจับสังเกตและใช้พลังวิญญาณจับสัมผัส นั่นก็คือ …ยามนี้ถึงแม้องค์ราชามรรตัยฉู่กำลังถูกกลุ้มรุม 3-1 แต่มันกำลังมีเปรียบ!!
"โฮ่ เจ้าพระยาดูเหมือนพิษพังพอนทมิฬไร้ลักษณ์ของท่านจะถูกขจัดออกจนหมดสิ้นแล้ว… ส่วนเจ้า นี่เหวี่ย มิคิดเลยว่าจักก้าวขึ้นมาเหยียบระดับแรกสัมผัสธรรมชาติได้สำเร็จ!" น้ำเสียงขององค์ราชามรรตัยเผยให้เห็นถึงความประหลาดใจเอาไว้ไม่น้อย
พัดขนนกในมือของซื่อหม่าฉางฟงบัดเดี๋ยวหุบเดียวคลี่ ปาดไปมา เป็นพัลวันอย่างว่องไว เผยให้เห็นว่าแท้จริงพัดเล่มนี้กลับเป็นอาวุธวิญญาณระดับ 7
สองพ่อลูกแห่งจวนเจ้าพระยาเองก็หยิบอาวุธวิญญาณระดับ 7 ออกมาด้วยเช่นกัน
"เหอะ! พวกเจ้าใช้อาวุธวิญญาณแล้วจะอย่างไร อาศัยผู้ฝึกยุทธ์แรกสัมผัสธรรมชาติ 3 คน แต่กลับมีเพียง 2 คนที่เข้าใจ วิถีแห่งพลัง… วันนี้ข้าจะให้พวกเจ้า 2 คนได้ลิ้มรส พลังกระบี่ขั้นสูง!" ทันใดนั้นเองดาบ 3 ฉื่อขององค์ราชามรรตัยพลันบังเกิดสีน้ำเงินเข้มครอบคลุม
ฟุ่บ!
ทุกๆครั้งที่ดาบ 3 ฉื่อขององค์ราชามรรตัย เหวี่ยงฟาดออกไป พลังงานต้นกำเนิดที่แฝงไว้ในกระบวนท่าโจมตีของซื่อหม่าฉางฟงและคนอื่นๆ ที่กำลังซัดออกมา ล้วนถูกทำลายลงอย่างง่ายดายราวกับอีกฝ่ายทุบทำลายไม้ฟืน
ทกคนพลันตื่นตะลึงหลังจากที่องค์ราชาเหวี่ยงดาบครั้งนี้ออกมา
"พลังกระบี่ขั้นสูง!" เจ้าพระยากล่าวออกมาด้วยความประหลาดใจ ก่อนที่จะรีบกล่าวออกมาโดยพลัน"ถอยก่อน!"
ทันใดนั้นทั้ง 3 คนรีบพุ่งร่างล่าถอยออกมาด้วยความตื่นตระหนก พวกเขาไม่กล้ารับดาบขององค์ราชามรรตัยอีกต่อไป ทุกคนเลือกที่จะหลบเลี่ยง ไม่กล้าปะทะหักหาญอีก
"หน่วยองค์รักษ์ผี รับคำสั่ง จับเป็นต้วนหลิงเทียน ส่วนคนอื่นๆฆ่าไม่ละเว้น!"ฉู่ฉินพลันกล่าวสั่งออกมา
ทันใดนั้นองค์รักษ์ผีทั้ง 8 คนก็พุ่งร่างไปหมายโจมตีกลุ่มของต้วนหลิงเทียนและ กองกำลังองครักษ์เสื้อแพร