หน้าแรก Amnovel
  • หน้าแรก
  • นิยายทั้งหมด
  • เติมเงิน
  • ติดต่อเรา
ค้นหา
ค้นหาขั้นสูง
เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก
  • หน้าแรก
  • นิยายทั้งหมด
  • เติมเงิน
  • ติดต่อเรา
  • เข้าสู่ระบบ
เข้าสู่ระบบ
Prev
Next

สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - บทที่ 210 : การค้นพบของต้วนหลิงเทียน

  1. หน้าแรก
  2. สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์
  3. บทที่ 210 : การค้นพบของต้วนหลิงเทียน
Prev
Next

บทที่ 210 : การค้นพบของต้วนหลิงเทียน

 

 

"แล้วเจ้าคิดว่าจักมีอันใดที่พวกเราต้องการ เพื่อปลอบประโลมพี่น้องกว่า 10,000 ของเราเล่า?" แม่ทัพอีกคนหนึ่งกล่าวเสริมออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา สายตาไม่แยแสของเขาจับจ้องมายังกู้เชวียนพร้อมจิตสังหารอำมหิต …

"หากมีอันใดเกิดขึ้นกับข้า พวกเจ้าไม่เกรงกลัวบิดาข้าจะเอาเรื่องกับกองทัพประจำชายแดนของพวกเจ้าหรือไร?" เมื่อเห็นแม่ทัพทั้ง 10 ไม่มีผู้ใดหวั่นไหวไปกับข้อเสนอ  สีหน้าของกู้เชวียนพลันหมองหม่นลงโดยพลัน  เนื่องจากไม้อ่อนไม่ได้ผล  ยามนี้กู้เชวียนจึงคิดใช้ไม้แข็งข่มขู่เพื่อให้พวกมันหวาดกลัว

เหล่าแม่ทัพทั้งหมดล้วนมองหน้ากันเอง ก่อนที่จะระเบิดเสียงหัวร่อ ออกมาดังลั่น

"นายน้อยกู้เอ๋ย นายน้อยกู้เจ้าอวดอ้างว่าทรงปัญญามาตั้งนาน แต่เรื่องนี้กลับคิดไม่ได้ ยามนี้ทุกคนล้วนรู้กันไปทั่วแล้ว ว่าแม่ทัพเหอนั้น อนุญาตให้เจ้าเดินทางออกจากเมืองรุ่งโรจน์… เจ้าลองคิดสิ ว่าหากเจ้าตกตายภายนอกเขตเมืองรุ่งโรจน์เช่นนี้ กองทัพประจำชายแดนของพวกเรายังต้องรับผิดชอบอันใดอีก?"

"แน่นอนว่าทุกคนล้วนคิดว่า เป็นท่านนายน้อยกู้ประสบเภทภัยในขณะเดินทางกลับ ท่านอาจจะบังเอิญเจอกลุ่มโจรฆ่าชิงทรัพย์ระหว่างทาง เพราะจะอย่างไรตามชายแดนเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นบ่อยครั้งนัก"

"ด้วยเหตุนี้นายน้อยกู้อย่าได้กังวลแทนท่านแม่ทัพเหอ หรือกองทัพประจำชายแดนอย่างพวกเราเลย หึหึ"

…

เหล่าแม่ทัพยังหัวเราะขบขันกันอย่างไม่หยุด ทำให้ยิ่งมาสีหน้ากู้เชวียนยิ่งกลับกลายร้ายแรงหนักข้อแล้ว

แน่นอนว่าเขาย่อมรู้ว่า วาจาที่พวกมันกล่าวย่อมเป็นความจริง ความเสียใจอย่างสุดซึ้งเริ่มบังเกิดขึ้นมาภายในใจ!

เขาไม่ควรออกจากค่ายทหารเช่นนี้เลย  แม้ว่าเขาจะต้องทนบากหน้าไปอยู่ร่วมกับกองกำลังมังกรเหิน  จนกระทั่งถึงวันเดินทางกลับเขาก็ต้องทน เพราะจะอย่างไรเขาก็ยังสามารถเดินทางกลับพร้อมกองกำลังมังกรเหินได้โดยสวัสดิภาพ

อย่างน้อยๆ เขาก็ยังสามารถรักษาชีวิตเอาไว้ได้!

“อย่าฆ่าข้าเลย ได้โปรด ได้โปรดเถิด!”สีหน้าของกู้เชวียนซีดเซียว น้ำตาเริ่มหลั่งไหล เขาพยายามวิงวอนร้องขอชีวิตออกมา

แต่น่าเสียดาย ไม่ว่าเขาจะพยายามวิงวอนร้องขอความเมตตาสักเท่าไร แต่เขาก็ไม่อาจหลีกหนีชะตากรรมแห่งความตาย ภายใต้ความแค้นอันเกรี้ยวกราดและโทสะของแม่ทัพทั้ง 10 ได้ …

ต่อให้เขาเป็นถึงผู้ฝึกยุทธ์ระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 3 แล้วจะอย่างไร  ต่อหน้าแม่ทัพที่เจนจัดสนามรบและมีระดับบ่มเพาะสูงถึงระดับวิญญาณแรกก่อตั้ง มันไม่ต่างอันใดกับลูกแกะน้อยๆถูกฝูงราชสีห์หยอกล้อสักนิด

ก็ไม่น่าแปลกใจอะไรนัก ที่สุดท้ายแล้วกู้เชวียนต้องตกตายอย่างอนาถ ซากศพแยกกระจัดกระจายตามข้างทางเดินอันเปลี่ยวร้างยากที่ผู้ใดจะค้นพบ  ได้แต่รอวันสัตว์อสูรกัดกินจนไม่เหลือซาก

 

ดึกสงัดในยามค่ำคืน ภายในมุมหนึ่งของค่ายทหารประจำชายแดน ต้วนหลิงเทียนยิ้มบางๆออกมาพร้อมกล่าววาจาออกมา "นับว่าลงมือได้รวดเร็ว ดีนัก"

ตอนนี้มีร่างชายวัยกลางคน 2 คนยืนอยู่ข้างต้วนหลิงเทียน แน่นอนว่าคือจางเฉวียนและจ้าวกัง

ต้วนหลิงเทียนพึ่งได้รับรายงานจากจางเฉวียนและจ้าวกัง ถึงวาระสุดท้ายของกู้เชวียน

บางทีแม้แต่แม่ทัพทั้ง 10 คนที่ลงมือสังหารกู้เชวียนก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่า จางเฉวียนและจ้าวกังเองก็รอกระทำเรื่องเดียวกันกับพวกมันอยู่…

“ตัวบัดซบกู้เชวียนนั่นตายไปเสียก็ดี มิมีผู้ใดคิดสงสารตัวอุบาทว์อย่างมัน!”  เมื่อจางเฉวียนและจ้าวกังกล่าวถึงกู้เชวียนพวกมันทั้งคู่ก็บันดาลโทสะอย่างมาก  เพราะจะอย่างไรทั้ง 2 คนเองก็เป็นแม่ทัพ การที่กู้เชวียนนำพาพี่น้องทหารไปตกตายอย่างไร้ค่าถึง 10,000 คนแน่นอนว่าทั้งคู่ย่อมคับแค้นใจไม่น้อย

"เอาล่ะพอได้แล้ว จะอย่างไรเรื่องมันก็ผ่านไปแล้ว อย่าได้กล่าวถึงอีก … พวกเจ้าทั้ง 2 คนรอดูชมการแสดงของข้าหลังจากนี้อีก 3 วันจะดีกว่า" ใบหน้าของต้วนหลิงเทียนฉายชัดออกมาถึงความมั่นใจ

3 วันต่อมาเมืองรุ่งโรจน์ก็ส่งกองทัพออกไปจู่โจมเมืองชัยชนะอีกครั้ง การเดินทางครานี้ทหารทุกคนล้วนมั่นใจว่าต้องได้เหยียบย่ำซากศพของพวกทหารแดนใต้แห่งเมืองชัยชนะของอาณาจักรหนันหมัน!

กองทัพประจำชายแดนครานี้ กว่าครึ่งเป็นพลทหารเดินเท้า ดังนั้นกองทัพผสมอย่างกองกำลังมังกรเหินและกองทัพทหารประจำชายแดน ที่มีจำนวนทหารมากมายถึง 100,000 คน  ต้องใช้เวลาเดินทางเกือบทั้งวันเพื่อมุ่งหน้าไปยังเมืองชัยชนะ

ต้วนหลิงเทียนตอนนี้ควบขี่อาชาอยู่แถวหน้าเคียงข้างกับนี่เฝินและแม่ทัพเหอเหว่ยอัน

พวกเขาออกเดินทางกันตั้งแต่เช้าตรู่ และเมื่อถึงยามที่อัสดงลาลับขอบฟ้าทางทิศตะวันตก กองทัพทั้งหมดก็บรรลุถึงบริเวณรอบนอกของหุบเขากางเขนใต้

"หืม?" ต้วนหลิงเทียนรู้สึกสนใจหุบเขากางเขนใต้ที่ตั้งอยู่ไม่ไกลเล็กน้อย

หุบเขากางเขนใต้นี้มันราวกับไม่ได้เกิดขึ้นตามธรรมชาติ แต่ถูกผู้ฝึกยุทธ์ที่ทรงพลังอำนาจ ตัดผ่าแบ่งมันออกเช่นนี้

"น้องชายต้วนหลิงเทียน หลังหุบเขากางเขนใต้ทางด้านนี้ ก็จะเป็นเมืองชัยชนะแล้ว ค่ำนี้พวกเราจะพักผ่อนกันที่หุบเขาอีกฝั่ง " เหอเหว่ยอันกล่าวบอกออกมา

ต้วนหลิงเทียนพยักหน้ารับคำ แต่สายตาของเขายังคงไม่ละไปจากหุบเขากางเขนใต้ …

"หืม อะไร น้องชายต้วนหลิงเทียนสนใจหุบเขากางเขนใต้นี่เช่นนั้นหรือ?" เหอเหว่ยอันกล่าวถามพร้อมรอยยิ้ม

"ข้ารู้สึกว่าหุบเขานี้ มันไม่ได้เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ น่ะแม่ทัพเหอ" ต้วนหลิงเทียนยิ้มบางๆ

"น้องชายต้วนหลิงเทียน เจ้าเคยได้ยินตำนานที่เล่าขานกันมาทางด้านตะวันตกเฉียงเหนือนี้หรือไม่ … ในตำนานที่เล่าขานกันนานมาแล้วนั้นกล่าวบอกเอาไว้ว่า มีผู้ฝึกยุทธ์ทรงพลัง 2 คนทำการสับประยุทธ์กันที่หุบเขาแห่งนี้  และการสับประยุทธ์ของทั้งคู่นั้นกล่าวได้ว่ารุนแรงจนสะท้านไปถึงชั้นฟ้า สั่นสะเทือนเลือนลั่นไปทั่วแดนดิน!หนึ่งในผู้เชี่ยวชาญ ได้ทำการตวัดกระบี่เพียงครั้ง แต่อานุภาพมันรุนแรงถึงขั้นตัดผ่าหุบเขานี้ออกเป็น 2 ส่วน "

"กล่าวได้ว่าหุบเหวที่อยู่ตรงกลางของหุบเขากางเขนใต้นี้ ล้วนเกิดขึ้นเพราะยอดยุทธ์ผู้นั้นกระทำ กล่าวให้ชัดคือเขาเป็นคนตวัดกระบี่สร้างหุบเหวนี่จนบังเกิดเป็นหุบเขากางเขนใต้" เหอเหว่ยอันกล่าวออกมาอย่างช้าๆ

ต้วนหลิงเทียนพยักหน้ารับคำ

ตำนานนี่กล่าวได้ว่ามีเค้าความจริงอยู่ไม่น้อย เพราะความแข็งแกร่งของผู้เชี่ยวชาญระดับสูงนั้นไม่ได้ด้อยกว่าคำกล่าวสักนิด!

"แต่มันก็ผ่านมานานจนไม่อาจระบุวันเวลาได้แล้วว่าเกิดขึ้นเมื่อไหร่…บางทีผู้เชี่ยวชาญคนนั้นอาจจะกลายเป็นเถ้าธุลีหวนคืนสู่แผ่นดินไปแล้วก็ได้" ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกมาอย่างแผ่วเบา

บนทวีปเมฆาล่องแห่งนี้ แม้จะมีผู้ฝึกยุทธ์ที่สามารถก้าวไปสู่ระดับ จักรพรรดิ แต่ก็ยังไม่อาจเอาชนะกาลเวลาได้…พวกเขาแม้จะมีอายุยาวนานแต่ก็ใช่ว่าจะไร้ที่สิ้นสุด

หลังจากเดินผ่านหุบเหวของหุบเขากางเขนใต้ ในที่สุดกองทักนับ 100,000 ก็สามารถบรรลุมาถึงอีกฝั่งได้ ฟ้าเองก็เริ่มมืดแล้ว

ทหารทั้ง 100,000 คนเองก็เริ่มก่อตั้งกระโจมที่พัก

ยามค่ำคืน

"ต้วนหลิงเทียน รีบนอนเร็วเข้า พรุ่งนี้พวกเราต้องเข้าจู่โจมเมืองชัยชนะแล้ว"  เซี่ยวฉวินกล่าวบอกต้วนหลิงเทียนก่อนที่จะเข้ากระโจมที่พักเพื่อไปนอน

เซี่ยวหยูเองก็เข้ากระโจมไปนอนด้วยเช่นกัน

พวกเขาทั้งสองล้วนตื่นเต้นเกี่ยวกับเรื่องในวันพรุ่งนี้ …

อย่างไรก็ตามต้วนหลิงเทียนยังไม่ค่อยง่วงสักเท่าไร ซ้ำเขายังรู้สึกสังหรณ์ใจแปลกๆ

กระโจมที่พักของพวกเขานั้นตั้งอยู่ติดกับชายผารอบนอกของหุบเขากางเขนใต้ และตอนนี้เองต้วนหลิงเทียนก็จ้องมองไปยังบริเวณขอบผาที่อยู่ใกล้ๆ

บนหินก้อนหนึ่งของชายผานั้นเขาสังเกตเห็นน้ำไหลรินลงมา น้ำนี่มีสีแดงชาด แลดูบริสุทธิ์ไม่น้อย

"นี่มัน…." ต้วนหลิงเทียนกระโดดไต่ขอบผาไปอย่างเชี่ยวชาญราวกับบรรลุวิชาตัวเบาขั้นสูง เขานำมือไปปาดน้ำนั้นมาสูดดมเล็กน้อย "กลิ่นนี่…สุรา!"

และตอนนั้นเอง เมื่อกลิ่นของสุราถูกต้วนหลิงเทียนสูดดมเข้าไป เขาสัมผัสได้ว่าพลังงานต้นกำเนิดในร่างกายปั่นป่วนเล็กน้อย มันเพิ่มขึ้น! แม้จะเล็กน้อยราวเศษผง แต่มันก็เพิ่มขึ้น …

"นี่ไม่ใช่สุราธรรมดาๆ แล้ว!" ม่านตาของต้วนหลิงเทียนหดแคบลงทันที เขารีบค้นความทรงจำของจักรพรรดิกลับชาติมาเกิดทันที ว่านี่มันเป็นเรื่องอันใดกันแน่ …

ภายในทวีปเมฆาล่องแห่งนี้ สุราที่สามารถเพิ่มพูนพลังงานต้นกำเนิดนั้นมีอยู่ไม่มากนัก และสุราที่อยู่ในหุบเขาห่างไกลไร้ผู้คนเช่นนี้ก็สมควรมีน้อยอย่างยิ่ง

ในที่สุดต้วนหลิงเทียนก็คาดเดาว่ามันอาจจะเป็นสุราชนิดนี้ …

สุราวานร!

สุราวานรนี่ถูกบ่มกลั่นโดยวานรศิลา  และวานรศิลาพวกนี้ก็ใช้วัตถุดิบเลิศล้ำที่พวกมันเก็บรวบรวมมาทำการบ่มกลั่นเป็นเวลานับร้อยๆปีกว่าที่จะบังเกิดสุราวานรนี้ขึ้นมา  ที่สำคัญสุราวานรนี้นับว่ามีประโยชน์แก่ผู้ฝึกยุทธ์ที่มีระดับต่ำกว่าธรรมชาติอย่างสูง!

แม้จะเป็นตลอดชีวิตทั้ง 2 ชาติภพของจักรพรรดิกลับชาติมาเกิด เขาเองก็เคยพานพบวานรศิลาเพียงแค่ 5 ครั้งเท่านั้น และทั้ง 5 ครั้งนั้นเขาก็ได้ทำการแย่งชิงสุราวานรนี่มาได้สำเร็จ

นอกจากนี้ยามนั้นตัวเขาเองก็บรรลุระดับธรรมชาติไปนานแล้ว สุรานี่เขาก็มีไว้เพื่อลิ้มรสมันเท่านั้น

"ดูเหมือนว่าภายในหุบเขากางเขนใต้นี้จะมีวานรศิลาอาศัยอยู่" ดวงตาของต้วนหลิงเทียนส่องประกายออกมา ก่อนที่จะมองไปรอบๆหินที่อยู่ริมขอบผานี้ และเขาก็ได้สังเกตเห็นร่องรอยของสุราวานร

เขาคาดการณ์ว่า คงมีวานรศิลาตัวหนึ่งมานั่งจิบสุราตรงบริเวณนี้และทำมันหกไว้ …

หลังจากนั้นไม่นานต้วนหลิงเทียนก็เดินลึกเข้าไปจนถึงขอบผากางเขนใต้ด้านใน

และตอนนี้นับว่าต้วนหลิงเทียนอยู่ห่างไกลจากค่ายที่พักของทหารนับ 100,000 ไม่น้อย

"นายน้อย!" ร่าง 2 ร่างพลันปรากฏกายข้างๆต้วนหลิงเทียนในทันใด พวกเขาเองก็บังเกิดความอยากรู้อยากเห็นไม่น้อย นายน้อยของพวกมันคิดมาทำอะไรกลางดึกเช่นนี้ ในสถานที่แห่งนี้กัน?

เป็นไปได้ไหมที่นายน้อยบังเกิดความนึกสนุกตามประสาเด็กหนุ่ม คิดอยากไปเที่ยวเล่นในหุบเขากางเขนใต้?

"จางเฉวียน จ้าวกัง พวกเจ้ารู้จักสถานที่แห่งนี้ดีแค่ไหน?" ต้วนหลิงเทียนกล่าวถามออกมา

จางเฉวียนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะกล่าวออกมาว่า  "นายน้อย จากที่ข้ารู้มา ส่วนลึกของหุบเขากางเขนใต้นี้ไม่ค่อยมีผู้คนเข้ามาเสียเท่าไร เพราะมันค่อนข้างห่างไกล และดูเหมือนจะมีสัตว์อสูรและสัตว์ดุร้ายจำนวนไม่น้อย… อาจจะมีแม้กระทั่งสัตว์อสูรระดับวิญญาณแรกก่อตั้ง "

"อย่างที่ข้าคิดเอาไว้ไม่มีผิด" ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า พร้อมกับประกายตาเรืองวูบ

ดูแล้วการคาดเดาของเขาสมควรเป็นจริงอยู่หลายส่วน สถานที่เงียบสงบไร้ผู้คนสัญจรเช่นนี้ เป็นที่ๆวานรศิลามักอาศัยอยู่ และแม้กระทั่งฝูงวานรศิลาเองก็อาจจะปักหลักอยู่เช่นกัน

"นับว่าโชคของข้าไม่เลวเลยทีเดียว" รอยยิ้มเริ่มปรากฏขึ้นที่บริเวณมุมปากของต้วนหลิงเทียน สุราวานรสำหรับเขานับเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ต่อเขาอย่างสูงในเวลานี้

หากเขาสามารถได้รับสุราวานรแล้วล่ะก็ ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะตัดผ่านไปยังระดับก่อกำเนิดขั้นที่ 9

กระทั่งการทะลวงผ่านไปยังระดับกำเนิดแก่นแท้ก็ไม่ใช่เรื่องยาก!

"จางเฉวียน จ้าวกัง มากับข้า" กล่าวจบร่างกายของต้วนหลิงเทียนก็โอนเอนก่อนที่จะพุ่งตัวออกไป  วิชาท่าร่างวิญญาณอสรพิษเคลื่อนกายของเขายามนี้สามารถเคลื่อนที่ได้ว่องไวนัก จางเฉวียนกับจ้าวกังเองก็พุ่งร่างติดตามมาด้วยความเร็วสูง

แม้ว่าจางเฉวียนและจ้าวกังจะไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดนายน้อยของพวกมันถึงสนใจที่จะมุ่งหน้าเข้าไปยังส่วนลึกของหุบเขากางเขนใต้ แต่พวกมันก็ติดตามมาโดยดี

เพราะหน้าที่ของพวกมันคือปกป้องคุ้มครองต้วนหลิงเทียน

เมื่อเข้ามายังส่วนลึกของหุบเขากางเขนใต้ ต้วนหลิงเทียนก็พบสัตว์ดุร้ายและสัตว์อสูรจำนวนมาก แต่พวกมันทั้งหมดก็ถูกกลุ่มของต้วนหลิงเทียนสังหารอย่างง่ายดาย

หลังจากที่กลุ่มของต้วนหลิงเทียนเข้าไปลึกขึ้นอีก ยามนี้พวกเขาไม่พบสัตว์ดุร้ายอีกต่อไป ทั้งหมดที่เจอล้วนเป็นสัตว์อสูรทั้งสิ้น มีแม้กระทั่งสัตว์อสูรบางตัวที่ทรงพลังเกินกว่าต้วนหลิงเทียนจะรับมือไหว พวกมันจึงตกเป็นหน้าที่ของจางเฉวียนและจ้าวกังในการสังหารเข่นฆ่า

และด้วยฝีมือของจางเฉวียนและจ้าวกัง ความเร็วในการเคลื่อนที่เข้าสู่ส่วนลึกของต้วนหลิงเทียนก็ไม่ลดลงแม้แต่น้อย

ในที่สุดต้วนหลิงเทียนก็พบร่องรอยของวานรศิลาภายในหุบเขาที่กว้างใหญ่นี้

วานรศิลา นับว่าแตกต่างจากสัตว์อสูรจำพวกลิงชนิดอื่นๆ เพราะพวกมันจะมีรูปร่างขนาดเล็กกว่า และเคลื่อนที่ได้ว่องไวดุจสายฟ้า

วานรศิลาวัยหนุ่มนั้นส่วนมากแล้วจะมีระดับบ่มเพาะขั้นต่ำอยู่ที่ระดับกำเนิดแก่นแท้… และวานรศิลาวัยหนุ่มบางตัวอาจจะมีระดับบ่มเพาะสูงถึงระดับวิญญาณแรกก่อตั้ง!

ภายในปีนั้น ที่จักรพรรดิกลับชาติมาเกิดพบพานฝูงของวานรศิลา ในฝูงนั้นถึงกับมีวานรศิลาที่มีระดับสูงถึงแรกสัมผัสธรรมชาติ และมันเองก็ได้ผ่านทัณฑ์สายฟ้าจากสวรรค์ จนเปลี่ยนเป็นสัตว์อสูรปีศาจไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

‘ข้าคงไม่โชคร้ายขนาดนั้นหรอกนะ?’ ต้วนหลิงเทียนคิดในใจ

ปัจจุบัน ต้วนหลิงเทียนกำลังซ่อนตัวอยู่บนยอดไม้ที่บริเวณทางเข้าใจกลางหุบเขากางเขนใต้

จางเฉวียนและจ้าวกังเองก็ติดตามมายืนด้านข้างต้วนหลิงเทียนด้วยเช่นกัน

และตอนนี้เองทั้งสองคนก็ได้พบเห็นวานรศิลา ทำให้พวกเขารู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย "นายน้อย นี่มันลิงชนิดใดกันหรือขอรับ  เหตุใดมันถึงมีขนาดเล็กกว่าลิงชนิดอื่นๆกันเล่าขอรับ?"

"มันไม่ใช่ลิงธรรมดา มันเรียกว่าวานรศิลา!" ต้วนหลิงเทียนกล่าวตอบ

"อะไรนะขอรับ พวกมันคือวานรศิลางั้นหรือ?" ม่านตาของจางเฉวียนและจ้าวกังหดแคบลงเมื่อได้ยินคำตอบของต้วนหลิงเทียน

แม้ว่าพวกเขาจะไม่เคยพานพบวานรศิลานี้มาก่อน แต่พวกเขาเองก็ย่อมเคยได้ยินเรื่องเล่าขานของวานรศิลานี้มาอยู่บ้าง

วานรศิลาเป็นสัตว์อสูรที่น่ากลัวอย่างยิ่ง และที่สำคัญคือพวกมันรู้จักวิธีบ่มกลั่นสุรา ที่เรียกกันว่า สุราวานร

หากสุราวานรนี้ถูกบริโภคโดยผู้ฝึกยุทธ์ที่มีระดับบ่มเพาะต่ำกว่าระดับแรกสัมผัสธรรมชาติ มันนับว่ามีประโยชน์อย่างมหาศาลต่อการบ่มเพาะ และยิ่งระดับบ่มเพาะต่ำเท่าไร ผลลัพธ์ของสุรานี้ก็จะแสดงผลมากขึ้นเท่านั้น

ยกตัวอย่างเช่น หากผู้ฝึกยุทธ์ระดับก่อกำเนิดได้ดื่มสุราวานรนี่แล้วล่ะก็ ระดับบ่มเพาะอาจจะทะลวงผ่านไปถึง 2 ขั้นเลยทีเดียว!

"ข้าไม่คิดเลยว่าภายในหุบเขากางเขนใต้แห่งนี้ จะมีวานรศิลาอาศัยอยู่ "

"นอกจากนี้พวกมันยังหลบซ่อนตัวอยู่ในส่วนลึกอย่างดีเช่นนี้อีก" จางเฉวียนและจ้าวกังจับจ้องไปยังวานรศิลาเบื้องหน้า ในใจของพวกมันยามนี้ถูกสุราวานรเย้ายวนไม่น้อย

"พวกเจ้าอย่าได้ประมาท จากสัมผัสของข้า กล่าวได้เลยว่าวานรศิลาที่อยู่ในกลางหุบเขานี้มีจำนวนเป็นฝูง ซ้ำยังเป็นฝูงใหญ่เสียด้วย…และอาจจะมีแม้กระทั่งราชาวานร" สีหน้าของต้วนหลิงเทียนยามนี้เริ่มแปรเปลี่ยนเป็นจริงจังเคร่งเครียด เขาไม่ได้มองโลกในแง่ดีเหมือนจางเฉวียนและจ้าวกัง

"ราชาวานร?" เห็นได้ชัดว่าจางเฉวียนและจ้าวกังไม่ค่อยรู้เรื่องราวเกี่ยวกับวานรศิลาสักเท่าไร

"ราชาวานรมันอาจจะเป็นเพียงสัตว์อสูร แต่นั่นมันก็ไม่แน่นัก มันอาจจะเป็นถึงสัตว์อสูรปีศาจก็ได้  แต่จะอย่างไรถึงมันจะเป็นเพียงแค่สัตว์อสูร แต่ระดับบ่มเพาะของมันสมควรอยู่ที่ระดับครึ่งก้าวสู่ธรรมชาติ" ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกมาอย่างช้าๆ

 

Prev
Next

ความคิดเห็นสำหรับ "บทที่ 210 : การค้นพบของต้วนหลิงเทียน"

3.7 232 โหวต
คุณชอบเรื่องนี้ไหม?
ติดตาม
เข้าสู่ระบบ
แจ้งเตือนของ
กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่คุณอาจชอบ

เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน (นิยายแปล) ปลดล๊อคตอนฟรี 3 วัน 1 ตอน
เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน
กรกฎาคม 6, 2023
The favored son of heaven
The favored son of heaven
มกราคม 31, 2024
หมื่นกระบี่ทะลวงสวรรค์ I Have Countless Legendary Swords !
หมื่นกระบี่ทะลวงสวรรค์ I Have Countless Legendary Swords !
มีนาคม 12, 2022
Crazy  Leveling  System
Crazy Leveling System
พฤษภาคม 17, 2022
ข้าจะเป็นราชาอมตะ (นิยายแปล) ปลดล๊อคตอนฟรี 3 วัน 1 ตอน
ข้าจะเป็นราชาอมตะ
กรกฎาคม 22, 2023
นักล่าปีศาจ
นักล่าปีศาจ
พฤศจิกายน 12, 2023
Tags:
#ผจญภัย, กำลังภายใน, ต่อสู่, สงคราม
ประวัติการเข้าชม
You don't have anything in histories
หมวดหมู่นิยาย
  • sci-fi (24)
  • Video Games (11)
  • กำลังภายใน (36)
  • จีนกำลังภายใน (1)
  • ดราม่า (3)
  • ตลก (3)
  • นิยายลิขสิทธิ์ (18)
  • นิยายแต่ง (3)
  • ย้อนยุค อนาคต (7)
  • สยองขวัญ (2)
  • เกมส์ออนไลน์ (5)
  • แฟนตาซี (161)

© 2025 Madara Inc. All rights reserved

Premium Chapter

คุณจำเป็นต้องเข้าสู่ระบบก่อน

wpDiscuz