สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - บทที่ 223 : ลี่ชิง??
บทที่ 223 : ลี่ชิง??
แต่ต้วนหลิงเทียนก็คิดไม่ถึงเลยจริงๆว่าหลังจากที่เรื่องราวมันผ่านไปนานนมแล้ว วันนี้เขาจะได้พบพานกับเป่ยซันผู้นี้อีกครั้ง ซ้ำยังพบกันบนถนนสายหลักในเมืองหลวงเช่นนี้
เรื่องราวในโลกหล้าล้วนไม่มีอันใดแน่นอน!
เมื่อหวนคิดย้อนกลับไป ยามนั้นที่เขารู้สึกหวาดหวั่นเล็กน้อยหลังจากที่ตัดแขนเป่ยซัน และโดนไล่ล่า แต่มายามนี้ความรู้สึกทั้งหลายกลับกลายเป็นอื่น…เขาไม่รู้สึกอะไรอีกแล้ว เพราะต่อให้บิดามันมาเอง หากเขาคิดฆ่า มันก็ไม่อาจรอด
และเขายังจำได้ดีว่าวันนั้น เขาพยายามควบขี่อาชาเหงื่อโลหิตมุ่งหน้าเข้าเมืองชิงลี่ ด้วยใจที่ร้อนรนถึงเพียงไหน เพราะถูกผู้ฝึกยุทธ์ระดับวิญญาณแรกก่อตั้งไล่ล่าครานั้น
เพราะเขาสามารถคาดเดาจุดจบได้เป็นอย่างดี ถ้าหากยามนั้นผู้ฝึกยุทธ์ระดับวิญญาณแรกก่อตั้ง ที่ติดตามเป่ยซันมา จับตัวเขาได้จะเกิดอะไรขึ้น …มิพ้นคงต้องตกตายซ้ำซากอีกรอบ!
ต่อมาถึงแม้ว่าเขาจะปลอมแปลงโฉมเพื่ออาศัยอยูในเมืองชิงลี่แล้ว แต่ในใจของเขาก็ยังหวาดวิตกว่าจะถูกพบตัวไม่น้อย นั่นทำให้เขาต้องตึงเครียดและเฝ้าระวังทุกขั้นตอน
ยามนั้นเป่ยซันผู้นี้นับว่าเป็นภัยคุกคามขนาดมหึมาไร้ทางต่อต้านสำหรับเขา กล่าวได้ว่าหากตัวเขาถูกคนของเป่ยซันจับตัวได้แล้วล่ะก็ ชีวิตของเขาอาจจะขึ้นอยู่กับวาจาเพียงคำเดียวของมันเสียด้วยซ้ำ แค่มันเอ่ยปากบอกคนคุ้มกันของมัน ชีวิตนี้คงต้องถูกปลิดปลงลงด้วยดาบ 3 ฉื่อ อย่างโง่งม
ทำให้ครั้งหนึ่งตัวเขาเองก็อดไม่ได้ที่จะกริ่งเกรงอัตลักษณ์ของเป่ยซัน ที่เป็นถึงบุตรชายของผู้ว่าการประจำมณฑลผานางแอ่นเหินเล็กน้อย
อย่างไรก็ตามในตอนนี้ …การที่ตัวเขาต้วนหลิงเทียนได้พบพานอริหนทางคับแคบอย่างเป่ยซันผู้นี้อีกครั้ง นอกจากความประหลาดใจเล็กน้อยแล้ว ก็ไม่บังเกิดความรู้สึกอื่นใดอีก
อาจเป็นเพราะยามนี้เขาอยู่สูงเกินกว่าที่มันจะเอื้อมมือถึง
หรืออาจจะเป็นเพราะเวลามันผ่านไปนานแล้ว…ก็ไม่อาจทราบได้
"ไอเด็กระยำ ในที่สุดข้าก็เจอตัวเจ้าเสียที!" เป่ยซันกล่าวออกมาพร้อมกัดฟังดังกรอดๆด้วยโทสะ เขาลงจากรถม้าและยืนจ้องต้วนหลิงเทียนด้วยแววตาเต็มเปี่ยมไปด้วยจิตสังหาร
ต้วนหลิงเทียนเพียงมองไปยังเป่ยซันด้วยความสงบ
ในอดีตเขาอาจหวั่นเกรงมันเล็กน้อย
แต่มายามนี้เป่ยซันเบื้องหน้าเขาไม่นับเป็นตัวอะไร มันไม่ได้อยู่ระดับเดียวกันกับเขาอย่างสิ้นเชิง และตราบใดที่เขาต้องการ กระทั่งบิดาของมันอันเป็นถึงผู้ว่าการประจำมณฑลผานางแอ่นเหิน ยังต้องเอ่ยปากดุด่าหรือกระทั่งทุบตีเป่ยซันเพื่อเขา
และเขาค่อนข้างมั่นใจเป็นอย่างมาก ว่าหากเขาต้องการแล้วล่ะก็ แค่เพียงกล่าวบอกองค์ราชาให้ถอดถอนตำแหน่งบิดามันก็ทำได้โดยง่าย
หรือแม้หากเขาบังเกิดจิตคิดฆ่าคนขึ้นมา เพียงกล่าวสั่งหนึ่งวาจาว่า ฆ่า! องครักษ์เสื้อแพรด้านหลังของเขาคงลงมืออย่างรวดเร็วจนแทบไม่ทันสิ้นคำด้วยซ้ำ แล้วเป่ยซันผู้นี้ก็คงต้องตกตายภายใต้ดาบยาวปลายตัดอย่างไร้หนทางต่อต้าน
แต่เขาก็หาได้ทำอะไรเช่นนั้น และไม่ได้คิดทำอะไรกับเป่ยซันให้เสียเวลา
"นายน้อย 3 มีอันใดผิดพลาดหรือขอรับ?" ทันใดนั้นเอง มีชาย 2 คน ลงรถม้ามาก่อนที่จะเดินมายืนด้านข้างเป่ยซัน
พวกมันเป็น ชายชรา กับ ชายหนุ่ม
ชายชรานั้นเห็นได้ชัดว่าเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับวิญญาณแรกก่อตั้งคนหนึ่ง
ส่วนชายหนุ่มคนนั้น …
"หืม เจ้า ลี่ชิงรึ?" ต้วนหลิงเทียนกล่าวเรียกออกมาด้วยน้ำเสียงแปลกใจอย่างช่วยไม่ได้ เขาจำได้อย่างไม่ผิดแน่นอนว่าชายหนุ่มที่ยืนด้านหลังเป่ยซันยามนี้ คือลี่ชิง สาวกของตระกูลลี่ที่ตัดสินใจออกจากตระกูลลี่ประจำเมืองออโรร่าในปีนั้น
เขาไม่คิดเลยว่า หลังจากที่ลี่ชิงออกจากตระกูลลี่ไปแล้ว มันจะไปเข้าร่วมกับตระกูลของผู้ว่าการประจำมณฑลผานางแอนเหินเช่นนี้ ซ้ำยังเป็นคนติดตามเป่ยซันผู้นี้อีกด้วย
เรื่องราวในโลกหล้าล้วนไม่มีอันใดแน่นอนอย่างแท้จริง!
เมื่อได้ยินเสียงเรียกของต้วนหลิงเทียน ลี่ชิงก็หันไปมอง และเมื่อพบว่าเป็นต้วนหลิงเทียน สองตาของมันก็ดุร้ายขึ้นมา ใบหน้าฉายชัดออกมาถึงโทสะ มันหันไปกล่าวกับเป่ยซันทันที "นายน้อย 3 เป็นมัน มันเป็นคนตัดแขนของท่าน! "
"โลหิตเคืองแค้น มายามนี้เจ้ายังคิดว่าข้าต้องการให้เจ้าบอกกล่าวอีกหรือไร!" เป่ยซันค่อยๆหันกลับไปและเหลือบมองลี่ชิงด้วยสายตาเย็นชา พร้อมแสยะยิ้มออกมาอย่างเย้ยหยัน "ที่แท้ เจ้ากลับมีนามว่าลี่ชิง … ไม่น่าแปลกใจ เลยว่าเพราะเหตุใดข้าจึงไม่อาจตรวจสอบตัวตนและที่มาของเจ้าได้เมื่อ 2 ปีก่อน ลี่ชิงนับว่าเจ้าแน่มากที่กล้าหลอกข้านายน้อย และปกปิดตัวตนเอาไว้เช่นนี้"
"นายน้อย 3 ข้า … " สายตาของลี่ชิงฉายความซับซ้อนอับจนหนทางออกมา เขาทำได้เพียงยิ้มออกมาอย่างขื่นขม เขาพลาดแล้ว…แล้วต่อไปเขาจะเป็นอย่างไร
"เฮอะ! เอาไว้ข้าค่อยจัดการเจ้าภายหลัง" น้ำเสียงของเป่ยซันเย็นชาไม่แยแส แล้วเขาก็เบนสายตาหันกลับมาจับจ้องต้วนหลิงเทียน "ไอเด็กระยำ เมื่อ 2 ปีก่อนเจ้าบังอาจตัดแขนข้า … วันนี้ข้าจะตอบแทนการกระทำของเจ้าให้สาสมใจ"
"โอ้ งั้นรึ?" ต้วนหลิงเทียนกล่าวถามออกมาอย่างไม่แยแส "แล้วเจ้าจะตอบแทนข้าให้สาสมใจอย่างบ้างหรือ ข้า?"
"ข้าจะเอาชีวิตเจ้า!" น้ำเสียงเป่ยซันเต็มไปด้วยความแค้นและความอำมหิต
"โอหัง" สีหน้าของชายชราในชุดคลุมปลาบินทั้ง 2 คนที่อยู่ด้านหลังของต้วนหลิงเทียน กลับกลายเป็นดุร้าย ทั้ง 2 กล่าวตวาดออกมาอย่างพร้อมเพรียง
"หืม?" เป่ยซันขมวดคิ้ว ตอนนี้เขาพึ่งตระหนักได้ว่าชายหนุ่มที่ตัดแขนเขา หาได้อยู่คนเดียว สายตาที่เขามองไปยังต้วนหลิงเทียนพลันเย็นชาขึ้น "เจ้าคิดว่าข้าเป่ยซันจะทำอะไรเจ้าไม่ได้ เพียงเพราะเจ้ามีผู้คุ้มกันไม่กี่คนเชนนั้นรึ?"
"เป่ยซัน" สายตาของต้วนหลิงเทียนเหลือบไปมองเป่ยซันอย่างไร้อารมณ์ ก่อนที่จะกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบๆ “หน้าเมืองชิงลี่วันนั้น เป็นเจ้าเองที่หาเรื่องข้าจนได้รับผลกรรมคืนสนอง… วันนี้ที่พวกเราได้พบกันอีกครั้ง กล่าวได้ว่าพวกเราคงมีชะตาร่วมกันไม่น้อย ตัวข้านั้นไม่ได้ติดใจเอาความอันใดจากเรื่องในวันนั้นอีกแล้ว เจ้าก็ถือซะว่าให้มันแล้วกันไปเถอะ?”
เรื่องราวมันล่วงเลยมากว่า 2 ปีแล้ว ที่สำคัญตัวเขาก็ไม่ได้เดือดร้อน หรือเป็นอะไรมากมาย มาตอนนี้เขาก็ไม่ติดใจอะไรแล้ว
ที่สำคัญวันนี้สถานะตัวเขาอยู่สูงกว่าเป่ยซันราวฟ้าดิน เขาไม่อยากทำตัวเป็นคนพาล ข่มเหงรังแกผู้คนที่อ่อนแอ
เพียงปล่อยให้สายลมมันพัดพาอดีตทั้งหลายให้ลอยหายไปก็พอ …
แต่นี่เป็นเพียงความต้องการของต้วนหลิงเทียนเพียงฝ่ายเดียวเท่านั้น!
มุมปากของเป่ยซันยกขึ้นมา มันกล่าวออกมาพร้อมแสยะยิ้มเย้ยหยัน "ที่เจ้ากล่าววาจาเช่นนี้ ใช่หวาดกลัวแล้วหรือไม่? ตลอด 2 ปีที่ผ่าน ตัวข้ามิมีวันลืมภาพที่เจ้าตัดแขนของข้า … ตัวข้าไม่ต้องการอันใดมากไปกว่า การที่จะได้จับเจ้ามาฉีกให้เป็นพันๆชิ้น เผาเจ้าให้เหลือแต่เถ้าถ่าน สาดเทขี้เถ้าเจ้าให้ฟุ้งกระจายหายไป หากมิได้ทำเช่นนี้ความแค้นในอกของข้ามิมีวันเลือนหายไป! "
"มายามนี้หากเจ้าคิดเสียใจมันก็สายไปแล้ว … 2 ปีที่แล้วหากเจ้ายอมทนรับแส้น้องหญิงหรูของข้า เรื่องราวในวันนี้คงมิเกิดขึ้น เช่นนั้นหลังจากที่เจ้าตกตายลงในวันนี้ก็อย่าได้คิดตำหนิข้า เพราะทั้งหมดล้วนเป็นเจ้า! ที่หยิ่งยโส ล่วงเกินผู้คนที่ไม่สมควรล่วงเกิน! "
"ข้าจักให้เจ้าจดจำเอาไว้จนลมหายใจสุดท้าย ว่าตัวข้าบุตรชายของผู้ว่าการมณฑล หาใช่คนที่ ชาวบ้าร้านถิ่น ธรรมดาสามัญเช่นเจ้า! จักล่วงเกินได้!" เมื่อกล่าวจบเป่ยซันก็แสดงความหยิ่งยโสพร้อมกลิ่นอายอำมหิตออกมา
ลี่ชิงที่ยืนอยู่ด้านหลังเป่ยซัน แสยะยิ้มออกมาเช่นกัน เพราะยามนี้มันมั่นใจว่าต้วนหลิงเทียนต้องตกตายลงตรงนี้แน่แท้
ถึงแม้ว่ามันเองจะไม่รู้ว่าต้วนหลิงเทียนมาทำอะไรที่เมืองหลวงแห่งนี้ก็เถิด แต่ที่มันรู้ คือต้วนหลิงเทียนต้องตกตายเพราะชายชรา ที่เป็นผู้คุ้มกันเป่ยซันอย่างแน่นอน
แต่อย่างไรก็ตาม ทีท่าและการแสดงออกของชายชราผู้คุ้มกันเป่ยซันนั้นกลับผิดแปลกไปจากเดิม
เพราะมันสังเกตุเห็นได้ว่าหลังจากที่นายน้อยของมันกล่าววาจาทั้งหมดนี้ออกไป ผู้คนที่หยุดรับชมเรื่องราวทั้งหมดล้วนแสดงสีหน้าราวกับระงับความขบขัน รวมทั้งฉายสีหน้าสังเวชนายน้อยของมันออกมา …
‘เจ้าเป็นบุตรชายของผู้ว่าการมณฑลแล้วยังจะกล้าโออวดอันใด?’
‘ซ้ำยังกล้าเรียกท่านผู้บัญชาการกองกำลังองครักษ์เสื้อแพร อย่างท่านต้วนหลิงเทียนว่าสามัญชน? สามัญชนปู่ทวดเจ้าเถิด ให้บรรพบุรุษเจ้าลุกขึ้นมาจากหลุมยังต้องกราบกรานผู้บัญชาการต้วน!’
ยามนี้เหล่าผู้คนรอบๆทีหยุดรับชมเรื่องราว รู้สึกสนุกสนานในหัวใจยิ่งนัก พวกมันเฝ้าชมเรื่องราวอย่างใจจดใจจ่อ
พวกมันใจจดจ่อกระทั่งไม่คิดกล่าววาจาสนทนาออกมาด้วยความคันปากเสียด้วยซ้ำ พวกมันเพียงตั้งหน้าตั้งตาเฝ้าดูเรื่องราวสนุกสนานอย่างเงียบๆ!
ซ้ำยามที่พวกมันมองไปยังเป่ยซันยังอดไม่ได้ที่จะขบขันออกมา แต่ก็ต้องกล้ำกลืนเอาไว้เพราะประเดี๋ยวจะหมดสนุก!
เป่ยซันชี้มือไปทางต้วนหลิงเทียน ประกายตาของมันเต็มไปด้วยจิตฆ่าฟันอันกระหายเลือด มันกล่าววาจาออกมาด้วยความเกรี้ยวกราด "ปู่หวย ข้าอยากเห็นมันตายอย่างทรมาน!"
อย่างไรก็ตาม เป่ยซันกลับสัมผัสได้อย่างรวดเร็วว่า ปู่หวยของมันไม่ได้ลงมือเคลื่อนไหวอะไร ราวกับปู่หวยของมันไม่ได้ยินคำกล่าวเมื่อครู่ของมันอย่างไรอย่างนั้น
"ปู่หวย" เป่ยซันบันดาลโทสะขึ้นมา มันหันไปมองชายชราด้านหลังด้วยสีหน้าไม่พอใจ แต่ทว่ามันกลับสังเกตเห็นว่าชายชราจับจ้องไปยังอะไรบางสิ่งและแน่นิ่งไป… เมื่อมันมองตามไปก็พบว่า ชายชราจับจ้องไปยังเอวของชายหนุ่มคู่แค้นที่นั่งอยู่บนหลังอาชาอย่างสงบ
และสายตาของมันก็สังเกตเห็นป้ายแสดงฐานะ
การจ้องมองครั้งนี้ของมันทำให้มันตะลึงค้างอย่างหวาดกลัว…
องครักษ์ เสื้อ แพร!
ตัวมันมาถึงเมืองหลวงด้านนอกตั้งแต่เมื่อวานแล้ว และพวกมันก็ได้พักค้างคืนที่โรงเตี๊ยมด้านนอก
ในเหลาอาหาร มันเองก็ได้ยินคำร่ำลือเรื่ององครักษ์เสื้อแพรมาไม่น้อย และรับรู้มาว่า ยามนี้กองกำลังองครักษ์เสื้อแพร นับเป็นกองกำลังที่น่าพรั่นพรึง และหยิ่งยโสไม่ไว้หน้าผู้คนมากที่สุดในเมืองหลวง!
ซ้ำผู้บัญชาการของกองกำลังองครักษ์เสื้อแพร นามว่าต้วนหลิงเทียน ยังมีอายุเพียง 18 ปีเท่านั้น!! นี่เป็นเพราะว่า ต้วนหลิงเทียนได้รับความโปรดปรานจากองค์ราชาแห่งอาณาจักรนภาล่อง และกลายเป็นตัวตนที่เรียกได้ว่าผู้แทนพระองค์!
ถึงแม้ตัวเขาจะอยู่ในเมืองหางไกลอย่างเมืองผานางแอ่นเหิน แต่แน่นอนว่าตัวเขาย่อมเคยได้ยินเรื่องราวสะท้านขวัญของต้วนหลิงเทียน ผู้เป็นอัจฉริยะอันดับ 1 ของสถาบันบ่มเพาะขุนพลดี
และการที่เขามายังเมืองหลวงแห่งนี้เป็นเพราะเขาตั้งใจที่จะลองไปเฝ้าชมดูแถวๆ สถาบันบ่มเพาะขุนพล
เพราะในความคิดของเขา หากไปเฝ้ารอบริเวณสถาบันบ่มเพาะขุนพล เขาต้องมีโอกาสพบเจอบุรุษในตำนานผู้นี้!
ทั้งหมดเป็นเพราะในยามที่เขาได้ยินเรื่องราวของต้วนหลิงเทียน เมื่อไม่กี่เดือนก่อนนั้น เลือดของเขากลายเป็นเดือดพล่าน และบังเกิดความปรารถนาอย่างแรงกล้าประการหนึ่งในใจ
เขาได้ฟังเรื่องราวที่เป็นดั่งตำนาน ที่เกิดขึ้นทางชายแดนตะวันตกเฉียงเหนือ! …บุรุษหนุ่มนำพากองกำลังสิบหมื่นบุกถล่มข้าศึกจนได้รับชัยชนะขั้นเด็ดขาด เหนือชั้นกระทั่งไร้ทหารตกตายแม้เพียง 1 คน! เรื่องราวดังตำนานของเทพยาดาบทนี้ทำให้เขาบังเกิดความชื่นชมที่ท่วมท้นออกมาจากหัวใจ
อีกทั้งเมื่อเขาได้ยินว่าต้วนหลิงเทียน ได้กลายมาเป็นผู้บัญชาการองครักษ์เสื้อแพร อันยิ่งใหญ่! วันแรกเขาก็ควบขี่อาชานำพากองกำลังในชุดปลาบินที่แสนสง่างาม บุกฝ่าค่ายบัญชาการกองกำลังทหารองครักษ์ด้วยคนเพียงหยิบมือ ก่อนที่จะปลิดปลงศีรษะชวีลู่ผู้บัญชาการทหารองครักษ์ประจำเมือง และกลับออกมาโดยที่ไม่มีผู้ใดกล้าแตะต้อง…เขาก็รู้สึกได้ว่าโลหิตทั่วร่างเดือดพล่านขึ้นมาอย่างฮึกเหิม
ในเวลานั้น เขาได้ตั้งต้วนหลิงเทียนเป็นแบบอย่างชั่วชีวิตของเขา
อย่างไรก็ตาม…มาตอนนี้
"เจ้า … เจ้าคือผู้บัญชาการกองกำลังองครักษ์เสื้อแพร ต้วนหลิงเทียน?" เป่ยซันสูดลมหายใจเข้าลึกๆ และมองไปยังต้วนหลิงเทียน ด้วยแววตาทีเต็มไปด้วยความคาดหวังอย่างสุดหัวใจ ว่าชายหนุ่มเบื้องหน้าจะกล่าววาจาปฏิเสธออกมา
"แล้วเจ้าคิดอย่างไรเล่า?" ต้วนหลิงเทียนมองไปยังเป่ยซันด้วยท่าทีเรียบเฉย…
"ฮ่าๆๆ ไอบุตรชายผู้ว่าการมณฑลนั่น ในที่สุดมันก็รู้เสียทีว่ากำลังหาเรื่องท่านผู้บัญชาการต้วน!"
“ต่อให้ข้าขวัญกล้าเทียมฟ้า ข้ายังไม่มีความกล้าเท่ามัน มันขู่จะสับร่างผู้บัญชาการต้วนเป็นชิ้นๆ เผาจนเหลือแต่ขี้เถ้า ซ้ำยังจะสาดเทขี้เถ้าให้กระจาย โอ้สวรรค์…”
"ฮึ่ม! มันเป็นเพียงบุตรชายของผู้ว่าการประจำมณฑลผานางแอ่นเหิน ยังเหิมเกริมได้ถึงเพียงนี้ ต่อให้บิดามันที่เป็นผู้ว่าการประจำมณฑลผานางแอ่นเหินมาเอง เกรงว่าเมื่อพบท่านผู้บัญชาการต้วนยังต้องก้มหัว แต่มันยังกล้าล่วงเกินท่านผู้บัญชาการต้วน… เป่ยซันผู้นี้นับว่ารนหาที่ตายโดยแท้!"
"เป่ยซันผู้นี้ ตอนแรกข้าเห็นสีหน้าของมันดุร้ายปานจะกินเลือดกินเนื้อท่านผู้บัญชาการต้วนเสียให้ได้! แต่พวกเจ้าดูสีหน้าของมันยามนี้ซี่! ทั้งซีดเผือดหวาดกลัว ซ้ำดูท่ามันยังมิยินยอมรับเรื่องราวกระมัง"
"นั่นเป็นเรื่องที่มันสมควรกระทำแล้ว หากมันไม่หวาดกลัว แต่กล้าโอหังเหมือนก่อนหน้านี้ มันคงเป็นตัวที่โง่งมที่สุดในอาณาจักรแล้ว!"
…
ฝูงชนที่หยุดชมดูเรื่องราว เมื่อเรื่องราวสนุกสนานกระจ่างออกมา พวกมันก็อดไม่ได้ที่จะระเบิดบทสนทนาออกมาอย่างสนุกปาก
"ต้วน … .ผู้บัญชาการต้วน?" ร่างกายของเป่ยซันสั่นสะท้าน สีหน้าของมันตะลึงงันราวตัวโง่งมเสียสติ
เรื่องราวทุกอย่างกระจ่างชัดแล้ว!
มันไม่คิดเลยว่าศัตรูที่มันแค้นจนคิดฆ่าให้ตกตายมาตลอดระยะเวลา 2 ปี จะเป็นต้วนหลิงเทียน!
ความเกลียดชังและความแค้นในใจของมันสลายหายไปอย่างสิ้นเชิง หลงเหลือเพียงความรู้สึกพ่ายแพ้และอ่อนแอไร้อำนาจราวตนเป็นเพียงมดปลวก
เพราะทั้งหมดล้วนไม่ผิดดั่งคำกล่าวของผู้คนรอบๆ …มันเป็นบุตรชายผู้ว่าการมณฑลแล้วจะอย่างไร ให้บิดามาเองยังต้องก้มหัวให้ต้วนหลิงเทียน ปฏิบัติต่อชายหนุ่มผู้บัญชาการคนนี้ด้วยความเคารพอย่างถึงที่สุด
รอยยิ้มขมขื่นปรากฏแก่ชายชราด้านหลังเป่ยซันเช่นกัน
ชายหนุ่มผู้นี้ เป็นคนเดียวกันกับชายหนุ่มชุดสีม่วงที่เขาไล่ล่าหน้าเมืองชิงลี่?
ชายหนุ่มคนดังกล่าวได้ปีนป่ายไปอยู่ในตำแหน่งสูงเทียมฟ้าในเวลาเพียงแค่ 2 ปี? … นี่เป็นความสูงที่แม้แต่เขาก็ไม่อาจมองขึ้นไปได้ด้วยซ้ำ!
"ไม่ … ไม่มีทาง … เป็นไปไม่ได้! เรื่องนี้เป็นไปไม่ได้!" ลี่ชิงที่ยืนอยู่ด้านหลังเป่ยซันส่ายหน้าออกมาระรัว เนื่องจากมันไม่ยินยอมรับว่าเรื่องราวทั้งหมดเป็นความจริง
ผู้บัญชาการองครักษ์เสื้อแพร ต้วนหลิงเทียน?
ตัวมันเองก็ได้ยินเรื่องราวของต้วนหลิงเทียน ที่มีชื่อเสียงเรื่องระบือ และก่อให้เกิดบทสนทนากันอย่างคับคั่งทั่วอาณาจักรนภาล่องมาไม่น้อย ในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา
แต่มันไม่เคยคิดสักครั้งว่า ต้วนหลิงเทียน ที่เป็นที่สุดของอัจฉริยะในอาณาจักร จะเป็นคนๆเดียวกันกับศัตรูที่ไม่อาจอยู่ใต้ฟ้าเดียวกันของมันอย่าง ต้วนหลิงเทียน
ศัตรูที่ไม่อาจอยู่ใต้ฟ้าของมันนามต้วนหลิงเทียน นั้นเป็น สาวกของตระกูลลี่แห่งเมืองออโรร่า ที่ใช้แซ่อื่น
แต่อัจฉริยะไร้ผู้ต้าน อันเป็นที่สุดในอาณาจักร ต้วนหลิงเทียนคนนั้น จากที่เขาได้รับฟังมา ย่อมเป็นสาวกสายหลักของตระกูลต้วน ที่เป็น1 ใน 3 ตระกูลใหญ่ของเมืองหลวง!
ในอดีตมันคิดเพียงแต่ว่า ชื่อคนคงคล้ายคลึงกันเท่านั้น
เพราะจะอย่างไรอาณาจักรนภาล่องแห่งนี้ก็กว้างใหญ่ไพศาล การที่จะมีคนที่ชื่อแซ่เดียวกันปรากฏตัวขึ้นมาก็ไม่นับว่าเป็นเรื่องแปลกอะไร