สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - บทที่ 221 : ชวีลู่ นี้สมควรตาย!
บทที่ 221 : ชวีลู่ นี้สมควรตาย!
เรื่องราวที่ กองกำลังองครักษ์เสื้อแพรได้กระทำไป นับว่าเป็นเรื่องสะท้านขวัญของเมืองหลวงไปตลอดทั้งคืน
องค์ราชาได้ออกราชโองการ จัดตั้งกองกำลังองครักษ์เสื้อแพร ทั้งยังลงนามรับรองกองกำลังองครักษ์เสื้อแพรด้วยตัวเอง ทว่ายามนี้องครักษ์เสื้อแพรกลับบุกไป ลงมือสังหารผู้บัญชาการกองทหารองค์รักษ์ประจำเมืองหลวงอย่างอุกอาจ!
กระกระทำที่ไร้ซึ่งความยำเกรงและอุกอาจขององครักษ์เสื้อแพรครั้งนี้ ทำให้ผู้คนในเมืองหลวงต่างรู้สึกหวาดผวาและหวาดกลัวไม่น้อย อีกทั้งพวกเขาเองก็ยังรู้สึกเสียใจกับต้วนหลิงเทียนด้วยเช่นกัน
ภายในวังขององค์ชาย 3
เพล้ง!
ภายในศาลากลางน้ำ สีหน้าขององค์ชาย 3 แปรเปลี่ยนเป็นมืดลงอย่างน่ากลัวหลังจากได้รับรายงานของคนรับใช้ เขาปาจอกสุราลงบนพื้นจนแตกกระจายส่งเสียงดัง อดไม่ได้ที่จะทำให้เหล่าอัจฉริยะหนุ่มบางคนสะดุ้งขึ้นมาด้วยความหวาดกลัว
"เอาล่ะ ทุกท่าน เกรงว่าวันนี้งานเลี้ยงพวกเราคงต้องจบลงเพียงเท่านี้ วันหน้าพวกเราค่อยมาสนทนากันอีก" องค์ชาย 3 สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนที่จะกล่าววาจากับแขกทั้งหลายของเขา
หลังจากที่บรรดาอัจฉริยะวัยเยาว์ทั้งหมดเดินทางกลับออกไปจนหมด ประกายตาขององค์ชาย 3 กลับกลายเป็นวูบวาบออกมาอย่างน่าหวาดกลัว "ตั้งแต่มันกับข้าไม่อาจอยู่ร่วมกันได้ดั่งน้ำกับไฟ เช่นนั้นข้าจะทำลายอำนาจและความโอหังของมันให้ย่อยยับ… เจ้าไปเตรียมการเอาไว้ พรุ่งนี้ข้าต้องการเข้าพบพระบิดาให้เร็วที่สุด!"
"ขอรับ" ข้ารับใช้รับคำก่อนที่จะจากไป
"ต้วนหลิงเทียน เจ้าคิดว่าได้รับความโปรดปรานเล็กๆน้อยๆเข้าหน่อย แล้วจะมาทำกร่างกระทำตามใจตัวไม่เห็นหัวผู้คนได้เช่นนั้นหรือ มาดูกันเถอะว่าพระบิดาข้าจะลงโทษเจ้าเพราะเรื่องนี้อย่างไร!"น้ำเสียงเย็นชาหนาวยะเยือกดังออกมาจากปากขององค์ชาย 3 ราวกับผุดออกมาจากส่วนลึกของนรก
วังองค์ชาย 5
ในศาลาชมบุปผา ชายชราคิ้วขาวกำลังกล่าวรายงานเรื่องราวที่กำลังเป็นประเด็นร้อนภายในเมืองหลวงให้แก่องค์ชาย 5รับรู้
"อะไรนะ ต้วนหลิงเทียนมันนำกองกำลังองครักษ์เสื้อแพร ของมันบุกไปสังหารชวีลู่?" องค์ชาย 5 รู้สึกตกตะลึงกับข่าวนี้ไม่น้อย ใบหน้าของเขามืดลงโดยพลัน "มันกล้าลงมืออย่างอุกอาจโดยไม่เห็นหัวผู้ใดนัก!"
"ฝ่าบาท ตามที่ข้าน้อยไปสืบมา ดูเหมือนผู้ที่ลงมือสังหารชวีลู่จะเป็น 1 ในองครักษ์เสื้อแพรของต้วนหลิงเทียน และดูเหมือนจะมีระดับบ่มเพาะอยู่ที่ระดับวิญญาณแรกก่อตั้งขั้นที่ 9 ขอรับ" ชายชราคิ้วขาวกล่าวออกมา แววตามันฉายความหวาดกลัวเล็กน้อย
"ดูเหมือนพระยาเรืองฤทธิ์ ยังคงเห็นแก่ความสัมพันธ์ครั้งเก่ากับต้วนหรูเฟิงไม่น้อย… ถึงขนาดส่งผู้ฝึกยุทธ์ระดับวิญญาณแรกก่อตั้งขั้นสูง จำนวนมากเช่นนี้ไปให้ต้วนหลิงเทียนใช้งาน"ประกายตาขององค์ชาย 5 เรืองวูบออกมาด้วยความเย็นชา น้ำเสียงของเขาเคร่งขรึมขึ้น
"ฝ่าบาทเช่นนี้พวกเราควรจะทำอย่างไรกันดี?" ชายชราคิ้วขาวกล่าวถามออกมา
องค์ชาย 5 สะบัดแขนเสื้อก่อนที่จะกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชาไม่สนใจ "ฮึ่ม! ตอนนี้พวกเราไม่จำเป็นต้องทำอะไรมากมาย แต่พรุ่งนี้ข้าจะไปเข้าเฝ้าพระบิดาเพื่อกล่าวรายงานแต่เช้า.. ต้วนหลิงเทียนนี่นับว่ากล้าหาญนัก กระทั่งผู้บัญชาการกองกำลังทหารองครักษ์มันยังบุกไปฆ่าสังหารได้… ก่อการร้ายแรงตามใจตนเช่นนี้ พระบิดาของข้าต้องปลดมันลงจากตำแหน่งผู้บัญชาการกองกำลังองครักษ์เสื้อแพรแน่นอน! "
"ฝ่าบาททรงปรีชานัก" ชายชราคิ้วขาวพยักหน้า
จวนอัครมหาเสนาบดี
กู้โหย่วถิง นั่งจิบชาหอมสวรรค์อยู่บริเวณโต๊ะหินอ่อนบริเวณลานด้านหน้าอย่างผ่อนคลาย
"รายงานท่านอัครมหาเสนาบดีขอรับ ต้วนหลิงเทียนผู้บัญชาการกองกำลังองครักษ์เสื้อแพร ได้นำคนบุกไปยังค่ายของกองกำลังทหารองครักษ์ และสังหารผู้บัญชาการ ขอรับชวีลู่ !"
"ชวีลู่? กู้โหย่วถิงขมวดคิ้วเล็กน้อย "มันนับว่าเป็นคนกักขฬะไร้ราคาอะไร…แต่จะอย่างไรบิดาของชวีลู่ ก็นับว่าไม่ใช่ธรรมดา"
ในขณะที่กล่าวพึมพำ ประกายตาของกู้โหย่วถิงก็เรืองวูบขึ้นมาอย่างลี้ลับ มุมปากเริ่มแสยะยิ้มเจ้าเล่ห์
วันรุ่งขึ้น เมื่อต้วนหลิงเทียนมาถึงศูนย์บัญชาการองครักษ์เสื้อแพร เขาก็ได้รับแจ้งว่าองค์ราชาเรียกเขาไปเข้าเฝ้าที่วังหลวง
วังหลวงเองก็ยังดูโออ่าและสวยงามเหมือนครั้งที่มาหนก่อน ต้วนหลิงเทียนเดินไปตามทางด้วยท่วงท่าองอาจไร้กังวล ไม่นานก็มาถงท้องพระโรงเข้าสังเกตว่ายามนี้นอกเหนือจากองค์ราชาที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ และอัครมหาเสนาบดีกู้ อีกด้านยังมีร่าง 2 ร่างยืนอยู่อีกด้วย
ทั้งสองคนนี้ก็ไม่ใช่คนแปลกหน้าอะไรสำหรับต้วนหลิงเทียน
มันเป็นองค์ชาย 3 กับองค์ชาย 5 นั่นเอง!
ถึงแม้ว่าตัวเขาจะเดาได้แต่แรกแล้วว่าเขาถูกองค์ราชาเรียกมาด้วยเรื่องที่เขาพึ่งก่อไปหมาดๆ แต่เขาคิดไม่ถึงจริงๆว่าองค์ชาย 3 และองค์ชาย 5 จะพร้อมหน้ารวมหัวกันมาเล่นงานเขา
เหมือนตอนนี้ตัวเขาจะนับว่าเป็นที่ต้องตาต้องใจใครต่อใครไม่น้อยเลยทีเดียว!
"องค์ราชา สบายดี" ต้วนหลิงเทียนมองไปยังราชาก่อนที่จะพยักหน้าเบาๆ
"บังอาจ" องค์ชาย 3 และองค์ชาย 5 กล่าวออกมาราวกับนักร้องประสานเสียง
"บังอาจ?" ต้วนหลิงเทียนมองไปยังองค์ชาย ทั้ง 2 ก่อนจะกล่าวออกมาอย่างไม่แยแสพร้อมรอยยิ้ม "โอ้ ข้าขอถามองค์ชาย 3 กับ 5 หน่อยได้หรือไม่ ข้าบังอาจอย่างไร?"
"ต้วนหลิงเทียน! เจ้าพบหน้าองค์ราชาผู้อยู่สูงสุดของอาณาจักรนภาล่อง แต่เจ้ายังไม่คุกเข่าทำความเคารพ! เช่นนี้ไม่เรียกบังอาจแล้วจะให้เรียกอะไร?" องค์ชาย 3 กล่าวถามด้วยน้ำเสียงทุ้ม
"ไม่คุกเข่าเมื่อพบหน้าฝ่าบาท ย่อมไม่ต่างอันใดกับดูหมิ่นพระองค์ ต้วนหลิงเทียนทีนี้เจ้ารับรู้ความผิดร้ายแรงนี้แล้วหรือไม่?" องค์ชาย 5 ได้ทีสุมไฟเพิ่มโดยพลัน
ต้วนหลิงเทียนคร้านจะแยแสตัวโง่งม 2 ตัวนี่ ก่อนที่จะหันไปมององค์ราชา
"เอาล่ะ พวกเจ้าพี่น้องพอได้แล้ว" องค์ราชากล่าวออกมา
"พระบิดา!" องค์ชาย 3 และองค์ชาย 5กล่าวออกมาด้วยความตกใจ และหันไปมององค์ราชาอย่างพร้อมเพรียง
องค์ราชากล่าวออกมาอย่างไม่ใส่ใจ "ข้าได้ให้คำมั่นกับผู้บัญชาการต้วนเอาไว้แล้ว ว่าต่อแต่นี้ไปยามพบหน้าข้าเขาไม่จำเป็นต้องคุกเข่าทำความเคารพข้า… พวกเจ้าก็ไม่จำเป็นต้องกล่าวเรื่องนี้ให้วุ่นวายแล้ว"
ได้รับการยกเว้นให้ไม่ต้องคุกเข่า?
องค์ชาย 3 และองค์ชาย 5 หรี่ตาลง พร้อมกับประหลาดใจไม่น้อย
พวกเขาไม่คิดเลยว่าพระบิดาที่เข้มงวดกับพวกเขา จะไม่ถือตัวสักนิดกับต้วนหลิงเทียน …
อย่างไรก็ตามเมื่อพวกเขาคิดถึงเรื่อร้ายแรงที่ต้วนหลิงเทียนก่อพวกเขาก็ใจเย็นลง
เหตุการณ์ร้ายแรงที่ต้วนหลิงเทียนก่อขึ้นเมื่อวาน มันร้ายแรงมากพอที่จะทำให้ต้วนหลิงเทียนที่อยู่สูง ราวกับกำลังท่องทะยานอยู่บนสรวงสวรรค์พังพินาศตกลงมาสู่พื้นดินได้ในทันที!
"เอาล่ะ ตอนนี้ผู้บัญชาการต้วนก็มาแล้ว พวกเจ้ามีอะไรคิดกล่าว ก็ว่าออกมา?" องค์ราชามองไปยังองค์ชาย 3 และ องค์ชาย 5 ก่อนที่จะกล่าวถามออกมาอย่างเฉยเมย
"ต้วนหลิงเทียน พระบิดาข้าโปรดปรานเจ้า เพราะสร้างความดีความชอบ ถึงกับประทานตำแหน่งให้เจ้า หวังให้เจ้าสร้างคุณงามความดี คอยรับใช้ราชวงศ์ให้ดี…แต่ไม่คิดฝันเลยว่าเจ้าจะใจกล้าเหิมเกริมถึงเพียงนี้ เจ้ากล้าบุกไปยังค่ายบัญชาการกองกำลังทหารองครักษ์ประจำเมืองหลวงที่มีหน้าที่ดูแลความสงบสุข ก่อนจะสังหารผู้บัญชาการชวีลู่อย่างไร้มนุษย์ธรรม!"
สีหน้าขององค์ชาย 3 ยามนี้แลดูเต็มไปด้วยโทสะ "พระบิดา ชวีลู่เป็นผู้บัญชาการกองกำลังทหารองครักษ์ประจำเมืองหลวง กล่าวได้ว่าเขาเป็น เสาหลักในการดูแลความสงบในเมืองหลวง แต่เขากลับต้องมาตกตายเพราะความคึกคะนองเหิมเกริมของเด็กน้อยไม่ประสาผู้นี้ ข้าหวังว่าพระบิดาจะคืนความเป็นธรรมให้แก่ผู้บัญชาการชวีลู่ด้วย!"
"ใช่แล้วพระบิดา ต้วนหลิงเทียน ลงมือสังหารผู้บัญชาการชวีลู่เช่นนี้ นับว่าเป็นอาชญากรรมร้ายแรงนัก ข้าหวังว่าพระบิดาจะปลดเขาออกจากตำแหน่ง ผู้บัญชาการองครักษ์เสื้อแพร รวมทั้งลงโทษเขาให้หนัก เพื่อเป็นเยี่ยงอย่างไม่ให้ผู้อื่นหลงผิด" องค์ชาย 5 เองก็กล่าวเสริมคำองค์ชาย 3 ออกมา
ทว่าตั้งแต่ตอนแรกจนถึงบัดนี้ต้วนหลิงเทียนยังยืนสงบ ด้วยท่าทางสบายๆไม่แยแส ราวกับเรื่องราวทั้งหมดล้วนไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเขา
และจริงๆแล้วต้วนหลิงเทียนก็ไม่แยแสพวกมันจริงๆนั่นล่ะ เพราะทั้งหมดเป็นแค่เรื่องชวนหัวเท่านั้น!!
"ผู้บัญชาการต้วน ตัวท่านมีคำอธิบายในเรื่องนี้หรือไม่?" องค์ราชาเบนสายตามาจ้องมองต้วนหลิงเทียนอย่างลึกซึ้ง
ต้วนหลิงเทียนย่อมเข้าใจความนัยของสายตาสงบนิ่งนี้ขององค์ราชาดี ดูท่าแล้วองค์ราชาคงไม่ใช่แค่พึ่งรู้เรื่องราว แต่น่าจะรู้เรื่องราวทั้งหมดตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว ตอนนี้เขากำลังทำหน้าที่ราชาที่ดีต่อหน้าองค์ชาย 5 และองค์ชาย 3 เท่านั้น
และสายตาขององค์ราชานี้ก็ดูเหมือนจะแฝงความลำบากใจไม่น้อย
ต้วนหลิงเทียนเองก็เข้าใจความลำบากใจขององค์ราชาดี …
เพราะถึงแม้ว่าตัวเขาจะเป็นผู้เดียวที่สามารถหลอมปรุงยาถอนพิษรักษาองค์ราชาได้ แต่องค์ราชา ก็มีหน้าที่และภาระที่แบกไว้บนบ่า ไม่อาจลำเอียงได้ ถ้าตัวเขาทำผิดจริงแน่นอนว่าราชาจำเป็นต้องลงโทษเขา แต่องค์ราชาก็ไม่อยากทำเช่นนั้นจึงคิดให้เขาหาหนทางแก้ต่างให้แก่ตัวเอง
"ราชา เรื่องราวบาดหมางระหว่างข้ากับชวีลู่นั่น ล้วนเกิดขึ้นเพราะว่า ข้ามีเรื่องมีราวกับชวีลั่งบุตรชายเขาเล็กน้อย และเรื่องนี้ตัวท่านน่าจะทราบดีอยู่แล้ว …แต่อย่างไรก็ตามเกรงว่าฝ่าบาทจะพลาดเรื่องสำคัญไปเรื่องหนึ่ง นั่นก็คือเมื่อ 5 เดือนที่แล้ว ในขณะที่ตัวข้ากำลังเดินทางไปกับกองกำลังสนับสนุนที่จะไปช่วยเหลือแนวรบชายแดนตะวันตกเฉียงเหนือ กลับมีคนมือสังหาร แฝงตัวมากับกองกำลังมังกรเหิน ลอบจูโจมหมายสังหารข้า!”
"ท่านคงรู้ดีว่าหากมือสังหารคนนี้ลงมือสำเร็จผลจะเป็นอย่างไร ข้าคงไม่มีโอกาสได้ไปเข้าร่วมการรบกับทัพทหารประจำชายแดนรวมทั้งกองกำลังมังกรเหิน! ข้าคงไม่อาจช่วยให้ทัพของอาณาจักรเราตีชิงเมืองชัยชนะ! ซ้ำร้ายมิแคล้วทัพนับ 100,000 ของพวกเราคงต้องย่อยยับเพราะตัวโง่งม! และคงไม่ได้นำเกียรติยศมาสู่อาณาจักรนภาล่องอย่างยิ่งใหญ่เป็นประวัติศาสตร์เช่นนี้!" ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกมาเสียงดังฟังชัด
"อะไร กลับมีเรื่องราวเช่นนี้เกิดขึ้น?" สีหน้าของจักรพรรดิมืดลง เต็มไปด้วยโทสะ "เจ้ารู้หรือไม่ ผู้ใดเป็นผู้กระทำ?!"
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า "นี่คือเรื่องที่ข้ากำลังจะเอ่ยบอกต่อท่าน… มือสังหารผู้นั้นที่แท้กลับเป็นสมาชิกของกองกำลังทหารองครักษ์ประจำเมืองหลวง…ที่ได้รับคำสั่งมาจากผู้บัญชาการของมันอย่างชวีลู่! ที่มันกล้ามันลอบเร้นแฝงตัวปะปนมากับกองกำลังมังกรเหิน เพื่อบรรลุเป้าหมายในการลอบสังหารข้านั้น… ทั้งหมดเป็นเพราะชวีลู่ต้องการล้างแค้นให้บุตรชายของมัน! "
"เหลวไหล"
"ไร้สาระ!"
องค์ชาย 3 และ องค์ชาย 5 กล่าวออกมาแทบจะพร้อมกัน
อย่างไรก็ตามภายใต้สายขององค์ราชา พวกมันต้องหุบปากลงสงวนวาจาและท่าที
"เจ้ากล่าวต่อ" องค์ราชาหันกลับมามองต้วนหลิงเทียน
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้าพร้อมกล่าวคำ "ราชา ข้ารู้ว่าท่านและองค์ชายทั้ง 2 อาจจะยังไม่เชื่อคำกล่าวข้า … แต่เรื่องราวทั้งหมดนี้ ผู้บัญชาการชวีลู่ได้กล่าวยอมรับความผิดออกมาทั้งสิ้นแล้ว กลางศูนย์บัญชาการกองกำลังทหาร ตอนแรกข้าก็คิดว่าจะให้เรื่องราวที่ผ่านไปมันแล้วไปแล้ว หวังเพียงเรียกร้องค่าเสียหายชดเชยเล็กๆน้อยๆเท่านั้น ….ท่านว่าข้าคงไม่กระทำเกินเลยไปใช่หรือไม่? "
"เฮ่อ…แต่ชวีลู่กลับไม่คิดเลิกรา มันปฏิเสธที่จะจ่ายค่าเสียหายเล็กน้อยนั่น ซ้ำมันยังกล่าววาจาข่มขู่หมายเอาชีวิตข้าและองครักษ์เสื้อแพรทั้งหมดอีกด้วย…เรื่องนี้ทหารองครักษ์ประจำเมืองหลวงล้วนได้ยินกันทั่ว หากองค์ชายทั้ง 2 คนไม่เชื่อ ก็ลองไปตรวจสอบด้วยตัวเองได้อย่างอิสระ" เมื่อต้วนหลิงเทียนกล่าวจบเขาก็หันไปมององค์ชาย 3 และองค์ชาย 5
ใบหน้าของพวกมันหมองคล้ำลงทันที
ต้วนหลิงเทียนยังกล่าวต่อไป "สุดท้ายตัวข้า เพื่อป้องกันตัวจึงจำเป็นต้องสั่งให้องครักษ์เสื้อแพรของข้าชิงลงมือ ก่อนเพื่อไม่ให้ถูกชวีลู่กลุ้มรุมสังหาร … หากข้าไม่กระทำเช่นนี้แล้ว เกรงว่าข้าและเหล่าองครักษ์เสื้อแพรคงต้องตกตายกันหมดสิ้น ข้าหวังว่าฝาบาทจะเข้าใจ"
องค์ราชาพยักหน้า
"เสด็จพ่อ!" ทันใดนั้นเองมีน้ำเสียงไพเราะเสนาะหูดังกังวานขึ้น ร่างบางร่างหนึ่งกับสตรีชรารีบร้อนวิ่งเข้ามาอย่างร้อนใจ
ร่างที่วิ่งนำหน้ามากลับเป็นสตรีคนหนึ่งที่งดงามอ่อนโยน ด้วยใบหน้านี้ของนางคงทำให้บุรุษที่ได้มองไม่อาจระงับความต้องการและทานทนต่อความงามของนางได้
"องค์หญิงปี้เหยา" ต้วนหลิงเทียนรู้สึกประหลาดใจไม่น้อย เพราะเขาไม่คิดว่าจะได้พบองค์หญิงปี้เหยาที่นี้
"ปี้เหยา เหตุใดเจ้าดูรีบร้อนนักเล่า… เจ้ามีเรื่องด่วนอันใดหรือไม่?" สีหน้าขององค์ราชาเผยความอ่อนโยนลงมาหลายส่วนยามที่มองไปยังปี้เหยา และสีหน้าเช่นนี้ไม่เคยปรากฏสักครั้งยามมองไปยังองค์ชาย 3 และองค์ชาย 5 …เพียงเท่านี้มันก็เพียงพอแล้วที่จะแสดงให้รู้ว่าบุตรสาวคนนี้มีความหมายขนาดไหน
"เสด็จพ่อ ข้าได้ยินว่าท่านกำลังจะลงโทษผู้บัญชาการต้วน ใช่หรือไม่? เสด็จพ่อ่ไม่อาจลงโทษเขาได้นะเจ้าคะ ผู้บัญชาการต้วนคงไม่สังหารผู้อื่นโดยไร้เหตุผลเป็นแน่" องค์หญิงปี้เหยาสูดลมหายใจเล็กน้อยก่อนที่จะกล่าวคำออกมา
ทันใดนั้นทุกคนในห้องโถงตื่นตะลึง
เนื่องจากไม่มีแม้แต่ผู้เดียวที่คิดว่า องค์หญิงปี้เหยาที่รีบร้อนมาถึงเพียงนี้ จะมาเพื่อกล่าววาจาช่วยเหลือต้วนหลิงเทียน
สีหน้าขององค์ชาย 3 และองค์ชาย 5 นั้นยามนี้บิดเบี้ยวอัปลักษณ์อย่างมาก
องค์ราชาหันกลับมามองต้วนหลิงเทียนอย่างลึกซึ้ง ในฐานะที่ตัวเขาเองก็ผ่านร้อนผ่านหนาวมามาก ย่อมมีประสบการณ์ไม่น้อย แค่เห็นท่าทีของบุตรี เขาก็รู้แล้วว่านางบังเกิดความรู้สึกต่อต้วนหลิงเทียนไม่น้อย หาไม่แล้วนางคงไม่ร้อนใจเร่งรีบวิ่งมากล่าววาจาถึงเพียงนี้
"ปี้เหยา ผู้ใดบอกเจ้าว่าบิดาจะลงโทษผู้บัญชาการต้วนกันเล่า" องค์ราชาส่ายหัวออกมาพร้อมรอยยิ้ม "ผู้บัญชาการต้วนล้วนกล่าวอธิบายหมดสิ้นแล้วว่าเขาไม่ได้ทำผิดอะไร เรื่องราวทั้งหมดล้วนเป็นความผิดของผู้บัญชาการกองกำลังทหารองครักษ์ประจำเมืองหลวงอย่างชวีลู่ทั้งสิ้น!… ชวีลู่นั่นสมควรตายแล้ว!"
องค์ชาย 3 และองค์ชาย 5 ล้วนสูดลมหายใจเขาอย่างหนาวเหน็บ เมื่อได้ยินวาจานี้ขององค์ราชา พวกมันยอมรู้ได้ทันที…ว่าวันนี้พวกมันคงเสียเวลาเปล่าแล้ว
สีหน้าขององค์หญิงปี้เหยากลับกลายเป็นเบิกบานขึ้นมาทันที พวงแก้มของนางแดงขึ้นเล็กน้อย หลังจากที่ได้ยินคำกล่าวขององค์ราชา นางไม่คิดเลยว่าผลมันจะเป็นเช่นนี้…แล้วที่นางอุตส่าห์รีบวิ่งมาเล่า!
ที่แท้ถึงนางไม่มาต้วนหลิงเทียนก็ปลอดภัยไร้เรืองราวอยู่แล้ว
คิดได้เช่นนี้สีหน้าของนางจึงแดงขึ้นมาเพราะความเขินอาย ไม่กล้าเงยศีรษะขึ้นมาสู้หน้าผู้ใด
"ส่วนเจ้าทั้ง 2 คน!" องค์ราชาเบนสายตาไปยังองค์ชาย 3 และองค์ชาย 5 ก่อนที่จะกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา "ทีหลังพวกเจ้าอย่าได้มารบกวนข้า! หากพวกเจ้ายังไม่สืบสาวเรื่องราวอย่างชัดเจน!"