สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - บทที่ 207 : ความเกรี้ยวกราดของผู้คน
บทที่ 207 : ความเกรี้ยวกราดของผู้คน!!
หลังจากเดินออกจากกระโจมไปไม่นาน เซี่ยวฉวินที่มีใบหน้าเต็มไปด้วยโทสะได้กล่าวระบายออกมาด้วยความเกรี้ยวกราด "ต้วนหลิงเทียน เจ้าดูสิ ไอกู้เชวียนบัดซบนั่นมันจะมากเกินไปแล้ว!"
ประกายตาของต้วนหลิงเทียนเรืองวูบราวกับเปล่งประกายได้ เขากล่าวออกมาพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ "เซี่ยวฉวิน คนบางคนนั้นมันกำลังหาเรื่องทำให้ตัวเองอับอายขายขี้หน้า เจ้าก็อย่าไปโกรธตัวโง่งมพรรค์นั้นเลย"
เซี่ยวฉวินและเซี่ยวหยูแน่นอนว่าย่อมสงสัยและประหลาดใจกับคำกล่าวที่เต็มไปด้วยความมั่นใจนี้ของต้วนหลิงเทียน …นั่นเพราะพวกเขาไม่รู้ว่าต้วนหลิงเทียนกล่าวถึงเรื่องอะไร
"พวกเจ้าทั้ง 2 คิดว่าการตีหักชิงเมืองชัยชนะ ของกองทัพแดนใต้ นั่นมันกระทำได้ง่ายดายนักหรือ เพียงรอให้ไอบัดซบกู้เชวียนนั่นแสดงความโง่เขลาออกมาก็พอ!" มุมปากของต้วนหลิงเทียนแสยะยิ้มออกมาด้วยความดูแคลน
ก่อนหน้านี้เมื่อเขาได้มองผ่านแบบจำลองตัวเขาก็เข้าใจเรื่องราวหลายๆอย่างอยู่ภายในใจเขา รูปแบบป้องกันนี้แข็งแกร่งมาก… และเขามั่นใจว่าต่อให้กองกำลังมังกรเหินคอยหนุนเสริม ก็ยังนับว่าเป็นเรื่องยากที่จะทำลายแนวป้องกันของเมืองชัยชนะ
และยังไม่ได้มีเพียงเท่านั้น ปราการธรรมชาติของเมืองชัยชนะเองก็นับว่ายอดเยี่ยมเลิศล้ำนัก หากกองทัพไม่อาจตีฝ่าพวกมันเข้าไปได้ เกรงว่าจะถูกพวกมันตลบหลังจนเกิดความเสียหายมหาศาล
เซี่ยวหยูและเซี่ยวฉวิน ยังคงไม่เข้าใจว่าต้วนหลิงเทียนพูดถึงเรื่องอะไรอยู่ดี
ครึ่งเดือนต่อมา
กองทัพของอาณาจักรนภาล่องได้เตรียมการส่งกองทัพไปตีหักเมืองชัยชนะอย่างยิ่งใหญ่ และกู้เชวียนก็ดำรงตำแหน่งกุนซือกองทัพ วางแผนการรบตามที่คาดเอาไว้
"ต้วนหลิงเทียน ไอบัดซบกู้เชวียนนั่นกำลังจะติดตามกองทัพไปออกรบและคอยสั่งการวางแผนแล้ว…เจ้ายังมัวนอนอยู่ได้อย่างไร?" เซี่ยวฉวินมองต้วนหลิงเทียนนอนกระดิกนิ้วเท้าเล่นอย่างสบายอารมณ์ด้วยความกระวนกระวายใจ
"ฮ่าๆ แล้วเจ้าจะกังวลอะไรนักเล่า?" ต้วนหลิงเทียนหัวเราะออกมาพร้อมส่ายหน้า
เซี่ยวฉวินกับเซี่ยวหยูนั้นไร้คำจะกล่าวกับทีท่าไม่ยี่หระของต้วนหลิงเทียน
หลังจาก 3 วันผ่านไป ด้วยระยะเพียง 90 กว่าลี้แน่นอนว่ากองทัพของอาณาจักรย่อมไปถึงแนวรบและได้ทำการโจมตีเมืองชัยชนะหวังทะลวงผ่านเข้าไปเข่นฆ่าพวกทัพใต้…แต่ในที่สุด พวกเขาก็กลับมา และตอนนี้เองที่เซี่ยวฉวินกับเซี่ยวหยูได้เข้าใจคำกล่าวของต้วนหลิงเทียน
อาณาจักรนภาล่องได้ทำการจู่โจมอาณาจักรหนันหมัน…
ทว่าเมืองชัยชนะแห่งอาณาจักรหนันหมัน ยังคงป้องกันได้อย่างเหนียวแน่น แข็งแกร่งตั้งตระหง่านราวภูเขาไท่ซาน ไม่สะทกสะท้านอันใด ส่วนทางด้านกองทัพของอาณาจักรนภาล่องนั้นประสบความสูญเสียอย่างมาก!
ยังนับว่าโชคดีที่กองกำลังมังกรเหิน สามารถถอยทัพได้ทันท่วงทีด้วยความสามารถในการบัญชาการของนี่เฝิน ทำให้มีเพียงผู้บาดเจ็บเล็กน้อยเท่านั้น ไม่มีใครบาดเจ็บสาหัสหรือล้มหายตายจากแม้แต่คนเดียว
นอกจากนั้นนักศึกษาทั้ง 300 กว่าชีวิตของสถาบันบ่มเพาะขุนพล ที่ติดตามไปกับกองกำลังมังกรเหินเองก็กลับมาได้อย่างปลอดภัยไร้ผู้เสียชีวิต
ส่วนทหารของชายแดนกลับตกตายไปกว่า 10,000 ชีวิต!
หลังจากที่เซี่ยวฉวินได้รับข่าวนี้เองก็บังเกิดความตกตะลึงอย่างมาก เขารีบหันไปมองต้วนหลิงเทียนแล้วกล่าวถามออกมาทันที "ต้วนหลิงเทียน ที่เจ้ามั่นใจอย่างยิ่งตั้งแต่ครึ่งเดือนที่แล้ว นั่นใช่ว่าเจ้าล่วงรู้อยู่แล้วใช่หรือไม่ว่าผลลัพธ์จะลงเอยเช่นนี้ เจ้ารู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่กู้เชวียนนั่นจะสามารถคิดกลยุทธ์ที่สามารถตีชิงหักเมืองนี้ได้? "
"ฮึ่ม! การตีชิงเมืองชัยชนะ กับกองทัพแดนใต้ นี่ไม่ใช่เรื่องง่าย" ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกมาอย่างไม่แยแส
วันนั้นแค่เขาได้เห็นรูปแบบการป้องกันเมืองของเมืองชัยชนะ รวมถึงปราการธรรมชาติที่เอื้ออำนวยแก่การตั้งรับแล้ว ต้วนหลิงเทียนรู้ดีว่า หากไม่ดำเนินการศึกโดยอาศัยกลยุทธ์ ถอนฟืนจากใต้กระทะ,ลอบตีเฉินฉาง ผสานกับกลยุทธ์ หยิบยืมลูกเกาทัณฑ์ ของขงเบ้ง จากในเรื่อง 3 ก๊ก ที่เขาเคยอ่านผ่านมาแล้วล่ะก็ นับว่ามันไร้หนทางตีหักเมืองชัยชนะนี่อย่างแท้จริง
และกลยุทธ์เลิศล้ำเช่นนี้น้ำหน้าอย่างกู้เชวียนนั้น ต่อให้หลับยังมิเคยฝันถึงด้วยซ้ำ!
"หากเป็นเจ้าลงมือวางแผนเอง ยังมีหนทางหรือไม่?" เซี่ยวฉวินจับจ้องไปยังตว้นหลิงเทียนอย่างจริงจัง
"แล้วเจ้าคิดว่าไงเล่า?" มุมปากของต้วนหลิงเทียนแสยะยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ เขาเลือกตอบคำถามด้วยคำถาม
ในตอนนี้เซี่ยวฉวินและเซี่ยวหยูสามารถรับรู้ความรู้สึกมั่นใจที่ต้วนหลิงเทียนเปิดเผยออกมา พวกเขารู้ว่ายามนี้ต้วนหลิงเทียนสมควรมีทางออกและวิธีตีฝ่าชิงเมืองแล้ว
"ต้วนหลิงเทียน นี่ไม่ใช่ว่าเจ้าทำเรื่องที่ไม่สมควรกระทำหรอกหรือ หากเจ้ามีหนทางแล้วใยไม่รีบบอกกล่าวออกไปในวันนั้น?" เซี่ยวหยูที่เงียบมานานกล่าวออกมา
เพราะเรื่องราวครานี้ ทำให้กองทัพชายแดน สูญเสียทหารไปกว่า 10,000 ชีวิต!
เหล่านี้เป็นคนที่มีชีวิตจิตใจทั้งสิ้น!
ต้วนหลิงเทียนเพียงยักไหล่ออกมา “เซี่ยวหยู เจ้าเองก็เห็นกับตาแล้วว่าเหตุการณ์ในวันนั้นมันเป็นยังไง เจ้าเองก็เหนว่ายามที่กู้เชวียนนั่นมันกล่าวขับไล่พวกเรา ขนาดแม่ทัพเหอเองยังเห็นดีเห็นงามไปกับมัน… เจ้าคิดจริงๆหรือหากข้าเดินออกไปกล่าววาจาต่อแม่ทัพเหอว่า ตัวข้าต้วนหลิงเทียนมีวิธีตีหักชิงเมืองชัยชนะ เจ้าคิดว่ากุนซือ 2 คนของกองทัพรวมถึงทุกคนที่อยู่ในนั้นจะมีสักกี่คนที่เชื่อคำข้า?”
"สำหรับการสังเวยชีวิตของทหารนับ 10,000 ชีวิตนั้น …หากจะกล่าวถามว่าผู้ใดเป็นผู้ที่สมควรรับผิดชอบแล้วล่ะก็ แน่นอนว่ามันย่อมไม่พ้น แม่ทัพเหอและไอนรกส่งมาเกิดกู้เชวียนนั่น!" ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนกล่าววาจา รอยยิ้มเย็นเยือกพลันปรากฏขึ้นมา
แน่นอนว่ายังมีบางสิ่งที่ต้วนหลิงเทียนไม่ได้กล่าวบอกออกไป
ก่อนที่กองทัพของอาณาจักรนภาล่องจะเคลื่อนทัพออกไปนั้น นี่เฝินได้มาหารือกับต้วนหลิงเทียนเรื่องแผนกลยุทธ์ของกู้เชวียนและขอความเห็นจากเขาเรียบร้อยแล้ว
ในตอนนั้นต้วนหลิงเทียนเองก็เห็นช่องโหว่ของกลยุทธ์กู้เชวียน 2 ข้อใหญ่หลวงถึงขั้นล้มทั้งกระดาน
แต่จะอย่างไรก็ตามนี่คือสายตาของต้วนหลิงเทียนที่เข้าใจเรื่องการวางแผนจากรูปแบบการทำศึกมากมายในโลกเก่า คนในโลกนี้ย่อมไม่อาจเล็งเห็นช่องโหว่อันใหญ่หลวงนี่ …นอกจากฝ่ายศัตรู ที่วางกลอุบายให้เข้าไปติดกับ แน่นอนหากเขากล่าวออกไป ย่อมไม่มีใครคิดเชื่อว่าเรื่องราวทำนองนี้จะเป็นไปได้
เขาจึงได้กล่าวเตือนนี่เฝินเอาไว้ผู้เดียว
หากนี่เฝินสังเกตเห็นสถานการณ์แปลกๆหรือเค้าลางอะไรบางอย่างที่ตัวเขากล่าวเตือนไป เขาก็บอกให้นี่เฝินรีบถอนตัวออกมาทันทีห้ามลังเลใจเด็ดขาด!
และหากไม่ใช่เพราะคำเตือนนี้ของต้วนหลิงเทียน เกรงว่ากองกำลังมังกรเหินต้องมีอันล้มตายหายไปนับไม่ถ้วนแล้ว!
เซี่ยวหยูครุ่นคิดไปครู่หนึ่งหลังจากได้ยินคำกล่าวของต้วนหลิงเทียน และเพียงไม่นานเขาก็รู้ว่าคำกล่าวของต้วนหลิงเทียนมีเหตุผลรองรับ และเป็นความจริง เขาจึงยิ้มออกมาเจื่อนพร้อมกล่าวคำ "ต้วนหลิงเทียน ข้าไม่ควรตำหนิเจ้าเลย เป็นข้าเองที่วู่วามเกินไป"
"จะกล่าวว่าข้าก็ไม่เป็นไรหรอก เพราะถึงอย่างไร ก็จำต้องสละชีวิตทหารร่วมหมื่นไปอยู่ดี"ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวออกมาอย่างช่วยไม่ได้
"ฮึ่ม ไอบัดซบกู้เชวียนวันนั้นมันกล่าววาจาวางทางเขื่องโขซะดิบดี ลองดูกันไปเถิดว่าผลลัพธ์ลงเอยเช่นนี้มันจะเป็นอย่างไรบ้าง ไปกัน! ยามนี้มันน่าจะอยู่ที่กระโจมใหญ่ แลดูซิว่าป่านนี้มันจักทำหน้าตาอย่างไร " เซี่ยวฉวินกล่าวออกมาพร้อมแสยะยิ้มที่มุมปาก "กล่าวได้ว่าผลลัพธ์ที่จบลงด้วยการปราชัยอย่างย่อยยับครานี้ล้วนเป็นเพราะ กลยุทธ์บัดซบ จากกุนซือสมองสุกรอย่างแท้จริง!"
ดวงตาของเซี่ยวหยูเองก็ฉายประกายเย็นชาออกมา "ความพ่ายแพ้ของกู้เชวียนครานี้นับว่ามันทำให้หน้าตาของอัครมหาเสนาบดีกู้ย่อยยับอย่างแท้จริง…หากอัครมหาเสนาบดีกู้รับรู้เรื่องราวครานี้ ข้าอยากรู้นักเขาจักกล่าววาจาว่าอย่างไร เพราะบุตรที่สืบทอดองค์ความรู้มันทำให้ทหารของกองทัพต้องตายเปล่าถึง 10,000 กว่าชีวิต …ข้าใคร่รู้นักว่ายามนี้มันกระอักเลือดแล้วหรือยัง! "
"ทั้งวันนั้นข้าจำได้ดีถึงวาจาประจบประแจงของแม่ทัพเหอ ทั้งยังกุนซือกองทัพ 2 คนนั้นอีก… พวกมันกล่าววาจายกยอปอปั้นหนักหนา ว่าเป็นแผนการเลิศล้ำจากองค์ความรู้ของอัครมหาเสนาบดี มาทีนี้ข้าอยากรู้นัก พวกมันทั้งหมดจะทำสีหน้าอย่างไร เมื่อต้องเผชิญหน้ากับกู้เชวียนอีกครั้ง" หลังจากกล่าววาจาจบแม้เซี่ยวหยูจะไม่ได้รู้สึกดีที่ต้องสูญเสียทหารเรือนหมื่น แต่จะอย่างไรมันก็รู้สึกดีที่จะได้เห็นหายนะของกู้เชวียน
และตอนนี้เหอเหว่ยอัน รวมทั้งกุนซือกองทัพทั้ง 2 คนนั้น กำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่เจ็บปวดดวงใจปานร้อยมีดกรีดเฉือนอย่างมาก
"พี่น้องของเรา จำนวน 11,352 ต้องตกตายอย่างไร้ค่า… "ภายในกระโจมใหญ่ตอนนี้เหอเหว่ยอันกำลังใช้สีหน้าอัปลักษณ์มองไปยังกู้เชวียนด้วยแววตาเคืองแค้น และตอนนี้กู้เชวียนเองก็มีสีหน้าอิหลักอิเหลื่อ ราวกับอับจนหนทางและไม่อาจรักษาหน้าตา รวมถึงความสง่างามเอาไว้ได้ดั่งกาลก่อน หน้ามันแลไปคล้ายกับพวกไร้สามารถกำลังหาวิธีปัดความรับผิดชอบ
เหอเหว่ยอันอดไม่ไหวกล่าวคำออกมาอย่างรุนแรง "กู้เชวียน เจ้ามิได้ติดค้างคำอธิบายข้าอยู่หรือ เหตุใดจึงนั่งเงียบเล่า? กองทัพประจำชายแดนของพวกเรานั้นล้วนปฏิบัติตามกลยุทธ์ที่เจ้าวางเอาไว้อย่างไม่มีขาดตกบกพร่อง แล้วเหตุใดทหารของพวกเราถึงติดกับศัตรู มุ่งสู่จุดอับ มิแคล้วต้องสังเวยชีวิตไปกว่า 10,000 คนอย่างโง่งมเช่นนี้! "
"ไม่ใช่เจ้ากล่าววาจารับรองไว้อย่างมั่นใจนักมั่นใจหนาหรือไร ว่าหากทำตามกลยุทธ์ของเจ้าแล้วจักได้รับชัยชนะได้อย่างง่ายดาย?" สีหน้าเหอเหว่ยอันยามนี้แดงเถือกด้วยโทสะราวพญามัจจุราช
กว่าที่ตัวเหอเหว่ยอันนั้นจะมีสถานะยิ่งใหญ่ดั่งเช่นทุกวันนี้ กว่าที่มันจะสร้างกองทัพที่ชำนาญศึกได้นับหมื่นคน มิใช่เรื่องที่กระทำได้ในเวลาวันสองวัน พี่น้องทั้งหมดที่ตกตายไปล้วนเป็นทหารที่ร่วมเป็นร่วมตายกันมาเป็นระยะเวลานาน ทั้งหมดค่อยๆก้าวมาจนมีวันที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ แต่มาวันนี้ทั้งหมดล้วนตกตายอย่างโง่งม ทั้งๆที่ทหารของเขานั้นหาได้อ่อนด้อยไม่! และที่สำคัญทั้งหมดล้วนรักใคร่สมัครสมานกลมเกลียวกันดั่งพี่น้อง
ครั้งหนึ่งนายกองภายใต้บังคับบัญชาของเขาถูกลอบสังหารโดยทหารแดนใต้แห่งเมืองชัยชนะที่แฝงตัวลอบเข้ามาโจมตีถึงเมืองรุ่งโรจน์ เหอเหว่ยอันถึงกับเดือดดาลลุยเดี่ยวลอบเข้าไปบั่นหัวนายกองของทหารแดนใต้แห่งเมืองชัยชนะเสียนับสิบ ซ้ำยังปลิดชีพคนระดับแม่ทัพอีกฝ่ายไปถึง 2 คนอย่างหฤโหด! ก่อนที่จะแหวกฝ่าสร้างเส้นทางโลหิตกลับสู่เมืองรุ่งโรจน์ราวเทพอสูร
หลังจากนั้นเหอเหว่ยอันก็ได้รับขนานนามว่า อสูรคลั่งแห่งเมืองรุ่งโรจน์ จากฝ่ายทหารแดนใต้ ! และด้วยเหตุการณ์นี้ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาฝ่ายทหารแดนใต้ก็ไม่เคยส่งคนมาลอบโจมตีอีกเลย
"เหอเหว่ยอัน นายน้อยผู้นี้กล่าวบอกท่านแล้ว ว่าฝีมือทหารแดนใต้แห่งเมืองชัยชนะนั้นยอดเยี่ยมเกินไป" สีหน้าของกู้เชวียนมืดมนลงในขณะที่กล่าววาจา
ทหารแดนใต้มีฝีมือมากเกินไป?
นี่มันข้อแก้ตัวบัดซบอันใด?
พรวด!
เหอเหว่ยอันบันดาลโทสะถึงขั้นกระอักโลหิตออกมา เขายกมือขึ้นมาชี้หน้ากล่าววาจาต่อกู้เชวียนด้วยความแค้นอย่างถึงขีดสุด สองตาแดงก่ำ "กู้เชวียน หากเจ้ามิใช่บุตรชายของอัครมหาเสนาบดี แล้วล่ะก็ … โทษฐานที่เจ้าวางกลยุทธ์อุบาทว์จนพี่น้องข้าต้องสังเวยไปกว่าหมื่นชีวิต ข้าจะจับเจ้าประหารด้วย 5 ม้าแยกร่าง! "
หากกลยุทธ์ครานี้ถูกร่างและวางแผนด้วยกุนซือกองทัพของเขาเองแล้วล่ะก็ เขาจะตัดหัวมันเสียบประจารทั้ง 9 ชั่วโคตร!
แต่ตอนนี้มันไร้หนทางลงมืออย่างสิ้นเชิง เพราะกู้เชวียนเป็นถึงบุตรชายคนเดียวของอัครมหาเสนาบดี พื้นหลังอันนี้ของมันยิ่งใหญ่เกินไปยากที่เขาจะแตะต้อง หาไม่แล้วตัวบัดซบกู้เชวียนมิมีวันได้ยืนพ่นลมหายใจบัดซบเช่นนี้ได้อยู่นาน
“บัดซบ เจ้าต้องการสังหารข้าเพราะเรื่องแค่นี้?” สีหน้าของกู้เชวียนหมองคล้ำลงก่อนจะกล่าววาจาด้วยความเย้ยหยัน "แค่เพียง 10,000 ชีวิตที่ต่ำต้อยไร้ค่า เจ้าคิดว่ามันเอามาเปรียบเทียบกับชีวิตของข้านายน้อยผู้ยิ่งใหญ่คนนี้ได้อย่างนั้นรึ?"
เมื่อถูกกดดันจากวาจาของเหอเหว่ยอันรวมทั้งสายตาอาฆาตจากคนทั้งหมดในกระโจม กู้เชวียนเริ่มพ่นวาจากล่าวอ้างอุบาทว์ออกมา
หากเป็นในสถานการณ์ปกติ เขาย่อมมิมีวันกล่าววาจาเลอะเลือนเช่นนี้เป็นแน่
"เจ้ากล่าวว่าอะไร?!" สีหน้าของเหอเหว่ยอันแดงเถือกด้วยโทสะ ถึงขั้นกระอักเลือดออกมาอีกครั้ง จิตสังหารอำมหิตเริ่มคละคลุ้งปกคลุมทั่วทั้งกระโจน ยามนี้ต่อให้บิดากู้เชวียนเป็นเทพสวรรค์มันก็จะเข่นฆ่าผู้คนแล้ว!
นี่เฝินที่นิ่งเงียบมานานตอนนี้พลันลุกขึ้นมาจับจ้องกู้เชวียนด้วยสายตาเย็นชา พร้อมกับเตะกู้เชวียนจนกระเด็นออกไปแล้วกล่าวตะโกนออกมาว่า "กู้เชวียนกระทั่งพี่น้องพวกเราต้องตกตายไปเรือนหมื่นเจ้ายังไม่คิดสำนึก กลับกล้ากล่าววาจาบัดซบเช่นนั้นออกมาอย่างเลอะเลือน … วันนี้ข้าจะสั่งสอนบทเรียนให้เจ้า แทนอัครมหาเสนาบดีกู้เอง! "
"นี่เฝิน เจ้ากล้าลงมือกับข้า?" กู้เชวียนลุกขึ้นอย่างทุลักทุเลพร้อมกล่าววาจาออกมาอย่างเย็นชา ดวงตาที่เต็มไปด้วยโทสะจับจ้องไปยังนี่เฝิน
"พี่กู้เชวียน" นึกศึกษาฝ่ายดาวกุนซือทั้ง 2 คนที่มาจากสถาบันบ่มเพาะขุนพลพร้อมกันกับกู้เชวียนรีบเข้ามาจับร่างของกู้เชวียนเอาไว้
"พวกเจ้าจับข้าทำอะไร?" สีหน้าของกู้เชวียนมืดมนเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง
"พี่กู้ เป็นท่านกล่าววาจาเกินเลยไปแล้ว"
"ใช่แล้ว พี่กู้ จะอย่างไรนั่นก็เป็นทหารกว่าหมื่นชีวิตนะท่าน"
ทั้งคู่ได้แต่หัวเราะออกมาอย่างขื่นขม
ตอนนี้เมื่อได้ฟังกู้เชวียนเองก็สงบสติอารมณ์ลงบ้าง เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนที่จะคิดได้ว่า เป็นเขาที่กล่าววาจาลามปามและโอหังเกินไปเอง
อย่างไรก็ตามจะให้คนอย่างเขากล่าววาจาขอโทษน่ะหรือ เป็นไปไม่ได้!
เขาเป็นบุตรชายของอัครมหาเสนาบดีกู้ มีศักดิ์ฐานะสูงส่งจะให้เขากล่าววาจาขอโทษเพราะพวกสามัญชนได้อย่างไร?
"ฆ่า กู้เชวียน!"
"ฆ่ามันให้ตายอย่างทรมาน ชดใช้ชีวิตพี่น้องนับ 10,000 ของเรา!"
"ฆ่า กู้เชวียน!"
"เลือด! ล้างด้วยเลือด ชีวิตชดใช้ด้วยชีวิต!"
…
ตอนนี้เองเสียงตะโกนกู่ร้องของเหล่าทหาร ดังขึ้นจากทั่วค่ายที่พัก รอบๆกระโจมใหญ่
ใบหน้ากู้เชวียนพลันเปลี่ยนเป็นซีดเผือด
นี่เฝินที่อารมณ์เดือดเพราะวาจากู้เชวียนพลันเดินออกไปนอกกระโจมเพื่อควบคุมสถานการณ์ไม่ให้เกิดจลาจล
เมื่อออกมาด้านนอก นี่เฝินก็ต้องตกตะลึง เพราะนอกจากกองกำลังมังกรเหินที่เขาดูแล 10,000 ชีวิตแล้ว ยามนี้ ทหารทั้งกองทัพที่เหลือประมาณ 90,000 คนได้ตั้งแถวล้อมกระโจมใหญ่เอาไว้ ซ้ำใบหน้าของพวกมันยังเต็มไปด้วยโทสะ ทหารหาญบางคนโกรธแค้นจนถึงขั้นหลั่งน้ำตาเป็นสายเลือด …
พวกมันทั้งหมดมารวมกันตรงนี้เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมให้แก่พี่น้องที่ร่วมเป็นตายกันมากว่า 10,000 ชีวิต!
บุตรชายของอัครเสนาบดีแล้วจะอย่างไร? พวกมันไม่สน ล้วนแล้วแต่ช่างหัวบิดามัน!
พวกมันเพียงต้องการโลหิตสดๆของกู้เชวียนมาชโลมให้ทั่วคมดาบ เพื่อปลอบประโลมดวงวิญญาณพี่น้องเรือน 10,000 ที่อยู่บนสวรรค์
"หากเจ้าไม่อยากตกตาย อย่าได้คิดออกนอกกระโจมไปเด็ดขาด" เหอเหว่ยอันที่เริ่มสงบสติอารมณ์ลงได้กวาดสายตามองกู้เชวียนอย่างอำมหิตไม่คิดสังหารตัวบัดซบลงตรงนี้ แต่กระนั้นเหอเหว่ยอันก็ต้องฝืนรั้งความแค้นเอาไว้ถึงขั้นหน้าซีดปากสั่น ทั้งร่างสั่นระริกแผ่จิตสังหารออกมาอย่างเต็มเปี่ยม ตอนนี้เขาต้องออกไปรับหน้าเหล่าพี่น้องทหารเพื่อควบคุมสถานการณ์
"ท่านแม่ทัพ!" เมื่อเหอเหว่ยอันเดินออกมาจากกระโจม เหล่าทหารเกือบ 90,000 ชีวิตล้วนคุกเข่าลงโดยพลัน
ตึง ตึง ตึง ตึง
…
ดังฟ้าสั่นสะเทือนปฐพีเลือนลั่น ทั่วทั้งแดนดินบังเกิดเสียงดังกระหึ่ม ผืนแผ่นดินมีรอยแตกจากการคุกเข่าจนธรณีแทบทรุด
"เป็นข้า เป็นข้าที่เลอะเลือน หลงเชื่อตัวโง่งม จนทำให้พี่น้องของเราต้องตกตายอนาถ! ทั้งหมดเป็นข้าเอง! เป็นข้า!" หยาดน้ำตาของเหอเหว่ยอันมิอาจรั้งเอาไว้ได้สืบไป มันทะลักไหลออกมาเป็นสายน้ำเมื่อเห็นภาพตรงหน้า
ลูกผู้ชายนั้นคงมิอาจหลั่งน้ำตาได้โดยง่ายหากเรื่องราวนั้นไม่คับแค้นจนถึงขีดสุด!
"ท่านแม่ทัพ หาใช่ความผิดของท่าน ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะตัวบัดซบกู้เชวียน!"
"หากไม่ใช่เพราะมัน ให้พี่น้องพวกเราเข้าไปสู่จุดอับไร้หนทาง พวกเขาคงไม่ต้องตกตาย!"
"เป็นมันที่ส่งพี่น้องเราไปสู่ความตาย!"
"พวกเราสงสัยว่ามันเป็นสายลับ จากอาณาจักรหนานหมันแฝงตัวมา!"
"ฆ่ามัน!"
"ฆ่ามัน!"
…
ตอนนี้อารมณ์และความต้องการของทหารชายแดนทั้งหมดล้วนรวมกันเป็นหนึ่งเดียว พวกมันล้วนมุ่งหวังสิ่งเดียว คือฆ่ากู้เชวียน
ยามนี้โทสะอารมณ์และความเกรี้ยวกราดของทหารนับสิบหมื่น ถาโถมไปที่กู้เชวียน!