สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - บทที่ 212 : ได้รับความเคารพนับถือจากวานรศิลา!
บทที่ 212 : ได้รับความเคารพนับถือจากวานรศิลา!
ต้วนหลิงเทียนแน่นอนว่าย่อมเข้าใจการกระทำของวานรศิลาพวกนี้ดี พวกมันกำลังล้างแค้นให้พี่น้องวานรของมัน
ไม่นานนักซากศพของงูเหลือมเมฆาทมิฬก็แหลกเป็นชิ้นๆไม่มีเหลือชิ้นดี
"แกนสัตว์อสูร!" ไม่นานต้วนหลิงเทียนก็เห็นแกนสัตว์อสูร ของงูเหลือมเมฆาทมิฬปรากฏออกมา
รองราชาวานรกระโดดไปหยิบแกนสัตว์อสูร ก่อนที่จะเอาใส่ปากพร้อมกลืนลงไปทันที ดวงตาสีทองทั้งคู่เผยให้เห็นถึงความดุร้ายออกมา
และหลังจากที่กลุ่มวานรศิลาได้ฉีกกระชากซากศพของงูเหลือมเมฆาทมิฬเสร็จสิ้นแล้ว ด้วยตาสีแดงฉานของพวกมันก็เบนมาจับจ้องยังต้วนหลิงเทียน! มิหนำซ้ำภายใต้การจับจ้องนี้ยังเต็มไปด้วยจิตสังหาร!
ต้วนหลิงเทียน หัวเราะออกมาอย่างขมขื่น ไม่ใช่ว่าวานรศิลาพวกนี้จะเกิดคลั่งขึ้นมาจับร่างเขาฉีกเป็นชิ้นๆหรอกนะ?
ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!
…
ทันใดนั้นเองกลุ่มวานรศิลาที่ถูกจางเฉวียนกับจ้าวกังล่อออกไปก็กลับมา
พวกมันมองไปยังราชาวานร ก่อนที่จะร้องเจี๊ยกๆราวกับเล่าเรื่องราว พวกมันชี้มือไปมาวุ่นวาย บางครั้งก็ชี้มาทางต้วนหลิงเทียนด้วยท่าทางขุ่นเคือง
แม้ว่าต้วนหลิงเทียนจะไม่เข้าใจภาษาวานรหรืออ่านท่าทางที่พวกมันแสดงออกได้ทั้งหมด แต่หากเดาไม่ผิดคงไม่พ้นพวกมันกำลังฟ้อง เรื่องจางเฉวียนกับจ้าวกังต่อราชาวานรอย่างแน่นอน
และอย่างที่คาดเอาไว้ไม่มีผิด
"ฮู่ม ~" ราชาวานรหันมามองต้วนหลิงเทียน ก่อนที่จะคำรามออกมา ยามนี้สายตาของมันเต็มไปด้วยความขุ่นเคืองเจือโทสะ ราวกับจะบอกว่าต้วนหลิงเทียนโกหกมัน
"ท่านราชาวานร! อย่าได้ด่วนตัดสิน … ท่านเห็นหรือไม่ สหายทั้ง 2 ของข้าไม่ได้ทำอันตรายลูกฝูงท่านแม้แต่น้อย ในเมื่อลูกฝูงของท่านไม่อาจจับตัวพวกสหายข้าได้ย่อมหมายความว่า สหายของข้าแข็งแกร่งกว่าใช่หรือไม่ แต่ทั้งๆที่พวกเขาแข็งแกร่งกว่า แต่ลูกฝูงของท่านยังปลอดภัย นั่นย่อมแสดงให้เห็นว่าพวกข้าไม่ได้มาร้าย" ต้วนหลิงเทียนรีบกล่าวคำอธิบายก่อนที่จะชี้ไปชี้มาเช่นกัน
เมื่อต้วนหลิงเทียนสังเกตว่า ราชาวานรที่เต็มไปด้วยโทสะค่อยๆสงบลง เขาก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก แต่ทว่าตอนนั้นเอง รองราชาวานรก็ปราดออกมาร้องเจี๊ยกๆ อยู่ครู่หนึ่ง แล้วมันก็หันมาจับจ้องต้วนหลิงเทียนด้วยแววตาอำมหิต เย็นชา
หลังจากนั้นท่าทางของราชาวานรก็พยักหน้าราวกับเห็นดีเห็นงามด้วย และเริ่มจ้องมองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาเย็นชาเช่นกัน
"ท่าไม่ดีแล้ว!" ต้วนหลิงเทียนเต็มไปด้วยความกระวนกระวายใจ เขาสัมผัสได้ถึงจิตสังหารจากรองราชาวานรที่ครุกรุ่นขึ้นมาและเพ่งเล็งมาที่เขา และสุดท้ายมันก็พุ่งมาหมายสังหารเขา!
"ข้าช่วยมันได้!" ในขณะที่รองราชาวานรพุ่งมาหมายเล่นงานเขา ต้วนหลิงเทียนพลันหงายไพ่ลับ พร้อมยื่นมือชี้ไปทางวานรศิลาที่ติดพิษทันที
"ฮู่ม!!" ราชาวานรพลันคำรามออกมา ก่อนที่จะกระพริบร่างมาทางต้วนหลิงเทียนและระงับการโจมตีของรองราชาวานรเอาไว้ได้อย่างทันท่วงที
ต้วนหลิงเทียนสัมผัสได้ถึง เสื้อผ้าด้านหลังที่ชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อ เขาเกือบตายแล้ว!
"ฮู่ม ~" ราชาวานรคำรามใส่หน้าต้วนหลิงเทียน ดวงตาสีทองส่องประกายของมันฉายชัดออกมาถึงความสงสัยและเต็มไปด้วยคำถาม
"ท่านไม่ต้องกังวล ตัวข้าเป็นผู้หลอมโอสถ …ท่านรู้จักผู้หลอมโอสถหรือไม่" ต้วนหลิงเทียนหยิบเตาหลอมโอสถออกมาแหว่งไกวตรงหน้าของราชาวานร
ตอนแรกต้วนหลิงเทียนก็ไม่คิดหรอกว่าราชาวานรจะเข้าใจ
แต่ทว่ากลับเหนือความคิด เพราะราชาวานรมันลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วพยักหน้าออกมา
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้ารับคำ ก่อนที่จะกวาดสายตามองไปรอบๆ ฝูงลิงทั้งหลาย และหันมากล่าวคำกับราชาวานรอีกครั้ง "เอาล่ะ ตอนนี้ให้พวกลูกฝูงท่านถอยไปก่อนข้าต้องการพื้นที่ในการหลอมปรุงโอสถ"
"ฮู่ม เจี๊ยก~" ราชาลิงกู่ร้องออกมา 2 คำ ก่อนที่รองราชาวานจะฮึดฮัดเล็กน้อย แล้วถอยออกมาเป็นตัวแรก
ครู่ต่อมาเหล่าวานรศิลาก็ได้ฟังคำกล่าวจากราชาวานร ว่าต้วนหลิงเทียนสามารถรักษาพี่น้องของพวกมันได้ พวกมันจึงรีบถอยและเว้นระยะให้แก่ต้วนหลิงเทียนทันที สีตาแดงฉานของพวกมันค่อยๆอ่อนลง
ต้วนหลิงเทียนระบายลมหายใจออกมาด้วยความโล่งอก และต่อมาเขาก็เริ่มขั้นตอนหลอมกลั่นโอสถต่อหน้าวานรศิลาทั้งฝูง
‘เฮ่อ ถ้าเรื่องราววันนี้แพร่งพรายออกไป ข้ามีหวังโด่งดังในฐานะผู้หลอมโอสถคนแรกที่สร้างประวัติศาสตร์เช่นนี้ขึ้นมาเป็นแน่ …หลอมปรุงโอสถต่อหน้าการเฝ้ามองของราชาวานรระดับแรกสัมผัสธรรมชาติขั้นที่ 4 ยังมีรองราชาวานรระดับครึ่งก้าวธรรมชาติ แล้วไหนจะวานรศิลาอีกทั้งฝูง! นอกจากข้าแล้วจะมีผู้หลอมโอสถคนใดสามารถแสดงฝีมือหลอมกลั่นโอสถได้ออกกัน’ ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนรู้สึกพึงพอใจไม่น้อย ราวกับเขาจะลืมไปแล้วว่าเขาต้องหลอมกลั่นโอสถเพื่อรักษาชีวิตของตัวเอง!
‘นับว่าโชคยังดี ที่งูเหลือมเมฆาทมิฬเป็นเพียงสัตว์อสูรเท่านั้น ยังไม่ได้ยกระดับเป็นสัตว์อสูรปีศาจ พิษมันจึงยังไม่ได้ร้ายแรงมากนัก เพียงโอสถกวาดจิตพิสุทธิ์ระดับ 9 น่าจะสามารถกำจัดพิษได้จนหมด’ ต้วนหลิงเทียนคิดในใจ ก่อนที่จะเริ่มหยิบวัตถุดิบออกมาตระเตรียม
ตอนนั้นเมื่อต้วนหลิงเทียนไปหลอมกลั่นโอสถกวาดจิตพิสุทธิ์ให้เจ้าพระยาเรืองฤทธิ์ที่จวนเจ้าพระยา แน่นอนว่าเขายังมีวัตถุดิบเหลือเอาไว้ …กระทั่งตัวเขาเองยังลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่ามันยังมี
"ดูเหมือนต่อไปข้าคงต้องติดวัตถุดิบสำหรับหลอมโอสถแก้พิษอย่าง โอสถกวาดจิตพิสุทธิ์ไว้บ้างแล้ว เพราะมันอาจจะช่วยชีวิตข้าได้ในเวลาที่สำคัญเช่นนี้… " ต้วนหลิงเทียนสามารถนึกภาพออกได้เลยว่า หากเขาไม่มีวัตถุดิบสำหรับหลอมกลั่นโอสถกวาดจิตพิสุทธิ์ระดับ 9 นี่แล้วล่ะก็ จุดจบของเขาคงไม่ต่างจากงูเหลือมเมฆาทมิฬสักเท่าไร
ต้วนหลิงเทียนนั้นค่อยๆ หลอมโอสถอย่างสบายใจ แต่ทว่าทางด้านจางเฉวียนและจ้าวกังนั้นกำลังร้อนรนใจอย่างหนัก
ทำไมนายน้อยของพวกมันถึงยังไม่กลับมา?
"รอกันอีกสักครู่เถิด ลักษณะของายน้อยหาได้เหมือนคนอายุสั้นไม่" จางเฉวียนและจ้าวกังทำได้เพียงแค่รอต่อไปด้วยความทรมาน
1 ชั่วยามต่อมา
วู้ม! วู้ม! วู้ม!
โอสถกวาดจิตพิสุทธิ์ 3 เม็ดพลันลอยออกมาจากเหลอมโอสถ และถูกต้วนหลิงเทียนคว้าเอาไว้มาอยู่ในมือ
ต้วนหลิงเทียนรีบเดินไปยังวานรศิลาที่ถูกพิษทันที ตอนนี้พิษมันเริ่มแพร่กระจายไปทั่วร่างแล้ว …ร่างกายของมันยามนี้ดำคล้ำลงราวกับถูกปกคลุมไปด้วยเมฆหมอกทมิฬ คาดว่าอีกไม่นานคงต้องตกตายลง!
ต้วนหลิงเทียนไม่รอช้ารีบเปิดปากวานรศิลาก่อนที่จะป้อนโอสถให้มันทันที
ต่อมาต้วนหลิงเทียนก็ทาบมือไปยังหลังวานรศิลา หมายจะใช้พลังงานต้นกำเนิดช่วยให้วานรศิลาสามารถกระจายผลของโอสถกวาดจิตพิสุทธิ์ไปทั่วร่างได้อย่างรวดเร็ว
"เจี๊ยกกก!" ประกายตาของรองราชาวานรพลันเย็นชาลง เมื่อเห็นฉากตรงหน้า มันคำรามก่อนที่จะพุ่งร่างออกไปราวกับจะโจมตีต้วนหลิงเทียน
"คร่อก ~" ราชาวานรได้หยุดยั้งรองราชาววานรไว้อีกครั้ง เพราะมันสามารถเห็นได้ชัดว่าต้วนหลิงเทียนไม่มีเจตนาทำร้ายวานรศิลาตัวนั้น
หลังจากที่เห็นว่าผิวกายของวานรศิลาเริ่มกลับมามีสีปกติ และแน่ใจว่าโอสถกวาดจิตพิสุทธิ์กระจายไปขจัดพิษร้ายทั่วร่างแล้ว กระทั่งมือที่ดำคล้ำยังกลับมาหายดี ต้วนหลิงเทียนพลันถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
สำเร็จ!
"เจี๊ยก … " ตอนนี้เองวานรศิลาที่ต้วนหลิงเทียนช่วยเหลือเอาไว้ ก็ลืมตาขึ้นมา ดวงตาสีทองเข้มของมันจับจ้องไปยังต้วนหลิงเทียนอย่างอ่อนโยน
"ตอนนี้แกปลอดภัยแล้ว" ต้วนหลิงเทียนยิ้มก่อนที่จะอุ้มวานรศิลาตัวนั้นขึ้นมา
รองราชาวานร รวมทั้งเหล่าวานรศิลาทั้งหมดที่เห็นว่าพี่น้องของมันฟื้นแล้ว ทั้งหมดต่างแสดงความตื่นเต้นดีใจกันออกมา พวกมันกู่ร้องเสียงดัง พร้อมเต้นกันจ้าละหวั่นอย่างลิงโลดด้วยความสนุกสนาน
เสียงกู่ร้องนี้นับว่าดังก้องไปทั่วหุบเขา จนจางเฉวียนและจ้าวกัง ยังได้ยินด้วยเช่นกัน
"จ้าวกัง เหตุใดเสียงกู่ร้องของพวกวานรศิลา…มันแลดูตื่นเต้นดีใจนักเล่า " จางเฉวียนมองไปยังจ้าวกังก่อนจะกล่าวถามออกมาอย่างสงสัย
"แล้วเจ้าจักมองข้าทำอันใด ข้าเองก็สงสัยเช่นเดียวกับเจ้านั่นล่ะ" จ้าวกังกลอกตาไปยังจางเฉวียน ก่อนที่จะกล่าวต่อออกมา "ข้าเพียงสงสัยว่ายามนี้ นายน้อยเป็นเช่นไรแล้ว"
"เจ้าอย่าได้กังวล นายน้อยนั้นได้รับพรจากสวรรค์ สวรรค์ย่อมคุ้มครองคนที่ยอดเยี่ยมดั่งเช่นนายน้อยอย่างแน่นอน" แม้จางเฉวียนจะกล่าวออกมาเช่นนี้แต่ แววตาของเขาก็ยังคงเต็มไปด้วยความกังวล
ภายในหุบเขา
หลังจากที่ต้วนหลิงเทียนช่วยถอนพิษให้วานรศิลาได้สำเร็จ ก็นับว่าเขาสามารถขจัดความกินแหนงแคลงใจระหว่างเขากับราชาวานรได้จนหมดสิ้น แน่นอนว่ารวมถึงวานรศิลาตัวอื่นด้วยเช่นกัน ราชาวานรพลันชี้ไปยังบ่อหมักสุราวานร พร้อมส่งเสียงร้องและแววตายินดีออกมา ราวกับจะบอกว่า "เจ้าอยากดื่มเท่าใด ก็เอาไปดื่มได้ตามแต่ที่เจ้าต้องการ!!"
ต้วนหลิงเทียนหัวเราะออกมา ราชาวานรนี่นับว่ามีเหตุผลนัก
ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนกำลังจะใช้เตาหลอมโอสถเพื่อตักสุราวานรนั้น
"เจี๊ยกๆ ~" วานรศิลาที่ถูกพิษเมื่อครู่ร้องบอกกล่าวต้วนหลิงเทียน ก่อนที่จะเคลื่อนร่างเป็นเงาพุ่งเข้าถ้ำไป
เมื่อมันออกมาจากถ้ำอีกครั้ง มันก็พกน้ำเต้าติดมือมาด้วย และมันก็ยืนส่งมอบให้แก่ต้วนหลิงเทียน ทั้งมันยังพยักหน้างึกๆ ราวกับเร่งเร้าให้รับเอาไว้ราวกับมนุษย์
"ขอบใจเจ้า" ต้วนหลิงเทียนรับน้ำเต้ามาพร้อมกับยิ้มให้วานรศิลาตัวนี้
อดไม่ได้ที่ในใจของเขาจะบังเกิดความสะทกสะท้อนในอารมณ์ออกมา ก่อนหน้านี้เขาต้องหวาดกลัวแทบตาย แต่มาตอนนี้เขากลับได้รับรางวัลมากมายตอบแทนความยากลำบาก
ตอนนี้เขาไม่จำเป็นต้องขโมยสุราวานรอีกต่อไป เพราะ ราชาวานรอนุญาตให้เขาตักไปได้ตามใจชอบ
ต้วนหลิงเทียน ใช้เตาหลอมโอสถตักสุราวานรเอาไว้จนเต็มเปี่ยม ก่อนที่จะเก็บเขาแหวนมิติ เมื่อเก็บสุราเสร็จสิ้นแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็ลุกขึ้นพร้อมหันไปมองราชาวานร
ราชาวานรพยักหน้าให้ต้วนหลิงเทียน ดวงตาสีทองของมันยามนี้ทอประกายอ่อนโยนออกมา
"ท่านเก็บโอสถ 2 เม็ดนี้เอาไว้เถิด ยามลูกหลานในฝูงของท่านถูกพิษดั่งเช่นวันนี้ มันสามารถช่วยได้อย่างดี" ต้วนหลิงเทียนได้ส่งโอสถกวาดจิตพิสุทธิ์ที่เหลืออีก 2 เม็ดให้แก่ราชาวานร
"เจี๊ยกๆๆ ~" วานรศิลาทั้งหลายต่างจับจ้องไปยังโอสถด้วยแววตาทอประกาย พวกมันล้วนเห็นผลของโอสถที่แสนอัศจรรย์นี่ด้วยตาของพวกมันเองแล้ว ทำให้พวกมันรู้ถึงคุณค่าโอสถ 2 เม็ดนี้ดี
ในเวลาต่อมาต้วนหลิงเทียนก็เห็นว่าวานรศิลาตัวอื่นๆ รวมทั้งรองราชาวานรตัวนั้น ก็ทำการโค้งหัวคำนับขอบคุณเขาราวกับมนุษย์ เรื่องนี้ทำให้เขารู้สึกตกตะลึง เขาไม่คิดเลยว่าชีวิตนี้จะมีโอกาสได้รับความเคารพและเป็นที่ชื่นชอบจากสัตว์อสูรเช่นนี้
ตอนนี้เขารู้สึกราวกับว่า วานรศิลาพวกนี้น่ารักขึ้นมาอีกหลายส่วนเลยทีเดียว
ตัวราชาวานรเองหลังจากได้โอสถกวาดจิตพิสุทธิ์ที่เหลืออีก 2 เม็ดจากต้วนหลิงเทียน มันก็โค้งคำนับต้วนหลิงเทียนด้วยเช่นกัน! นี่ทำให้ต้วนหลิงเทียนรู้สึกอิ่มเอมใจนัก!
เพาะที่กำลังโค้งคำนับเขา มันเป็นถึงสัตว์อสูรปีศาจระดับแรกสัมผัสธรรมชาติขั้นที่ 4!!
‘ด้วยความสัมพันธ์ระหว่างข้ากับราชาวานรในปัจจุบัน หากข้าเจอศัตรู และล่อมันมาที่นี่ได้ ข้าจะขอให้ราชาวานรช่วยจัดการได้หรือไม่’ ต้วนหลิงเทียนคิดในใจ
แต่เขารู้ดีว่านี่เป็นเพียงความหวังฝันเฟื่องของเขา เพราะมันเป็นไปไม่ได้ที่จะล่อศัตรูที่เขาไม่อาจรับมือไหวมาได้ไกลถึงใจกลางหุบเขากางเขนใต้เช่นนี้ได้
"เอาล่ะ ข้าเองก็ต้องขอบคุณท่านสำหรับสุราวานรนี่ด้วย ในอนาคตหากข้ามีโอกาสจะมาเยี่ยมพวกท่าน” ต้วนหลิงเทียนโบกมือให้แก่วานรศิลาทั้งหมดทีกำลังจ้องมองมาที่เขา ก่อนที่จะเดินออกไป
ในขณะที่เขากำลังจะออกไปจากหุบเขานั้นเอง
"ฮู่ม~" ทันใดนั้นเอง ราชาวานรก็กู่ร้องคำรามด้วยเสียงต่ำออกมา
ใบหน้าของต้วนหลิงเทียนจางลงเล็กน้อย ราชาวานรผู้นี้ไม่ใช่ว่าบังเกิดความคิดอุตริคิดเปลี่ยนท่าทีหมายกักขังข้าเอาไว้หรอกนะ?
อย่างไรก็ตามต้วนหลิงเทียนก็หยุดเท้าลงพร้อมหันหลังกลับมา ..และนั่นทำให้เขาเองก็สงสัยเล็กน้อย
เพราะตอนนี้เขาสังเกตได้ว่าราชาวานรไม่ได้มีโทสะอะไร แต่มันพยักหน้าให้เขาก่อนที่จะหันไปโบกไม้โบกมือกับรองราชาวานร ราวกับมันกำลังสนทนาอะไรบางอย่างกับรองราชาวานร
‘มันต้องการทำอะไรกันแน่?’ ต้วนหลิงเทียนกล่าวถามในใจ
ตอนนี้เองต้วนหลิงเทียนก็ได้เห็นรองราชาวานรพยักหน้า แล้วก็พุ่งร่างหายลับไปในถ้ำ
ไม่นานรองราชาวานรก็พุ่งร่างออกมา และคราวนี้ในมือของมันมีน้ำเต้าขนาดเล็ก มันยื่นส่งน้ำเต้านี้ให้แก่ราชาวานรทันทีอย่างระมัดระวัง
ราชาวานรเดินถือน้ำเต้าขนาดเล็กมาทางต้วนหลิงเทียน ก่อนที่จะยื่นส่งมาให้ต้วนหลิงเทียนรับไว้
"นี่คืออะไร?" ต้วนหลิงเทียนเปิดจุกน้ำเต้าก่อนที่จะสูดดมกลิ่นเล็กน้อย
ทันใดนั้นเองกลิ่นหอมฉุนของสุราก็บาดจมูกเขา!
วู้มมมมม!
หลังงานต้นกำเนิดภายในร่างกายของต้วนหลิงเทียนพลันปั่นป่วนเพิ่มพูนขึ้นมาทันใด ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนสัมผัสได้ถึงความร้อนรุ่มทั่วสรรพางค์กาย เขารีบโคจรพลังงานเพื่อสะกดความปั่นป่วนนี้ทันที
วิชา 9 มังกรจักรพรรดิสงคราม รูปแบบงูเหลือมคลั่ง!
ต้วนหลิงเทียนไม่คิดรีรอ รีบโคจรพลังไปตามแนวทางวิชาบ่มเพาะของเขาทันที ทำให้พลังงานต้นกำเนิดที่ปั่นป่วนเริ่มหมุนวนโคจรไปตามรูปแบบงูเหลือมคลั่ง และในขณะที่มันกำลังไหลเวียนราวน้ำป่าอยู่ในร่างของเขานั้น…
ปง!
ต้วนหลิงเทียนเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึง ซ้ำยังเต็มไปด้วยความประหลาดใจอย่างถึงขีดสุด เพราะตอนนี้พลังงานต้นกำเนิดของเขาที่อยู่ๆก็เพิ่มพูนขึ้นมานั้น มันสามารถทะลวงผ่านคอขวด ระดับก่อกำเนิดขั้นที่ 9 ได้อย่างง่ายดาย!
"นี่มัน…." ต้วนหลิงเทียนตะลึงค้าง สีหน้าราวตัวโง่งม
ต่อให้เขาดื่มสุราวานร ก็ยังคงเป็นไปไม่ได้ที่ตัวเขาจะตัดผ่านไปยังระดับก่อกำเนิดขั้นที่ 9 ด้วยความรวดเร็ว ราวกับกระพริบตาเช่นนี้ อย่างน้อยเขาก็ต้องใช้เวลา 2-3 วันในการดูดซับพลังงานที่แฝงในสุรา
แต่ตอนนี้…
สวรรค์! ในน้ำเต้าอันเล็กๆนี่ มันมีสุราเลิศล้ำบัดซบอะไรอยู่กันแน่?!