สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - บทที่ 213 : สุราวานรจักรพรรดิ!
บทที่ 213 : สุราวานรจักรพรรดิ!
ต้วนหลิงเทียนตกตะลึงแล้ว ตกตะลึงพรึงเพริดอย่างแท้จริง!
นี่มันสุราอะไรกันแน่?
ต้วนหลิงเทียนก้มลงไปมองภายในน้ำเต้าอันเล็ก เขาสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่าสุราที่อยู่ภายในน้ำเต้าครานี้หาได้มีสีอำพันดั่งสุราวานรธรรมดา แต่มันเป็นสีแดงฉานดั่งโลหิต… .
หลังจากที่รีบค้นในความทรงจำของจักรพรรดิกลับชาติมาเกิด ต้วนหลิงเทียนก็เบิกตากว้างทันที …
"เป็นไปได้หรือไม่ นี่คือสุราวานรจักรพรรดิในตำนาน?" หัวใจของต้วนหลิงเทียนยามนี้เต้นระรัวดังตุบตับ อกของเขากระเพื่อมขึ้นลงราวกับลูกสูบลม
สุราวานรจักรพรรดินั้นมันมีคุณสมบัติแทบไม่แตกต่างไปจากโอสถสู่ธรรมชาติ และมันเป็นสิ่งที่มีความสำคัญอย่างมหาศาลสำหรับ วานรที่มีระดับครึ่งก้าวสู่ธรรมชาติ! เพราะสุรานี้จะช่วยสัตว์อสูรให้ยกระดับเป็นสัตว์อสูรปีศาจ หรือช่วยให้ตัดผ่านสู่ระดับแรกสัมผัสธรรมชาติ!
อย่างไรก็ตามสุราวานรจักรพรรดินี้ มันไม่มีผลข้างเคียงใดๆ ดั่งโอสถสู่ธรรมชาติ!
นอกเหนือจากผลกระทบแบบโอสถสู่ธรรมชาติจะไม่มีแล้ว สุราวานรจักรพรรดินี่ยังสามารถเพิ่มพูนระดับบ่มเพาะได้อีก! ซึ่งนับว่ามันเลิศล้ำกว่าโอสถสู่ธรรมชาติอย่างสุดประมาณ
"ชะ…โชคของข้ามันดีถึงขนาดนี้ เลยหรือ?" ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลายดังเอื๊อก
เพราะแม้แต่กระทั่งจักรพรรดิมาเกิดเองที่กล่าวได้ว่าพบฝูงวานรศิลาหลายต่อหลายครั้ง แต่ตัวเขาเองก็ไม่เคยมีโอกาสได้พบวานรวานรจักรพรรดิเช่นนี้ เพราะสุราวานรจักรพรรดินี่ส่วนมากจะไม่ค่อยเหลือ โดยมากแล้วมันจะถูกส่งให้วานรศิลาที่มีระดับบ่มเพาะครึ่งก้าวสู่ธรรมชาติดื่มกินทันทีตั้งแต่บ่มหมักเสร็จ
สุราวานรจักรพรรดินี้มีเพียงราชาวานรเท่านั้นที่ล่วงรู้กรรมวิธีในการบ่มหมัก
หากไม่ได้ทำด้วยความสมัครใจแล้วล่ะก็ ไม่ว่าจะเป็นตัวตนสูงส่งเทียมฟ้าระดับใด ก็อย่าหวังว่าราชาวานรจะบ่มหมักสุรานี้ให้ เพราะราชาวานรนี้ไม่ใช่ผู้ที่สามารถถูกบีบคั้นได้
สุราวานรจักรพรรดิ กระทั่งจักรพรรดิกลับชาติมาเกิด 2 ชาติภพเองก็เคยได้ยินแต่เพียงตำนานของมันเท่านั้น
เพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวแล้ว จักรพรรดิกลับชาติมาเกิดถึงกับบุกไปจับราชาวานรมา เพื่อบีบบังคับให้มันบ่มหมักสุราวานรจักรพรรดินี้เอาไว้ในยามที่ตนต้องกลับชาติมาเกิด … อย่างไรก็ตามราชาวานรเลือกที่จะตกตายและถูกฆ่าล้างทั้งฝูงเสียดีกว่าที่จะบ่มหมักสุราวานรจักรพรรดิให้แก่จักรพรรดิกลับชาติมาเกิด!
นี่ทำให้จินตนาการได้เลย ว่าต้วนหลิงเทียนโชคดีขนาดไหน!
สุราวานรจักรพรรดินี่ได้มาเพราะโชคช่วยจริงๆ เพราะตัวเขาเองก็ไม่ได้คิดฝันว่าจะได้รับตั้งแต่แรก
ตอนนี้เองต้วนหลิงเทียนก็สังเกตเห็นรองราชาวานรจับจ้องมายังน้ำเต้าเล็กๆในมือของเขาด้วยแววตาอาลัย และดูเหมือนมันจะไม่ค่อยเต็มใจสักเท่าไรที่ราชาวานรมอบน้ำเต้านี้ให้เขา …
ต้วนหลิงเทียนสามารถเดาได้ทันทีว่า ตอนแรกรองวาชาวานรคงคิดใช้สุราวานรจักรพรรดิในน้ำเต้านี้เพื่อตัดผ่านไปยังระดับแรกสัมผัสธรรมชาติ และยกระดับเป็นสัตว์อสูรปีศาจ!
อย่างไรก็ตามสำหรับต้วนหลิงเทียนนั้นไม่ได้ใส่ใจอะไรในเรื่องนี้ เพราะสำหรับเขาแล้ว น้ำเต้านี้ใช่ว่าจะได้มาง่ายๆ ต้องพึ่งมหาโชคลาภอย่างแท้จริง
ส่วนสำหรับรองราชาวานรนั้น ไม่นานเดี๋ยวราชาวานรก็บ่มหมักให้มันใหม่ เมื่อไหร่ก็ได้!
"ดูเหมือนว่ายามนี้ข้าได้รับมิตรภาพอย่างแท้จริงจากวานรศิลา" ต้วนหลิงเทียนรับรู้ได้ด้วยใจทันที ว่าถ้าหากถึงขั้นที่ราชาวานรยินยอมมอบน้ำเต้าที่บรรจุสุราวานรจักรพรรดินี่ให้เป็นของขวัญแล้วล่ะก็ มันแสดงให้เห็นว่าตัวเขาได้ถูกมองว่าไม่ใช่คนนอกของฝูงวานรศิลานี่แล้ว
"ข้าต้องขอขอบคุณท่านมาก!" ต้วนหลิงเทียนยิ้มบางๆให้กับราชาวานรก่อนที่จะคำนับเล็กน้อย แล้วค่อยๆเดินออกไปจากหุบเขาโดยมีฝูงวานรศิลาทั้งหมดติดตามไปส่ง
ทุกเรื่องราวที่เขาได้พานพบประสบในใจกลางหุบเขากางเขนใต้นี้ ทำให้ต้วนหลิงเทียนรู้สึกราวกับฝันไป
เพราะไม่ว่ายังไง ผลตอบแทนครานี้นับว่าสูงค่าอย่างมหาศาล
รอยยิ้มเริ่มปรากฏขึ้นที่มุมปากของต้วนหลิงเทียน
"นายน้อย!" หลังจากที่ต้วนหลิงเทียนเดินออกมาจากใจกลางหุบเขา จางเฉวียนและจ้าวกังที่รออยู่ก็ปรากฏตัวขึ้นมาต้อนรับทันที และทั้งสองก็ระบายลมหายใจหนักอึ้งออกมาอย่างโล่งอก เมื่อเห็นว่าต้วนหลิงเทียนนั้นปลอดภัย
"นายน้อย ท่านไม่ถูกฝูงวานรศิลาทำร้ายหรือ?" ก่อนหน้านี้พวกเขาสังเกตได้ว่า ต้วนหลิงเทียนนั้นไม่เหมือนคนที่เร่งรีบออกจากหุบเขาแต่อย่างใด
"เจี๊ยกๆๆ ~" ทันใดนั้นจางเฉวียนและจ้าวกังพลันเห็น วานรศิลาขนสีทองเข้มตัวหนึ่ง ปรากฏตัวออกมาบนยอดไม้ มันแย้มยิ้มและโบกมือไปมาราวกับจะล่ำลาต้วนหลิงเทียน
หากมองให้ชัดแน่นอนว่ามันเป็นวานรตัวที่ถูกต้วนหลิงเทียนช่วยถอนพิษให้นั่นเอง
ต่อมา
ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!
…
กลุ่มวานรศิลาจำนวนมากล้วนปรากฏตัวออกมาตามยอดไม้ และทั้งหมดล้วนฉีกยิ้มเห็นฟันเหลืองๆ พร้อมโบกไม้โบกมือให้อย่างเป็นมิตร
"นี่มัน…." จางเฉวียนและจ้าวกังถึงกับตะลึงค้าง ยืนตัวแข็งราวกับก้อนหิน จะมีผู้ใดสามารถบอกกล่าวพวกมันได้บ้าง ว่านี่มันเกิดอันใดขึ้นกันแน่?
เพราะเหตุใดวานรศิลาเหล่านี้ถึงไม่หลงเหลือความดุร้าย ดั่งที่ไล่ล่าพวกเขาอย่างเอาเป็นเอาตายเลยเล่า? แล้วใยทีกับนายน้อยพวกมันทำตัวเป็นมิตร ด้วยท่าทางสุภาพอ่อนโยน ราวกับลูกแมวน้อยขี้อ้อนเช่นนี้?
นอกจากนี้พวกเขายังสังเกตได้อีกว่าในกลุ่มวานรศิลานี้เต็มไปด้วยวานรศิลาที่มีขนสีทองเข้ม
จากที่นายน้อยได้กล่าวเอาไว้ก่อนหน้านี้ วานรศิลาที่มีขนสีทองเข้มนั้น เรียกได้ว่าเป็นสัตว์อสูรที่มีระดับบ่มเพาะไม่ต่ำกว่าวิญญาณแรกก่อตั้งขั้นที่ 7 กล่าวได้ว่าวานรศิลาพวกนี้ทั้งหมดล้วนแข็งแกร่งกว่าพวกเขา!…
ตอนนี้ทั้งสองรู้สึกตกตะลึงจนขนหัวลุกเกรียว!
และในไม่ช้า ม่านตาของพวกเขาก็ต้องหดแคบลงเพราะได้พานพบกับวานร ศิลาที่มีขนาดสูงราวๆ 1.7 เมตรหรืออาจจะมากกวา สวนอีกตัวนั้นมีความสูง 1 เมตรกับอีกเล็กน้อย เมื่อเทียบกับเหล่าวานรศิลาตัวอื่นที่มีความสูงไม่ถึง ครึ่งเมตร พวกมันราวกับยักษ์ในหมู่คนแคระ!
"พวกมัน …คงมิใช่ ราชาวานรหรอกนะ?" ภายในใจของจางเฉวียนและจ้าวกังบังเกิดความประหวั่นหวาดขึ้นมา เพราะข้อสงสัยนี้ผุดขึ้นมาในใจ
พวกเขายังสังเกตได้อีกด้วยว่า ยามที่วานรศิลามองไปยังร่างวานรศิลาทั้ง 2 พวกมันล้วนเต็มไปด้วยความเคารพและยำเกรง นี่มันเป็นความเคารพยำเกรงที่ก่อเกิดมาจากหัวใจอย่างแท้จริง …
"ท่านราชาวานร แล้วก็รองราชาวานร รวมทั้งเหล่าวานรศิลาทุกตัว หากหนทางแห่งโชคชะตามาบรรจบกันอีกครา ครั้งหน้าคงได้พบกันใหม่" ต้วนหลิงเทียนรู้สึกอบอุ่นในหัวใจไม่น้อย เมื่อเห็นวานรศิลาทั้งฝูงติดตามมาส่งเขาถึงด้านนอก กระทั่ง ราชาและรองราชาเองก็มาด้วย ต้วนหลิงเทียนโบกมือลาแก่เหล่าวานร
ราชาวานรและรองราชาวานรเองก็พยักหน้ารับ ราวกับมนุษย์คนหนึ่ง
"เอาล่ะ พวกเรารีบกลับกันเถอะ!" ต้วนหลิงเทียนส่งเสียงเรียก เพื่อดึงสติของจางเฉวียนและจ้าวกัง ก่อนที่จะรีบพุ่งตัวออกจากหุบเขากางเขนใต้ กลับค่ายที่พัก
จางเฉวียนจ้าวกังทำหน้าราวกับคนพึ่งตื่นจากฝัน เร่งรีบติดตามต้วนหลิงเทียนไปทันที
พวกเขาเองก็อดไม่ได้ที่จะเหลียวมองกลับไปเป็นระยะๆ และพวกเขายังสังเกตได้ว่าทันทีที่ต้วนหลิงเทียนจากไป เหล่าวานรศิลาก็มองมาที่พวกเขาด้วยทีท่าดุร้ายอีกครั้ง
"นายน้อยพวกมัน… ท่าน … " จางเฉวียนกลืนน้ำลายอึกใหญ่อย่างยากลำบาก ตอนนี้ในใจเขาบังเกิดคำถามผุดขึ้นมามากมาย
"โชคของข้ายังนับว่าไม่เลวร้ายอะไร ข้าบังเอิญไปเจอหนึ่งในพวกมันถูกพิษมา และข้าก็สามารถถอนพิษได้ … หลังจากนั้นพวกมันก็ปฏิบัติต่อข้าด้วยดีดั่งสมาชิกคนหนึ่งในฝูง เอาล่ะ พวกเจ้ามีภาชนะจำพวกขวด หรือโหลอะไรทำนองนั้นหรือไม่?" หลังจากที่กล่าวบอกเรื่องราวก่อนหน้านี้ ต้วนหลิงเทียนก็กล่าวถามจางเฉวียนและจ้าวกังออกมา
แน่นอนว่าทั้ง 2 คนย่อมมิใช่ตัวโง่งม ทันทีที่พวกมันได้ยินคำถามของต้วนหลิงเทียน แววตาของพวกมันก็ทอประกายเรืองวูบและเข้าใจความหมายในคำถามนี้ได้เป็นอย่างดี พวกมันแต่ละคนรีบเอาขวดใบเล็กสำหรับบรรจุโอสถทองประสานกายออกมา… ทั้งตัวพวกมันมีเพียงภาชนะอย่างขวดเล็กๆใบนี้เท่านั้นแหล่ะ!
ต้วนหลิงเทียนหยิบเตาหลอมโอสถออกมา ก่อนจะนำขวดเล็กๆ ของพวกมันมาตักแบ่งสุราวานรไป
"นี่คือสุราวานรหรือนายน้อย?" จางเฉวียนและจ้าวกังสูดดมกลิ่นหอมของสุราอย่างดื่มด่ำ
"ใช่แล้ว นี่คือสุราวานร แต่ระดับบ่มเพาะของพวกเจ้าอยู่ในระดับวิญญาณแรกก่อตั้งขั้นที่ 7 แล้ว พวกเจ้าคงไม่เห็นผลลัพธ์ในการเพิ่มพูนพลังงานต้นกำเนิดของสุรานี่สักเท่าไร" ต้วนหลิงเทียนพยักหน้าพร้อมกล่าวออกมา
ส่วนเรื่องที่ตัวเขาได้รับสุราวานรจักรพรรดิ แน่นอนว่าไม่ได้เผยออกมา
เพราะถึงแม้ตอนนี้จางเฉวียนและจ้าวกังจะเป็นคนใต้อาณัติของเขา แต่จะช้าเร็วสุดท้ายเขาก็ต้องปล่อยพวกมันให้กลับไปดำรงตำแหน่งเดิม ยิ่งไปกว่านั้นสุราวานรจักรพรรดิยังมีจำนวนน้อยอย่างมาก เขาคิดที่จะแบ่งให้กับคนที่เขารักเท่านั้น
และเรื่องราวครานี้ยังนับว่าใหญ่หลวงไม่น้อย หากเรื่องที่เขาได้รับสุราวานรจักรพรรดินี่เล็ดลอดออกไปแล้วล่ะก็ …เกรงว่าผู้ฝึกยุทธ์ครึ่งก้าวสู่ธรรมชาติทั่วทั้งอาจักรนภาล่องแห่งนี้ต้องเพ่งเล็งมาที่เขา! และลงมือโดยไม่สนวิธีการใดๆทั้งสิ้น เป็นแน่!!
"มิมีปัญหาใดขอรับ พวกเราเพียงหวังได้ลองลิ้มรสดูเท่านั้น … พวกข้าอยากรู้นักว่าสุราในตำนานจักมีรสชาติแตกต่างไปจากสุราชั้นเลิศอย่างไร" จางเฉวียนส่ายหัวออกมาพร้อมรอยยิ้ม
จ้าวกังเองก็พยักหน้าออกมาพร้อมรอยยิ้ม แสดงว่ามันเองก็คิดอ่านเช่นเดียวกัน
จางเฉวียนที่สุดแล้วก็ไม่อาจลืมภาพที่มันเห็นก่อนหน้านี้ได้ กล่าวถามออกมาด้วยความสงสัยใครรู้ "จริงสิขอรับ นายน้อย…ก่อนหน้านี้มีวานรศิลาที่แตกต่างไปจากตัวอื่นๆ แล้วท่านยังเรียกพวกมันว่า ราชาวานรกับ รองราชา นี่พวกมันใช่…?"
"อ่า เป็นอย่างที่เจ้าคิดนั้นล่ะ แน่นอนว่าวานรศิลาตัวที่มีขนาดสูง 1เมตร และขนสีก้ำกึ่งระหว่างทองคำเข้มกับทองคำตัวนั้น มันเป็นรองชาวานร มีระดับบ่มเพาะอยู่ที่ครึ่งก้าวสู่ธรรมชาติ…กล่าวได้ว่ามันกำลังจะยกระดับกลายเป็นสัตว์อสูรปีศาจแล้ว หากเทียบกับมนุษย์ มันก็นับว่าเข้มแข็งกว่าผู้ฝึกยุทธ์ระดับครึ่งก้าวสู่ธรรมชาติทั่วไปเสียอีก" ต้วนหลิงเทียนกล่าววาจาออกมา
"ครึ่งก้าวสู่ธรรมชาติ?" จางเฉวียนและจ้าวกังสูดลมหายใจเข้าด้วยความเหน็บหนาว
รองราชาวานรตัวนั้น หากคิดฆ่าพวกมันให้ตกตาย ย่อมง่ายดายราวพลิกฝ่ามือ!
"นายน้อย เช่นนั้นอีกตัวนึงเล่า … " หัวใจของจางเฉวียนและจ้าวกังเต้นระรัวราวกลองศึก พวกมันเองก็คาดเดาได้ในใจ แต่ยังไม่กล้ายืนยัน
"วานรศิลาตัวที่มีขนสีทอง และมีความสูงด้อยกว่าข้าเพียงเล็กน้อยตัวนั้น เป็นราชาวานรผู้นำของฝูง! อีกทั้งราชาวานรตัวนั้น มันยังยกระดับตัวเองจนกลายเป็นสัตว์อสูรปีศาจไปแล้ว… และถ้าหากข้าคาดไม่ผิด จากสีขนทองสว่างนี้…ความแข็งแกร่งของมันนั้น สมควรมีระดับบ่มเพาะอยู่ที่ ระดับแรกสัมผัสธรรมชาติขั้นที่ 4 หรือมากกว่า! "ต้วนหลิงเทียนกล่าวต่อออกมา
"สัตว์อสูรปีศาจ! ราชาวานร! มีระดับบ่มเพาะระดับแรกสัมผัสธรรมชาติขั้นที่ 4 หรือมากกว่านั้น?!" จางเฉวียนและจ้าวกังตกตะลึงจนแข็งทื่อเป็นหินอีกครั้ง ครานี้ใช้เวลาอยู่นานกว่าพวกมันจะดึงสติที่เตลิดกลับมาได้ พวกมันรู้แต่ในหัวมีเพียงความอื้ออึงเท่านั้น
ก่อนหน้านี้พวกมันกลับหาญกล้าขวัญเทียมฟ้า ร่วมมือกับนายน้อย เพื่อขโมยสุราวานร จากฝูงศิลาวานร ที่มีตัวตนระดับนี้?
ตอนนี้พวกมันพบว่าเสื้อผ้าชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อราวกับไปจมน้ำมา!
ต้วนหลิงเทียนถึงกับส่ายหัวออกมา เมื่อเห็นทีท่าของจางเฉวียนและจ้าวกังเต็มไปด้วยความหวาดกลัว "กระทั่งข้าเองยังไม่คิดเลยว่า ฝูงวานรศิลาที่อาศัยอยู่ในใจกลางหุบเขากางเขนใต้นั้นจะแข็งแกร่งถึงเพียงนี้…ตอนแรกข้าเองก็คิดว่าหากมีเพียงราชาวานรที่มีระดับบ่มเพาะเพียงครึ่งก้าวสู่ธรรมชาติ พวกเรายังคงสามารถล่าถอยได้อย่างปลอดภัยหลังจากที่ข้าขโมยสุราวานรได้แล้ว แต่ใครจะไปรู้กันเล่า ว่าในขณะที่ข้ากำลังจะขโมยตักสุรา ราชาวานรตัวนั้นดันปรากฏตัวขึ้นมาเสียก่อน!"ต้วนหลิงเทียนกล่าวถึงตรงนี้น้ำเสียงของเขาก็สั่นเล็กน้อย เมื่อย้อนนึกกลับไปยังอดหวาดกลัวไม่หาย
"นับว่าพวกเรายังมีโชคนัก ที่นายน้อยสามารถพบเจอวานรถูกพิษและ สามารถรักษามันจนหาย … มิฉะนั้นผลลัพธ์ที่ตามมาคงเลวร้ายยากคาดเดาแล้ว" จางเฉวียนและจ้าวกังกล่าวออกมา ความหวาดกลัวในใจของพวกมันนับว่ามีไม่น้อย
"เอาล่ะ จะยังไงก็กล่าวได้ว่าพวกเราประสบผลสำเร็จและได้สิ่งที่ต้องการแล้ว" ต้วนหลิงเทียนหยิบน้ำเต้าขนาดใหญ่ ของลิงที่ถูกพิษขึ้นมาเขย่าเบาๆ พร้อมหัวเราะ
จางเฉวียนและจ้าวกังเองก็เริ่มหัวเราะออกมาเช่นกัน
"จริงสิ พวกเจ้าอย่าได้แพร่งพรายเรื่องราวการคงอยู่ของวานรศิลานี่เด็ดขาด!" ทันใดนั้นเองสีหน้าของต้วนหลิงเทียนก็แปรเปลี่ยน เขาจับจ้องไปยังจางเฉวียนและจ้าวกังด้วยสายตาจริงจัง
แม้ว่าด้วยกำลังรบของฝูงวานรศิลาฝูงนี้ จะไม่ได้หวาดกลัวคนของอาณาจักรนภาล่องแม้แต่น้อย แต่ต้วนหลิงเทียนยังหวังว่าจะไม่มีผู้ใดไปรบกวนความสงสุขและชีวิตที่เรียบง่ายของพวกมัน
แม้ว่าจะน่าเหลือเชื่อ แต่ยามนี้ตัวเขาก็ยอมรับว่ารู้สึกดีไม่น้อยที่ตัวเองได้รับมิตรภาพจากวานรศิลาฝูงนี้ เขาเองก็มองว่ามันเป็นสหายเช่นเดียวกัน
"ขอรับ! เรื่องนี้นายน้อยอย่าได้กังวล" จางเฉวียนและจ้าวกังรีบพยักหน้ารับคำทันที
ไม่นานต้วนหลิงเทียนก็เดินทางกลับมาถึงค่ายพัก ที่เชิงเขา และตอนนี้จางเฉวียนจ้าวกังเองก็แยกย้ายไปหลบซ่อนตัวอีกครั้ง
ต้วนหลิงเทียนยกสุราวานรออกมาจิบเล็กน้อยก่อนที่จะอมไว้ในปาก พร้อมเดินเข้าไปในกระโจม
หลังจากที่เข้ามาในกระโจมต้วนหลิงเทียนก็กลืนสุราวานรลงไปทันที
ทันใดนั้น ต้วนหลิงเทียนสัมผัสได้ว่า พลังงานต้นกำเนิดพลันเพิ่มพูนขึ้นมาอย่างปั่นป่วน ไปทั่วเส้นโลหิต กล้ามเนื้อ และกระดูก ของเขา…
โชคดีที่ความเหนียวแน่นและความยืดหยุ่นของเส้นโลหิต และเส้นพลัง รวมถึงความแข็งแกร่งของกระดูกเขาเหนือล้ำไปกว่าคนธรรมดา หาไม่แล้วด้วยพลังที่เพิ่มพูนขึ้นมามหาศาลนี้อาจจะทำให้ร่างกายเขาระเบิดออกมา!
แม้กระทั่งต้วนหลิงเทียนยังรู้สึกเจ็บปวดไปทั่วร่างกาย
เพียงพริบตา เขาก็เหงื่อไหลโชกราวกับน้ำตกอย่างไรอย่างนั้น
ต้วนหลิงเทียนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ และไม่คิดรีรออีกต่อไปเขาเริ่มโคจรพลังงานต้นกำเนิด ตามแนวทางวิชา 9 มังกรจักรพรรดิสงคราม รูปแบบงูเหลือมคลั่งทันที
ต้องขอบคุณที่ก่อนหน้านี้ต้วนหลิงเทียนนั้นขยันอย่างหนัก พลังงานจากสุราวานรนั้นสามารถเพิ่มพูนได้อย่างมีเสถียรภาพในที่สุด และยามนี้ พลังงานต้นกำเนิดที่โคจรไปทั่วร่างกายของเขาเองก็หมุนเวียนในรูปแบบเคล็ดงูเหลือมคลั่งอย่างคงที่…สุดท้ายระดับบ่มเพาะของต้วนหลิงเทียนก็พุ่งมาอยู่ในระดับ ก่อกำเนิดขั้นที่ 9 ระดับสูงด้วยความเร็วที่น่าตกตะลึง
กล่าวได้ว่าระดับบ่มเพาะของเขานั้นติดอะไรขวางกั้นอยู่เพียงนิดเดียวเท่านั้น!
และแม้กระทั่งตอนนี้ภายในร่างของต้วนหลิงเทียนยังคงเหลือพลังงานต้นกำเนิดของสุราวานรอีกกว่าครึ่ง…มันต้องทะลวงได้สิ แล้วเพราะเหตุใดกัน?
"อ่าจริงสิ! ข้าเกือบลืมไปข้ายังไม่ได้ใช้โอสถโลหิตมังกร เพื่อหลอมกลั่นร่างเนื้อด้วยพลังงานต้นกำเนิดระดับ 9 นี่ถ้าหากข้าบ่มเพาะร่างกายจนแข็งแกร่งตามระดับพลังงานต้นกำเนิดขั้นที่ 9 จนเสร็จสิ้นแล้ว.. ข้าคงสามารถทะลวงผ่านคอขวดของระดับก่อกำเนิดขั้นที่ 9 ไปยังระดับกำเนิดแก่นได้ได้ภายในครั้งเดียว!! "