สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - บทที่ 214 : กวาดล้างจนราบเป็นหน้ากลอง!!
บทที่ 214 : กวาดล้างจนราบเป็นหน้ากลอง!!
เมื่อฉุกคิดขึ้นมาได้อารมณ์ของต้วนหลิงเทียนพลันกระตือรือร้นขึ้นมาทันที
แต่จะอย่างไรเขาก็ไม่อาจรีบร้อนหลอมกลั่นโอสถภายในกระโจมที่คับแคบ ที่มีไว้เพื่อหลับนอนชั่วคราวนี้ได้
อีกทั้งเขาก็ไม่อาจออกไปหลอมกลั่นโอสถด้านนอกกระโจมได้!
ต้วนหลิงเทียนเพียงส่ายหัวไปมาพร้อมรอยยิ้ม และพยายามระงับสติอารมณ์ลงก่อนที่จะเข้านอน
ยามนี้อีกเหลือเพียง ราวๆ 2 ชั่วยามฟ้าก็จะสว่างแล้ว เมื่อถึงตอนนั้นกองทัพใหญ่จำนวน 100,000 คน ที่จะบุกเข้าตีหักชิงเมืองชัยชนะ ทั้งหมดต้องอยู่ภายใต้การควบคุมตามกลยุทธ์ของเขา เช่นนี้เขาเองก็สมควรนอนหลับพักฟื้นเอาแรงเสียหน่อย
ตะวันยังไม่ทันได้ปรากฏบนขอบฟ้า ทหารนับ 100,000 ต่างพร้อมใจกันตื่นขึ้นมาอย่างแข็งขัน
ต้วนหลิงเทียน เหอเหว่ยอัน และนี่เฝิน ควบอาชานำหน้าทัพทหารนับแสนตรงไปทางเมืองชัยชนะ ภายในเวลาไม่นานพวกเขาก็มาถึงคูน้ำ รอบเมืองชัยชนะ
ภายใต้คำสั่งของต้วนหลิงเทียน ทหารทุกคนได้เริ่มติดตั้งฟางรูปคน ที่แลไปคล้ายหุ่นไล่กาลงบนแพไม้ไผ่ บนพื้นดินอย่างขมักเขม่น…
ไม่นานแพไม้ไผ่ก็ถูกติดตั้งหุ่นฟางไว้จนแทบจะเต็มแพ กล่าวได้ว่าหุ่นไล่กาพวกนี้เรียงตัวกันเต็มแพราวกับทหารจริงๆ คาดว่าหากมองจากเมืองชันชนะคงแยกไม่ออก
อาศัยหมอกที่ลงหนายามเช้า ทหารเรือนแสนของกองทัพประจำชายแดนแห่งอาณาจักรนภาล่องก็เริ่มเคลื่อนตัวข้ามลำน้ำอย่างเงียบงัน
"ปลดปล่อยลูกเกาทัณฑ์!" ทหารที่ง้างเกาทัณฑ์เอาไว้ก่อนหน้าพลันปลดปล่อยลูกเกาทัณฑ์ในทันที ลูกศรนับไม่ถ้วนพุ่งขึ้นฟ้าห่าใหญ่ ระดมจู่โจมไปยังทหารของเมืองชัยชนะที่เฝ้าระวังบนกำแพงเมืองจนบาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก
ตอนนี้เองเปลวเพลิงก็พลันถูกจุดขึ้นมาอย่างโกลาหลในค่าย เพื่อแจ้งเตือนว่า เมืองกำลังถูกโจมตี ไม่นานพวกเขาก็ระดมพลธนูมาโจมตีตอบโต้!
กองทัพใหญ่นับ 100,000 ของอาณาจักรนภาล่องยังคงล่องแพรุกคืบไป
อย่างไรก็ตามบริเวณด้านหน้าของแพทหารของอาณาจักรนภาล่อง มีแพที่บรรทุกไปด้วยหุ่นฟ่างจำนวนมากมาย แล่นนำไปด้านหน้า ด้วยระยะทางที่ห่างออกไปอย่างตั้งใจ!
ภายในหมอกที่ลงหนาตอนเช้า ฝั่งทหารของเมืองชัยชนะนั้นเห็นเพียงแพด้านหน้ากับเงาลางๆ แลคล้ายกลุ่มคนเท่านั้น และแน่นอนพวกมันย่อมคิดว่าเป็นทหารของอีกฝ่าย เพราะเมื่อครู่ห่าธนูพึ่งคร่าชีวิตพวกมันไปนับพัน พวกมันไม่รอช้า ง้างเกาทัณฑ์ปลดปล่อยฝูงดอกสรหมายโจมตีอีกฝ่ายให้ย่อยยับทันที
ทว่ากองทัพนับ 100,000 ของอาณาจักรนภาล่องไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บแม้แต่นิดเดียว เพราะที่ถูกยิงมีเพียงแพหุ่นฟางที่แล่นนำหน้าไปเท่านั้นและเมื่อการโจมตีหยุดลง ก็ทำการชักเชือกที่ผูกติดกับแพด้านหน้าเอาไว้ดึงมันกลับมา เก็บลูกเกาทัณฑ์ที่อีกฝ่ายมอบให้ด้วยความเร็วสูง ก่อนที่จะดันแพให้ไปนำหน้าเอาไว้ตามตำแหน่งเดิม…ทำหน้าที่รับมอบลูกเกาทัณฑ์ของอีกฝ่ายด้วยความสุขใจ…
"ปาฏิหาริย์ อันน่าอัศจรรย์นัก!" เหอเหว่ยอัน นี่เฝิน และนักศึกษาฝ่ายดาวกุนซือทุกคนที่เห็นเหตุการณ์ ไม่อาจระงับลมหายใจอันตื่นเต้นเอาไว้ได้
นี่เป็นกลยุทธ์หยิบยืมเกาทัณฑ์ด้วยเรือฟาง!'
เมื่อทั้งหมดได้เห็นภาพน่าตื่นตะลึงตรงหน้า พวกเขาก็ตระหนักได้ทันทีว่าชายหนุ่มชุดสีม่วงที่ยืนอยู่ข้างๆพวกเขานั้น สำคัญขนาดไหน!
การโจมตีทำลายล้างที่เคยน่าหวาดหวั่นของอีกฝ่าย กลับกลายเป็นไร้เรื่องราว! กระทั่งกองทหารที่ทำหน้าที่รวบรวมเกาทัณฑ์ ยังบังเกิดความสนุกสนานแข่งขันกันว่า แพฟางของผู้ใดจักได้ลูกเกาทัณฑ์มากกว่ากันเสียด้วยซ้ำ!
ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!
…
เมื่อทหารที่ทำการป้องกันเมืองชัยชนะคิดว่าทหารนับ 100,000 ของอาณาจักรนภาล่องถูกพวกมันระดมยิงจนย่อยยับ และไม่อาจตอบโต้กลับมา พวกมันก็คิดได้ว่าอีกฝ่ายคงตกตายจำนวนมากหรือไม่ก็ใช้ลูกศรหมดแล้ว แต่ทันใดนั้นเองห่าลูกเกาทัณฑ์อีกชุดใหญ่ก็ถูกอีกฝ่าย จู่โจมออกมาจากม่านหมอกอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว
แล้วการรบก็ดำเนินไปลักษณะนี้อยู่หลายรอบ
"มันเป็นเช่นนี้ได้อย่างไรกัน?"
"พวกมันใยมีลูกเกาทัณฑ์มากมายเช่นนี้?!"
"เป็นไปไม่ได้ พวกมันมีจำนวนเท่าใดกันแน่ พวกเราจู่โจมมันจนแทบสิ้นดอกศรแล้ว เหตุใดมันยังตอบโต้กลับมาได้อย่างเข้มแข็งเช่นนี้!"
…
เมื่อเวลาไหลผ่านไปเรื่อยๆ…ยิ่งมาฝั่งเมืองชัยชนะยิ่งหวาดกลัวแล้ว พวกมันตกอยู่ในความสับสนอย่างมาก แต่ด้วยห่าดอกศรจากอีกฝ่ายที่ระดมยิงตอบโต้มาแทบทุกครั้ง ทำให้ไม่มีใครกล้าออกนอกกำแพงล่องเรือออกไปตรวจสอบสถานการณ์ให้แน่ชัด
"สำเร็จอย่างงดงามนัก" เหอเหว่ยอันส่งเสียงออกมาด้วยความตื่นเต้น
"ผู้บัญชาการนี่ ท่านจงนำกองกำลังมังกรเหินลอบไปด้านข้าง อาศัยจังหวะที่พวกเรายิงเกาทัณฑ์อีกชุดจู่โจมเบี่ยงเบน ดึงความสนใจให้พวกมันย้ายมาป้องกัน อีกทั้งยามนี้พวกมันคงสับสนไม่น้อย พวกท่านสมควรเลือกจุดที่การป้องกันเบาบางได้ไม่ยาก ค่อยๆปีนข้ามกำแพงพวกมันไปทีละน้อย และแอบซ่อน รวมตัวเอาไว้.. เมื่อพวกท่านเข้าไปได้หมดแล้ว ก็รวบรวมกำลังจู่โจมยุทธ์ศาสตร์หลักของพวกมัน ทีนี้พวกเราจะได้จู่โจมประสานนอกใน บุกกวาดล้างให้พวกมันย่อยยับ! " ต้วนหลิงเทียนหันไปจ้องนี่เฝินพร้อมกล่าวคำออกมา
เมื่ออยู่กับผู้อื่นแน่นอนว่าต้วนหลิงเทียนย่อมเรียกเขาว่าผู้บัญชาการนี่ หาใช่พี่ใหญ่นี่ที่คุ้นเคยไม่
"หลังจากจบศึกครั้งนี้ พวกเราคงต้องไปดื่มกันให้หนำใจสักหน่อยแล้ว!" นี่เฝินหัวเราะอย่างเริงร่า ก่อนที่จะนำกองกำลังมังกรเหิน เคลื่อนพลไปยังจุดบอดที่ไม่มีใครให้ความสนใจและไร้การปะทะ ยามนี้อีกฝ่ายกำลังรับมือห่าธนูที่กองทัพประจำชายแดนเก็บกู้มาระดมยิงคืนกลับไปอยู่อย่างยากลำบาก
เคลื่อนทัพซ่อนเร้นตามกลยุทธ์ลอบตีฉางอัน!
ก่อนที่จะค่อยๆ ใช้น้อยพิชิตมากลอบจู่โจมเป้าหมายสำคัญ ตามกลยุทธ์ ถอนฟืนใต้กระทะ !
ทั้งหมดรวมเป็น 3 กลยุทธ์ ที่ต้วนหลิงเทียนใช้ผสานกันอย่างลงตัว
ตอนนี้เหล่าทหารของกองทัพประจำชายแดน 90,000 คนก็ยังคงสดใสร่าเริงอยู่หลังแพหุ่นฟาง พวกเขาอาศัยหมอกหนายามเช้าซ่อนตัวได้อย่างแยบคาย… และค่อยๆเคลื่อนที่ไปอย่างช้าๆ ด้วยยุทธการเคลื่อนตะวัน
ตราบใดที่ทางเมืองชัยชนะส่งทหารออกมาหมายตรวจสอบสถานการณ์ พวกเขาจะระดมยิงเกาทัณฑ์ใส่มันให้ตกตาย อย่าได้หวังออกมาตรวจสอบสถานการณ์ได้อย่างสะดวก …แน่นอนทหารทางฝั่งอาณาจักรย่อมสามารถมองเห็นอีกฝ่ายได้ เพราะบนกำแพงเมืองชัยชนะ พวกมันจุดคบเพลิงส่องสว่างเอาไว้ เห็นได้ชัดนัก!
“ฮ่าๆ ตัวข้าเหอเหว่ยอัน นำทัพกองทหารเข้าสมรภูมิรบมามากมายหลายปี แต่ครานี้นับว่าเป็นครั้งแรกที่พวกเราทำการรบได้อย่างปลอดโปล่งโล่งสบาย และง่ายดายเช่นนี้!”
"แม่ทัพเหอ ท่านอย่ารีบด่วนดีใจไป รอให้พวกเรากวาดล้างพวกทหารเมืองชัยชนะจนราบคาบก่อน ค่อยดีใจก็ยังไม่สาย ดั่งคำกลาว สงครามยังไม่จบอย่าพึ่งรีบนับศพทหาร" ต้วนหลิงเทียนยิ้มออกมาบางๆ ด้วยท่าทางไร้เรื่องราว
ตอนนี้เองนักศึกษาฝ่ายดาวกุนซือจากสถาบันบ่มเพาะขุนพลที่อยู่รอบๆต้วนหลิงเทียนล้วนมองเขาด้วยความชื่นชม แน่นอนว่านักศึกษาฝ่ายดาวขุนพลทั้ง 300 คนเองก็มองต้วนหลิงเทียนด้วยความเคารพเช่นกัน
ครั้งอื่นๆพวกเขาทำได้เพียงไปวิ่งเล่นในสนาบรบเท่านั้น ยังไม่ได้ทำการสู้รบอันใด ก็ต้องหนีหัวซุกหัวซุน
แต่คราวนี้พวกเขาได้โอกาสที่จะอาบโลหิตของฝ่ายตรงข้ามต่างน้ำ ได้เวลาแสดงผลการเรียนและฝึกฝนอย่างหนักหน่วงจากสถาบันบ่มเพาะขุนพลแล้ว! พวกมันกำลังจะได้ฆ่าคนให้สาแก่ใจ!
ภายในเมืองชัยชนะตอนใต้
ในบริเวณกระโจมใหญ่ ตอนนี้แม่ทัพใหญ่และกุนซือกองทัพเองกำลังประชุมกันอย่างเคร่งเครียด
"เหตุใดเรื่องราวในวันนี้กลับประหลาดยิ่งนัก มันเป็นไปไม่ได้ที่ทหารของฝายอาณาจักรนภาล่องจะมีลูกเกาทัณฑ์มากมายขนาดนี้ หรือพวกมันลำเลียงขนส่งกันมาแอบซ่อนเอาไว้นานแล้ว… " กุนซือกองทัพคนหนึ่งเพียงกล่าวออกมาพร้อมรอยยิ้มขมขื่นที่มุมปาก
“ข้าเองก็รู้สึกประหลาดใจไม่น้อย เห็นได้ชัดว่าทางเรา ระดมโจมตีจนแพของพวกมันจมหายไปหลายครั้ง แล้วใยกำลังพลของพวกมันยังมีมากมายถึงเพียงนี้ กลับสามารถตอบโต้พวกเราได้อย่างหนักหน่วงทุกครั้ง… จากรายงานล่าสุด พวกมันมิใช่เหลือกำลังพลเพียงแค่ 100,000 คนเท่านั้นหรอกหรือ? ยามนี้พวกมันสมควรตกตายไปจนแทบไม่มีเหลือแล้วด้วยซ้ำ เหตุใดมันยังตอบโต้มาได้อย่างดุดันราวกับจำนวนไม่ลดลง?” กุนซือคนอื่นๆเองก็พยักหน้ารับคำ พร้อมคิ้วที่ขมวดเป็นปม ความตึงเครียดแผ่ซ่านยากจะจางหาย
"ทหารของเราเองก็ไม่อาจออกไปสำรวจได้ ยามนี้ใช้ให้ผู้ใดออกไปล้วนหวาดหวั่นไม่กล้าไปทั้งสิ้น เพราะแค่โผล่หัวไปก็ถูกระดมยิงตกตายแล้ว … เช่นนี้คงอีกไม่นานกองทัพของอาณาจักรนภาล่องคงรุกเข้ามาประชิดแพงเมืองของพวกเราได้ พวกเราต้องตระเตรียมอุปกรณ์สำหรับรบประชิด หน้าด่านประตูเมืองแล้ว"ใบหน้าแม่ทัพเต็มไปด้วยความกังวล
"ฆ่า!" ทันใดนั้นเองเสียงกล่าวคำดังคำราม เต็มไปด้วยความดุดันพลันดังขึ้น ราวกับระเบิดลงบริเวณกระโจมใหญ่กลางค่ายที่พัก ทำให้แม่ทัพและเหล่ากุนซือที่กำลังประชุมกันอยู่บังเกิดความตื่นตระหนก
ไม่กี่ลมหายใจต่อมา กองกำลังมังกรเหินของอาณาจักรนภาล่องก็ห้อมล้อมกระโจมเอาไว้
"นรกเถอะ กองกำลังมังกรเหินของอาณาจักรนภาล่อง!"
"สวรรค์ช่วย พวกมันลอบเข้ามาถึงในนี้ได้อย่างไร?"
…
หัวแม่ทัพ และกุนซือภายในกระโจมใหญ่ค่อยๆถูกปลิดปลงลงทีละคนๆ อย่างง่ายดาย
ครืนนนนน!
ตูมมมมมมมมมม!!
บุปผาเปลวเพลิงเบ่งบานจากใจกลางกระโจมของกองทัพประจำเมืองชัยชนะ นับเป็นการส่งสัญญาณ ที่คร่าชีวิตฝ่ายศัตรูได้มากมายมหาศาลนัก!
"บุก! ใครขวางทาง ฆ่าให้สิ้น!" น้ำเสียงของต้วนหลิงเทียนดังขึ้นมาอย่างอำมหิต ก้องกระจายไปทั่วกองทัพ
"ฆ่า!"
"ฆ่า!"
"ฆ่า!"
…
กองทัพประจำชายแดนที่ต้องเก็บความแค้นที่พี่น้องตกตายเอาไว้หลายวัน ยามนี้ราวกับโทสะเข้าครอบงำ พุ่งตัวเหินข้ามล้ำน้ำเหยียบย่ำแพไปราวอสูรกายก่อนจะกระโดดขึ้นกำแพงเมือง ผู้ใดขวางเส้นทางล้วนเข่นฆ่าอย่างไร้ปราณี สภาวะดุร้ายราวอสูรนี้บั่นทอนกำลังใจทหารฝ่ายเมืองชัยชนะจนไม่เหลือเรี่ยวแรงจะต่อสู้ พวกมันยังไม่หายตื่นตระหนกจากเสียงระเบิดกลางค่ายด้วยซ้ำ!
เมื่อเผชิญหน้ากับสภาวะดุร้ายอำมหิตของทหารประจำชายแดนของอาณาจักรนภาล่องนี้พวกมันไม่รู้จักทำเช่นไร ประตูเมืองของพวกมันเองก็ถูกระเบิดเป็นผงได้อย่างง่ายดาย ศรที่มีไว้ยิงสกัดก็ไม่มีเหลือ กองทัพทหารราบก็ไม่อาจใช้ความได้เปรียบอันใดได้ เพราะยามนี้ทางด้านหลังก็บังเกิดเสียงฆ่าฟันดุร้ายดังขึ้นมา แม่ทัพและกุนซือเองก็เงียบหายไป ไร้ซึ่งคำสั่งควบคุมการรบ ทั้งหมดล้วนทำอะไรไม่ถูก สถานการณ์ทุกอย่างตกอยู่ในความสับสนอลหม่าน
กองกำลังมังกรเหินและกองทัพประจำชายแดนประหนึ่งหนึ่งผืนฟ้า หนึ่งปฐพี ค่อยๆบีบกองทัพของเมืองชัยชนะที่อยู่ตรงกลางจนย่อยยับอัปราไร้หนทางต่อต้านใดๆ
เพียงชั่วครึ่งวันแม่น้ำทุกสายที่ไหลในเมืองชัยชนะ ก็ถูกชโลมย้อมไปด้วยโลหิตของทหาร
"ฆ่าให้สิ้น!" ต้วนหลิงเทียนเองก็เข้าร่วมการรบด้วยเช่นกันเพราะยามนี้สถานการณ์กล่าวได้ว่าไร้อันตรายใดๆแล้ว มีเพียงเข่นฆ่า ตัดหัวผู้ที่กำลังตัวสั่นเพราะหวาดกลัวเบื้องหน้าให้หมดสิ้นเท่านั้น
ฟั่บบ!
กระบี่อ่อนดาราม่วงตวัดซ้ายทีขวาทีราวกับเส้นสายอัสนี ทุกที่ๆมันวาดผ่านศีรษะของทหารเมืองชัยชนะล้วนถูกแยกออกจากตัวได้อย่างง่ายดาย เพลงกระบี่ประจำตัวอย่าง วาดกระบี่ ถูกใช้ออกมาราวกับนักปราชญ์สะบัดพู่กันเขียนโคลงกลอน หรือจิตกรมือเอกรังสรรค์ภาพวาด เพียงแต่ครานี้หาใช่น้ำหมึกที่ชโลมบนผืนผ้าใบ แต่เป็นโลหิตที่หลั่งชโลมแผ่นดิน
ปงงงงงง!
ด้านข้างต้วนหลิงเทียน เซี่ยวฉวินและเซี่ยวหยูเอง ก็เข่นฆ่าผู้คนจนสองมือเป็นระวิงเจอ 1 คนฆ่า 1 คน! เจอ 10 คนเข่นฆ่าสิ้นทั้ง 10 คน วันนี้พวกมันมาเพื่อฆ่าคน!
ต้วนหลิงเทียนอดกล่าวขึ้นมาไม่ได้ เมื่อทหารของเมืองชัยชนะคนหนึ่งที่อยู่เบื้องหน้าถูกกระบี่เล่มหนึ่งสับผ่าจนมันสมองกระจายออกมา "เซี่ยวฉวินอย่ามาแย่งเหยื่อของข้า!"
เซี่ยวฉวินหัวเราะออกมาอย่างเขินอายก่อนที่มุ่งหน้าฆ่าฟันต่อไป
สิบย่างก้าวคร่าสังหาร ไร้ต่อต้านนับพันลี้!
อารมณ์ของต้วนหลิงเทียนเองก็คุกรุ่นไม่น้อย ดั่งเรื่องราวในวันวานหวนคืนกลับมา พาลให้โลหิตทั่วร่างเขาระอุ กล้ามเนื้อทุกมัดเต้นระบำด้วยความยินดี ร่างเคลื่อนไหววูบวาบพุ่งไปกลางทัพศัตรู ก่อนจะหมุนตัวฟันด้วยความเร็วสูงประดุจพายุ พายุคมกระบี่นี้พัดผ่านที่ใด ศีรษะผู้คนล้วนถูกบั่นกระเด็น…
ชีวิตคนเราบางทีก็ง่ายดายราวหญ้าคาตามผืนดิน…จบสิ้นได้ง่ายดายนัก
หลังจากที่เข่นฆ่ากองทัพของเมืองชัยชนะไปจนแทบหมดสิ้น แม่ทัพที่เหลืออยู่เพียงหยิบมือเดียว รวมทั้งกองกำลังทหารที่แทบไม่มีเหลือต่างคุกเข่ายอมจำนน กองทัพอาณาจักรนภาล่องเองก็พลันได้สติ ทั้งหมดล้วนหยุดเข่นฆ่า
ตอนนี้ใต้เท้าของต้วนหลิงเทียนมีศพกองอยู่นับร้อย เสื้อผ้าของเขาจากม่วงสวย กลับกลายเป็นแดงคล้ำคาวคลุ้ง
"ชัยชนะ!"
"ชัยชนะ!"
"ต้วนหลิงเทียน!"
"ต้วนหลิงเทียน!"
"ต้วนหลิงเทียน!"
…
ตอนนี้ทหารของกองทัพแห่งอาณาจักรนภาล่องล้วนมีทีท่าขึงขังเต็มเปี่ยมไปด้วยความฮึกเหิม ทั้งหมดล้วนยืนหยัดราวกับจะประจันหน้ากับสวรรค์ ตะโกนก้องกู่ร้องชื่อต้วนหลิงเทียนออกมาอย่างบ้าคลั่ง
เพราะนี่พวกมันทั้งหมดรู้ดี ว่าหากไร้ซึ่งต้วนหลิงเทียนแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่วันนี้พวกมันจะได้ระบายแค้น เข่นฆ่าศัตรูเพื่อปลอบประโลมด้วงวิญญาณพี่น้องนับ 10,000 ที่ตายจากไป รวมทั้งคงไร้หนทางบุกเข้าตี
หากไม่ใช่เพราะต้วนหลิงเทียนแล้ว พวกมันคงไม่ได้มาเหยียบย่ำสังหาร อยู่ในตัวเมืองชัยชนะ พร้อมกับความสำเร็จอันยิ่งใหญ่เช่นนี้ได้!
เมืองชัยชนะนี้เองก็กล่าวได้ว่ามีรูปแบบคล้ายคลึงกับเมืองรุ่งโรจน์ ทางตอนใต้ของเมืองชัยชนะล้วนเป็นค่ายทหาร ส่วนอีกครึ่งด้านบนทางเหนือล้วนเป็นพื้นที่สำหรับประชาชนให้อยู่อาศัย …
อย่างไรก็ตามการบุกยึดเมืองนั้น สามารถปล้นชิงได้แต่สินสงคราม และห้ามทำร้ายเข่นฆ่าประชาชนผู้บริสุทธิ์อย่างเด็ดขาด! และนี่เป็นข้อตกลงและกฎ ที่ทุกอาณาจักรยินยอมลงนามและเห็นพ้องต้องกัน ดังนั้นแม้ว่า ประชาชนกว่าครึ่งทางตอนเหนือของเมืองชัยชนะจะรู้สึกโศกเศร้าแต่พวกเขาก็หาได้หวาดกลัวอะไร
“พ่ายแล้ว พวกเราพ่ายแพ้แล้ว!”
“อะไรนะ!! ไม่กี่วันก่อนทหารของอาณาจักรนภาล่องยกทัพมากว่า 110,000 คน แต่สุดท้ายก็ต้องถอนกำลังไปพร้อมกับความปราชัย พวกมันสูญเสียทหารนับ 10,000 แต่ฝ่ายเรานั้นตกตายไม่ถึง 1,000 คน… แต่เหตุใด ตอนนี้กองทัพแห่งอาณาจักรนภาล่องที่อาศัยกองกำลังเพียง 100,000 คน กลับทะลวงฝ่าตีเมืองพวกเขาจนย่อยยับภายในเวลาแค่ครึ่งวัน แล้วนี่พวกมันฝ่าปราการป้องกันอันแข็งแกร่งมาได้อย่างไร ?! "
"เรื่องนี้…ข้าได้ยินมาว่า ทางอาณาจักรนภาล่องพลันบังเกิดสุดยอดกุนซืออัจฉริยะ ที่มีภูมิปัญญาสูงล้ำหาผู้ใดเสมอเหมือน วางกลยุทธ์เลิศล้ำราวสวรรค์ลิขิต บุกตีเมืองชัยชนะฝั่งใต้ของพวกเรา โดยไร้ความสูญเสีย!"
"อะไรนะ ไร้ซึ่งความสูญเสีย? เรื่องนี้เป็นไปไม่ได้ …เป็นเรื่องจริงรึ!?"
"ถูกแล้ว ทหารฝ่ายมันหามีผู้ใดตกตายแม้แต่คนเดียว … "
“ข้าเองก็ได้ยินมาว่า ทหารฝ่ายอาณาจักรนภาล่องนั้น มีเพียงแผลบาดเจ็บเล็กน้อย 100 กว่าคน แต่หาได้มีผู้ใดอาการสาหัสหรือตกตายแม้แต่คนเดียว…”
…
ไม่นานเรื่องราวของกุนซืออัจฉริยะทรงภูมิเลิศล้ำ ของอาณาจักรนภาล่องก็เป็นที่กล่าวขานและเรื่องลือไปทั่วเมืองชัยชนะ
คืนนั้นเสียงร้องแสดงความยินดีก็ดังขึ้นก้องไปทั่วเมืองชัยชนะ
แน่นอนว่าเป็นเสียงของกองทัพจากอาณาจักรนภาล่องที่กำลังเฉลิมฉลองชัยชนะกัน
"น้องชายต้วนหลิงเทียน ข้าขอดื่มคารวะเจ้า!" เหอเหว่ยอันใช้ชามใส่สุราจนเต็มเปี่ยม ก่อนจะยกขึ้นมาตรงหน้าต้วนหลิงเทียน ตัวมันเองก็เป็นทหารเจนศึกออกรบมาหลายปีดีดัก แต่นี่นับเป็นครั้งแรกของมัน รวมทั้งเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ … นำพาทัพแห่งอาณาจักรนภาล่องยาตราบุกยึดชิงเมืองชัยชนะ ของอาณาจักรหนันหมัน ด้วยเวลาเพียงแค่ครึ่งวัน ซ้ำยังไม่สูญเสียทหารแม้แต่คนเดียว!
เขารู้ได้ทันทีว่าหลังจากนี้ ชื่อของเขาในฐานะแม่ทัพใหญ่นำทัพครั้งนี้ ต้องถูกจารึกอยู่ในประวัติศาสตร์ของอาณาจักรไปชั่วกาลนาน!
แน่นอนเขายังรู้อีกด้วยว่า ชายหนุ่มตรงหน้าเขาผู้นี้ จะต้องกลายเป็นผู้ที่มีชื่อเสียงโด่งดังขจรขจายไปทั่วทั้งแดนดิน ของทั้ง 2 อาณาจักร และเลื่องระบือลือลั่นยิ่งกว่าตัวเขามากมายนัก … ในอนาคต ตราบใดที่กองทหารของเมืองชัยชนะฟื้นตัว ยามได้ยินชื่อต้วนหลิงเทียน เกรงว่าพวกมันยังคงต้องเตลิดหนี!
"แม่ทัพเหอ" ต้วนหลิงเทียนเองก็ยกชามสุราขึ้นมาเช่นกัน ก่อนที่จะชนกับชามของแม่ทัพเหอเล็กน้อย และยกซดรวดเดียวหมดชาม
"มาๆดื่มๆ!" นี่เฝินเองก็มีความสุขอย่างมากเช่นกัน
แม้กระทั่งชายชราที่ติดตามนี่เฝินมา ก็จับจ้องไปยังต้วนหลิงเทียนด้วยแววตาลึกซึ้ง
ชายหนุ่มคนนี้นับได้ว่าเขียนตำนานบทใหม่บนหน้าประวัติศาสตร์ของอาณาจักรนภาล่องอีกแล้ว!
แม้กระทั่ง ท่านเจ้าพระยาเอง ยังไม่เคยประสบความสำเร็จในการรบสูงส่งถึงขั้นนี้!
กวาดล้างทำลายเข่นฆ่าสังหารกองทัพทหารแดนใต้ของอาณาจักรชัยชนะกว่า 100,000 คน โดยหามีแม้แต่ทหารเพียงผู้เดียวของฝั่งตนที่ตกตาย …นี่มันเป็นเรื่องที่กระทั่งสวรรค์ยังต้องตะลึงแล้ว!
"ต้วนหลิงเทียน เจ้าเป็นความภาคภูมิใจของสถาบันบ่มเพาะขุนพลของพวกเรา!" จากที่ไกลๆ เหล่านักศึกษาฝ่ายดาวขุนพลของสถาบันบ่มเพาะขุนพลล้วนลุกขึ้นยืน ในมือถือทั้งหมดชามสุรา ปากกล่าววาจาชื่นชมออกมาอย่างพร้อ