สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - บทที่ 219 : รูปแบบนาคาพิโรธ
บทที่ 219 : รูปแบบนาคาพิโรธ
"นี่คือสุราวานรจักรพรรดิงั้นรึ? แค่เพียงได้สูดดมกลิ่นหอมของมัน พลังงานต้นกำเนิดของข้า กลับปั่นป่วนขึ้นมาทั่วร่างแล้ว… " นี่เฝินมองไปยังสุราวานรจักรพรรดิในมือของนี่เหวี่ยด้วยสายตาร้อนแรง
"ไม่คิดเลยว่าชีวิตของผู้ชราเช่นข้ายังมีโอกาสได้สูดดมกลิ่นหอมจากสุราวานรจักรพรรดิ! …นับว่าเป็นโชคจากสวรรค์ของพวกเรา 3 คนยิ่งนัก" ชายชรากล่าววาจาออกมาอย่างลึกซึ้ง
และสำหรับคนที่ได้รับผลประโยชน์โดยตรงจากสุราวานรจักรพรรดิอย่างนี่เหวี่ย ย่อมอดแสดงทีท่าตื้นตันออกมาไม่ได้
สายตาของนี่เฝินหันมาจับจ้องต้วนหลิงเทียนด้วยความกระหาย เขาถูมือเล็กน้อยก่อนจะกล่าวออกมาอย่างเขินอาย "เอ่อ… เทียนน้อย เจ้า … "
"พี่ใหญ่นี่ ข้าจะมอบสุราจักรพรรดิวานรนี่ให้ท่าน ก็ต่อเมื่อท่านอยู่ในระดับครึ่งก้าวธรรมชาติแล้วเท่านั้น!" นี่เฝินยังไม่ทันได้เอ่ยปากกล่าววาจา ต้วนหลิงเทียนก็พูดแทรกขึ้นมาราวกับรู้ว่านี่เฝินจะพูดอะไร
นี่ไม่ใช่เพราะต้วนหลิงเทียนเป็นคนตระหนี่ แต่สุราวานรจักรพรรดิภายในน้ำเต้าขนาดเล็กมันมีน้อยนิดอย่างมาก กล่าวได้ว่ามีนับรวมกันอาจไม่ถึง 30 หยดด้วยซ้ำ! ดังนั้นเขาจึงต้องใช้มันในยามที่จำเป็นเท่านั้น!
นี่เฝินทำได้เพียงหัวเราะออกมาอย่างขื่นขม "ครึ่งก้าวธรรมชาติเลยหรือ แต่นั่นมันอีกตั้งหลายปี…"
"พี่ใหญ่นี่ ถึงแม้ว่าข้าไม่อาจมอบสุราวานรจักรพรรดิให้ท่านได้ แต่ถ้าเป็นสุราวานรล่ะก็ย่อมได้ไม่มีปัญหา” ต้วนหลิงเทียนยกมือขึ้นมา และทันใดนั้นเองก็มีไหสุราใบหนึ่งปรากฏออกมา
และทันใดนั้นกลิ่นหอมของสุราวานรก็โชยออกมาจากไหสุรา ชวนให้ลิ้มลอง …
"ยอดสุรา!" ทุกสายตาของตระกูลนี่ล้วนจับจ้องมาและกล่าวอย่างพร้อมเพรียง
ต่อมา ทั้ง 3 ก็ได้ลิ้มลองสุราวานรกันอย่างถ้วนหน้า
นี่เฝินที่ดื่มสุราลงไป รีบนั่งลงขัดสมาธิทันที พร้อมสงบสติอารมณ์ที่พลุ่งพล่านในใจ ก่อนที่จะรีบโคจรพลังงานต้นกำเนิดตามแนวทางวิชาบ่มเพาะของเขาทันที และไม่นานหลังจากนั้นเขาก็เปิดตาออกมา
"เพียงดื่มไปเล็กน้อยกลับสามารถทำให้ข้าตัดผ่านระดับบ่มเพาะได้!" หลังจากที่นี่เฝินลืมตา เขาก็รีบมองไปยังไหสุราและคว้าหยิบมาทันที แต่ทว่าเขากลับพบว่ายามนี้ในไหสุรากลับว่างเปล่าลงแล้ว
"อ้าว! สุราไปไหนหมดแล้วเล่า?" นี่เฝินตื่นตะลึงขึ้นมาทันที
"ท่านลุงนี่และก็ท่านปู่นี่ดื่มไปหมดแล้ว" ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวออกมาพร้อมรอยยิ้ม
ก่อนที่นี่เฝินจะทันได้รู้สึกตัว ต้วนหลิงเทียนก็ลุกเดินจากไป โดยไม่ลืมที่จะกล่าวเตือนชายชราและนี่เหวี่ยว่า "ท่านปู่นี่และก็ท่านลุงนี่ … ข้าขอฝากฝังเรื่องสมาชิกกองกำลังองครักษ์ชุดแพรของข้าไว้กับพวกท่านด้วย พรุ่งนี้ข้าจะมารับตัวพวกเขา "
"ท่านปู่ ท่านพ่อ ใยพวกท่านไม่เหลือเอาไว้ให้ข้าบ้างเล่า ข้าพึ่งได้ดื่มมันไปจอกเดียว…แค่จอกเดียว!" นี่เฝินแสดงท่าทางไม่ยอมรับออกมา ก่อนที่จะกล่าวตัดพ้ออย่างน่าเห็นใจ
"เจ้าเด็กโง่ แทนที่จะเอาเวลามาบ่นงอแงราวอิสตรี ใยไม่รีบไปขอสุราวานรจากต้วนหลิงเทียนเพิ่มอีกสักไห?" ชายชราส่ายหัวไปมา
"จริงสิ ข้าลืมไปว่าเขาเพียงตระหนี่แค่สุราวานรจักรพรรดิเท่านั้น เขาไม่ได้ตระหนี่สุราวานรนี่ด้วยใช่หรือไม่?" นี่เฝินรีบลุกขึ้นและวิ่งออกไปตามหาต้วนหลิงเทียนทันที แต่น่าเสียดายที่เขาไม่เห็นต้วนหลิงเทียนแม้แต่เงา
"เจ้าตัวแสบ! ไม่แปลกใจเลยว่าเหตุใด เมื่อครู่จึงแลดูเร่งรีบนัก! นี่เฝินแสดงท่าทีหดหู่ออกมา
หลังจากที่ต้วนหลิงเทียนเดินทางกลับจากจวนเจ้าพระยามาถึงบ้านแล้ว เขาก็รีบเข้าห้องและหยิบเตาหลอมโอสถออกมา เพื่อหลอมโอสถโลหิตมังกรทันที …
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วยาม ในที่สุดเขาก็หลอมโอสถโลหิตมังกรเสร็จสิ้น!
แล้วเมื่อกลืนโอสถโลหิตมังกรไปได้ไม่นาน ในที่สุดต้วนหลิงเทียนก็เสร็จสิ้นขั้นตอนการหลอมกลั่นเคี่ยวกรำร่างกายด้วยพลังงานต้นกำเนิดระดับก่อกำเนิดขั้นที่ 9 อย่าสำเร็จลุล่วง!
และกล่าวได้ว่ายามนี้ เขาบรรลุรูปแบบที่ 2 ของวิชา 9 มังกรจักรพรรดิสงคราม อย่างรูปแบบงูเหลือมคลั่งอย่างสมบูรณ์แบบ เรียบร้อยแล้ว!
โดยไม่คิดลังเล ต้วนหลิงเทียนเริ่มใช้พลังงานต้นกำเนิดชักนำพลังงานที่เหลือจากสุราวานรจักรพรรดิที่เขาได้ดื่มมาวันก่อน เริ่มโคจรบ่มเพาะอีกครั้ง…
และไม่นานหลังจากนั้น คอขวดของระดับกอกำเนิดขั้นที่ 9 ก็ถูกทะลวงผ่านไปได้ในการโคจรพลังทะลวงฝ่าเพียงแค่รอบเดียวเท่านั้น! ยามนี้ต้วนหลิงเทียนบรรลุสู่ระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 1 ได้สำเร็จ!
หลังจากที่เขาตัดผ่านมายังระดับแก่นแท้ขั้นที่ 1 แล้ว พลังงานของสุราวานรจักรพรรดิก็นับว่ายังไหลเวียนในร่างของเขาอยู่อีกเล็กน้อย!
วิชา 9 มังกรจักรพรรดิสงคราม รูปแบบนาคาพิโรธ!
ยามนี้ต้วนหลิงเทียนเริ่มบ่มเพาะพลังด้วยวิถีโคจรพลังงานรูปแบบใหม่ทันที เขาชักนำพลังงานที่เหลือของสุราวานรจักรพรรดิให้ไหลวนไปทั่วร่าง พร้อมเพิ่มพูนสั่งสมพลังงานต้นกำเนิดเพื่อเติมให้เต็มคอขวดของเขา ในที่สุดเมื่อผลของสุราวานรจักรพรรดิถูกใช้ไปจนหมดสิ้น พลังงานต้นกำเนิดของเขายามนี้ก็ปะทุแผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย
ครืน ครืนนน … ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนแบมือออกเสียงพลังงานต้นกำเนิดดังสะท้านออกมาเล็กน้อย กระดูกทั่วร่างของเขาเองยามนี่ก็บังเกิดการสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งร่าง
ทันใดนั้นเขากำหมัดลงทันที!
วู้มมมมม!
พลังงานฟ้าดินตอบรับคลื่นพลังงานต้นกำเนิดของต้วนหลิงเทียน ก่อนที่จะฉายเงาร่างช้างแมมมอธโบราณออกมา 31 ตัวเหนือศีรษะของเขา!
นี่เป็นความแข็งแกร่งทั้งหมดของต้วนหลิงเทียนหลังจากบรรลุสู่ระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 1!
หลังจากที่ตัดผ่านไปยังระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 1 แล้ว ผู้ฝึกยุทธ์โดยทั่วไปจะมีความแข็งแกร่งในขีดขั้นนี้สูงสุดแค่เพียง 20 ช้างแมมมอธโบราณเท่านั้น กล่าวได้ว่าทุกคนล้วนได้รับแข็งแกร่งที่เพิ่มพูนขึ้นมาถึง 8 ช้างแมมมอธโบราณทันทีจากระดับก่อกำเนิดขั้นที่ 9!
ต้วนหลิงเทียนเองก็เพิ่มพูนความแข็งแกร่งมา 8 ช้างแมมมอธโบราณจากระดับก่อกำเนิดขั้นที่ 9 ด้วยเช่นกัน แต่ความแข็งแกร่งเดิมก่อนหน้านี้ของเขาแค่มากมายกว่าผู้อื่นก็เท่านั้น! เท่าให้ผลรวมยามนี้มากกว่าผู้อื่น!
ในยามที่เขาบรรลุระดับก่อกำเนิดขั้นที่ 9 ด้วยแนวทางการบ่มเพาะจากวิชา 9 มังกรจักรพรรดิสงครามรูปแบบงูเหลือมคลั่งนั้น เมื่อเขาผ่านการหลอมกลั่นเคี่ยวกรำร่างกายด้วยพลังงานต้นกำเนิดเสร็จสิ้น ตัวเขาก็มีความแข็งแกร่งสูงถึง 23 ช้างแมมมอธโบราณ! นั่นหมายถึงว่าตัวเขาแข็งแกร่งทรงพลังกว่าผู้ฝึกยุทธ์ในระดับเดียวกันถึง 11 ช้างแมมมอธโบราณ!
และตอนนี้ต้วนหลิงเทียนที่ตัดผ่านมายังระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 1 แล้ว ตัวเขาก็จะยังคงได้เปรียบผู้ฝึกยุทธ์คนอื่นในระดับบ่มเพาะเดียวกัน 11 ช้างแมมมอธโบราณอยู่เช่นเดิม!
"หืม? ดูเหมือนว่า วิชาบ่มเพาะ 9 มังกรจักรพรรดิสงคราม รูปแบบที่ 3 อย่างรูปแบบนาคาพิโรธ จะไม่มีการหลอมกลั่นเคี่ยวกรำร่างกายอีกต่อไป … เช่นนั้นกล่าวได้ว่าหลังจากนี้ข้าทำได้เพียงบ่มเพาะเพิ่มพูนพลังตามปกติเท่านั้น และจะได้รับความแข็งแกร่งเทียบเท่าผู้ฝึกยุทธ์ทั่วไป …ข้าจะแค่มีความแข็งแกร่งมากกว่าผู้ฝึกยุทธ์ที่มีระดับบ่มเพาะเดียวกันอยู่ที่ 11 ช้างแมมมอธโบราณเสมอสินะ " ต้วนหลิงเทียนขบคิดถึงเรื่องราวนี้อยู่เป็นเวลานาน
เขาเข้าใจได้ทันทีว่าหลังจากนี้ตัวเขาจะไร้เทียมทานต่อผู้ฝึกยุทธ์ที่มีระดับเท่าเทียมกันเท่านั้น…
อย่างไรก็ตาม ยิ่งระดับบ่มเพาะของเขาสูงมากขึ้นเท่าไร ความแข็งแกร่งของเขาก็จะเริ่มใกล้เคียงกับผู้ฝึกยุทธ์คนอื่นๆมากขึ้นไปเรื่อย และกล่าวได้ว่าขอได้เปรียบเพียง 11 ช้างแมมมอธโบราณนี้ก็จะเริ่มน้อยลงอย่างช้าๆ
ต้วนหลิงเทียนเริ่มสัมผัสได้ถึงแรงกดดัน เขาต้องขยันหมั่นเพียรแล้ว!
"ที่แท้ระดับกำเนิดแก่นแท้เป็นเช่นนี้!" ต้วนหลิงเทียนสามารถมองเห็นสภาพในจุดตันเถียนของตัวเองได้ชัดเจนโดยใช้จิตสำนึกของเขา ยามนี้ภายในจุดตันเถียนของเขา พลังงานต้นกำเนิดที่ที่สภาพราวกับหมอกก่อนหน้านี้ ได้ ควบแน่นเข้ามาเป็นแก่นพลังงานต้นกำเนิด …
แก่นแท้พลังงานต้นกำเนิดนี้มีสีขาวราวหิมะ และอัดแน่นไปด้วยพลังงานต้นกำเนิดมหาศาล!
‘ที่แท้ชื่อของ ระดับ กำเนิดแก่นแท้ ได้มาเพราะ การควบแน่นพลังงานต้นกำเนิดในร่างให้เป็นแก่นแท้ ราวกับแกนพลังงานเช่นนี้นี่เอง… รวมทั้งต่อจากนี้พลังงานต้นกำเนิดจะถูกบีบอัดไปกักเก็บเอาไว้ในแก่นแท้ที่อยู่ภายในจุดตันเถียนนี้อีกด้วย’
หากจุดตันเถียนถูกทำลาย แก่นแท้นี้ก็จะสูญเสียเสถียรภาพ จนทำให้พลังงานต้นกำเนิดแตกกระจายออกมา กลับกลายเป็นหมอก ก่อนที่จะรั่วไหลออกไปจนสลายหายไปสิ้น … เช่นเดียวกันกับซูถงและชวีลั่งที่ถูกต้วนหลิงเทียนทำลายจุดตันเถียนไปนั่นเอง
ต่อมาต้วนหลิงเทียนก็เดินไปยังลานบ้านด้านหลังเพื่อตามหา สาวน้อยทั้ง 2 คนและมารดาของเขา เมื่อพบเจอทั้งหมดแล้วต้วนหลิงเทียนก็ทำการสงขวดโอสถเล็กๆให้แก่ทุกคน
แน่นอนว่าด้านในขวดโอสถคือสุราวานรจักรพรรดิ
"นายน้อย นี่คืออันใดหรือเจ้าคะ?" เค่อเอ๋อกล่าวถามออกมาด้วยใบหน้าสงสัย
ลี่หลัวและลี่เฟยเองก็จ้องมายังต้วนหลิงเทียนด้วยเช่นกัน
"นี่คือสุราวานรจักรพรรดิ… เค่อเอ๋อ ไม่ใช่ว่าเจ้ายังไม่ตัดผ่านระดับก่อกำเนิดขั้นที่ 9 หรอกหรือ? ตราบใดที่เจ้ากินสุราวานรจักรพรรดินี่ลงไป และกระจายพลังงานไปทั่วร่าง พร้อมโคจรวิชาบ่มเพาะของเจ้า พลังงานของมันน่าจะเพียงพอให้เจ้าทะลวงผ่านระดับก่อกำเนิดขั้นที่ 9 รวมทั้งยังมีโอกาสในการทะลวงเข้าสู่ระดับกำเนิดแก่นแท้อีกด้วย! "
ต้วนหลิงเทียนหัวเราะออกมาเล็กน้อย ก่อนที่จะหันไปกล่าวกับลี่เฟย "ลี่เฟย ตัวเจ้าเองก็เช่นกัน แต่ยามนี้ระดับบ่มเพาะของเจ้า สมควรใกล้ทะลวงระดับก่อกำเนิดขั้นที่ 9 ได้เต็มที เช่นนั้นตราบใดที่เจ้ากินสุราวานรจักรพรรดินี่ลงไป และกระจายพลังงานไปทั่วร่างพร้อมโคจรพลังตามแนวทางวิชาบ่มเพาะของเจ้า ไม่เพียงพลังงานของมันจะทำให้เจ้าทะลวงผ่านระดับก่อกำเนิดขั้นที่ 9 เจ้ายังจะสามารถทะลวงคอขวด ของระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นแรกได้ในทันทีอีกด้วย!"
เมื่อได้ฟังคำกล่าวของต้วนหลิงเทียน ทั้งสองสาวต่างเบิกตากว้างออกมาอย่างยินดี และรีบแจ้นกลับห้องไปทำการบ่มเพาะพลังทันที
"ท่านแม่ ท่านเองก็สมควรใช้มันในการบ่มเพาะด้วย" ต้วนหลิงเทียนมองไปยังลี่หลัวพร้อมยิ้มบางๆ
ลี่หลัวพยักหน้า ก่อนที่จะลุกเดินตามลี่เฟยและเค่อเอ๋อไป นางเองก็กลับไปบ่มเพาะพลังในห้องเช่นกัน
หลังจากนั้นต้วนหลิงเทียนก็ออกจากบ้านไป เพื่อไปสั่งตัดชุดองครักษ์เสื้อแพรจำนวน 13 ชุด ที่เขาจดจำได้จากความทรงจำในชาติที่แล้ว
….
"ใช้เวลานานหรือไม่กว่าจะเสร็จ?" ต้วนหลิงเทียนกล่าวถามผู้จัดการ
"ท่านลูกค้า แบบชุดที่ท่านส่งให้ข้านั้น หากว่าต้องตัดพวกมันถึงจำนวน 13 ชุด…อืม..ถ้ามีความซับซ้อนมากมายถึงเพียงนี้ ถึงแม้ข้าจะเร่งทำงานทั้งวันทั้งคืน…เกรงว่ายังต้องใช้เวลาถึง 3 วันเลยล่ะขอรับ" ผู้จัดการค่อยๆกล่าวออกมา
"อะไรนะ ตั้ง 3 วัน?" ต้วนหลิงเทียนขมวดคิ้ว "ไม่ไหว มันนานเกินไป เจ้าไปคิดหาทางมา" ต้วนหลิงเทียนยกมือขึ้น และหยิบตั๋วเงินออกมาวางเพิ่มไปอีก 10,000 เหรียญเงิน
ม่านตาของผู้จัดการหดแคบลง เขาก้มลงพร้อมพยักหน้าทันที "ข้าเข้าใจแล้วท่านลูกค้า เช่นนั้นข้าจะรีบเร่งทำให้ขอรับ และข้ายังจะจ้างช่างเพิ่ม เพื่อทำการตัดชุดทั้ง 13 นี้ให้แล้วเสร็จในวันพรุ่งนี้"
"ได้เช่นนั้นก็ดี" ต้วนหลิงเทียนพยักหน้าหลังจากนั้นเขาก็เดินออกจากร้านไป ต่อมาเขาก็ไปร้านค้าอาวุธเพื่อหาซื้อฝักดาบจำนวน 13 เล่ม แล้วก็แวะไปซื้อวัตถุดิบสำหรับการหลอมดาบ
หลังจากกลับมาถึงบ้าน ต้วนหลิงเทียนก็ใช้วัตถุดิบที่ตระเวนซื้อมาหลอม อาวุธวิญญาณ ที่เป็นดาบจำนวน 13 เล่ม!
ชุดคลุมปลาบิน ดาบปลายตัด!
นี่คือองครักษ์เสื้อแพรที่แท้จริง!
รอยยิ้มสนุกสนานเริ่มปรากฏที่มุมปากต้วนหลิงเทียน
หลังจากที่องค์ราชาได้ประกาศจัดตั้งหน่วยองครักษ์เสื้อแพรแล้ว องค์ราชายังได้มอบบ้านลานขนาดใหญ่ภายในเมืองหลวงชั้นใน เพื่อให้เป็นที่ทำการขององครักษ์เสื้อแพรอีกด้วย
เมื่อต้วนหลิงเทียนเข้ามาในบ้านลาน เขาก็พบว่ามีคนมารอต้อนรับเขาอยู่แล้ว
"ผู้บัญชาการต้วน!" ต้วนหลิงเทียนพึ่งก้าวเข้ามาในลานบ้านเขาก็ได้รับการต้อนรับจากชายวัยกลางคนผู้หนึ่ง ชายวัยกลางคนผู้นี้สวมชุดเกราะแสดงให้เห็นว่าตัวมันเป็นทหารในวังหลวง ท่วงท่าองอาจและความเด็ดเดี่ยวฉายชัดออกมาจากหว่างคิ้ว เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่ทหารธรรมดาแน่นอน
"ท่านรู้จักข้ารึ แล้วท่านเป็นใครกัน?" ต้วนหลิงเทียนกล่าวถามออกมาด้วยความประหลาดใจ
"ท่านผู้บัญชาการต้วน ข้าเป็นนายกองของทหารประจำวังหลวง นามว่าเมิ่งหยาง ฝ่าบาทส่งข้ามาเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ท่านขอรับ ท่านผู้บัญชาการต้วน"
และต่อมา เมิ่งหยางก็ส่งป้ายประจำตัว และตราประทับ ให้แก่ต้วนหลิงเทียน
ป้ายประจำตัวพวกนี้มีเอกลักษณ์โดดเด่นไม่เหมือนหน่วยงานใด และทำจากวัสดุที่พิเศษไม่น้อย …ป้ายประจำตัวของต้วนหลิงเทียนนั้นเป็นหยกเนื้อดีส่องประกายเรืองรอง
ส่วนป้ายประจำตัวของคนอื่นล้วนเหมือนกันทั้งหมด 13 ชิ้น โดยเป็นป้ายทอง ตัวป้ายสลักคำเอาไว้ 3 คำว่า องครักษ์ เสื้อ แพร
“นายกองเมิ่งขอบคุณท่านมากแล้ว ที่เป็นธุระจัดการให้”ต้วนหลิงเทียนรับปราประจำตัวทั้งหมดมาก่อนที่จะพยักหน้าให้เมิ่งหยางพร้อมรอยยิ้ม
"ยินดีที่ได้รับใช้ ผู้บัญชาการต้วน" เมิ่งหยางกล่าวออกมาพร้อมรอยยิ้ม ถึงแม้ตรงหน้าเขาจะเป็นเพียงชายหนุ่มที่มีอายุเพียง 18 ปี แต่ตัวเขาเองก็ไม่กล้าดูแคลนแม้แต่น้อย
เรื่องตลกอะไร!
ยามนี้ชายหนุ่มคนนับว่าเป็นที่เคารพที่สุดของทหารทั่วทั้งอาณาจักรนภาล่อง!
และตั้งแต่ที่องค์ราชาประกาศจัดตั้งกองกำลังองครักษ์เสื้อแพรขึ้นมา ล้วนมีแต่คนอยากเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของกองกำลังนี้! …
"ท่านผู้บัญชาการต้วน…" เมิ่งหยางมองไปยังต้วนหลิงเทียนด้วยแววตาลังเล
“หืม นายกองเมิ่ง ว่าอย่างไรล่ะท่าน?” ต้วนหลิงเทียนกล่าวถามออกมา
"เอ่อ…ข้าอยากถามผู้บัญชาการต้วนว่า…กองกำลังองครักษ์เสื้อแพรยังรับสมัครคนอยู่หรือไม่?"เมิ่งหยางกล่าวถามออกมา
ต้วนหลิงเทียนหัวเราะเล็กน้อย ก่อนที่จะกล่าวถามออกมา "นายกองเมิ่ง นี่ท่านคิดสละตำแหน่งนายกองของทหารประจำวังหลวง เพื่อมาเข้าร่วมกองกำลังองครักษ์เสื้อแพรของข้างั้นหรือ?"
"เอ่อ…มิใช่ข้าแต่อย่างใด หากแต่เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาข้าบางคนน่ะขอรับ พอดีเขาชื่นชมท่านผู้บัญชาการต้วนอย่างยิ่ง… " เมิ่งหยางส่ายหัวออกมา
“อ่า…ตราบใดที่ความเป็นมาของเขาไม่น่าสงสัยอะไร และระดับบ่มเพาะของเขาอยู่ที่ระดับวิญญาณแรกก่อตั้งขั้นที่ 7 ขึ้นไป เช่นนั้นกองกำลังองครักษ์เสื้อแพรก็ยินดีต้อนรับ”ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกมาอย่างช้าๆ
เมิ่งหยางแสดงสีหน้าราวตัวโง่งมหลังได้ยินคำกล่าวของต้วนหลิงเทียน
ระดับวิญญาณแรกก่อตั้งขั้นที่ 7 ขึ้นไป?
แม้แต่นายกองของทหารประจำวังหลวงอย่างเขาเอง ก็ยังมีระดับบ่มเพาะเพียงแค่ระดับวิญญาณแรกก่อตั้งขั้นที่ 7 เท่านั้น…
เมิ่งหยางกลืนน้ำลายเล็กน้อย ก่อนที่จะกล่าวถามออกมาอย่างใคร่รู้ "ท่านผู้บัญชาการต้วนเช่นนั้น…ใช่ว่ากองกำลังของท่านจะมีเพียงผู้ฝึกยุทธ์ระดับวิญญาณแรกก่อตั้งขั้นที่ 7 ขึ้นไปหรอกหรือขอรับ?"
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า "นี่นับว่าเป็นเกณฑ์ต่ำสุด"
เกณฑ์ต่ำสุด
เมิ่งหยางพบว่ายามนี้หัวใจของเขาเต้นระรัวจนแทบจะกระดอนออกจากอก
สวรรค์!
ผู้บัญชาการต้วนคนนี้หาใช่คนธรรมจริงๆ
หลังจากที่เมิงหยางกลับไปไม่นาน ในเวลาต่อมาเรื่องราวเกณฑ์ขั้นต่ำในการรับสมัครคนเข้าร่วมกองกำลังองครักษ์เสื้อแพรก็ถูกแพร่กระขายออกไปทั่วทั้งกองทหารประจำวังหลวง และไม่นานกระทั่งทั่วทั้งเมืองหลวงก็รับรู้กันหมดสิ้น