หน้าแรก Amnovel
  • หน้าแรก
  • นิยายทั้งหมด
  • เติมเงิน
  • ติดต่อเรา
ค้นหา
ค้นหาขั้นสูง
เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก
  • หน้าแรก
  • นิยายทั้งหมด
  • เติมเงิน
  • ติดต่อเรา
  • เข้าสู่ระบบ
เข้าสู่ระบบ
Prev
Next

สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - บทที่ 208 : เพียบพร้อมทั้งภูมิปัญญาและความกล้าหาญ!

  1. หน้าแรก
  2. สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์
  3. บทที่ 208 : เพียบพร้อมทั้งภูมิปัญญาและความกล้าหาญ!
Prev
Next

บทที่ 208 : เพียบพร้อมทั้งภูมิปัญญาและความกล้าหาญ!

 

 

ต้วนหลิงเทียน,เซี่ยวหยูและเซี่ยวฉวินเองก็ถึงกับต้องตกตะลึงเมื่อเดินออกมาจากกระโจม

เพราะตอนนี้กองทัพจำนวนเหยียบแสนได้คุกเข่าลงพร้อมกู่ร้องตะโกนดังลั่นอย่างพร้อมเพรียง ล้อมรอบกระโจมใหญ่เอาไว้ เสียงร้องนี้ดังสนั่นหวั่นไหว แต่มันเป็นเสียงร้องที่เต็มไปด้วยความเคียดแค้นและเศร้าโศกอย่างถึงขีดสุด เสียงนี้เองก็นับได้ว่าดังสะเทือนเลือนลั่นไปทั่วทั้งเมืองรุ่งโรจน์ ทำให้ตอนนี้ทั้งเมืองเสมือนตกอยู่ในเมฆหมอกแห่งความเศร้าที่แผ่ซ่านเข้ามาปกคลุมจนจิตใจทุกคนมัวหมอง

เหล่าผู้คนที่อาศัยอยู่ในเมืองรุ่งโรจน์เองยามได้ยินเสียงที่เต็มไปด้วยความเศร้านี้ ด้วยอุปาทานหมู่ก็ทำให้ทุกคนพลอยเศร้าสลดไปด้วย สีหน้าชาวเมืองล้วนไร้ซึ่งอารมณ์เบิกบานอย่างที่ควรจะเป็น

"ตอนแรกข้าคิดว่ายามที่กองกำลังมังกรเหินของท่านพระยาเรืองฤทธิ์ยาตรามาเสริมทัพ ข้าก็คิดว่ากองทัพชายแดนของเราจะสามารถเอาชัยเหนือทัพแดนใต้ของอาณาจักรหนานหมันประจำชายแดนได้อย่างง่ายดาย …แต่ข้าไม่คิดเลยว่าพวกเขาจะปราชัยกับมาพร้อมความเสียหายย่อยยับถึงเพียงนี้! "

"เจ้ากล่าวผิดแล้ว เรื่องนี้หาได้เกี่ยวอันใดกับกองกำลังมังกรเหินไม่ ที่กองทัพของพวกเราต้องย่อยยับอัปราและสูญเสียไปมากมายถึงเพียงนี้ ล้วนเป็นเพราะความโง่งมของกุนซือ ที่วางแผนการรบแต่เพียงผู้เดียว!"

"เฮ่ แล้วเจ้ารู้เรื่องนี้ได้อย่างไร?"

"ข้ามีลูกพี่ลูกน้องที่อยู่ในกองทัพชายแดนคนหนึ่ง และเขาบอกข้าเองว่า ตัวเขาและสหายตอนนี้กำลังไปเรียกร้องความเป็นธรรมแก่ท่านแม่ทัพใหญ่ และขอให้กุนซือคนนั้นชดใช้ด้วยความตาย!"

"บัดซบ กุนซืออุบาทว์อันใดวางแผนจนกองทัพไปตกตายกว่าหมื่นชีวิต! แล้วนี่ใยยังต้องไปเรียกร้องความเป็นธรรมอันใด วางแผนสะเพร่าโง่งมสร้างความเสียหายเช่นนี้! สมควรจับมาตัดหัวเสียบประจานโดยพลันแล้ว?"

"ฮาย เรื่องนั้นค่อนข้างยาก เพราะว่าภูมิหลังของกุนซือผู้นี้หาได้ธรรมดาไม่ ตัวบัดซบนั่นมันเป็นถึงบุตรชายคนเดียวของอัครมหาเสนาบดีกู้ แห่งอาณาจักรนภาล่องเรา นามของมันคือกู้เชวียน!"

…

ตอนนี้ทั่วทุกหัวระแหงของเมืองรุ่งโรจน์ล้วนมีแต่บทสนทนาทำนองนี้ดังขึ้น

และไม่นานมวลอารมณ์ของประชาชนทั่วทั้งเมืองก็ถูกปลุกเร้าให้เห็นชอบไปในทิศทางเดียวกัน ฆ่าตัวบัดซบ!

เหอเหว่ยอันตอนนี้กำลังยืนอยู่หน้ากระโจมใหญ่ ดวงตาทั้งคู่ของเขายามนี้เอ่อล้นไปด้วยน้ำตาของลูกผู้ชาย เขามองทหารของเขาทั้ง 90,000 ชีวิตด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความเศร้าโศก ยามนี้เขาไร้คำจะกล่าว ไม่อาจเอื้อนเอ่ยคำใดออกมาเพื่อปลอบประโลมพี่น้องทั้งหมดได้

"ท่านแม่ทัพ หากท่านกังวลเรื่องที่ ตัวบัดซบกู้เชวียนนั่นเป็นบุตรชายของอัครมหาเสนาบดี ท่านมิจำเป็นต้องลงมืออันใด พวกเราจะเป็นผู้สังหารมันเอง พวกเราไม่กลัว!"

"ใช่แล้วท่านแม่ทัพ พวกเราไม่กลัว!

"ท่านแม่ทัพจะอย่างไรการบาดเจ็บล้มตายอย่างออกรบเป็นเรื่องที่ทหารอย่างเราๆมิเคยหวาดหวั่น… หากพวกเราสามารถเข่นฆ่าทหารศัตรูได้เป็นจำนวน 10,000 กว่าเช่นกัน  พวกเราคงไม่คิดติดใจอันใด แต่ครานี้พี่น้องร่วมเป็นร่วมตายของพวกเรา กลับต้องสังเวยชีวิตเพราะแผนการโง่งมไปร่วม 10,000 แต่ฝ่ายศัตรูนั้นยังตกตายมิถึง 1,000 คนด้วยซ้ำ พวกเราไม่อาจยอมรับ! "

"พี่น้องของพวกเรามิอาจตายเปล่าอย่างน่าอนาถเช่นนี้!"

…

ทหารทั้งหมดล้วนตาแดงก่ำโทสะและความคับแค้นใจของพวกมันยามนี้พุ่งสูงทะลวงชั้นฟ้า

"อะไร ทหารฝ่ายพวกเราตกตายนับ 10,000 แต่ฝ่ายตรงข้ามกลับสูญเสียไปไม่ถึง 1,000 คน?" ต้วนหลิงเทียนขมวดคิ้ว ขึ้นมา

แม้เขาจะคาดไว้แล้วว่ากลยุทธ์ของกู้เชวียนไม่น่าจะได้เรื่องได้ราว แต่เขาไม่คิดว่ามันจะน่าสังเวชถึงเพียงนี้! …

เขาเข้าใจได้ทันทีว่าหากครานี้ถึงแม้กู้เชวียนนั่นจะไม่ต้องชดใช้ด้วยโทษตาย แต่มันก็ต้องอยู่อย่างละอายไปชั่วชีวิต

เซี่ยวหยูและเซี่ยวฉวินเองก็ตกตะลึงไม่แพ้กัน

นี่เพราะพวกเขาก็รู้มาว่าทหารฝ่ายอาณาจักรตนนั้นสูญเสียไป 10,000 กว่าชีวิต แต่พวกเขาไม่ได้ล่วงรู้ว่าฝ่ายศัตรูจะสูญเสียน้อยนิดเพียงแค่ไม่ถึง 1,000

เมื่อได้ยินรายงานตัวเลขความสูญเสียทหารของฝ่ายตรงข้าม กระทั่งพวกเขาเองก็ไร้คำจะกล่าว

"บัดซบ ทหารพวกเราตกตายนับ 10,000 แต่ฝ่ายศัตรูกลับตายเพียงแค่จำนวนไม่ถึง 1,000! สวะเอ๊ย!!" เซี่ยวฉวินและเซี่ยวหยูเหลือบมองหน้ากันเอง ต่างคนต่างพบสายตาโกรธแค้นของอีกฝ่าย

"ตัวบัดซบกู้เชวียนนี่สมควรตกตาย!" สีหน้าของเซี่ยวฉวินมืดลงโดยพลัน

กว่า 10,000 ชีวิตที่ไม่สมควร ล้วนกลับต้องมาตกตายอย่างไร้ค่าภายใต้แผนการของกู้เชวียน!

นี่เป็นการกระทำที่ทำให้กระทั่งสวรรค์ยังต้องบันดาลโทสะ!

กู้เชวียนที่อยู่ภายในกระโจมใหญ่ตรงกลาง ถึงกับเข่าอ่อนทรุดตัวลงนั่งกับพื้น ขาของเขาสั่นสะท้านไร้กำลังที่จะประคองตัวยืน มวลจิตสังหารจำนวนมากคละคลุ้งจนมันหวาดผวา

ยามนี้เขาสัมผัสได้ถึงโทสะและความเกรี้ยวกราดของทหารประจำชายแดนด้านนอกดี ไม่ต้องสงสัยเลยว่าหากเขาเสนอหน้าออกไปตอนนี้ มิแคล้วถูกรุมฉีกกระชากออกเป็นชิ้นๆเป็นแน่!

"ข้าต้องหนีไปจากที่นี่ ข้าต้องหาหนทางไปจากที่นี่… " ตอนนี้สายตาของกู้เชวียนหม่นหมองลงก่อนที่จะหันมองไปทั่วๆ ราวกับกำลังมองหาตัวช่วยให้รอดชีวิต

ชายหนุ่มสองคนที่ติดตามกู้เชวียนมาด้วย ลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะกล่าววาจาเสนอหนทางออกมา "พี่กู้เชวียน … ข้าว่าท่านควรออกไป และขอขมาพวกเขา"

"ขอขมา?" สีหน้าของกู้เชวียนมืดลง สายตาของเขาเรืองวูบออกมาเล็กน้อย "เจ้าขอให้ข้าออกไปขอขมาพวกไพร่เช่นนั้นหรือ?

ภายนอกกระโจม

ไม่ว่าเหอเหว่ยอันจะกล่าววาจาเกลี้ยกล่อมอย่างไร ทว่าเหล่าทหารล้วนยังไม่สลายตัว พวกมันยังคงคุกเข่าอย่างตั้งมั่น

"พวกเราจะคุกเข่าเช่นนี้จนกว่ากู้เชวียนจะตกตาย!"

"ถูกแล้วท่านแม่ทัพ พวกเราจะคุกเข่าเช่นนี้จนกว่ากู้เชวียนนั่นจะตาย!"

…

ทหารทุกคนต่างกล่าวออกมาเป็นเสียงเดียวกัน และความตั้งใจของพวกมันนี้ยากที่จะสั่นคลอนได้โดยง่าย

สุดท้ายกระทั่งเหอเหว่ยอันก็ไม่รู้ว่าจะกล่าววาจาเกลี้ยกล่อมพวกเขาอย่างไร สุดท้ายก็ได้แต่ส่งสายตาจนแต้มไปให้นี่เฝินช่วยหาทางออก

นี่เฝินพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ ก่อนที่จะก้าวออกมา

"พี่น้องทั้งหลาย ตัวข้าเป็นแม่ทัพบัญชาการกองกำลังมังกรเหิน  นี่เฝิน!" นี่เฝินกล่าวจบก็กวาดสายตามองไปยังทหารทั้ง 90,000  ก่อนจะกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเศร้าโศก "ตัวข้าและแม่ทัพเหอเองก็เศร้าเสียใจอย่างถึงที่สุดกับการสูญเสียพี่น้องทหารกว่า 10,000 แต่จะอย่างไรพี่น้องของพวกเราก็ตายจากเราไปแล้ว พวกเราคงมิอาจทำกระไรได้อีก แล้วใยพี่น้องทั้งหลายต้องสร้างความลำบากใจให้แก่ท่านแม่ทัพเหอ?"

"ข้าขอให้คำมั่นแก่พี่น้องทุกคน ว่าหากพวกเจ้าลุกขึ้นยืน ข้าจะขับไล่กู้เชวียนตัวบัดซบให้ไสหัวไปจากเมืองรุ่งโรจน์ของพวกเรา ให้มันแบกความอัปยศกลับเมืองหลวง!  นอกจากนี้พวกเราจะเคลื่อนพลในอีก 3 วันหลังจากนี้ เพื่อไปล้างแค้นให้พี่น้อง 10,000 กว่าชีวิตของพวกเรา ตีเมืองของพวกมันปลอบประโลมวิญญาณของพวกเขา! " เสียงของนี่เฝินดังสนั่นและเต็มไปด้วยความมั่นใจ

เมื่อเห็นว่าเหล่าทหารหาญประจำชายแดนดูเหมือนจะไม่แยแสคำกล่าวของตน นี่เฝินยังคงกล่าวต่อไป "ข้ารู้ว่ายามนี้พวกเจ้ายังคงแคลงใจในวาจาของข้า … แต่สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวานพวกเจ้าเองก็น่าจะพอได้เห็นและรับรู้ได้ด้วยสองตาของพวกเจ้า!  พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่าเพราะเหตุใดตัวข้าถึงเสมือนนกรู้ ถึงขั้นล่วงรู้อันตรายที่กำลังจะเกิดขึ้น รวมถึงสามารถคาดการณ์ถึงความเปลี่ยนแปลงที่อันตรายในสนามรบได้ทันท่วงที และตัวข้าสามารถนำพากองกำลังมังกรเหินทั้ง 10,000 คนของข้าเล็ดรอดจากเงื้อมมือของมัจจุราชมาได้ จนกลับมายังฐานที่มั่นแห่งนี้ได้อย่างปลอดภัยไร้ผู้สูญเสีย "

วาจาที่นี่เฝินกล่าว ทำให้เหล่าทหารทั้งหมดล้วนเบิกตาขึ้นมา พร้อมกับตระหนักรู้บางอย่างได้โดยพลัน

นี่เฝินกล่าวสืบต่อ "จริงๆแล้วหาใช่ตัวข้าสามารถหยั่งรู้เหตุการณ์หรือภยันตรายใดๆได้ล่วงหน้า แต่เป็นเพราะตัวข้าได้รับคำแนะนำและการวางกำลัง พร้อมทั้งความเสี่ยงของสถานการณ์ได้จาก นักศึกษาฝ่ายดาวกุนซือคนหนึ่งของสถาบันบ่มเพาะขุนพลที่คาดการณ์ได้ราวกับหยั่งรู้!… เขากล่าวกำชับข้าไว้ หากพบเจอสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปโดยฉับพลัน  และรูปแบบของกองทัพฝ่ายศัตรูที่เริ่มเปลี่ยนไป!  เขากำชับให้ข้าเร่งรุดถอนกำลัง ถอนตัวออกจากแนวรบโดนทันควัน! "

“ท่านผู้บัญชาการนี่ คำที่ท่านกล่าวว่านักศึกษาฝ่ายดาวกุนซือคนหนึ่งของสถาบันบ่มเพาะขุนพล สามารถคาดการณ์และแผนการของกองกำลังฝ่ายศัตรู และล่วงรู้ความเป็นไปล่วงหน้าราวตาเห็นก่อนหน้า เป็นจริงเช่นนั้นหรือ?…แล้วถ้าหากว่าเขาล่วงรู้กลยุทธ์อีกทั้งแผนการเลิศล้ำของศัตรูได้ถึงขนาดนี้ เหตุใดเขาไม่รีบกล่าวมันออกมาเสียก่อน เพื่อให้พวกเราสามารถรอดพ้นภัยพิบัติครั้งนี้ไปเล่า?” หนึ่งในกุนซือของกองทัพคนหนึ่งที่ยืนด้านหลังเหอเหว่ยอัน กล่าวออกมาด้วยความเกรี้ยวกราด ทีท่าของมันแฝงความโกรธเคืองไว้ไม่น้อย

"นี่เป็นเพราะยามนั้นเขาหาได้อยู่ในกระโจม บัญชาการและร่วมวางแผนการรบกับพวกเรา" นี่เฝินกล่าวออกมาพร้อมจ้องมองไปยังกุนซือผู้นั้นด้วยความสงบ

"หรือว่า เป็นไปได้งั้นหรือ?" เหอเหว่ยอันเหมือนจะเอะใจอะไรบางอย่างขึ้นมา ม่านตาของเขาหดแคบลง

เขายังไม่อาจทำใจเชื่อได้

หากเป็นเช่นนั้นจริงๆ เขาคงไม่อาจหลีกพ้นตราบาปครั้งนี้ได้แล้ว!

ต้วนหลิงเทียนที่ยืนมองเหตุการณ์อยู่จากระยะไกล เห็นนี่เฝินกล่าววาจาเช่นนี้พร้อมมองมาทางเขา เขารู้ได้ทันทีว่านี่เฝินเตรียมขายเขาแล้ว!

ต้วนหลิงเทียนทำเพียงส่ายหน้าออกมาพร้อมรอยยิ้ม และพาเซี่ยวหยูกับเซี่ยวฉวินที่กำลังสับสนเดินไปหานี่เฝิน

"พวกเจ้า!"สีหน้าของกุนซือกองทัพที่ยืนอยู่ด้านหลังเหอเหว่ยอันพลันเปลี่ยนเป็นซีดเผือด และแววตาของพวกมันฉายชัดออกมาถึงความยากจะเชื่อ

มิใช่ว่านักศึกษาฝ่ายดาวกุนซือที่ผู้บัญชาการนี่เฝินกล่าวว่าได้กล่าวเตือนล่วงหน้า เป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 3 หรอกหรือ? แต่นี่พวกเขาเป็นเพียงนึกศึกษาชั้นปีที่ 1 เท่านั้นไม่ใช่หรือไร?

สีหน้าของพวกมันกลับกลายเป็นบิดเบี้ยวทันที

"พวกเจ้าจงดูชายหนุ่มที่ยืนข้างกายข้าคนนี้! เขาคืออัจฉริยะที่ไม่มีผู้ใดไม่รู้จัก เขาเป็นคนที่กำลังมีชื่อเสียงเลื่องระบือไปทั่วและเป็นหัวข้อการสนทนาของอาณาจักรนภาล่องอย่างกว้างขวาง ต้วนหลิงเทียน!  คนอื่นๆนั้นอาจจะได้รับรู้เรื่องราวความสามารถของเขาในแง่ของอัจฉริยะไร้ผู้ต้านในวิถีแห่งยุทธ์ กระทั่งข้าเองก็คิดเช่นนั้น แต่ทว่า ข้าพลันล่วงรู้มาว่าต้วนหลิงเทียนผู้นี้ กระทั่งวิถีแห่งการวางกลยุทธ์และความรอบรู้ในการวางแผนการณ์ในฐานะกุนซือ ก็หาได้อ่อนด้อยแต่อย่างใด ซ้ำยังเลิศล้ำเหนือกว่ากุนซือผู้ใดที่ข้าเคยได้พบพานมาเสียอีก!  ก่อนที่ข้าจะออกไปรบเขาได้บอกกล่าวถึงสถานการณ์ที่อันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้ 2 ประการ ตัวข้าเองในยามแรกก็มิเข้าใจว่ามันจะอันตรายอย่างใด แต่เขากำชับข้าหลายต่อหลายครั้ง ซ้ำเขายังกล่าวหนึ่งประโยคต่อข้าว่า ระแวงพันครั้งมิเป็นไร วู่วามครั้งเดียวนับว่าใหญ่หลวง! จนข้าลองกระทำตามคำกล่าวของเขา! ข้าเลือกที่จะล่าถอยทั้งๆที่ยังไม่เห็นอันใดเลวร้าย! … "

"ในยามแรกเมื่อข้าล่าถอยออกมาข้าก็คิดว่าวาจาของต้วนหลิงเทียนเป็นเพียงเรื่องเหลวไหลเพราะมันไม่มีอันใดเกิดขึ้น  แต่ทว่าเหตุการณ์ทั้งหมดกลับกลายเป็นดั่งที่ ต้วนหลิงเทียนกล่าวเอาไว้อย่างไม่มีผิดเพี้ยน  และนั่นทำให้ข้าเชื่อเขา และสั่งให้กองกำลังมังกรเหินของข้าเลือกที่จะล่าถอยเมื่อเห็นสัญญาณดังกล่าวในครั้งหลัง และนั่นทำให้ข้าและกองกำลังมังกรเหินของข้าสามารถเล็ดรอดออกมาจากเงื้อมมือมัจจุราชได้ทันท่วงทีดั่งเดินอยู่ในเส้นทางที่สวรรค์ลิขิตให้อยู่รอดปลอดภัย”

นี่เฝินกวาดสายตาพร้อมกล่าวสืบต่อ “ …และพวกเจ้าเองก็คงจำได้ว่ายามที่กองกำลังมังกรเหินล่าถอย พวกเขาเองก็พยายามดึงพวกเจ้าออกมาด้วยใช่หรือไม่?  นี่หากพวกข้าไม่ล่วงรู้และนำพาบางส่วนล่าถอยได้ทันท่วงที เกรงว่าความเสียหายของกองทัพเราหาใช่มีแค่เพียง 10,000 มันอาจจะเป็น 30,000 , 40,0000 แม้กระทั่ง 50,000 ก็อาจจะเป็นไปได้ และพวกเจ้าคงรู้ดี! ว่าคำกล่าวของข้านั้นไม่ได้เกินเลยแต่อย่างใด!” เสียงกล่าวดังก้องของนี่เฝินครานี้มีอิทธิพลต่อจิตใจของทหารทั้งกองทัพอย่างสูง

"ท่านผู้บัญชาการนี่ พวกข้าเข้าใจในวาจาที่ท่านกล่าวแล้ว และรู้สึกยินดีอย่างยิ่งที่ท่านช่วยชีวิตของพวกเราเอาไว้  แต่ตัวข้าโง่เขลายังมิค่อยเข้าใจเรื่องราวในคำกล่าวของท่านสักเท่าไร นี่เป็นเพราะตั้งแต่ที่นักศึกษาฝ่ายดาวกุนซือของสถาบันบ่มเพาะขุนพลท่านนี้ พบจุดบอดและล่วงรู้จุดตายของกลยุทธ์ทัพเรา เหตุใดพวกเรายังถึงต้องดำเนินการรบและเคลื่อนทัพตามกลยุทธ์ของตัวบัดซบกู้เชวียนนั่นด้วย ? " แม่ทัพคนหนึ่งของกองกำลังทหารชายแดนที่คุกเข่าอยู่กล่าวถามคำถามที่ปรากฏขึ้นอยู่ในใจของทหารทั้งหมดในตอนนี้ออกมา

คิ้วของต้วนหลิงเทียนโค้งขึ้นเล็กน้อยก่อนที่จะก้าวออกมาแล้วกล่าววาจา "เรื่องนี้ข้าสามารถบอกกล่าวแก่ท่านได้!"

เพียงพริบตา สายตานับแสนคู่ล้วนจับจ้องมายังต้วนหลิงเทียน

ต้วนหลิงเทียนพลันกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย พร้อมท่วงท่าสงบสบายราวกับเรื่องราวทั้งหมดไม่ได้เกี่ยวข้องอันใดกับเขา "วันนั้นตัวข้าและสหายทั้ง 2 คนด้านหลังเองก็มีส่วนร่วมในการประชุมวางกลยุทธ์ภายในกระโจมบัญชาการที่จะไปตีหักชิงเมืองชัยชนะของพวกทหารแดนใต้ … แต่ทว่าเป็นกู้เชวียนที่กล่าวว่าพวกเรา นั้นไร้ประโยชน์และไม่คู่ควรเข้ามาร่วมวางแผน! เขาเชื่อมันว่าตัวเขาเองสามารถทำลายแนวรับของกองทหารแดนใต้ได้โดยปราศจากพวกข้า "

"ในเวลานั้นกระทั่งท่านแม่ทัพเหอเองก็ถูกวาจาของกู้เชวียนโน้มน้าวให้หลงเชื่อ กู้เชวียนกล่าวว่าพวกข้านั้นยังเด็กเกินไปและไร้ประสบการณ์ และเป็นเพียงนักศึกษาฝ่ายดาวกุนซือที่ยังอยู่ในชั้นปีที่ 1 ของสถาบันบ่มเพาะขุนพลเท่านั้น  นั่นทำให้เขาดูถูกพวกข้า และขับไล่พวกข้าออกไป! และข้าเองที่สามารถสังเกตข้อบกพร่องในกลยุทธ์ของกู้เชวียน แต่เรื่องนี้มันยากเกินกว่าที่จะมีใครเข้าใจได้ และยังเป็นเรื่องที่ไม่อาจเห็นได้ชัด หากไม่บังเกิดการปะทะและอยู่ภายในสนามรบ …อีกทั้งด้วยสถานะของพวกข้าที่ยังเยาว์วัยเช่นนี้ หากยามนั้นข้ากล่าวคำออกไป…แล้วจะมีผู้ใดจะเชื่อถือกันเล่า" ต้วนหลิงเทียนค่อยกล่าวออกมาอย่างช้าๆ

"ตัวข้าสามารถเป็นพยานได้ในเรื่องนี้!" นี่เฝินยังกล่าวเพิ่มเติมออกมาว่า  "ในยามนั้น แม้กระทั่งตัวข้าเองยังไม่ค่อยเชื่อถือคำกล่าวของต้วนหลิงเทียน แต่เมื่อรูปการและเหตุการณ์ทั้งหมดล้วนเป็นดั่งที่ต้วนลิงเทียนกล่าวราวตาเห็น และด้วยคำ ระแวงพันครั้งมิเป็นไร วู่วามครั้งเดียวนับว่าใหญ่หลวง! ตัวข้าก็ไม่อาจทำให้ชีวิตของกองกำลังข้าตกอยู่ในความเสี่ยง ข้าจึงเลือกกระทำตามคำกล่าวของเขาอย่างเคร่งครัด!

ทุกคำที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกมายามนี้ มันแทบไม่ต่างอันใดกับราดน้ำมันลงบนกองเพลิง โทสะอารมณ์ของเหล่าทหารหาญเหยียบแสนล้วนปะทุขึ้นมาอีกครั้ง ภายในใจของพวกมันล้วนตระหนักถึงคำกล่าวก่อนหน้าของนี่เฝิน และเมื่อเห็นพ้องต้องกันว่าเป็นจริง ยามนี้เหมือนชนวนอารมณ์ของพวกมันถูกจุดด้วยไฟโทสะ! ความเกรี้ยวกราดและคับแค้นใจทั้งหมดพลันระเบิดออกมา!

"เป็นไอ้ สารเลวกู้เชวียนอีกแล้ว!"

"ตัวมันโง่เขลาเบาปัญญาไร้สามารถ แต่กลับอิจฉาความสามารถและภูมิปัญญาอันเลิศล้ำของน้องชายต้วนหลิงเทียน!”

“ทั้งหมดเพราะตัวบัดซบมันอิจฉาความกล้าหาญและภูมิปัญญาของน้องชายต้วนหลิงเทียนที่เหนือกว่ามันจนไม่อาจเทียบเท่าได้!"

…

ตอนนี้เหล่าทหารหาญของกองกำลังประจำชายแดนล้วนกล่าวออกมาด้วยความไม่พอใจและโกรธแค้นแสนสาหัส

ตึง!

ทันใดนั้นทั้งหมดก็เงียบคำลงเมื่อได้เห็นแม่ทัพเหอเหว่ยอันยกมือขึ้น พร้อมทั้งคุกเข่าลง

เหอเหว่ยอันคุกเข่าลงต่อหน้าผู้คนทั้งหมด พร้อมกล่าววาจาออกมาด้วยน้ำตานองหน้า "พี่น้องทั้งหลาย เรื่องราวยากแก้ไขครั้งนี้ ล้วนเป็นเพราะข้า!  เพราะข้าโง่งมหลงผิดคิดสะเพร่าเชื่อวาจาตัวบัดซบ! ทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นความผิดของข้า เหอเว่ยอันทั้งสิ้น!"

"ท่านแม่ทัพใหญ่ ท่านมิจำเป็นต้องทำเช่นนี้ ทั้งหมดล้วนเพราะท่านถูกชักจูงจากอิทธิพลของผู้อื่น …อีกอย่างตัวข้านั้นยังเยาว์นักจะอย่างไรคำกล่าวของข้าก็ยากที่จะมีผู้ใดเชื่อถือ" ต้วนหลิงเทียนยิ้มบางๆ ก่อนจะกล่าวคำออกมาเสียงดังฟังชัด

"ใช่แล้วท่านแม่ทัพ น้องชายต้วนหลิงเทียนกล่าวถูกต้องแล้ว เรื่องนี้มิใช่ความผิดของท่าน!"

"ท่านแม่ทัพ ท่านลุกขึ้นเถิด ทั้งหมดล้วนไม่ใช่ความผิดของท่าน!"

…

เหล่าทหารกล่าววาจาออกมาอย่างพร้อมเพรียง

ดวงตาของเหอเหว่ยอันฉายออกมาถึงความสำนึกตื้นตันด้วยบุญคุณ ซ้ำยังเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดยามมองไปที่ ต้วนหลิงเทียนขณะกล่าววาจา

"ต้วนหลิงเทียน!" ภายในกระโจมใหญ่ ตอนนี้กู้เชวียนกัดฟันดังกรอดๆสองมือกำหมัดแน่นจนข้อขาว

ไม่ใช่ว่าต้วนหลิงเทียนกล่าววาจาเช่นนี้ เพราะต้องการซัดความผิดบาปทั้งมวลให้ลงที่หัวเขาหรอกหรือ?

แม้มันยากจะยอมรับแต่ความผิดครั้งนี้เขาไม่อาจไม่ยอมรับ!

หลังจากนั้นไม่นาน เสียงของต้วนหลิงเทียนก็ดังขึ้นอีกครั้ง กู้เชวียนที่อยู่ในกระโจมย่อมได้ยิน และนั่นทำให้ประกายตาของกู้เชวียนเรืองวูบขึ้น

"เอาล่ะ ตัวข้าเองย่อมเข้าใจความรู้สึกและความต้องการของพวกท่านทหารหาญทั้งหลายดี  แต่ข้ายังหวังว่าพี่ชายทหารหาญทั้งหลายจะสามารถสงบสติอารมณ์และใจเย็นลงก่อนสักนิด พวกท่านควรคิดถึงท่านแม่ทัพเหอสักนิด เพราะจะอย่างไรกู้เชวียนผู้นี้ก็ยังเป็นบุตรชายคนเดียวของอัครมหาเสนาบดีกู้  ซึ่งกล่าวได้ว่ามีความสูงส่งไม่น้อย …หากเขาตกตายลงตอนนี้  สำหรับพวกท่านทหารประจำชายแดนของเมืองรุ่งโรจน์นี้อาจจะรู้สึกดีและสาแก่ใจ แต่สำหรับท่านแม่ทัพเหอนั้น แน่นอนว่าเขาย่อมไม่อาจหลีกหนีความรับผิดชอบนี้ได้! "

 

Prev
Next

ความคิดเห็นสำหรับ "บทที่ 208 : เพียบพร้อมทั้งภูมิปัญญาและความกล้าหาญ!"

3.7 232 โหวต
คุณชอบเรื่องนี้ไหม?
ติดตาม
เข้าสู่ระบบ
แจ้งเตือนของ
กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่คุณอาจชอบ

The favored son of heaven
The favored son of heaven
มกราคม 31, 2024
เกิดใหม่กับระบบไร้พ่าย
เกิดใหม่กับระบบไร้พ่าย
มิถุนายน 26, 2022
อัจฉริยะข้ามยุทธภพออนไลน์ (Cultivation Online)
อัจฉริยะข้ามยุทธภพออนไลน์ (Cultivation Online)
เมษายน 24, 2023
ฮูหยินข้าดีเลิศประเสริฐสุด
ฮูหยินข้าดีเลิศประเสริฐสุด
มีนาคม 12, 2022
Crazy  Leveling  System
Crazy Leveling System
พฤษภาคม 17, 2022
จอมดาบพิฆาตสวรรค์
จอมดาบพิฆาตสวรรค์
มีนาคม 12, 2022
Tags:
#ผจญภัย, กำลังภายใน, ต่อสู่, สงคราม
ประวัติการเข้าชม
You don't have anything in histories
หมวดหมู่นิยาย
  • sci-fi (24)
  • Video Games (11)
  • กำลังภายใน (36)
  • จีนกำลังภายใน (1)
  • ดราม่า (3)
  • ตลก (3)
  • นิยายลิขสิทธิ์ (18)
  • นิยายแต่ง (3)
  • ย้อนยุค อนาคต (7)
  • สยองขวัญ (2)
  • เกมส์ออนไลน์ (5)
  • แฟนตาซี (161)

© 2025 Madara Inc. All rights reserved

Premium Chapter

คุณจำเป็นต้องเข้าสู่ระบบก่อน

wpDiscuz